FB on May 08, 2015, 03:32:54 PM
Q. การเลือกเข้าคู่กันของคู่พระนางที่เลือกมากับมืออย่างแคท-เต้ย พอได้ร่วมงานกันเคมีทางด้านการแสดงของพระเอกนางเอกคู่นี้เป็นอย่างไรบ้าง คุณชายอดัม : นักแสดงทั้งกลุ่มนี่เขาจะคุยกันอยู่ตลอด เที่ยวกันอยู่ตลอดเฮฮากัน และก็รู้จักกันเป็นอย่างดี ดังนั้เต้ยกับแคทมีเคมีที่ดีอยู่แล้วตั้งแต่หลังกล้อง เป็นเพื่อนที่สนิทกันพอสมควร ก็พอมาอยู่หน้ากล้องปุ๊บ ความอายในการเล่นด้วยกัน เคมีเขาโอเคเลยทีเดียว เพียงแต่ให้เขาปรับมาเล่นในอารมณ์ของภาพยนตร์แค่นั้นเอง ที่เหลือก็โอเคเลยครับ คงกับเมี้ยนน่าจะเป็นตัวละครที่เข้าถึงง่ายที่สุดในเรื่องนี้นะครับ แล้วก็เป็นเรื่องของทางฝั่งรักมากกว่าที่จะเป็นเรื่องฝั่งบู๊ หรือฝั่งสยองขวัญ ไอ้เทพ เป็นตัวละครที่โผล่มาในหนังน้อยที่สุด แต่มีความสำคัญเทียบเท่ากับทุกคนเลยนะ ดูเก่งที่สุดในเรื่อง ผมเป็นคนชอบตัวละครแบบนี้มาโดยตลอด พูดน้อย แต่ทุกครั้งที่เขาโผล่มายืนเฉยๆ มันกลับกลายเป็นบางสิ่งบางอย่างที่มีพลังมากๆ ผมต้องการตัวละครประเภทนั้นตัวละครที่หยั่งรู้ทุกอย่าง เพียงแต่พยายามแก้ปัญหาให้ด้วยวิธีการที่ฉายเดี่ยว ศึกษาเอง รู้เอง ทุกอย่างเป็นขั้นเป็นตอน ไอ้เทพเป็นคนแบบนั้น ทั้งที่ความจริงแล้วเป็นแค่ไอ้ขี้เมาธรรมดา แต่ก็มีภูมิหลังอยู่พอสมควร เราก็ได้อธิบายตรงนี้ให้กับ พี่คานธี อนันตกาญจน์ ซึ่งเป็นนักแสดงละครเวทีที่เก่งมากๆ เขาสามารถสะกดคนทั้งฮอลล์ได้หมดเลย หลังจากนั้นเขาก็เริ่มไว้ผมยาว ไว้หนวด พอมาถึงหน้าเซ็ทปุ๊บ เขาก็จะปลีกตัวไปอยู่ในบ้านเรือนไทยคนเดียว แล้วก็เริ่มคิดถึงตัวละครที่เป็นหัวหมู่ทะลวงฟันเก่าซึ่งเคยเห็นแก่ตัว มันทำให้เขาแบกรับภาระชีวิตมาโดยตลอด แม้ว่าจะไม่เคยเล่นภาพยนตร์มาก่อน แต่ด้วยการที่เป็นนักแสดงมืออาชีพอยู่แล้วในฝั่งละครเวทีทำให้เขาไม่มีปัญหาเรื่องของอารมณ์ นักแสดงคนนี้ไม่ต้องพูดเยอะสั่งเยอะ เขาตีความของเขาเอง ถ้าเขาไม่รู้เขาจะถามเรา ยิ่งตัวละครอย่างไอ้เทพเอง ก็เป็นตัวละครที่เก่งมาก ถือดาบสองมือ ต้องบู๊ ต้องฟันหัวขาดทีเดียว มีสัญชาติญาณดี เทพกับอีบัวมาเป็นคู่กัน เพราะฉะนั้นสิ่งที่เกิดขึ้นก็คือเป็นคู่ที่บู๊หนักสุด เท้าเปล่าบู๊กัน วิ่งไปฟันกันไปกันมา ดังนั้นตัวละครสองตัวออกจะมีสปิริตแรงกล้า และมีลูกบ้าเยอะ Q. ด้วยความที่เป็นหนังพีเรียดทำให้การทำงานในหลายๆ ส่วนทวีคูณความยากยิ่งขึ้นไปอีก แต่นั้นยังไม่พอ ด้วยความที่ ผีห่าอโยธยา ไม่ใช่หนังรักแต่เป็นหนังแอ็คชั่นที่มีผีด้วยคุณชายอดัม : เรื่องที่น่าจะเป็นไปได้ยากที่สุดในโลกคือการที่อยู่ดีๆ ไอ้พวกผีพวกนี้ ลุกขึ้นมาไล่กัดกินคนอยู่ทั้งหมู่บ้าน แล้วในขณะเดียวกันกับที่ตัวแสดงจะต้องไปเล่นในยุคพีเรียดไดอะล็อกแบบพีเรียด ซึ่งผมไม่ใช่คนเขียนไดอะล็อกง่ายๆ พูดยาก แสดงยาก แล้วต้องแสดงให้ดูน่าเชือถือ ต้องให้คนดูที่นั่งอยู่ในโรงหนังรู้สึกเห็นคนแสดง เขาเหมือนอยู่ในยุคอยุธยาจริงๆ เขาต้อง workshop เยอะ ต้องฝึกโปรเจกต์เสียง ฝึกทำโน่นทำนี่ นักแสดงทุกคนทุ่มเท ผมใช้คำว่าตั้งใจ และเชื่อในผู้กำกับ เชื่อในสิ่งที่เรานำเสนอ เราลงเรือลำเดียวกัน ผมเป็นคนที่ทำงานเป็นผู้กำกับที่ไม่ใช่ผู้กำกับที่นิสัยดีสักเท่าไร ผมทำงานผมดีมานด์กับนักแสดง ผมให้เขาเล่นโน่นเล่นนี่ วันแรกๆ นักแสดงมาแบบเปื้อนเลอะเทอะขนาดนี้เลยเหรอ หลายคนอยู่ในช่วง 20-30 ปี ก็ยังมีอนาคตสดใสรออยู่อีกเยอะ หนังเรื่องนี้เป็นหนังกึ่งวัยรุ่น ผมต้องการทำให้คนเชื่อด้วย นักแสดงสามารถเฉลี่ย หรือเกลี่ยให้มันออกมาดูลงตัวกันทีเดียว อีกอย่างหนึ่งก็คือด้วยความที่หนังเป็นพีเรียดย้อนยุคไปสี่ร้อยกว่าปี เสื้อผ้าเครื่องแต่งกาย เวลาแต่งตัวพอเราจัดได้แล้ว เราก็เย็บเลย ทุกครั้งที่เข้าห้องน้ำต้องแกะออกแล้วก็เย็บใหม่ มาอยู่ในเซ็ทอยู่ในพื้นที่อยู่ในบรรยากาศ เจอผีจริง ฟิลลิ่งมันมา แล้วพวกเขารู้สึกว่าเขาอยู่ในโลกย้อนยุคจริงๆ นักแสดงจะต้องย้อนกลับไปให้รู้สึกแบบนั้นให้ได้ ซึ่งเราในฐานะผู้กำกับก็จะต้องช่วยเขา สร้างฉาก สร้างบรรยากาศ สร้างทุกอย่างให้มันเอื้อ ส่วนในพาร์ทของแอ็คชั่นเรื่องนี้ผมทำคิวบู๊เอง มีฟันผีสู้กันวิ่งกันเยอะวิ่งฟันสู้ แล้วก็ต้องเล่นอารมณ์เยอะ อารมณ์กลัว อารมณ์ต่างๆ ตีสองตีสามกระโดดน้ำกระโดดท่ากัน ก็ในป่าในเขาแมลงกัดแล้วป่าผมไม่ใช่ป่าง่ายๆ ป่าผมป่าหนามทั้งนั้นเลย เราถ่ายทำกันที่กาญจนบุรีมีแต่หนามมีแต่แมลงโหดๆ ทั้งนั้น แต่นักแสดงเราเต็มที่นะ แต่ว่าในขณะเดียวกันกับที่นักแสดงก็โดนทรมานพอสมควรในเรื่องของด้านอารมณ์ ด้านบทผมไม่ค่อยแก้บทให้นักแสดง แล้วผมก็ไม่ให้นักแสดงดูภาพด้วย เชื่อผมเท่านั้นแล้วผมจะบอกเองว่าตอนนี้โอเคหรือไม่โอเค ซึ่งส่วนใหญ่เราโอเคส่วนใหญ่90%เราโอเคจำนวนเยอะมากที่เทคเดียวผ่านเพราะนักแสดงเข้าใจตรงกับผู้กำกับ

