KTAMขายตราสารหนี้3กองทุนชู6เดือน2.60%
นางชวินดา หาญรัตกูล กรรมการผู้จัดการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กรุงไทย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า สัปดาห์นี้บริษัทเปิดจำหน่ายกองทุนประเภทกำหนดอายุโครงการ จำนวน 3 กองทุน ได้แก่ กองทุนเปิดกรุงไทยธนทรัพย์ บี 122 ( KTSUPB122 ) เสนอขายวันที่ 6-13 สิงหาคม 2557 อายุ 6 เดือน มูลค่าโครงการ 5,000 ล้านบาท เป็นกองทุนที่เน้นลงทุนตราสารหนี้ต่างประเทศ ประมาณ 75%ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน ประกอบด้วย เงินฝาก Bank of China , เงินฝาก China Construction Bank , MTN ออกโดย Banco BTG Pactual S.A , MTN ออกโดย Banco ABC ( Brasil ) ส่วนที่เหลือลงทุนตราสารหนี้ในประเทศ ประเภท หุ้นกู้ ตั๋วแลกเงินสถาบันการเงิน บริษัทเอกชน ผู้ลงทุนจะได้รับผลตอบแทนประมาณ 2.60% ต่อปี
ส่วนอีก2 กองทุน บริษัทเปิดจำหน่ายรอบใหม่ (Roll Over) สำหรับ กองทุนเปิดกรุงไทยสมาร์ทอินเวส 3 เดือน 2 (KTSIV3M2) อายุ 3 เดือน เสนอขายถึงวันที่ 8 สิงหาคม 2557 ลงทุนตราสารหนี้ของภาคเอกชน 82% ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน ส่วนที่เหลือลงทุนในเงินฝากธนาคารออมสิน ผลตอบแทนประมาณ 2.35% ต่อปี และกองทุนเปิดกรุงไทยสมาร์ทอินเวส 6เดือน5(KTSIV6M5) เสนอขายวันที่ 7-15 สิงหาคม 2557 อายุ6 เดือน ลงทุนตราสารหนี้ภาคเอกชน 85% ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน ส่วนที่เหลือลงทุนเงินฝากธนาคารออมสิน ผลตอบแทนประมาณ 2.40% ต่อปี
สำหรับ อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลไทยโดยรวมปรับตัวเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะในช่วงอายุ 3-8 ปี จากแรงขายของนักลงทุนในประเทศ เพื่อปรับพอร์ต หลังจากการที่ คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.)เห็นชอบกรอบยุทธศาสตร์การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมขนส่งระยะเวลา 8 ปี วงเงินลงทุน 2.4 ล้านล้านบาท การชะลอการลงทุนของนักลงทุนต่างชาติ และเงินบาทที่อ่อนค่าลงอย่างรวดเร็วโดยอัตราผลตอบแทนพันธบัตร อายุ 2 ปี ปรับตัวเพิ่มขึ้น 3 basis point (bps.) มาอยู่ที่ 2.39% ต่อปี อายุ 5 ปี ปรับตัวเพิ่มขึ้น 4 bps.มาอยู่ที่ 3.12% ต่อปี อายุ 8 ปี ปรับตัวเพิ่มขึ้น 1 bps.มาอยู่ที่ 3.51% ต่อปี และอายุ 10 ปี อยู่ที่ 3.64% ต่อปี
ด้านเศรษฐกิจในประเทศ ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยตัวเลขเศรษฐกิจเดือน มิ.ย. โดยรวมแล้วส่งสัญญาณอ่อนแอต่อเนื่อง การบริโภค-การลงทุนภาคเอกชนหดตัว ขณะที่จำนวนนักท่องเที่ยวปรับลดลงถึง 14.1%MoM ซึ่งเป็นผลกระทบจากเคอร์ฟิวซึ่งมีผลบังคับใช้ในขณะนั้น ถูกยกเลิกในช่วงปลาย มิถุนายน ฝ่ายวิจัยของบลจ. กรุงไทย เชื่อว่าทิศทางอุปสงค์ก็น่าจะมีแนวโน้มดีขึ้นในเดือนถัดๆ ไปจากความเชื่อมั่นที่เพิ่มขึ้นต่อการดำเนินงานของ คสช. ตามโรดแมพที่ได้ประกาศไว้ก่อนหน้านี้ การแต่งตั้งสภานิติบัญญัติแห่งชาติจะนำมาสู่การเลือกนายกฯ มาบริหารประเทศ และผลักดันโครงการลงทุน 2.4 ล้านล้านบาทให้เป็นรูปธรรมยิ่งขึ้น ซึ่งน่าจะเป็นประโยชน์ต่อเศรษฐกิจในระยะยาว อย่างไรก็ตาม การส่งออกที่ยังคงไม่ดี และระดับสินค้าคงคลังที่ยังคงอยู่ในระดับสูงน่าจะเป็นปัจจัยฉุดรั้งที่สำคัญในช่วงถัดไป ทำให้ในช่วงที่ผ่านมาสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) ได้มีการปรับประมาณการเติบโตในปีนี้ลงเหลือ 2.0% จาก 2.6% ขณะที่บลจ. กรุงไทยยังคงมองการเติบโตเพียง 1.1% เท่านั้นในปีนี้ แต่ในปีหน้ามองการเติบโตสูงในระดับกว่า 5%