MSN on August 27, 2014, 08:30:48 AM
KTAMขายตราสารหนี้6เดือนชู2.60%

นางชวินดา  หาญรัตนกูล  กรรมการผู้จัดการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กรุงไทย จำกัด (มหาชน)  เปิดเผยว่า  บริษัทเปิดจำหน่าย 2 กองทุนตราสารหนี้ทั้งในและต่างประเทศ ได้แก่  กองทุนเปิดกรุงไทยธนทรัพย์ บี 123 ( KTSUPB 123 )  เสนอขาย วันที่ 27 สิงหาคม -2 กันยายน 2557  อายุ 6 เดือน มูลค่าโครงการ 5,000 ล้านบาท   เป็นกองทุนที่เน้นลงทุนในเงินฝาก  Bank of China   , เงินฝาก China Construction   Bank ,  MTN ออกโดย Banco BTG Pactual S.A.  , MTN ออกโดย  Banco ABC  ( Brasil)   ในสัดส่วน 75% ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน  ส่วนที่เหลือลงทุนในหุ้นกู้  /ตั๋วแลกเงิน สถาบันการเงิน/ บริษัทเอกชน  ผลตอบแทนประมาณ 2.60% ต่อปี

นอกจากนี้  บริษัทอยู่ในระหว่างการเปิดจำหน่ายรอบใหม่ (Roll Over ) ของกองทุนเปิดกรุงไทยประจำ 3 เดือน คุ้มครองเงินต้น3 (KTFIX3M3)  อายุ3 เดือน เสนอขายถึงวันที่ 29 สิงหาคม 2557   เป็นกองทุนที่เน้นลงทุนในพันธบัตรภาครัฐในประเทศ ประมาณ 57% ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน ส่วนที่เหลือลงทุนในเงินฝากธนาคารพาณิชย์  ผลตอบแทนประมาณ 1.95% ต่อปี     เป็นกองทุนที่เหมาะสำหรับนักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้ในระดับ ต้องการความปลอดภัยของเงินต้น  แต่ให้โอกาสรับผลตอบแทนที่สูงกว่าดอกเบี้ยเงินฝาก และไม่ถูกหักภาษี   
     
อัตราผลตอบแทนของตลาดตราสารหนี้ ปรับตัวเล็กน้อยในรุ่นอายุ 1 -12 เดือน อยู่ระหว่าง -1 ถึง 1 bps. หลังจากรายงานการประชุม FED ครั้งล่าสุดเริ่มส่งสัญญาณว่ามีแนวโน้มที่อาจมีการปรับเพิ่มอัตราดอกเบี้ยเร็วกว่าคาดการณ์  หากตลาดแรงงานปรับตัวดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทำให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลไทยที่อยู่ในระดับต่ำอยู่แล้ว ดูไม่น่าจูงใจและเกิดแรงขายทำกำไรออกมาจากฝั่งของธนาคาร

สำหรับแนวโน้มอัตราแลกเปลี่ยนค่าเงินบาทอาจเคลื่อนไหวในกรอบ 31.80-32.40 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐฯ อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอเมริกาปรับตัวเพิ่มขึ้นทุกช่วงอายุตามแรงขายทำกำไรหลังจากที่สัปดาห์ก่อนอัตราผลตอบแทนมีการปรับตัวลงมาอยู่ในระดับต่ำสุดในรอบ 14 เดือน ประกอบกับตลาดเริ่มคลายกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์ความตึงเครียดระหว่างยูเครนและรัสเซียหลังเริ่มมีการเจรจากันที่เบอร์ลินในช่วงต้นสัปดาห์

ส่วนฝ่ายวิจัย ของบริษัท รายงานว่า  เศรษฐกิจไทยในไตรมาสที่2 สามารถกลับมาขยายตัวได้ที่ระดับ +0.4%YoY หลังจากที่หดตัวลงไป -0.5%YoYในช่วงไตรมาสแรก เนื่องจากสถานการณ์ทางการเมืองที่เริ่มมีเสถียรภาพมากขึ้น ทำให้ความเชื่อมันผู้บริโภคเพิ่มมากขึ้น ส่งผลให้การใช้จ่ายภาคครัวเรือนขยายตัว ขณะที่การเบิกจ่ายภาครัฐทำได้ดีขึ้นหลังจากที่มีผู้มีอำนาจเต็มเข้ามาบริหารประเทศ ทั้งนี้  บริษัทยังคงมีมุมมองเหมือนเดิมว่าเศรษฐกิจไทยในช่วงครึ่งหลังของปีจะดีขึ้นค่อนข้างมาก ความเชื่อมั่นที่เพิ่มสูงขึ้นเป็นปัจจัยสำคัญที่ขับเคลื่อนเศรษฐกิจ ขณะที่การดำเนินการตามโรดแมพของ คสช. ก็ยังคงเดินหน้าต่อไป ในสัปดาห์ที่ผ่านมา สภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ได้ลงมติรับ พรบ.งบประมาณ  ปี 2558 ในวาระแรกไปแล้ว ทำให้กระบวนการจัดทำงบประมาณน่าจะแล้วเสร็จทันก่อนขึ้นปีงบประมาณใหม่ นอกจากนี้ สนช. ยังได้เห็นชอบให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผบ.ทบ. และหัวหน้า คสช. เป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ 29 ของไทย นับเป็นจุดเริ่มต้นของโรดแมพขั้นที่ 2 ซึ่งต้องคอยติดตามต่อไปว่าใครจะมาดำรงตำแหน่งในคณะรัฐมนตรี รวมถึงต้องติดตามการสรรหาสภาปฏิรูปแห่งชาติซึ่งจะนำไปสู่แนวทางการปฏิรูปในอนาคตด้วย