Q. คิดว่าเสน่ห์ของ “ผีห่าอโยธยา”อยู่ที่ตรงไหนอย่างไรคุณชายอดัม : เสน่ห์ของหนังเรื่องนี้คือ คนมาดูหนังไทยจะได้กลิ่นอายของความเป็นฝรั่งในบท หรือรูปแบบการเล่าเรื่องแบบฝรั่ง ดังนั้นสองอย่างนี้เป็นจุดที่พบกันครึ่งทางผีห่ามันไม่ใช่ซอมบี้ วันแรกที่ผมทำผมคิดถึงโรเมโร่ ผมคิดว่าเราอยากทำหนังแบบ Land of the Dead ไหม แต่เราไม่อยากเป็นแบบ Land of the Dead เราไม่อยากเป็นหนังซอมบี้ เราจะสร้างอะไรขึ้นมาที่ไม่ใช่ซอมบี้ แต่คนที่ดูซอมบี้ก็จะรักมันไปได้ด้วย พวกเราค้นพบว่าเราสามารถทำให้เกิดกลิ่นอายหรือมุมมองใหม่ๆของhack and slashฟิล์มในเมืองไทยได้แล้วนะ เราทำหนังประเภทสยองขวัญเป็นหนังผีสยองขวัญอีกแบบหนึ่งที่หาจุดพอดีได้แล้วซึ่งโชคดีมาก เพราะผมกลัวมากเลยนะ วันแรกที่ผมทำว่ามันจะไม่ใช่หนังผีไทย และมันจะไม่ใช่หนังผีฝรั่งแล้วมันจะสนุกเหรอเพราะผมเป็นคนดูหนังฝรั่งแล้วก็หนังไทยด้วย แล้วผมก็จะเห็นว่าความกลัวสองแบบนี้มันจะต่างกัน เราก็ต้องทำโจทย์ทำresearchอย่างหนักว่าเราจะทำอย่างไรดี ตัวละครจะเป็นอย่างไร ผีจะมาทางไหนเพราะฉะนั้นเสน่ห์ในหนังเรื่องนี้คุณได้สองแบบคุณจะอยู่ในสองโลกนี้ได้ Q.เราจะได้เห็นหนังแอ็คชั่นที่ตัวละครต่อสู้กับผีฟันคอขาด ทะลุกะโหลก เลือดพุ่งกระฉูด โดยเฉพาะอย่างยิ่งคือการถ่ายทำที่เน้นความสดในกล้อง ณ ตอนถ่ายเลยมากกว่าที่จะเน้นทางด้านซีจี คุณชายอดัม : ใช่ครับ ต้องบอกว่าเป็นพระเอกอีกตัวหนึ่ง อยู่ทุกที่เลยไปไหนก็จะเห็นไอ้เจ้านี่โผล่มาพอๆกับพระเอกนางเอกของหนังเลย คอนี่ตัดแล้วตัดอีก ตัดเสร็จแล้วก็เย็บกลับไปใหม่ เป็นงานที่ตัวศพเหล่านี้ แล้วก็การทำ Prosthetics เนี่ยมันเป็นเสน่ห์อย่างหนึ่งนะ รู้สึกว่านอกเหนือจากหนังโรเมโร่ที่เราได้ดู หรือว่าหนังผีไทยอย่าง นางนาก ในขณะเดียวกันผมไปดูงานผู้กำกับ เรย์ แฮร์รี่เฮาเซน ซึ่งเป็นนักทำอนิเมชั่น เขาจะชอบเอาโครงกระดูกมาถ่ายทีละภาพๆ แล้วค่อยๆ ขยับๆ แล้วมันจะกลายเป็นกระดูกกองทัพกระดูกสู้กับคนอยู่ในหนัง แล้วเรารู้สึกว่ามันดูเหมือนจริงมากเลยนะ เพราะมันถ่ายสิ่งที่มันอยู่ได้จริง ผมเชื่อว่าซีจี ทำให้หนังดูดีขึ้น แต่เราจะต้องมีพื้นที่ดีด้วย ผมพยายามสร้างฐานให้มันกว้างขึ้น โดยการทำอะไรก็ตามให้เป็นไปได้ ให้ได้ให้หมดก่อน แล้วถ้าได้หมดปุ๊บ แล้วจะเสริมมันด้วยซีจีนี่มันก็จะดูดียิ่งขึ้นอีก มันเป็นการทำงานคู่กัน ถ้าสองอย่างมาส่งเสริมซึ่งกันและกัน ตัวหนังก็จะดูน่าเชื่อถือขึ้น ดูจริงจังขึ้น แล้วหนังเรื่องนี้ทำ realistic ไม่แหวะ ตัดก็เห็น ผมไม่คิดว่าความแหวะ หรือความอี๊มันเป็นอะไรที่น่าสนใจ แต่คนจะดูหนังแล้วแบบ ปึ้ง น่ากลัว หลายโมเม้นต์ในหนังพอสมควรเลย อยู่ดีๆ มาถึงไอ้เทพมาฟัน ฉัวะ ขาด ซีจีก็จะมีแค่เลือด แต่ที่เหลือสมองเราทำขึ้นมาหมดเลย ผมเชื่อว่านักศึกษาทั่วไปน่าจะเอาเป็นกรณีศึกษาได้เลย เราไม่ได้ทำแบบฝรั่ง เราจะเห็นว่าพวกฝรั่งลงทุนเยอะมากกับการทำตัวละคร ตัวหุ่นขึ้นมาเราไม่ได้ใช้เยอะขนาดนั้น แต่เราใช้วิธีคิดที่ดีกว่า เราคิดเยอะว่าจะแต่งอย่างไรให้ผี 20-30 ตัววิ่งเต็มหมู่บ้าน แล้วก็ในขณะเดียวกันให้ดูเป็นผีห่า ก็ใช้วิธีแบบดิบๆ หน่อย เราใช้มาร์กเกอร์ไวท์บอร์ดวาดเส้นเลือดเองเลย ใช้เจลกันความชื้นทำเป็นแผล เป็นตุ่มออกมา ซึ่งดูในหนังแล้วแบบน่ากลัวจริง Q.มาถึงตัวละครสำคัญในภาพยนตร์เรื่องนี้ที่ไม่พุดถึงไม่ได้ก็คือ “ตัวผีห่า”คุณชายอดัม : ผีห่าคือพระเอกตัวจริงของเรื่องนี้ ตัวจุดชนวนให้เรื่องมันเกิดขึ้น เรื่องนี้ติดพอกัดแล้วติดเชื้อข้ามวันข้ามเดือน หรือว่าภายใน 24 ชั่วโมง เราต้องสร้างกฎของเราขึ้นมาด้วยนะ ของผมวิ่งได้ กัดได้ ฟังเสียงได้ แต่ปีนกระโดดไม่ได้ สร้างกฎขึ้นมาก่อน ถึงจะดีไซน์ตัวขึ้นมา เราคิดถึงโรคระบาดพวกไข้ทรพิษ โรคอหิวาต์เป็นตุ่มเล็กๆ อยู่เต็มตัวไปหมด เราก็สร้างเป็นตุ่มหนองขึ้นมาเต็มตัวหมด เป็นแผงๆ ตามระยะของเส้นเลือด โดนกัดตรงไหนมันก็เข้าไปตามเส้นเลือด แผลก็จะอยู่ตามเส้นเลือด แล้วก็เป็นแผลมันจะเริ่มลามเป็นเลือดเสียหมดเลย เส้นเลือดในร่างกายก็จะดำแล้วผิวก็จะแห้งลงเรื่อยๆ เป็นสะเก็ดขาวบ้างดำบ้างแล้วแต่คน เป็นสเต็ปว่าผิวแบบช่วงแรก 2-3-4-5 เป็นอย่างไร ตัวละครจะเดินแบบไหน การสั่งงานด้วยสมองเป็น สิ่งเดียวที่มันเกิดมาแล้วมันรู้ก็คือมันจะต้องฆ่าคนมันต้องกินคนแล้วแพร่เชื้อให้คนๆ นั้นฟื้นกลับมาใหม่ นี่คือกฎสำคัญที่สุดของมัน และนั่นทำให้หนังมันสยอง พอสิ่งที่ไม่รู้จักอะไรเลยมันเป็นสิ่งที่น่ากลัวที่สุด เราไม่สามารถหยุดสิ่งที่เรามองเห็นได้ชัดเจนจริงๆ แล้วทุกคนมีสิทธิ์เป็นได้หมดครับ เรามีซีนหนึ่งเลยที่โบสถ์ ทุกคนเป็นผีห่าได้หมด ในบทที่ผมเขียนมาผีห่ามันเป็นตัวแทนของความชั่วร้ายที่เกิดขึ้นในสังคมเหมือนโรคระบาด มันไม่จำกัดว่ามันจะไปที่ไหน ท้ายที่สุดแล้วเราจะไปหลบตรงไหนกัน เราไปหลบอยู่ในโรงชำเราชาย มันออกจะตรงข้ามกับสิ่งที่เกิดขึ้นจริงอยู่ Q. ก่อนเปิดกล้องคุณชายอดัมมีการเตรียมงานก่อน ถึงขนาดจับทีมงานมาแสดงเป็นตัวละครและถ่ายหนังทั้งเรื่องตามมุมกล้องจริงไปตั้งแต่แรกเลย
คุณชายอดัม : เนื่องจากผมไม่ชอบเน้นกองใหญ่ๆ แล้วเราก็มีทีมงานที่มีการเปลี่ยนแปลงเสมอๆ ผมจะต้องเป็นคนที่เตรียมงานเยอะมากๆ ผมจะถ่ายหนังทั้งเรื่องก่อนหนึ่งครั้งแล้วตัด ผมจะมีผู้ช่วยมาเล่นแทนเล่นหนังทั้งเรื่องเลยนะครับ ครบตั้งแต่วินาทีแรกจนถึงวินาทีสุดท้าย แล้วทุกอย่างสมบูรณ์บนโต๊ะ พอเห็นภาพทั้งหมดปุ๊บต้องเตรียมอะไรบ้างยังไงบ้างคอสตูมดีไซน์ คือผมเรียนทั้งอาร์ทไดแรกเตอร์เองกำกับตัดต่อ แล้วก็บทเอง แล้วก็มี
ส่วนร่วมโปรดิวซ์เองเพราะฉะนั้นทุกอย่างจะอยู่ในมือผม แม้กระทั่งคิวแอ็คชั่น ดังนั้นผมจะรู้ทั้งหมดเลยว่าจะเกิดอะไรขึ้นในหนังบ้าง 100% แล้วผมก็จะจดทุกอย่างเป็นตาราง ช่วยกันลิสต์กับทีมที่ทำงานใกล้ชิดกัน ลิสต์ออกมาทุกอย่างหนังทั้งเรื่องมีหมดในมือถือผมในเครื่องคอมผมจะมีในกูเกิ้ลไดร์ฟนี้จะมีทุกอย่างครบหมดเลยรายละเอียดหนังทั้งเรื่องตั้งแต่ไหนแต่ไรมาเวอร์ชั่นแรกทุกอย่างจะเป็นไฟล์อยู่ในอินเทอร์เน็ตหมด แล้วก็เวลาทำงานมันจะได้ทำงานง่าย เพราะเราจะไปโฟกัสที่การแสดงจริงๆ เวลาถ่ายทำ

