MSN on June 18, 2014, 10:22:23 PM
ความเชื่อมั่นประเทศไทยกลับมาแล้วหรือ?

18 มิถุนายน 2557, กรุงเทพฯ – คอลลิเออร์ส อินเตอร์เนชั่นแนล ประเทศไทย (Colliers International Thailand) ผู้นำด้านธุรกิจที่ปรึกษาและตัวแทนขายด้านอสังหาริมทรัพย์ครบวงจร การันตีความเชื่อมั่นด้วยรางวัลแห่งความสำเร็จอันทรงเกียรติ 6 รางวัลจากไทยแลนด์ พร็อพเพอร์ตี้ อวอร์ดส ประจำปี พ.ศ.2555 และ 2556 ถึง 2 ปีซ้อน พร้อมก้าวเข้าสู่ปีที่ 8 แบบก้าวกระโดดรุกจับกระแสผู้เชี่ยวชาญด้านที่ปรึกษาอสังหาริมทรัพย์ในเขตประชาคมอาเซียน และยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่องท่ามกลางสถาณการณ์ทางการเมืองในประเทศ

นายไทรมั่น ลัญฉน์ดี ประธานกรรมการบริหาร คอลลิเออร์ส อินเตอร์เนชั่นแนล ประเทศไทย กล่าวว่า "คอลลิเออร์ส ประเทศไทย เติบโตมาจากฐานะของบริษัทผู้เชี่ยวชาญในการให้คำปรึกษาด้านอสังหาริมทรัพย์ กับเจ้าของโครงการ ดีเวลลอปเปอร์ และผู้ซื้อ ดังนั้นจึงเป็นเรื่องที่น่ายินดีเป็นอย่างมากที่ได้รับการยอมรับในวงการอสังหาริมทรัพย์และลูกค้าของบริษัท จากรากฐานที่มั่นคงนี้ จึงเป็นข้อได้เปรียบในการให้บริการด้านตัวแทน ซึ่งมีลูกค้าเป็นศูนย์กลาง โดยให้คำปรึกษาอย่างตรงไปตรงมาจากพื้นฐานของธุรกิจที่แท้จริง

ธุรกิจยังอยู่ในทิศทางที่ดีจากปัจจัยพื้นฐานที่มั่นคง ทั้งในส่วนของบริษัท และเศรษฐกิจของประเทศไทย ซึ่งเห็นได้ว่าบางส่วนของตลาดยังเติบโตได้ดีในปีที่ผ่านมา แม้ว่าสถานการณ์ทางการเมืองของประเทศไทยยังคงร้อนแรงในช่วงปลายปี จนถึงต้นปีนี้ ทำให้มีผลกระทบต่อเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศ แต่ ธุรกิจทางด้านอสังหายังคงเติบโตต่อไปได้ และคาดว่าจะมีแนวโน้มที่ดีขึ้นหลังรัฐประหาร

สถานการณ์ความขัดแย้งทางการเมืองของคนไทยที่ยืดเยื้อยาวนานมาสิ้นสุดลงเมื่อคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ออกมารัฐประหารเพื่อยุติปัญหา และความขัดแย้งภายในประเทศ จากนั้นตามมาด้วยการจัดตั้งทีมบริหารเพื่อสะสางปัญหาที่ค้างคามานานโดยเฉพาะเรื่องเงินจำนำข้าว ซึ่งถือว่าเป็นผลดีเพราะจะทำให้เงินส่วนนี้ที่จ่ายให้ชาวนากระจายไปสู่ส่วนอื่นๆ ในสังคมจากการจับจ่ายใช้สอย นอกจากนี้ทีมบริหารที่จัดตั้งขึ้นโดยคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ยังมีการแถลงข่าวว่าจะยังคงเดินหน้าโครงการสาธารณูปโภคขนาดใหญ่ต่อไป แต่อาจจะสลับกันในเรื่องของระยะเวลาในการเริ่มโครงการ

