KTAMฉวยจังหวะตลาดหุ้นปรับตัวลง เปิดขายTRIG5-3วันที่1-7สิงหาคมนี้
นางชวินดา หาญรัตนกูล กรรมการผู้จัดการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กรุงไทย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ภาพรวมของเศรษฐกิจของไทยในครึ่งปีหลัง ของปี 2557 จนถึงปี2558 มีแนวโน้มฟื้นตัวต่อเนื่องหลังจากความเชื่อมั่นของผู้บริโภค และนักลงทุนกลับมา จากการที่ คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เข้ามาจัดการบริหารประเทศ ช่วยให้กลไกของภาครัฐเริ่มเดินหน้าได้ ส่งผลให้เศรษฐกิจของไทยเริ่มกลับมาขยายตัวอีกครั้งหนึ่ง ประกอบกับแนวทางต่าง ๆ ที่ทาง คสช. ได้วางไว้ไม่ว่าจะเป็นการลงทุนโครงสร้งพื้นฐานขนาดใหญ่ นโยบายการปฏิรูปพลังงาน และการแปรรูปรัฐวิสาหกิจต่าง ๆ ซึ่งแนวทางเหล่านี้เป็นสิ่งสำคัญต่อการเจริญเติบโตของประเทศในอนาคตอย่างยั่งยืน ทั้งในระยะสั้น และระยะยาว ดังจะเห็นได้จากการที่ คสช. ได้อนุมัติงบลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน 2.4 ล้านล้านบาท โดยมุ่งเน้นไปที่ระบบรางคือรถไฟรางคู่ และขนส่งมวลชนในกรุงเทพฯหรือรถไฟฟ้าเป็นหลัก ถือเป็นส่วนช่วยผลักดันให้เศรษฐกิจของไทยเติบโตไปได้อีกมาก
ถึงแม้ว่าตลาดหลักทรัพย์ของไทย (SET Index) ปรับตัวเพิ่มขึ้นมาค่อนข้างมากแล้วนับตั้งแต่ต้นปี จาก 1298.71 จุด เพิ่มขึ้นสูงสุดอยู่ที่ 1543.92 จุด หรือ ประมาณ 16.95% แต่ถ้ามองหลักทรัพย์เป็นรายตัว ยังคงมีหลายหลักทรัพย์ที่ยังคงสามารถปรับตัวเพิ่มขึ้นได้อีกมาก ไม่ว่าจะเป็นนโยบายจากการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ เพราะจะช่วยให้เกิดการจ้างงาน การอุปโภค บริโภคภายในประเทศเพิ่มขึ้น การลงทุนจากในประเทศและต่างประเทศ จะเริ่มขยายตัวออกไปยังหัวเมืองต่าง ๆ มากขึ้น หรือหลักทรัพย์บางกลุ่มในช่วงที่ผ่านมา อาจจะได้รับผลกระทบจากความไม่ชัดเจนของนโยบาย เช่น การปฎิรูปพลังงาน และกลุ่มสื่อสาร ในปัจจุบันเริ่มมีความชัดเจนมากขึ้น ว่าทิศทางจะเป็นอย่างไร ส่งผลให้แรงกดดันต่อหลักทรัพย์ในกลุ่มดังกล่าวลดลง ราคาของหลักทรัพย์กลับมาสะท้อนต่อปัจจัยพื้นฐานที่แท้จริง พร้อมทั้งโอกาสที่ดัชนีหลักทรัพย์ของไทยจะปรับเพิ่มขึ้นซึ่งมีโอกาสสูง