Q. ในฐานะผกก.อยากให้เล่าฟังถึงเรื่องราวของภาพยนตร์ และการทำหนังเรื่องนี้ต้องการจะบอกอะไรกับคนดู คุณชายอดัม : เรื่องผีห่าอโยธยาเป็นเรื่องที่ง่ายนะครับ แต่ขณะเดียวกันก็ต้องมีอะไรบางอย่างที่เราอยากจะสื่ออยู่นะครับ คือเรื่องมันก็แค่ตัวละคร 6 ตัว ซึ่งมีความสัมพันธ์ซึ่งกันและกัน ทั้งรักทั้งเกลียด ทั้งชอบ ทั้งไม่เข้าใจกัน ตัวละครทั้งหมดนี้อยู่ในภาวะกึ่งจำยอมด้วยสภาพแวดล้อมทั้งภายใน และภายนอกของตนเอง จนกระทั่งวันหนึ่งมีผีเข้ามาล้อมในหมู่บ้าน คนเริ่มตายในหมู่บ้านในป่า มันเป็นโรคห่าคนก็เลยจะอพยพจะหนีกันหมู่บ้านก็เริ่มจะตกอยู่ในสภาวะย่ำแย่อยู่แล้ว เพราะอยู่ในช่วงสงครามด้วยยิ่งแย่เข้าไปใหญ่ แล้วท้ายสุดแล้วไอ้โรคห่าในที่นี้ที่คนคิดว่ามันเป็นโรคความจริงแล้ว ไม่ใช่มันเกิดจากผีไม่ได้เกิดจากโรคมันระบาด เราไม่รู้วิธีการระบาดของมันซึ่ง ดังนั้นไอ้ 6-7 คนที่อยู่ในสังคมตรงนี้ ในระหว่างที่ผีห่าฆ่าเขาจะทำอย่างไรในเมื่อเขารู้ว่า แต่ละคนชอบกันไม่ชอบกัน แต่ในขณะนี้เราจะตายหมู่ด้วยกันอยู่แล้วเขาจะต้องทำอย่างไรต่อ คนเรามันไม่เหมือนกัน มีแบล็คกราวน์ที่แตกต่างกันความคิดแตกต่างกัน มีแนวทางการใช้ชีวิตที่ต่างกันเหมือนสังคมไทย เมื่อเราถูกล้อมกรอบอยู่ในภาวะที่จะกดดัน แต่ละคนจะแสดงออกอย่างไร จะเห็นทุกแบบ ตั้งแต่ คณิกา,เศรษฐี,เด็กวัด,ทหารหนีทัพ,ช่างตีดาบ ทั้งเพศหญิง-ชาย เราจะให้เห็นความรัก ความบู๊ ฉากที่ทั้งแบบดิบ แบบสยอง แบบน่ากลัว แบบเซ็กซี่ แบบรันทด นผมเชื่อว่าเราจะชอบตัวละครตัวใดตัวหนึ่งในนี้ แล้วในทุกตัวละครล้วนแล้วแต่จะมีฉากของตัวเอง ที่มีฉากเด่นหมด

FB on May 12, 2015, 08:23:25 AM
บทสัมภาษณ์ “โซดา วีรี ละดาพันธ์ จาก ผีห่าอโยธยา








 
บั่นคอผีห่าด้วยสองมือกับ “โซดา-วีรี ละดาพันธ์”
“อีบัว” นักดาบสาวแกร่ง เซ็กซี่ทุกอณู บู๊สุดชีวิต
บทบาทแรกในชีวิตสุดท้าทาย กับ “ผีห่าอโยธยา”
แอ็คชั่นสยองขวัญเลือดสาดในบรรยากาศย้อนยุค

Q.ก่อนอื่นให้โซดาแนะนำตัวเองก่อนเลย
โซดา: ชื่อ โซดา วีรี ละดาพันธ์ ค่ะ ก่อนที่จะมาเล่นหนังเรื่องนี้เราเป็นนักร้องวงเกิร์ลกรุ๊ปสามคนค่ะ มีทำเอ็มวี ถ่ายทำเพลงกับเพื่อน เป็นแนว Electronics Dancehall เป็นแนวสนุกๆ เต้นๆ หน่อยค่ะ ในส่วนของภาพยนตร์ได้มาเล่นหนังเป็นครั้งแรกก็รู้สึกสนุกค่ะ เรารู้สึกว่าอาจเป็นเพราะเราได้เป็นตัวละครที่มันสนุกด้วย มันมีมุมหลายๆ มุมมีทั้งแอ็คชั่นมีอะไรหลายอย่าง ส่วนตัวชอบการแสดง แต่ไม่เคยลอง ตอนแรกเราดูละครดูหนังก็ไม่เคยคิดถึงลึกๆ ของอารมณ์แต่ละตัวละครนั้นๆ พื้นฐานหรือแบ็คกราวด์มีที่มาที่ไปอย่างไรเราดูเพื่อความบันเทิงอย่างเดียว แต่พอเรามาได้เล่นเองเราต้องคิดว่าตัวละครนั้นคิดอะไร มันเป็นจุดยาก และมันเป็นจุดที่เราได้เรียนรู้อะไรเยอะขึ้นลึกขึ้นมันเป็นจุดดีนะคะสำหรับเรา

Q. เห็นสวยๆ เซ็กซี่แบบนี้เห็นว่ามีไลฟ์สไตล์ที่เอ็กซ์ทรีมไม่แพ้บทบาทในเรื่องโดยเฉพาะความเร็ว
โซดา: (หัวเราะ) ก็ชอบรถแข่งค่ะ เราก็เคยแข่งรถบ้าง ไปเรียน เคยมีความใฝ่ฝันอยากเป็นนักแข่งรถ ไปเรียนอยู่โต้โยต้าเรสซิ่งค่ะ จะแข่งจริงจังเลย เรารู้สึกว่ามันมันส์แต่มันก็มีจุดกลัวน่ะคะ แต่เราคิดว่ามันน่าจะเอ็กซ์ตรีมมาก เพราะว่าเข้าโค้งรึอะไรอย่างนี้มันสุดเวลารถคว่ำอย่างนี้ ทุกอย่างมันต้องเซฟ ก็คิดว่าน่าจะมันส์ดี ชอบแข่งรถไปเรียนอยากจะเข้าไปวงการแข่งรถ

Q. แล้วสำหรับภาพยนตร์เรื่องแรก ผีห่าอโยธยา รับบทเป็นใครอย่างไร
โซดา: รับบทเป็น บัว ก็จะเป็นผู้หญิงที่มีบุคลิกค่อนข้างเงียบ ใจเด็ด และก็เหมือนมีความอดทน มีความแกร่งในตัวเองไม่แพ้ชายอกสามศอก ดูจากภายนอกก็จะเห็นว่าบัวเป็นสาวสวยประจำหมู่บ้าน เป็นช่างตีดาบผู้หญิงคนเดียวในหมู่บ้านอีกเหมือนกัน เพราะว่าจริงๆ แล้วพื้นเพของหมู่บ้านเราผู้ชายจะโดนเกณฑ์ไปเป็นทหาร ไปรบหมดแล้ว เราโตมากับอาชีพนี้เหมือนกับว่าเราจะต้องสานต่ออาชีพนักตีดาบของพ่อที่สร้างไว้ ตัวบัวจะถนัดมีอาวุธประจำกายก็คือ ค้อนคู่ ทักษะการใช้ดาบ เรียกว่าเก่งไม่แพ้ผู้ชายเลยก็ว่าได้ ที่โรงตีดาบบัวเขาก็จะมีลูกน้องเป็นผู้ชายคนหนึ่งนะค่ะ ชื่อ ไอ้ทูน ตัวละครบัว ก็จะมีความเกี่ยวข้องกับตัวละครอื่นๆ อย่างคนแรกก็คือ ไอ้เทพ (คานธี อนันตกาญจน์) คู่นี้ก็จะมีความผูกผันกันพอสมควรเลยตั้งแต่ในเรื่องของการถือดาบเหมือนกัน เป็นนักต่อสู้เหมือนกัน แล้วในเรื่องเราก็จะมีมอบดาบให้เทพด้วย พูดได้ว่าเทพเป็นคนที่ช่วยชีวิตบัวให้รอดพ้นจากเงื้อมมือของ นายจัน (หนึ่ง ชลัฎ ณ สงขลา) กับพรรคพวก พอเรามาเจอสถานะการณ์ผีห่าบุกเข้ามา ทำร้ายผู้คนในหมู่บ้านก็จะไม่มีใครที่จริงใจกันแล้ว นายจันนี้ต้องบอกว่าเป็นผู้ชายที่เราไม่ชอบเลย คือหาโอกาสคอยข่มเหงเราทุกอย่าง แม้กระทั้งเรื่องหนี้ของพ่อเราเขาก็มาเบียดเบียนเราอยู่ตลอดเวลา มาแทะโลมเรามารังแก อวดรวย เพราะว่าเป็นคนที่รวยที่สุดในหมู่บ้าน จะเอาเงินมาซื้อบัวไปเป็นเมียอยู่หลายครั้งเหมือนกัน นายจันนี้เป็นหนึ่งคนที่เราแบบอยากฆ่าอยู่ตลอดเวลา

Q.ในภาพยนตร์มีการพูดถึงผู้รอดตาย มีพูดถึงเรื่องโรคห่า มีพูดถึงผี เรื่องราวมันเป็นอย่างไร
โซดา : เป็นเรื่องราวที่เกิดขึ้นในหมู่บ้านแห่งหนึ่งในสมัยอโยธยา เกิดโรคระบาดขึ้นค่ะ ที่มาพร้อมกับผีห่าเกิดขึ้นมาซึ่งสามารถฆ่าชีวิตทุกคนได้ แต่กลับกันคือฆ่าผีห่าฆ่ายังไงก็ไม่ตายนอกจากตัดหัว จะฟัน จะแทงก็ไม่เข้าค่ะ แล้วมันเกิดขึ้นกับผู้คนในหมู่บ้าน สำหรับตัวบัวก็เป็นผู้รอดชีวิตกลุ่มสุดท้ายของหมู่บ้านนี้ โดยที่ไม่รู้ว่าสุดท้ายจะลงเอยอย่างไร ผู้คนที่มีชีวิตรอดกลุ่มหนึ่งมาเจอกัน ซึ่งเราเชื่อว่าแต่ละบุคลิกแต่ละตัวละครมีจริงในทุกสังคม บางคนก็เห็นแก่ตัว บางคนก็ช่วยเหลือคนอื่นได้ บางคนก็ต้องการเอาตัวรอดแค่ตัวเอง มันคล้ายกับว่าสมมติว่าโลกเรากำลังจะแตกเราจะทำอย่างไร แล้วทุกๆคนก็จะแสดงความเป็นตัวเองออกมาจริงๆ หรืออย่างที่จะมีบางคู่ที่เขามีความรักเขาก็จะเหมือนค่อยช่วยเหลือแต่คนรักเขาค่ะ มันจะเป็นการสะท้อนความเป็นคนในปัจจุบัน ต้องไปดูว่าความคิดเห็นแต่ละคน คาแรคเตอร์ของแต่ละคนแต่ละตัวละครจะเป็นอย่างไร แต่สำหรับตัวบัวเอง พอเกิดโรคผีห่าขึ้นมาทำให้ต้องจับดาบต้องจับค้อน สู้เพื่อเอาตัวรอดค่ะ ทำอย่างไรให้เราหนีไปให้ได้ เขาต้องช่วยคนอื่นด้วยจากที่เป็นคนที่ไม่เคยจะยุ่งกับใคร ก็มีเหตุการณ์ที่ผลิกผันทำให้เรามองเพื่อนรอบๆ ข้างเพื่อนที่อยู่ด้วยกันรอดไปด้วยกัน

