สวทช. ร่วมผลักดันกับ ธ.ออมสิน และหน่วยงานพันธมิตร 5 องค์กร เพื่อการปฎิรูป ส่งเสริมศักยภาพผู้ประกอบการ SMEs และผู้ประกอบการรายย่อย ให้เติบโตอย่างยั่งยืน
สำนักงานพัฒนา วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ร่วมกับ ธนาคารออมสินและหน่วยงานพันธมิตร 6 องค์กร ได้แก่ สำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) สำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (องค์การมหาชน) (สนช.) สถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทย (วว.) กรมการพัฒนาชุมชน (พช.) และบริษัทไปรษณีย์ไทย จำกัด ได้ร่วมลงนามบันทึกความร่วมมือโครงการส่งเสริมศักยภาพผู้ประกอบการ SMEs และผู้ประกอบการรายย่อยให้เติบโตอย่างยั่งยืน โดยมีนายรังสรรค์ ศรีวรศาสตร์ ปลัดกระทรวงการคลังเป็นประธานในงาน เมื่อวันที่ 30 มิถุนายน 2557 ณ โรงแรมเซ็นทาราแกรนด์ แอท เซ็นทรัลเวิลด์
นายณรงค์ ศิริเลิศวรกุล รองผู้อำนวยการสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) กล่าวว่า สวทช. มีพันธกิจหลักในด้านการวิจัย พัฒนา และวิศวกรรม โดยเฉพาะในสาขาเทคโนโลยีที่มีความสำคัญเพื่อมุ่งให้เกิดผลกระทบต่อภาค เศรษฐกิจหลักของประเทศ และสร้างความตระหนักด้านการถ่ายทอดเทคโนโลยี พัฒนากำลังคน และโครงสร้างพื้นฐานระดับชาติด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี โดยการดำเนินงานเน้นความร่วมมือกับหน่วยงานทั้งในภาครัฐ สถาบันการศึกษา และเอกชน เพื่อสร้างขีดความสามารถทางเทคโนโลยีและความสามารถในการพึ่งพาตนเองในภาคการ ผลิตและบริการ ส่งเสริมให้เกิดการนำวิทยาศาสตร์ไปประยุกต์ใช้เพื่อสร้างความเข้ม แข็งแก่ภาคอุตสาหกรรม SMEs และชุมชน สำหรับการร่วมมือกันในครั้งนี้ เพื่อส่งเสริมศักยภาพผู้ประกอบการ SMEs และผู้ประกอบการรายย่อยให้เติบโต อย่างยั่งยืน และความคาดหวังว่า จะเป็นการกระตุ้นการลงทุนด้านการวิจัยและพัฒนาเพิ่มขึ้นเป็น 1% ของมูลค่าผลิตภัณฑ์มวลรวม (GDP) ในประเทศไทยภายในปี 2559 และทำให้ผู้ประกอบการ SMEs และสร้างโอกาสนักลง ทุนหน้าใหม่มาใช้บริการในปี 2558 เพิ่มขึ้นโดยประมาณไม่ต่ำกว่า 300 บริษัท ซึ่งจะก่อให้เกิดมูลค่าด้านเศรษฐกิจในประเทศและต่างประเทศกว่า 1,000 ล้านบาทขึ้นไป
ทั้งนี้ ในปัจจุบันการแข่งขันทางธุรกิจสูงมาก รวมถึงการที่ไทยจะเข้าสู่ AEC ใน ปี 2558 ซึ่งจะทำให้เกิดการขยายตัวของ ภาคธุรกิจอุตสาหกรรมต่างๆ มากมาย ผู้ประกอบการทุกขนาดจำเป็นต้องมีการปรับตัวให้ทันไม่ว่าจะเป็นกลยุทธ์ด้าน การตลาดรวมไปถึงเทรนด์ด้านเทคโนโลยีที่มีผลต่อธุรกิจในแง่การเกิด โมเดลธุรกิจใหม่ๆ สวทช. ซึ่งมีความพร้อมทุกดัานด้วยจุดแข็งขององค์กรที่มีเทคโนโลยีที่มี บทบาทสำคัญและเป็นยุทธศาสตร์ที่แข็งแกร่งต่อการพัฒนาธุรกิจทุก ด้าน ได้แก่ เทคโนโลยีชีวภาพหรือไบโอเทคโนโลยี เทคโนโลยีด้านโลหะและวัสดุ เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์ นาโนเทคโนโลยี ตลอดจนมีศูนย์บริหารจัดการเทคโนโลยี หรือ TMC ซึ่งทำหน้าที่เป็น HUB หรือ one stop service
โดย มีกลไกหลักในการแปลงและนำเทคโนโลยีต่างๆ เข้าสร้างผู้ประกอบรายใหม่รวมไปถึงพัฒนาผู้ประกอบรายเดิมในตลาดให้มี ศักยภาพที่แข่งขันได้ผ่านบริการหลักคือ 1) ศูนย์บ่มเพาะธุรกิจ (BUSINESS INCUBATION CENTER) ในการบ่มเพาะ และพัฒนาผู้ประกอบการใหม่ 2) โครงการสนับสนุนการพัฒนาเทคโนโลยีของ อุตสาหกรรมไทย หรือ ITAP ( Industrial Technology Assistance Program) โดย การจัดหาผู้เชี่ยวชาญเพื่อพัฒนาผลิตภัณฑ์ และแก้ไขปัญหาทางเทคนิคให้ผู้ประกอบการ 3) โครงการสนับสนุนการวิจัย พัฒนาและวิศวกรรมภาคเอกชน (CD) ในการ ประเมินความเป็นไปได้ทางเทคนิคของโครงการโดยผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทาง ก่อนยื่นขอเงินกู้จากสถาบันการเงิน ทั้งหลายทั้งปวงเหล่านี้จะเป็นกลไกผสมผสานที่สำคัญในการสร้างความ เข้มแข็งแก่ผู้ประกอบการทั้งในระดับเริ่มต้น(start up) หรือผู้ประกอบการรายเล็กและรายใหญ่ได้อย่างเข้ม แข็งต่อไป