ดังนั้น ในช่วงที่ผ่านมาตลาดหลักทรัพย์ปรับตัวลดลง มาอยู่ที่ 1518.79 จุด บริษัทจึงเห็นเป็นโอกาสดีที่จะเข้าไปลงทุน จึงได้เปิดจำหน่ายกองทุนเปิดกรุงไทย 5%ทริกเกอร์ ฟันด์ 3 ( TRIG5-3 ) เสนอขายครั้งแรกและครั้งเดียวในวันที่ 1-7 สิงหาคม 2557 มูลค่าโครงการ 1,000 ล้านบาท ในราคาหน่วลงทุนละ 10 บาท เงินลงทุนขั้นต่ำ 10,000 บาท โดยกองทุนมีนโยบายลงทุนในหุ้น ตราสารกึ่งหนี้กึ่งทุน ตราสารหนี้ เงินฝาก และ/หรือลงทุนในหลักทรัพย์ หรือ ทรัพย์สินอื่น หรือการหาดอกผลโดยวิธีอื่นอย่างใดอย่างหนึ่ง หรือหลายอย่าง ได้ตามที่สำนักงานคณะกรรมการ ก.ล.ต. กำหนด โดยผู้จัดการลงทุนจะปรับสัดส่วนการลงทุนได้ตั้งแต่ร้อยละ0 ถึงร้อยละ 100 ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน เพื่อให้เหมาะสมกับสภาวะการณ์ในแต่ละขณะ
ทั้งนี้ บริษัทจะเลิกโครงการโดยอัตโนมัติ เมื่อหน่วยลงทุนไม่ต่ำกว่า 10.5555 บาท เป็นเวลา 3 วันทำการติดต่อกันขึ้นไป และทรัพย์สินของกองทุนที่จะรับซื้อคืนหน่วยลงทุนโดยอัตโนมัติ จะต้องเป็นเงินสด หรือเทียบเท่าเงินสดทั้งหมด หลังจากนั้น บริษัทจะสับเปลี่ยนหน่วยลงทุนของผู้ถือหน่วยลงทุนทั้งหมดไปยังกองทุนเปิดกรุงไทยสะสมทรัพย์ หรือกองทุนรวมตลาดเงินอื่นที่บริษัทเปิดให้สับเปลี่ยนหน่วยลงทุน โดยมูลค่าหน่วยลงทุนที่คืนให้กับผู้ถือหน่วยต้องไม่ต่ำกว่าร้อยละ 105ของมูลค่าที่ตราไว้ที่ 10 บาท
ส่วนในกรณีที่ไม่เกิดเหตุการณ์ที่มูลค่าหน่วยลงทุนเพิ่มขึ้นจนเป็นเหตุให้เลิกกองทุนภายใน 6 เดือน นับจากวันจดทะเบียนกองทรัพย์สินเป็นกองทุนรวม บริษัทจัดการจะเปิดทำการรับซื้อคืนหน่วยลงทุนทุกวันทำการ และหากในวันใดวันหนึ่งราคาหน่วยลงทุนไม่ต่ำกว่า 10.5555 บาท เป็นเวลา 3 วันทำการติดต่อกันขึ้นไป บริษัทจะรับซื้อคืนหน่วยลงทุนโดยอัตโนมัติ พร้อมสับเปลี่ยนหน่วยลงทุนทั้งหมดไปยังกองทุนเปิดกรุงไทยสะสมทรัพย์
โดยกลยุทธ์ในการบริหารกองทุนดังกล่าว บริษัทจะเน้นลงทุนหุ้นเป็นรายตัวที่จะได้รับประโยชน์จากปัจจัยต่าง ๆ ดังที่ได้กล่าวไว้แล้วในเบื้องต้นที่มีโอกาสจะปรับตัวเพิ่มขึ้น ได้แก่ กลุ่มวัสดุก่อสร้าง รับเหมาก่อสร้าง กลุ่มธนาคารพาณิชย์ ธุรกิจท่องเที่ยว กลุ่มสื่อสาร และพลังงาน โดยมีแนวทางการลงทุนโดยใช้กลยุทธ์ในการคัดสรรหลักทรัพย์ที่มีราคาต่ำกว่ามูลค่าที่แท้จริงตามปัจจัยพื้นฐาน มีศักยภาพในการเติบโตที่มั่นคงและสามารถสร้างอัตราการเติบโตของกำไร ท่ามกลางสภาวะเศรษฐกิจที่มีความผันผวนและได้รับประโยชน์จากการบริโภค อุปโภคภายในประเทศที่เพิ่มขึ้น ซึ่งในปีนี้ บริษัทตั้งเป้าดัชนีตลาดหลักทรัพย์อยู่ที่ 1580 จุด