Q. จากบทบาทนักร้อง แล้วมามีผลงานการแสดง แถมเป็นภาพยนตร์เรื่องแรกในชีวิตด้วยเป็นอย่างไรบ้าง
โซดา : ก็ค่อนข้างหนักเหมือนกันนะคะ คือความยากมันมีอยู่แล้วในทุกการทำงาน การถ่ายหนังหรืออะไรก็แล้วแต่ แต่หนูมองว่ามันเป็นประสบการณ์ที่ดีมากๆ ที่เราได้ทำได้เจออะไรที่มันหนักแบบนี้ มีทั้งระเบิดในหนังเรื่องนี้และเป็นระเบิดที่ค่อนข้างใหญ่พอสมควร ยี่สิบจุดที่ทีมงานตั้งไว้ ทุกคนอาจจะคิดว่าเราเล่นภาพยนตร์มันก็ต้องมีแบบบทสวย ใส ตัวบัวนี้ไม่มีเลย ทุกๆ ฉากเต็มไปด้วยเลือด พูดถึงเรื่องระเบิดก่อนเราก็ทำการบ้านมาค่อนข้างหนักเหมือนกัน พอบอกระเบิดเพราะว่าคือทีมอาร์ท ทีมเอฟเฟกต์ ทีมงานทุกคนทั้งผู้กำกับเขาก็คาดหวังว่าจะออกมาดีที่สุดไร เขาก็วางใจ ก็อยากให้มันออกมาดีก็ทำเต็มที่ ก็ดีใจที่มันผ่านมาได้ อย่างเช่นคราบเลือด ที่ต้องเจออยู่ตลอดเวลา เป็นเหมือนพระเอกของหนังก็ว่าได้ นอกจากผีห่า พระเอกเรื่องนี้อีกสองอย่างคือ 1 เลือด 2 สโมก (ควันที่ใช้ในการควบคุมแสงในการถ่ายทำ) เพราะว่าทุกๆ ฉากเราต้องนั่งดมควันสโมกอยู่ตลอดเวลาค่ะ จะเป็นในโรงชำเราชายหรือแม้กระทั่งในป่า ทุกๆ ฉากมีสโมกแต่ว่าก็ดีทุกอย่างฟูลออฟชั่นไปหมดเลย เต็มไปด้วยทั้งเรื่องอุปสรรคในการถ่ายกลางคืนตลอด ทั้งภาพทั้งควันทั้งลมทำให้ทุกอย่างพอมาประกอบกันทำให้เป็นความยากที่หนูรู้สึกว่ามันเป็นประสบการณ์ที่ดีกับเรื่องแรก แล้วถ้าเราเจอเรื่องอะไรยากๆ เราก็จะผ่านไปได้ด้วยดีค่ะ

Q.ที่บอกว่าต้องเจอระเบิด ทราบมาว่าเป็นนักแสดงคนเดียวที่ต้องเข้าฉากระเบิดแถมเป็นผู้หญิงด้วย ยังไม่รวมกับที่จะต้องเจอเลือดในทุกๆ ฉาก เล่าให้ฟังว่าเป็นอย่างไรบ้าง
โซดา : ค่ะก็อย่างฉากระเบิดนะคะ เราแสดงเอง ซ้อมเองประมาณ 20 -30 รอบเหมือนกัน ค่อนข้างที่หนัก คอเคล็ดไปหมดเลย อยากให้ผ่านในเทคเดียวเพราะว่าทุกๆ ฝ่ายก็เตรียมพร้อมกัน ก็ยากมาก หลังจากที่เราผ่านฉากระเบิดไปมันมีเอฟเฟกต์ที่กระเด็นมาใส่ เป็นแผลที่หลัง เออพอเรามีรอยแล้วเรารู้สึกว่า เฮ้ย! เราผ่านการโดนระเบิดมาเพราะว่าคนปกติก็คงไม่มีใครได้เจอได้มีรอยแผลเพราะระเบิด กลับบ้านไปก็แทบป่วย หรืออย่างเลือดสาดก็มีฟันคอผีบ้าง แทงคอบ้าง เลือดกระฉูดแบบเต็มตัวแทบจะแยกไม่ออกว่าผีหรือคน หนังเรื่องนี้เป็นหนังผีที่แอ็คชั่นค่อนข้างแรงเหมือนกัน มีทั้ง ต่อสู้ ทั้งกระโดด ใช้แรง ใช้ค้อนแล้วอีกอันก็คือการตีดาบของบัว แล้วด้วยความสมจริงก็ต้องใช้ค้อนจริงในฉากที่ต้องตีดาบ ซึ่งหนักอย่างต่ำ 5-10 กิโล แล้วเป็นผู้หญิงที่แบบใช้ดาบร้อนๆ ที่เพิ่งขึ้นมาจากไฟแล้วมาตี ทำจริงทุกอย่าง บัวทำเองหมด ไม่มีสแตนอิน ได้แผลเยอะมากคือตัวเราเองเป็นคนซุ่มซามอยู่แล้วก็จะมีตามมือตามข้อเท้า ไฟลวกบ้าง อะไรบ้าง แต่ก็สนุกมาก แล้วก็มีฉากหนึ่งที่ใหญ่รองมาจากฉากระเบิดเลยก็ว่าได้ เป็นการที่เราหนีขึ้นเรือโดดน้ำว่ายน้ำไปขึ้นเรือใหญ่มาก จริงๆ เป็นคนว่ายน้ำไม่เป็นนะคะ เราได้ไปฝึกว่ายน้ำมา คือจริงๆ มันไม่ใช่เรื่องใหญ่แต่ว่าเหมือนคนไม่เคยว่ายน้ำ แล้วมันเป็นการว่ายน้ำแบบต้องหนีตายจะว่ายแบบไหนก็ได้ พอว่ายน้ำไปถึงเรือเสร็จก็ต้องปืนขึ้นเรือไปอีก เพื่อที่เราจะรอดแล้วต้องดูว่าบัวจะรอดรึเปล่า

Q.เป็นนักแสดงมือใหม่หน้าใหม่เมื่อเทียบกับนักแสดงคนอื่นๆ ในเรื่องที่ผ่านทั้งงานหนังงานละครมาแล้ว เครียดใหม่ กดดันใหม่โดยเฉพาะบทที่ต้องใช้พลังในตัวเยอะขนาดนี้
โซดา : เราเป็นมือใหม่ความเครียดมันเยอะมาก ความกดดันสูงมาก รอบข้างเราต้องเล่นกับนักแสดงหลายๆ คนที่มีผีมือ เราก็กลัวว่าเราจะทำได้ไม่ดีเป็นตัวถ่วงบ้าง แต่ก็ฝึกค่ะ อยากทำให้ดีที่สุด สมมติว่าต้องเป็นซีนอารมณ์ที่เราต้องใส่อารมณ์เครียดมากๆ เพราะว่าบัวจะเป็นตัวละครที่ไม่มียิ้มเลยสักครั้งเดียว คิดอยู่ตลอดเวลา ฉันจะอยู่ต่อไปได้ยังไง พรุ่งนี้จะเป็นยังไง มันเก็บจนเรารู้สึกว่าเราเป็นคนนี้จริงๆ จนกลับบ้าน ความรู้สึกเอ๊ะ! เครียดตลอดเวลา คิ้วผูกโบว์ตลอดเวลา ก็คือปล่อยมันไม่ได้ เพราะว่าเราอยู่กับตัวละครตัวนี้ทุกวันๆ บางฉากในหนังนี้ไม่มีร้องไห้แต่ด้วยความเครียด คือผู้กำกับจะบอกว่าเอาเป็นเครียดกลัว แต่เขาเป็นคนค่อนข้างเก็บนะฟูมฟายออกมาไม่ได้ พอคัตปุ๊บเราร้องออกมาเพราะว่าเราไม่ไหวแล้วก็มีนั่งร้องไห้ ก็จะมีพวกพี่คอยแนะนำ อย่างเป็นซีนที่ถูกนายจันจะมาล่วงเกินเรา จะพยายามจับเราไปเป็นเมีย พี่หนึ่ง (ภาสกร มหากนก-แอ็คติ้งโค้ช) อยู่ก็จะช่วยบอกให้เราปลดปล่อย เรามีพฤติกรรมหลายอย่างที่เราเป็นตัวละครตัวนี้แล้วก็ติดจากกองถ่ายกลับไปบ้านด้วย เราต้องเรียนรู้ที่จะต้องปรับ ต้องหยุด ก็พยายามจะทำให้ดีที่สุด ก็เหมือนเป็นบันไดก้าวแรกของเราด้วย ก็อยากให้กำลังใจและก็ติดตามด้วยนะคะ

Q.มีฉากไหนที่รู้สึกหนักใจที่สุดในการทำงานในภาพยนตร์เรื่องนี้
โซดา : คือมันเหมือนเป็นการถ่ายทอดให้เห็นว่าผู้หญิงคนหนึ่งที่โดนรังแก นึกภาพไม่ออกว่ามันจะออกมาเป็นอย่างไร ผู้กำกับก็พยามบอกว่าไม่ต้องเครียดเพราะว่าคือโดยภาพหนังแล้ว หนังของเราไม่ได้แบบเซ็กซี่จ๋า หรือเลิฟซีนอะไรขนาดนั้น แต่ว่ามันจะมีที่มาที่ไปก็คือ นายจันที่เราเกลียดนี้เขาชอบเรา อยากรังแกอยากข่มเหงเรา เพราะเห็นว่าเราเป็นผู้หญิงที่ไม่ยอมใครก็เครียดมาก เพราะว่าเราไม่รู้อะไรเลย ประสบการณ์เราไม่มีเลย แล้วต้องเล่นกับพี่หนึ่งด้วย เขาก็เซฟให้เราเยอะมาก มันเป็นการสื่อสารในเรื่องของอารมณ์ที่มันเยอะที่สุดของหนังเรื่องนี้ของเรากับตัวเรา เราต้องสร้างจินตนาการเหล่านี้ขึ้นมา แต่ก็ผ่านไปได้ด้วยดี มันก็เป็นการแก้แค้นกันไปกันมาเหมือนว่าเป็นการสื่อถึงที่มาที่ไปของตัวละครให้คนดูรู้ ตอนแสดงพี่หนึ่งเขาก็ส่งบทมาทำให้เรารู้สึก เออพอเขาจริงมาเราก็ต้องจริงกลับ เราจะตะโกนกรี๊ดๆ ไม่ได้ ด้วยตัวบัว จะเป็นคนเก็บเจ็บไว้ข้างในอารมณ์ที่จะสื่อออกมาได้แค่ความ ก็ถ่ายอยู่หลายเทคมาก 10-20 เทคเพราะว่ามันหลายอย่างค่ะ

