ช.การช่างเผย 6 เดือนแรกปี 57 มีรายได้และกำไรแข็งแกร่ง ยืนยันความพร้อมเข้าร่วมประมูลและพัฒนาโครงการสาธารณูปโภคพื้นฐานของไทย
ช.การช่าง เผยผลการดำเนินงานครึ่งแรกปี 57 มีรายได้ 18,044 ล้านบาท และกำไรสุทธิ 677 ล้านบาท ปัจจุบันมีงานในมือ (Backlog) มูลค่ากว่า 101,000 ล้านบาท คาดว่าทั้งปีจะมีรายได้มากกว่า 33,000 ล้านบาท ซึ่งสูงกว่าที่ตั้งเป้าไว้ พร้อมขับเคลื่อนลงทุนพัฒนาโครงการสาธารณูปโภคด้านการคมนาคมขนส่งและพลังงานยุทธศาสตร์ของรัฐบาลและก้าวสู่การแข่งขันในประชาคมอาเซียน
นายปลิว ตรีวิศวเวทย์ ประธานกรรมการบริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ช.การช่าง จำกัด (มหาชน) (CK) กล่าวว่า ปัจจุบัน ช.การช่างมีความมั่นคงและแข็งแกร่งมาก สามารถสร้างรายได้และกำไรจากการดำเนินการได้เป็นอย่างดีมาโดยตลอด โดยผลประกอบการ ณ สิ้นไตรมาสที่ 2 ปี 2557 บริษัทมีรายได้รวม 18,044 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 677 ล้านบาท และคาดว่าในปี 2557 จะมีรายได้กว่า 33,000 ล้านบาท ซึ่งสูงกว่าที่ตั้งเป้าไว้คือ 30,000 ล้านบาท มีกำไรขั้นต้นอยู่ที่ 8-10 % โดยในไตรมาสที่ 3 ปี 2557 จะมีการบันทึกกำไรพิเศษจากการขายหุ้น BMCL อีกกว่า 1,000 ล้านบาท ปัจจุบันบริษัทมีงานในมือ (Backlog) มูลค่ากว่า 101,000 ล้านบาท โดยงานเหล่านี้สามารถสร้างรายได้ให้บริษัทในอีก 3-4 ปีข้างหน้าอย่างมั่นคงซึ่งสะท้อนถึงความแข็งแกร่งของบริษัทได้เป็นอย่างดี ทั้งนี้ Backlog ดังกล่าวยังไม่รวมงานในอนาคตที่อยู่ระหว่างการเจรจาและรอลงนาม
ในส่วนของโครงการงานก่อสร้างขนาดใหญ่ของบริษัทล้วนแล้วแต่มีความก้าวหน้าเป็นอย่างดีตามแผนที่วางไว้ เช่น งานก่อสร้างสถานีและอุโมงค์รถไฟฟ้าใต้ดินสายสีน้ำเงิน ก้าวหน้า 57.8 % ,งานก่อสร้างสถานีและทางวิ่งรถไฟฟ้าสายสีเขียว ก้าวหน้า 43.8 % งานก่อสร้างทางด่วนศรีรัช – วงแหวน ก้าวหน้า 18.1 โครงการผลิตไฟฟ้าฝายไซยะบุรีใน สปป.ลาว ก้าวหน้า 39 % รวมถึงงานจัดซื้อระบบรถไฟฟ้าสายสีม่วง ซึ่งจะเริ่มผลิตขบวนรถในประเทศญี่ปุ่นปลายปี 2557 และจะส่งมาถึงประเทศไทยในปลายปี 2558 เพื่อติดตั้งและทดสอบระบบ ในส่วนของการลงทุนในบริษัทต่างๆ เช่น บริษัททางด่วนกรุงเทพ จำกัด (มหาชน ) (BECL) บริษัทน้ำประปาไทย จำกัด (มหาชน ) (TTW) บริษัทซีเคพาวเวอร์ จำกัด (มหาชน ) (CKP) ล้วนแล้วแต่มีผลประกอบการที่ดีสร้างกำไรและเงินปันผลจำนวนมากกับสู่บริษัท นอกจากนี้ยังมีแนวโน้มการเจริญเติบโตอย่างโดดเด่นเพราะเป็นธุรกิจพื้นฐานที่สำคัญในการพัฒนาประเทศ โดยเฉพาะบริษัทรถไฟฟ้ากรุงเทพ จำกัด (มหาชน ) (BMCL) ที่มีแนวโน้มผลประกอบการที่ดีขึ้นอย่างมาก โดยคาดว่าจะมีกำไรในอีก 1 ถึง 2 ปี ข้างหน้า ในส่วนของโครงการรถไฟฟ้าสายสีม่วงคาดว่าจะเปิดให้บริการได้กลางปี 2559 เร็วกว่าแผนเดิมและมีโอกาสเป็นอย่างมากที่จะเป็นผู้ให้บริการรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินส่วนต่อขยาย ทำให้นักลงทุนทั้งในและต่างประเทศให้ความสนใจเป็นอย่างมาก
ในส่วนของงานที่รอลงนามและอยู่ระหว่างการเจรจา คาดว่าในเดือนตุลาคม 2557 นี้ บริษัทจะลงนามในสัญญาก่อสร้างโรงไฟฟ้าพลังความร้อนร่วมเฟส 2 ที่นิคมอุตสาหกรรมบางปะอิน มูลค่าประมาณ 5,000 ล้านบาท และบริษัทอยู่ระหว่างการเจรจางานก่อสร้างขยายกำลังผลิตน้ำปะปาให้แก่ TTW มูลค่าประมาณ 3,000 ล้านบาท และโครงการก่อสร้างเขื่อนน้ำบากที่ สปป.ลาว มูลค่าประมาณ 17,000 ล้านบาท
ในส่วนของงานในอนาคต บริษัทมีความพร้อมอย่างเต็มที่ในการเข้าร่วมประมูลงานก่อสร้างต่างๆและงานลงทุนพัฒนาโครงสร้างสาธารณูปโภคพื้นฐานของรัฐ ตามแผนยุทธศาสตร์การขับเคลื่อนและพัฒนาประเทศไทยของคสช. อาทิเช่น โครงการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนสายต่างๆ โครงการรถไฟฟ้าทางคู่ โครงการทางด่วนและมอเตอร์เวย์ โครงการก่อสร้างท่าเทียบเรือน้ำลึก โครงการก่อสร้างสนามบินสุวรรณภูมิ โครงการเขื่อนและโรงไฟฟ้า โครงการบริหารจัดการน้ำในการเข้าร่วมลงทุนดำเนินการกับภาครัฐในโครงการสาธารณูปโภคซึ่งเป็นจุดเด่นของบริษัท บริษัทสามารถร่วมพัฒนาโครงการกับบริษัทในกลุ่ม เช่น BECL TTW BMCL และ CKP และขณะนี้บริษัทได้เสริมความแข็งแกร่งและเตรียมความพร้อมไว้อย่างเต็ฒที่สามารถลงทุนดำเนินการได้ทันทีทั้งในประเทศและต่างประเทศโดยเฉพาะการแข่งขันใน AEC ซึ่งบริษัทจะมุ่งเน้นไปที่ประเทศลาว และ พม่า ซึ่งบริษัทมีความคุ้นเคยเป็นอย่างมาก
“ในฐานะผู้นำด้านธุรกิจก่อสร้างและการลงทุนพัฒนาโครงสร้างสาธารณูปโภคพื้นฐานครบวงจร ช.การช่างมีความพร้อมทั้งด้านเงินทุน บุคลากร ประสบการณ์อันยาวนานในอุตสาหกรรม พร้อมเทคโนโลยีการดำเนินงานที่ทันสมัย ทั้งนี้กลุ่มบริษัท ช.การช่าง พร้อมขานรับนโยบายของรัฐบาล เกี่ยวกับ PPP หรือ การร่วมทุนระหว่างภาครัฐและภาคเอกชน ที่จะร่วมพัฒนาระบบโครงสร้างระบบสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐานของประเทศไทย ที่จะส่งเสริมให้คนไทยมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น และเป็นการพัฒนาประเทศอย่างยั่งยืน”