Q.หนังเรื่องแรกต้องเตรียมตัวมากน้อยแค่ไหนอย่างไร
โซดา : ค่ะก็ตัวละครตัวนี้จากที่เราอ่าน ที่จริงแล้วว่าตัวละครมันจะต้องมีแบ็คกราวน์ นั่นก็คือเราต้องเวิร์คช็อป ต้องฝึกการแสดง มานานเหมือนกัน แล้วก็สำคัญสำหรับตัวละครบัวตัวนี้นะค่ะก็มีตั้งแต่ต้องเข้าฟิตเนสค่ะ เป็นเวลาเกือบ 4 เดือนก่อนหน้าที่จะเปิดกล้อง เราก็จะไปแบบฝึกตัวเองแล้วก็เรียนดาบ ฝึกค้อน แล้วก็มีมวย คือฝึกความแข็งแรงทุกอย่างเพื่อทำตัวเองให้พร้อม เพราะว่ามันหนักจริงๆ แต่ว่าพอย้อนกลับไปแล้วรู้สึกดีที่เราได้ฝึกตัวเองแล้วก็ฝึกความแข็งแรงมาเยอะเพราะว่าซีน แต่ละซีนนี้หนักมากๆ เลยค่ะ

Q.ถ้าให้คำอธิบายถึง “ผีห่า”
โซดา : โอ้โห้! ลักษณะของผีห่าก็มีอยู่หลายแบบเหมือนกันนะคะ แล้วแต่ละตัวนี้เหมือนมันก็มีที่มาที่ไปไม่เหมือนกัน จริงๆ มันเป็นโรคโรคหนึ่งที่สมมติว่าใครก็ตามที่โดนกัดแล้วมันก็จะติดต่อ แล้วมันก็จะเหมือนมีอาการของโรคแตกต่างกันไป บางตัวก็จะมีเน่าเฟะ หน้าแบบมีรอยแผล บางตัวก็เป็นตุ่มเป็นเม็ด บางตัวก็จะตัวซีด ตัวขาวค่ะ แต่มีแผลมีหลายๆ แบบ แต่ทุกอย่างก็จะเป็นมาจากโรคผีห่าทั้งหมด จะดุมากเห็นสิ่งมีชีวิต เห็นคนไม่ได้จะไปกัด เข้าไปกัดคือเหมือนพยายามจะสร้างขยายอาณาจักรต่อไป จะต้องเข้าฆ่าเพื่อให้เราเป็นบ้าง เพื่อให้คนทุกคนกลายเป็นผีห่ากันหมด แล้วก็ไม่มีสติสัมปชัญญะ เจอใครต้องเข้าไปกัด มีพละกำลังเยอะ ฆ่ายังไงก็ไม่ตาย ต้องตีหัวหรือฟันคอขาดค่ะ

Q.เสน่ห์ความน่าสนใจของภาพยนตร์เรื่อง ผีห่าอโยธยา
โซดา: การนำเอาเรื่องยุคสมัยความเป็นหนังพรีเรียด ที่ยกโรคห่าที่มีอยู่ในชีวิตจริง ซึ่งเราหลายคนก็คงเคยได้ยินว่ามีโรคชื่อนี้จริงๆ แต่หมายถึงเราหยิบเอาอาการของโรคที่มันเกิดขึ้นมาดัดแปลง พร้อมใส่ไอเดียหลายๆ อย่างเข้าไปให้เกิดเป็นอุบัติโรคผีห่าที่เกิดขึ้นในหนัง เราจะเห็นว่าผีห่าแต่ละตัวก็จะมีรายละเอียดไม่เหมือนกัน เช่น สมมติว่าบางตัวเดินเร็วบางตัวเดินช้า บางตัวก็อาจจะเป็นเม็ดผื่น บางตัวก็ซีดขาวทุกตัวจะมีลักษณะแตกต่างกันไป แต่ทั้งหมดมันคือเกิดขึ้นจากไอเดียของผู้กำกับ พอเป็นหนังพีเรียดที่ถ้าเราสังเกตรายละเอียดในหนัง เราก็จะรู้ว่าสมัยก่อนนี้อย่างบ้านเรือนเราอยู่กันแบบนี้แล้วก็ข้าวของใช้อะไรต่างๆ เช่นสมมติฉากบ้านของบัว ก็จะมีการใช้ไฟจริงใช้สูบ (สูบลมเวลาที่จะเผาหรือตีดาบ) ที่เราย้อนกลับไปจริงๆ หลายๆ คนก็คงนึกภาพไม่ออก ว่าพ่อแม่เราสมัยก่อนเราอยู่กันแบบนี้แล้วก็ใช้ชีวิตกันแบบนี้ ทำกับข้าวกันแบบนี้ แล้วก็ทำมาหากินกันยังไง แล้วเป็นหนังที่มีครบทุกอารมณ์ มีความโรแมนติกเข้ามาถึงแม้จะเป็นหนังผีห่าที่มีเลือดตลอดเวลา แต่เราก็เห็นความน่ารักของพระเอกนางเอก ที่เขามีความรักให้กันอยู่ตลอดเวลา ห่วงใยกันตลอดเวลา มันก็จะเป็นฉากที่หลายๆ คนยิ้มได้ บู๊แอ็คชั่นนี้มีแน่นอนซึ่งถ่ายทอดผ่านตัวละครบัวก็คือมันจะได้เห็นถึงเสน่ห์ของผู้หญิงที่แกร่งสามารถจับดาบจับค้อนได้ ผู้หญิงก็เตะได้ต่อยได้กระโดดหลบระเบิดได้อย่างนี้ เครื่องแต่งกายแนวพีเรียดก็เป็นส่วนหนึ่งที่สื่อสารความเป็นไทยจริงๆ ว่าเราใช้ผ้าแถบ โจงกระเบน เราใช้ผ้าเตี่ยว ที่สมัยก่อนพ่อแม่เรามีผ้าผืนเดียวก็อยู่ได้ไม่ต้องมีเสื้อผ้าเยอะแยะก็อยู่ได้ เสื้อผ้าของตัวละครไม่มีคล้ายกันในเรื่องการแต่งกาย เพราะว่าคือเราจะแยกชัดเจนในเรื่องฐานะชนชั้นกลางก็จะมีฐานะก็จะมีเสื้อผ้าใส่แบบ นายจันก็จะรวยมากหน่อยก็จะมีแก้วแหวนเงินทอง คือมันเป็นชีวิตจริงของคนสมัยนั้นว่า คือคนมีทอง คนรวยก็ต้องใส่ทองใส่เพชรนิลจินดา บัวเองก็เป็นคนที่เรียกได้ว่าหาเช้ากินค่ำ ก็จะมีผ้าผืนหนึ่งเป็นผ้าแถบ แล้วที่ใส่นี้คือเราก็ใส่จริงคือๆ ไม่ได้มีซิป เรามาผูกกันจริงว่าถ้าสมมติเรามีผ้าพื้นเดียวเราจะใส่ปิดบังร่างกายของเรา แล้วก็ออกไปนอกบ้านได้ไหมทำมาหากินได้ไหม เข้าห้องน้ำก็ลำบากมากเหมือนกัน เพราะว่าเราก็ต้องรื้อออกมาใหม่ ทุกอย่างคือใส่ใจรายละเอียดแทบจะทุกอย่างในหนังเรื่องนี้ในทุกๆ ซีนไม่ว่าจะเรื่องเลือดหรือเรื่องอะไร อย่างหน้าตัวก็มีการใส่เลือดไม่เหมือนกัน ความสมจริงทุกอย่างคือเราชอบค่ะมันมีเสน่ห์หลายๆ อย่างอยู่ในตัวของหนังด้วย

Q. พูดถึงผกก.คุณชายอดัม
โซดา : ในมุมของโซดา ชัดแต่ชัวร์นะ เราให้คำนิยามผู้กำกับคนนี้เหมือน เขาจะรู้จุดว่า สมมติว่าอย่างซีนนี้ต้องการอะไร อารมณ์เป็นไงเขาจะพูดให้เราฟังว่า อ๋อ อารมณ์เป็นแบบนี้เป้าหมายของหนังเป็นแบบนี้ อย่างฉากที่ต้องเซ็กซี่เขาจะบอกว่าเราเซ็กซี่ เพราะว่ามันคือที่มาที่ไปของตัวละครที่ทำให้มันเป็นแบบนี้ไม่ให้เราเซ็กซี่พร่ำเพรื่อ แล้วเราก็คิดตามมันก็จะจินตนาการได้ฉะนั้นทุกซีนที่ออกมามันก็จะเป็นเหมือนกับ เราจะนึกภาพออกโดยกว้างๆ คือเขาก็จะบอกเราน้อยๆ ชัวร์ และชัดหลายๆ อย่างเราได้ประสบการณ์จากผู้กำกับมากค่ะเยอะมาก

Q. ท้ายนี้อยากให้ฝากผลงานกับแฟนๆ
โซดา : ก็ฝากหนังเรื่อง ผีห่าอโยธยา ด้วยนะคะเป็นภาพยนตร์เรื่องแรกของโซดา ทุกๆ คนไม่ว่าจะนักแสดงทุกคน ผู้กำกับ ทั้งทีมงานทุกคนตั้งใจมากๆ ยังไงก็ต้องติดตามดูเป็นหนังไทยที่สะท้อนเรื่องราวสมัยก่อนสมัยอโยธยา จริงๆ แล้วอโยธยาอาจไม่ได้แตกเพราะเป็นสงครามก็ได้นะคะ

FB on May 12, 2015, 08:52:47 AM
Movie Guide: ผีห่าอโยธยา



ผีห่าอโยธยา - การกลับฟื้นชีวิตขึ้นใหม่อีกครั้งในคราบของอสูรร้าย
<a href="http://www.youtube.com/watch?v=qk801tok1p4" target="_blank">http://www.youtube.com/watch?v=qk801tok1p4</a>

ปีพุทธศักราช 2108 โรคห่าได้แพร่ระบาดไปทั่วอโยธยา
ศพคนตายกลับฟื้นคืนชีพเป็นผีห่า
ไล่ล่ากัดกินผู้คนอย่างสยดสยอง
พวกเขาจึงต้องลุกขึ้นสู้ ก่อนความตายจะยึดแผ่นดิน

'ผีห่าอโยธยา'
14 พฤษภาคมนี้ในโรงภาพยนตร์

FB on May 12, 2015, 08:55:49 AM
แต๊บ AF ยกนิ้ว แม็กกี้ คณิกาใบ้น้ำตาไหลเป็นสายเลือด ถูกหนึ่งชลัฏเฆี่ยนยิ่งกว่าทาส ปมแค้นจุดเริ่มต้นก่อนอุบัติผีห่า








 
          เรียกได้ว่าเป็นเงื่อนปมสำคัญ ที่คุณชายอดัม ม.ร.ว.เฉลิมชาตรี ยุคล ผู้กำกับตั้งใจถ่ายทอดให้มิติของแต่ละตัวละครมีที่มาที่ไป อุบัติผีห่าตัวแรกออกมาเล่นงานชาวอโยธยา ซึ่งตอกย้ำความเป็นหนังผีแอ็คชั่นสยองขวัญเลือดสาด ที่ย้อนยุคกลับไป 400 กว่าปี จะเกิดอะไรขึ้นเมื่อผีห่าบุกกัดกลืนกินชาวอโยธยา โดยความสัมพันธ์ของ 3 ตัวละครสำคัญ ที่เกี่ยวโยงกันด้วยความรัก เสน่ห์หา ความเคียดแค้น ที่จะส่งผลต่อไป

          โดยเป็นฉากที่ อีพลอย คณิกาสาวสวยแต่เป็นใบ้ (อาภา ภาวิไล) ที่ต้องแสดงความรู้สึก และอารมณ์ที่เต็มไปด้วย รัก โกรธ เจ็บปวด เจ้าเล่ห์ เคียดแค้น กลัวสุดขีดโดยไม่มีบทพูด แม้จะโดนลงหวายจนแผ่นหลังแตกเป็นสายเลือด ออกหรือถูกผีห่ารุมขย้ำก็ตาม ถูกนายจัน (ชลัฎ ณ สงขลา) เจ้าของโรงชำเราชายผู้มั่งคั่ง จับมัดกับเสาและลงโทษด้วยการเฆี่ยนตีจนปางตาย โทษฐานที่แอบลักขโมยเบี้ยกับลูกค้า ที่เชื่อว่าจะสร้างความเกลียดชังให้ผู้ชมได้อย่างถึงขีดสุด ซึ่งหนึ่ง-ชลัฏ ได้กล่าวว่า

          “บุคลิกคาแรคเตอร์ของนายจัน คือ ขี้โกง หน้าเลือด เอาเปรียบคน เป็นเจ้าหนี้ของคนในหมู่บ้าน เจ้าของกิจการโรงชำเราชาย เป็นเศรษฐีมาตั้งแต่ต้นตระกูล คอยกดขี่ชาวบ้าน ในหนังจะเห็นว่านายจันจะเกี่ยวพันกับผู้หญิง 2 คนๆ แรกคือ อีบัว ช่างตีดาบประจำหมู่บ้าน ที่นายจันอยากเอามาเป็นเมีย กับอีพลอยที่เป็นใบ้นายจันเสียดาย ไม่อยากปล่อยให้คนอื่นได้เป็นเจ้าของ ก็หลอกอีพลอยมาทำงานอยู่โรงชำเรา เพียงแต่นายจันจะเลี้ยงดูโดยมองว่าเป็นทาสคนหนึ่ง ไม่พอใจก็จะทุบตีและใช้กำลังอยู่เสมอ”

          ส่วนสาวแม็กกี้ได้พูดถึงฉากนี้ว่า “ฉากในโรงชำเราชาย ที่อีพลอยต้องถูกนายจัน ฟาดเราด้วยหวาย โอ้โห! รู้สึกเป็นคิวแรกด้วยแล้วก็หนักมาก เราเหนื่อยมาก ฟาดแล้วฟาดอีก รับภาพแคบภาพกว้าง เราต้องแสดงอาการเจ็บออกมาจริงๆซึ่งตอนถ่ายทำ เราก็ต้องหันหลังให้พี่หนึ่งที่เล่นเป็นนายจัน ซึ่งเราไม่สามารถมองเห็นข้างหลังเราได้เลย ว่าจะฟาดลงมาเมื่อไหร่ เพราะฉะนั้นเวลาเขาฟาดเราที จะมีพี่หนึ่ง (แอ็คติ้งโค้ช) เขาก็จะคอยสะกิด เราก็ต้องแอ็คติ้งกระแทกเสาเอง ด้วยเวลาที่เราเจ็บเราโดนฟาดแล้วก็ไม่สามารถร้องออกมาเป็นเสียงได้ ในเมื่อเราไม่สามารถพูดได้ มันจะออกมายังไง มันก็เก็บกั้นข้างในมันก็ยาก ก็เลยออกมาเป็นน้ำตาแทน กัดฟันแทน อ่อนล้าอ่อนเพลียไปหมดอะไรอย่างนี้ ก็ถือว่าเป็นบทที่ท้าทายมากๆ เลยค่ะ การที่เป็นใบ้การสื่อสารก็จะเหลือแค่ดวงตาอย่างเดียว”

          ขาดไม่ได้คือยังมีไอ้ขวัญ เด็กวัดเจ้าสำราญ ซึ่งเป็น1ในลูกค้าประจำ ของโรงชำเราชายแห่งนี้ อีกตัวแปรสำคัญที่ผูกโยงกับตัว อีพลอยคณิกาใบ้ มีส่วนสำคัญที่เข้ามาช่วยเหลืออีพลอย ท่ามกลางอุบัติผีห่า และวิกฤติต่างๆ แม้กระทั่งในตอนที่อีพลอยถูกนายจันลงโทษด้วยการเฆี่ยน ซึ่งเรียกได้ว่าเป็นการขึ้นจอแบบเต็มๆ ตัวครั้งแรกในชีวิตของนักร้องหนุ่มอารมณ์ดีจากบ้านเอเอฟ แต๊บ AF 5 ธนพล มหธร

          “สำหรับผมเป็นการแสดงภาพยนตร์ครั้งแรกในชีวิตเลยนะครับ ต้องบอกว่าเป็นประสบการณ์ที่แปลกใหม่มาก ยิ่งภาพยนตร์สไตล์พีเรียด แอ๊คชั่น ผี มีดราม่าอยู่ในนั้นด้วย ก็ถือว่าเป็นอะไรที่ค่อนข้างท้าทายมากสำหรับผมนะครับ แล้วก็รู้สึกสนุกที่ได้ทำ คือเป็นสิ่งที่ไม่ได้เกิดขึ้นในชีวิตจริง แล้วเราจะสร้างภาพพวกนั้นขึ้นมาในหัวเราได้ยังไรอะไรแบบนี้นะครับ แต่พอเราได้มาถ่ายเราก็ได้ฝึกฝนวิชาจากแอ็คติ้งโค้ช เพื่อนๆนักแสดงที่มาร่วมงานช่วยเหลือกันในเรื่องของการแสด ส่วนน้องแม็กกี้ที่ต้องเล่นเป็นใบ้ ซึ่งผมคิดว่ามันเป็นงานหินสำหรับเขา ที่ มันต้องแสดงออกมาจากสีหน้า แววตา ภาษามือ คือผมยังคิดอยู่เลยว่าถ้าได้รับบทแบบนี้การบ้านต้องเยอะมากเลย ด้วยการที่เขาเป็นนักแสดงที่ผ่านมาหลายเรื่องแล้ว ผมเลยรู้สึกว่าเขาเก่งมาก มีสปิริตมาก คือเวลาถ่ายทำ ถ้าเขาต้องมีสมาธิ เขาจะเงียบมากเลยไม่พูดกับใครเลยจะอยู่กับตัวเอง ทั้งๆ ที่ยังเด็กอยู่เลย แต่เก่งมากครับ”

          เตรียมตัวร่วมฟันฝ่าไปกับอุบัติผีห่าที่พร้อมจะกัดกลืนกินทุกคนได้แล้ว
          14 พ.ค.นี้ ผีห่าอโยธยา ทุกโรงภาพยนตร์

FB on May 12, 2015, 08:57:56 AM
“ผีห่าอโยธยา ผีไทยไม่แพ้ชาติใดในโลก” สุดฮือฮากระแสเซลฟี่ แชะ & แชร์ ฝูงผีห่ารุมขย้ำกัดกินผู้คน ฝรั่งคนไทย ถูกใจให้ผีหายใจรดต้นคอ








 
          ออกอาละวาด สร้างความแปลกแหวกตั้งแต่การดีไซน์ผีที่หยิบเอา “โรคห่า มาผสมผสานกับผี กลายเป็นศพที่ลุกฟื้นขึ้นมากัดกินผู้คนแถมฆ่าเท่าไหร่ก็ฆ่าไม่ตาย ภายใต้บรรยากาศแบบย้อนยุคไป400กว่าปีในสมัยอยุธยา” ได้ชนิดที่เรียกว่าเป็นไอเดียสุดล้ำตอกย้ำคำพูดที่ว่า “ผีไทยก็ไม่แพ้ชาติใดในโลก” สำหรับตัวคาแรคเตอร์เอกของ “ผีห่าอโยธยา” ภาพยนตร์ผีแอ็คชั่น-สยองขวัญ เลือดสาดย้อนยุค ที่กลั่นจากมันสมองและสองมือในการเขียนบทและกำกับภาพยนตร์เรื่องล่าสุดของ คุณชายอดัมหรือ ม.ร.ว.เฉลิมชาตรี ยุคล และทันทีที่ เหล่าฝูงผีห่าที่ลุกฟื้นคืนชีพ ปรากฎร่างออกไล่ล่ากัดกลืนกิน ขย้ำคอผู้คน ไปตามสถานที่ต่างๆ ในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมาไม่ว่าจะเป็นแหล่งชุมชน,โรงภาพยนตร์, อีเวนท์ นำไปสู่ปรากฎการณ์พร้อมเสียงตอบรับที่เรียกได้ว่าเกิดเป็นกระแสฮือฮาขึ้นทันที เมื่อผู้คนทั้งหลายได้เผชิญหน้า กลับถูกอกถูกใจ ที่ได้พบและสัมผัสตัวผีห่าอย่างใกล้ชิด เกิดเป็นกระแสที่ทุกคน “เซลฟี่ ผีห่า ทั้งขอแชะ แอนด์แชร์รูป” ผีห่าไปตามๆ กัน จนเกิดเป็นสีสันสนุกๆ ที่กำลังลุกลามต่อเนื่องไปยังโลกของโซเชี่ยลเน็ทเวิร์ค งานนี้รู้สึกว่ากระแสผีห่าจะได้เสียงตอบรับดีเกินคาด ลุกลามจากพี่น้องคนไทยไปจนถึงชาวต่างชาติ ก็ยังขออินกับกระแสขอแชะภาพผีห่า กันอย่างใกล้ชิดสุดๆ ประมาณหายใจรดต้นคอ เผชิญหน้าตาต่อตาฟันต่อฟัน

          งานนี้เรียกได้ว่าทุกชาติทุกเผ่าพันธุ์พร้อมเล่นใหญ่ทั้งผวาและเอ็นจอยแอ็คติ้งแบบจัดเต็มกับ “ผีห่าที่มาในลุคส์ผีซอมบี้แบบไทยๆ แต่งกายในชุดสมัยอโยธยาที่ฆ่าไม่ตายทั้งๆ ที่สะอิดสะเอียไปกับแผลผุผอง ตามร่างกายที่เห็นแล้วสยอง จ้องหน้ามีขนลุกขนชัน ตามเนื้อตัวเต็มไปด้วยบาดแผล และเส้นเลือดปูดโปน” ก็ไม่มียอมกัน

          14 พฤษภาคม จะอยู่อย่างไร้ลมหายใจ หรือตายทั้งเป็นในร่างผีห่า เตรียมพบกับอุบัติ “ ผีห่าอโยธยา” พร้อมกัดกินผู้คนทุกโรงภาพยนตร์

FB on May 12, 2015, 08:59:00 AM
MV. ไม่ว่าเมื่อไหร่ Eternity – เพลงประกอบภาพยนตร์เรื่อง “ผีห่าอโยธยา”



Mv.ไม่ว่าเมื่อไหร่ Eternity - เพลงประกอบภาพยนตร์ ผีห่าอโยธยา [Official Mv]
<a href="http://www.youtube.com/watch?v=LpH9wt85CHE" target="_blank">http://www.youtube.com/watch?v=LpH9wt85CHE</a>
 
ปีพุทธศักราช 2108 โรคห่าได้แพร่ระบาดไปทั่วอโยธยา
ศพคนตายกลับฟื้นคืนชีพเป็นผีห่า ไล่ล่ากัดกินผู้คนอย่างสยดสยอง
พวกเขาจึงต้องลุกขึ้นสู้ ก่อนความตายจะยึดแผ่นดิน
'ผีห่าอโยธยา' 14 พฤษภาคมนี้ ในโรงภาพยนตร์

เพลง ไม่ว่าเมื่อไหร่ eternity
เพลงประกอบภาพยนตร์ ผีห่าอโยธยา
ศิลปิน : จีน กษิดิศ
เนื้อร้อง : ชยานนท์ เครือเอี่ยม , บัญชา เธียรกฤตย์
ทำนอง : ชยานนท์ เครือเอี่ยม , บัญชา เธียรกฤตย์
เรียบเรียง : บัญชา เธียรกฤตย์

FB on May 13, 2015, 08:35:15 AM
สาวๆ เตรียมฟิน หนุ่มเต้ย-พงศกร นำทีมนักแสดง ผีห่าอโยธยา ปั๊มอกเป็นว่าเล่นทั้งฟิตแอนด์เฟิร์มพร้อมลุย



           แม้ว่าหนัง “ผีห่าอโยธยา” เรื่องราวส่วนใหญ่จะเกิดในเวลาพลบค่ำ-ย่ำรุ่งสาง แต่จากภาพเบื้องหลังที่ฟ้องอยู่นี้ บอกให้รู้ว่าการที่ตัวหนังได้เหล่านักแสดงหนุ่มสาวคนรุ่นใหม่มาถ่ายทอด 7 ตัวละครหลัก ที่กลายเป็นกลุ่มผู้รอดตายสุดท้าย ซึ่งต้องมาร่วมฟันฝ่าผ่าอุบัติผีห่าศพฟื้นมีชีวิตขึ้นมากัดกลืนกินผู้คนด้วยแล้ว ทำให้ภาพชินตาของเหล่านักแสดง และทีมงานในกองถ่ายทำ “ผีห่าอโยธยา” ที่ย้อนยุคอดีตกาลกลับไปยังสมัยอโยธยากว่า 400 ปี อย่าง 3 นางเอกสาว แคท ซอนญ่า สิงหะ,แม็กกี้ อาภา ภาวิไล,โซดา-วีรี ละดาพันธ์ นุ่งโจงกระเบนคาดอกด้วยผ้าแถบ หรือ แต๊บ เอเอฟ 5 -ธนพล มหธร ,คาน-คานธี วสุวิชย์กิต นักแสดงหนุ่มสายละครเวทีที่ขึ้นจอใหญ่แบบเต็มๆ ตัวเป็นครั้งแรก และรุ่นใหญ่มากฝีมือนักแสดงคู่บุญของ คุณชายอดัม ม.ร.ว.เฉลิมชาตรี ยุคล อย่าง หนึ่ง ชลัฎ ณ สงขลา ต้องลุกขึ้นมาจับดาบสับบั่นหั่นคอผีห่าข้ามคืนแล้ว

          พอมีเวลาว่าง ช่วงจัดแสงเปลี่ยนมุมกล้อง หรือรอเข้าฉาก ก็จะได้เห็นเหล่านักแสดงทั้ง เต้ย พงศกร เมตตาริกานนท์ พระเอกสุดฮอตหุ่นเป๊ะจากบางระจัน เปลือย อุ๊บส์ แต่งตัวย้อนยุคเข้าฉาก (อย่างที่เห็น) งานนี้สาวๆ เตรียมฟินกันได้ เพราะพระเอกเราทั้งฟิตแอนด์เฟิร์ม ปั้มอกเป็นว่าเล่น พร้อมกับนักร้องหนุ่มอารมณ์ดีอย่าง แต๊บ เอเอฟ 5 เพราะในเรื่องต้องหนี และเผชิญหน้ารับมือเอาชีวิตตัวเองให้รอดจากฝูงผีห่าตลอดทั้งเรื่อง ก็ต้องเหนื่อย หอบ ล้า เพื่อความสมจริงก็เลยต้องมีการลุกขึ้นวอร์มอัพเรียกเหงื่อซะหน่อย ซึ่งรวมไปถึงเหล่านักแสดงคนอื่นๆ เช่นกันทั้งสาวสวนหุ่นดีอย่างน้อง แคท ซอนญ่า ที่ก็ลุกขึ้นมา ชกลม วิดพื้น หรือแม้แต่ แม็กกี้ ที่ทั้งกระโดดตบ วิ่งรอบโบสถ์กันทีเดียว ไม่เว้นแม้แต่นักดาบหนุ่มอดีตหัวหมู่ทะลวงฟันแห่งกองทัพอโยธยาที่รับบทโดย คานธี หรือหญิงแกร่งช่างตีดาบสาวในภาพยนตร์อย่าง โซดา ที่ซ้อมเหวี่ยงค้อนตลอดทั้งคืน เพราะต้องมีฉากไฮไลท์ทุบหัวผีห่าเลือดกระจาย

          และนี่เป็นเพียงบรรยากาศเบาๆ แค่บางส่วนที่เกิดขึ้นตลอดการถ่ายทำ “ผีห่าอโยธยา” ที่เรียกได้ว่าทุ่มเทพลังกายพลังใจกันอย่างถึงขีดสุดของเหล่าบรรดานักแสดงรุ่นใหม่มากพลังที่ตั้งใจเกินร้อย เพื่อให้ผลงานภาพยนตร์ออกมาดีที่สุดให้คุ้มค่ากับที่แฟนๆ ตั้งใจรอชม เตรียมพบกับอุบัติความมันส์เลือดสาดของหนังผีย้อนยุคแนวใหม่ได้ใน “ผีห่าอโยธยา” 14 พ.ค. นี้ทุกโรงภาพยนตร์

FB on May 14, 2015, 09:29:16 AM
ผีห่า ออกขย้ำกลางงานปาร์ตี้เปิดตัวหนังรอบปฐมทัศน์ สะใจผู้ชมกลุ่มแรกในโลก แหวก แปลก มันส์ครบรส









          จัดหนักความเข้มข้นแอ็คชั่นมันส์สยองเลือดสาด ที่ผสมผสานไอเดียความแปลกแหวกแนว ระหว่างหนังผีกับโรคห่า ภายใต้ฉากหลังที่ย้อนยุคกลับไป 400 กว่าปี ก่อนกรุงศรีอยุธยาจะแตก คุณชายอดัม ม.ร.ว.เฉลิมชาตรี ยุคล ผู้กำกับ และทีมนักแสดง “ผีห่าอโยธยา” กับภาพยนตร์เรื่องล่าสุดของ สหมงคลฟิล์ม อินเตอร์เนชั่นแนล และฟุ๊คดุ๊ค ฟิล์ม ที่จัดฉายรอบปฐมทัศน์ให้กับสื่อมวลชน แขกผู้มีเกียรติกลุ่มแรกในโลก ได้สัมผัสถึงทุกอรรถรสในภาพยนตร์ที่ถูกอกถูกใจคอหนังผี-แอ็คชั่นอย่างแน่นอน งานนี้หลายคนยังลุ้นไปกับความพยายามเอาตัวรอดของแต่ละตัวละคร จากวิกฤติผีห่ากัดกลืนกินผู้คนทั่วทั้งหมู่บ้านกัน ชนิดที่ว่าเกิดอาการนั่งเกร็งหลังไม่ติดเบาะกันไปตามๆ กัน!!!

          การเปิดตัวภาพยนตร์ที่แหวก แปลกกับคอนเซ็ปท์ “ปาร์ตี้ผีห่า” ที่เหล่าแขกผู้มีเกียรติจะได้กับเซลฟี่ใกล้ชิดห้อมล้อมไปด้วยฝูงผีห่า ที่หลุดออกมาจากสมัยอโยธยา พร้อมเก็บบันทึกความสยองชวนขนลุกกับผีห่าที่กำลังจะขย้ำคอ ผ่านรูปภาพจาก กล้องฟูจิ INSTAX กลับบ้านไปด้วย ยังมีมิวสิคปาร์ตี้สุดพิเศษจาก จีน กษิดิศ ที่จัดเต็มกับโชว์เสียงร้องเพราะๆ ในซาวน์ 80 มาร้องสดๆ ให้ฟังโดยมีไฮไลท์อยู่ที่บทเพลง “ไม่ว่าเมื่อไหร่” ที่แต่งขึ้นมาเพื่อประกอบภาพยนตร์ “ผีห่าอโยธยา” กับโชว์พิเศษที่ตั้งใจดีไซน์ขึ้นโดยเฉพาะหลังจากนั้นเหล่านักแสดงนำทั้ง 7 คน ทั้ง เต้ย-พงศกร เมตตาริกานนท์, แคท-ซอนญ่า สิงหะ, แม็กกี้- อาภา ภาวิไล, แต๊บ-ธนพล มหธร, โซดา-วีรี ละดาพันธ์, คาน-คานธี วสุวิชย์กิต, หนึ่ง-ชลัฎ ณ สงขลาและคุณชายอดัม ผู้กำกับ ขึ้นพูดคุยถึงบทบาท และประสบการณ์ที่ได้รับ และเสียงตอบรับถึงตัวผีห่าที่อยู่ในกระแสความสนใจของผู้ชมอยู่ในขณะนี้

          ก่อนที่ทั้งหมดจะร่วมถ่ายรูปรวม โดยได้รับเกียรติจาก ท่านมุ้ย หม่อมเจ้าชาตรีเฉลิม ยุคล, หม่อมกมลา ยุคล ณ อยุธยา, หม่อมราชวงศ์ ศรีคำรุ้ง ยุคล รัตตกุล, คุณเตือนใจ เตชะรัตนประเสริฐ รองประธานกรรมการบริษัทสหมงคลฟิล์ม อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด และพลตรี พชร รัตตกุล, พลอยพิชชา พิภพวรไชย ผู้ควบคุมงานสร้าง รวมถึงนักแสดงรับเชิญอย่าง ชาติ อรรถจินดา, แนน ปรางค์วลัย งานนี้เรียกได้ว่าได้รับความสนใจจากบรรดาผู้คนในวงการต่างมาร่วมงานกันอย่างคับคั่ง รวมไปถึงเหล่าผู้กำกับชั้นแนวหน้าของเมืองไทยอาทิ ปรัชญา ปิ่นแก้ว,บัณฑิต ทองดี, พิง ลำพระเพลิง, ภาคภูมิ วงศ์จินดา รวมไปถึงนักแสดงและเซเลปในวงการที่มาร่วมให้กำลังใจอาทิ เกรซ มหาดำรงค์กุล, นาวาอากาศโทจงเจต วัชรานันท์

          เตรียมตัวร่วมฟันฝ่าไปกับอุบัติผีห่าที่พร้อมจะกัดกลืนกินทุกคนได้แล้ว

          14 พ.ค.นี้ ผีห่าอโยธยา ทุกโรงภาพยนตร์

FB on May 18, 2015, 09:39:45 AM
“อุบัติผีห่าบุกขย้ำไล่ล่าผู้คนทั่วทั้งกรุง” จากกลางสี่แยกราชประสงค์ทะลุห้างดังจนถึงโรงภาพยนตร์ กระแสเซลฟี่ผีห่าแรง ไทย-เทศร่วมแชะแอนด์แชร์กันทั้งกรุง




 
          เรียกได้ว่าเป็นที่กล่าวถึงกันไปทั่วบ้านทั่วเมืองจนเกิดเป็น “กระแสทอล์ค ออฟ เดอะ ทาวน์” สำหรับ “ผีห่าจากอโยธยา” ที่หลุดมาจากสมัยอโยธยาราว 400 กว่าปีก่อน ผีร้ายที่เกิดจากอุบัติโรคห่า กัดกลืนกินเปลี่ยนศพไร้วิญญาณ ให้มีชีวิตฟื้นขึ้นมา ไล่กัดกินผู้คนในรูปลักษณ์ของชาวบ้านทั้งชาย และหญิง ห่มสไบ คาดผ้าแถบ นุ่งโจงกระเบน เนื้อตัวเหวอะหวะเต็มไปด้วยบาดแผลพุผอง ตาโตเบิกโพลง จ้องจะเขมือบขย้ำคอผู้คนตลอดเวลา ที่ออกมาอาละวาดไล่ล่าผู้คนไปตามสถานที่ต่างๆ ทั่วกรุงเทพอยู่ในขณะนี้

          โดยเฉพาะกลางเมืองที่รวบรวมไปด้วยผู้คนทั้ง กลางสี่แยกราชประสงค์ สยามสแควร์ ชิดลม จะพบเห็นว่าตอนนี้กลุ่มผีห่า ได้ออกเดินเปะปะปนไปกับผู้คนยามกลางวันแสกๆ แม้แต่แหล่งชอปปิ้งยอดนิยมของชาวกรุงและคนต่างชาติอย่าง สวนจตุจักร ฝูงผีห่าชายหญิงก็บุกถล่มสร้างความหวาดผวา บุกจู่โจมแก่ผู้คนทั้งชาวไทย และชาวต่างชาติ เป้าหมายหลักคือผู้คนทุกเพศทุกวัย วัยรุ่น นักท่องเที่ยว หนุ่มสาวชาวออฟฟิศ ล้วนตกเป็นเหยื่อจนเกิดป็น “อุบัติผีห่าบุกขย้ำไล่ล่าผู้คนทั่วทั้งกรุง” ขยายอาณาเขตบุกเข้าสู่ห้างสรรพสินค้าชั้นนำใจกลางเมือง ห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัลพลาซ่าลาดพร้าว,เซ็นทรัลพลาซ่าพระราม 2, เซ็นจูรี่เดอะมูฟวี่พลาซ่า พร้อมขย้ำผู้คนในโรงภาพยนตร์ พารากอนซีนีเพล็กซ์ ศูนย์การค้าสยามพารากอน, โรงภาพยนตร์เอสเอฟเวิลด์ซีเนม่า ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์ ฯลฯ

          จนเกิดเป็นอุบัติผีห่าสร้างปรากฎการณ์เหนือความคาดหมายเมื่อคนไทย และชาวต่างชาติลุกขึ้นมาให้การตอบรับฝูงผีห่าร่วม ''เซลฟี่กับผีห่าสร้างสีสันแชร์รูปไป ในสังคมออนไลน์ กันอย่างสนุกสนาน เรียกได้ว่าจัดเต็มทั้งผี และคนแอ็คติ้งกันอย่างหนำใจ จนเกิดเป็นไลฟ์สไตล์ที่กำลังอินของผู้คนชาวกรุงกันอยู่ในขณะนี้ต้อนรับการเข้าฉายของ “ผีห่าอโยธยา” หนังผีไอเดียล้ำ ที่หลายๆ เสียงที่ได้ชมแล้วต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า ผีไทยไม่แพ้ผีชาติใดในโลก โดยเฉพาะอย่างยิ่งผีไทย ยังไงก็น่ากลัวที่สุด ไปร่วมลุ้นและเอาใจช่วยว่า ใครจะรอดใครจะตาย และใครจะเป็นผีห่าคนต่อไปได้แล้ววันนี้กับ “ผีห่าอโยธยา” ทุกโรงภาพยนตร์

FB on May 19, 2015, 03:14:15 PM
โซดา วีรีทุ่มทั้งตัว โนสแตนอิน เซ็กซี่สุดสุด บู๊สุดชีวิตแจ้งเกิดในบทอีบัวค้อนคู่คู่ปรับผีห่า


 
          เรียกได้ว่าแจ้งเกิดกันไปเต็มๆ กับบทที่บู๊สุดชีวิต เซ็กซี่ทั้งตัว เผยให้เห็นถึงสปิริทในการทุ่มเทหยาดเหงื่อ พลังกายพลังใจในการแสดงชนิดที่ว่า ได้ใจทีมงาน เพื่อนนักแสดงทั้งกองโดยเฉพาะอย่างยิ่ง ผู้กำกับคุณชายอดัม ม.ร.ว.เฉลิมชาตรี ยุคล ที่เลือก โซดา-วีรี ละดาพันธุ์เองกับมือเพื่อให้มารับบท อีบัว นักสู้หญิงแกร่ง สวย เอ็กซ์ เซ็กซี่ ช่างตีดาบประจำหมู่บ้านในสมัยอโยธยา ผู้มีอาวุธคือค้อนคู่ประจำตัวออกไล่ล่าทุบหัวผีห่าตัวแล้วตัวเล่า พูดได้ว่านี่คือตัวละครในแบบฉบับของ femme fatale?หญิงแกร่งที่มีความมั่นใจในตัวเองยืนหยัดต่อสู้ได้ด้วยสองมือและลำแข้งของตัวเองไม่ยิ่งหย่อนไปกว่าชายอกสามศอก
?“จำไม่ได้ว่าฟันไปกี่ตัวค่ะ เพราะมันเยอะมาก จำได้แค่ เลือดกระฉูด คอขาด กระดูกโผล่ ตัวขาด อะไรจำพวกนั้น 555 กับบทที่ได้รับนี่ต้องบอกเลยค่ะว่าผู้กำกับจัดเต็มมากๆ เพราะอย่างที่บอกว่าบทบัวนี่สุดทุกทางจริงๆ บู๊สุด โดนข่มเหงบ้าง เซ็กซี่บ้าง ยังมีในเรื่องของอารมณ์อีกด้วย ยอมรับว่าตอนแรกท้อมากๆ รู้แค่ว่าได้เล่นหนังแต่ไม่เคยคิดว่าจะต้องเจอกับอะไร เรียนการแสดงเรียนฟันดาบ แถมยังต้องฟิตเนสอาทิตย์ละ 5 วัน ฟันดาบเสร็จกลับมาเข้ายิม คือบางครั้งมันปวดทรมานมากจนร้องไห้ไปเลย 555 แต่ดีใจผ่านมันมาได้ค่ะ ซิทอัพทุกวันๆ ละ 100 ครั้งเลยค่ะ กว่าจะได้แพ็คหน้าท้องแบนเรียบแบบนั้น เพราะว่าชุดที่เราต้องใส่เป็นหนังพีเรียดก็ต้องเป็นผ้าแถบ แล้วผู้กำกับต้องการความสมจริง ในเรื่องที่เห็น เป็นโซดาทุกฉาก ทุกตอนค่ะ ไม่มีสแตนอินเลย....... ผู้กำกับต้องการผู้หญิงที่ดูแล้วเซ็กซี่ แต่ในขณะเดี๋ยวกันก็ต้องแข็งแรงด้วยก็ประมาณว่าโชคดีเราเป็นคนมีหน้าอกอยู่แล้ว?จำได้ว่าโปรดิวเซอร์เป็นคนแคสเองเลย เขาอยากได้ความสมจริง อันนี้ก็ต้องบอกว่าแม่ให้มาเลยค่ะ

          แต่ถึงกระนั้นเมื่อมีโอกาสได้เห็นผลงานตัวเองในจอภาพยนตร์แล้ว ความเหนื่อย ความท้อก็หายเป็นปลิดทิ้งเมื่อเสียงตอบรับที่ได้กลับมาล้วนเป็นความชื่นชม แต่อาจเขินสักหน่อยเมื่อพูดถึงความเซ็กซี่

          เสียงตอบรับค่อนข้างดีนะคะ สำหรับตัวโซดาเอง เป็นการเริ่มต้นที่เราไม่คิดว่าจะได้รับอะไรกลับมาขนาดนี้ แน่นอนว่าข้อบกพร่องข้อเสียมันก็มี ซึ่งเราก็น้อมรับหมดทุกอย่าง เขินมากกก?มันบอกไม่ถูกค่ะ เคยแต่นั่งดูหนังมีนักแสดงที่เราชอบอยู่ในนั้น พอเป็นตัวเองแล้วมันเขินยังไงบอกไม่ถูก..ยิ่งพอฉากที่ต้องเซ็กซี่แล้วดูตัวเองนี่ถึงกับหน้าแดงเลย555??

          ทุ่มสุดตัวขนาดนี้ แถมยังเป็นนักแสดงรุ่นใหม่ที่ทั้งสวย กล้าและสปิริทแรงยังไงก็ไปร่วมให้กำลังใจกับโซดา วีรี ละดาพันธุ์กับ ผีห่าอโยธยา อีกรสชาติใหม่ของหนังผีไทยกันได้แล้ววันนี้ทุกโรงภาพยนตร์