นายสุรเชษฐ กองชีพ รองผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย คอลลิเออร์ส อินเตอร์เนชั่นแนล ประเทศไทย กล่าวว่า “ในช่วง 5 เดือนแรกของปีพ.ศ.2557 ประเทศไทยยังคงเผชิญกับภาวะเศรษฐกิจหดตัวอย่างต่อเนื่องจากช่วงไตรมาสที่ 2 ของปี พ.ศ.2556 ซึ่งส่งผลต่อสถานการณ์ตลาดที่อยู่อาศัยอย่างเห็นได้ชัด โดยเฉพาะอย่างยิ่งในตลาดคอนโดมิเนียมที่จำนวนคอนโดมิเนียมเปิดขายใหม่ในกรุงเทพมหานครในช่วง 5 เดือนแรกลดลงอย่างเห็นได้ชัด เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีพ.ศ.2556 โดยมีคอนโดมิเนียมเปิดขายใหม่เพียงแค่ประมาณ 16,617 ยูนิต ลดลงประมาณ 21.6% จากจำนวนประมาณ 21,215 ยูนิตในช่วงเดียวกันของปีก่อน ในขณะที่ตลาดอสังหาริมทรัพย์ประเภทอื่นๆ ก็ได้รับผลกระทบเช่นเดียวกันแต่อาจจะยังไม่เห็นผลกระทบมากนัก เช่น ตลาดพื้นที่ค้าปลีกที่กลุ่มผู้เช่ารายย่อยบางรายที่มีปัญหาขาดสภาพคล่อง เนื่องจากกำลังซื้อหดหายไปพอสมควรตั้งแต่ปีที่ผ่านมา ตลาดอาคารสำนักงานยังคงมีการขยายตัวแม้ว่าบริษัทต่างชาติบางส่วนเลือกที่จะชะลอการลงทุนในไทยออกไปก่อน เช่นเดียวกันกับการลงทุนของต่างชาติที่ต้องการรอดูความชัดเจนต่างๆ ก่อนที่เดินหน้าลงทุนตามแผน รวมทั้งการที่ยังไม่มีคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (BOI) ที่มีอำนาจเต็มเพื่ออนุมัติโครงการที่ขอส่งเสริมการลงทุน”

จากข้อมูลที่รวบรวมมาพบว่าภาวะเศรษฐกิจของประเทศไทยมีผลต่อตลาดอสังหาริมทรัพย์อย่างเห็นได้ชัด โดยเฉพาะในตลาดที่อยู่อาศัย นายสุรเชษฐ ได้คาดการณ์ถึงตลาดอสังหาริมทรัพย์ในช่วงครึ่งหลังปีพ.ศ.2557 “ถ้าภาวะเศรษฐกิจมีการขยายตัวสูงจะส่งผลให้ตลาดอสังหาริมทรัพย์มีการขยายตัวสูงตามไปด้วยเช่นกัน การรัฐประหารในครั้งที่ผ่านมาแทบไม่มีผลต่อตลาดอสังหาริมทรัพย์ เพราะโครงการที่อยู่อาศัยที่เปิดขายใหม่ในปีพ.ศ.2550 ยังคงขยายตัวอย่างต่อเนื่อง แต่อัตราการซื้อขายหดตัวลงไป ซึ่งอาจจะเกิดจากการที่ผู้ซื้อชะลอการตัดสินใจออกไปเพื่อรอดูสถานการณ์ จากนั้นก็กลับขยายตัวอีกต่อเนื่อง สำหรับการคาดการณ์ตลาดอสังหาริมทรัพย์ในช่วงครึ่งหลังปีพ.ศ.2557 และปีพ.ศ.2558 นั้นขึ้นอยู่กับว่าสถานการณ์ในประเทศจะเป็นอย่างไร การกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านนโยบายต่างๆ ของ คสช. นั้นจะได้ผลมากน้อยแค่ไหน ซึ่งถ้ามาตรการต่างๆ ออกมาเร็ว และมีผลดีต่อส่วนรวมจะทำให้คนไทยมีความเชื่อมั่น และกลับมาจับจ่ายใช้สอย รวมทั้งซื้อที่อยู่อาศัย ธนาคารต่างๆ จะพิจารณาการปล่อยสินเชื่อได้รวดเร็วขึ้น โครงการพัฒนาระบบสาธารณูปโภคต่างๆ ก็จะกลับมาเดินหน้าตามแผนงานต่อไป ซึ่งจะส่งผลให้เศรษฐกิจของประเทศขยายตัวมากขึ้น จำนวนของคอนโดมิเนียมที่คาดว่าจะเปิดขายในกรุงเทพมหานครในปีพ.ศ.2557 น่าจะไม่เกิน 40,000 ยูนิต ในขณะที่ตลาดพื้นที่ค้าปลีกยังคงขยายตัวต่อไปโดยในช่วงที่เหลือของปีพ.ศ.2557 นี้มีโครงการพื้นที่ค้าปลีกที่มีกำหนดเปิดให้บริการมากกว่า 700,000 ตารางเมตร และตลาดอาคารสำนักงานเองก็ยังคงมีอัตราการเช่าที่ขยายตัวจากปี พ.ศ.2556 ประมาณ 2-3% ขึ้นอยู่กับสถานการณ์ภายในประเทศ”

สำหรับตลาดอสังหาริมทรัพย์ในหัวเมืองตากอากาศนั้น นายสัญชัย คูเอกชัย  รองผู้อำนวยการฝ่ายโครงการที่อยู่อาศัยส่วนภูมิภาค คอลลิเออร์ส อินเตอร์เนชั่นแนล ประเทศไทย กล่าวว่า “ในช่วงเดือนที่ผ่านมาเริ่มมีสัญญาณแนวโน้มที่ดีขึ้น ในส่วนของผู้ซื้อชาวไทยที่เริ่มมีการเยี่ยมชมโครงการและตัดสินใจซื้อที่อยู่อาศัยเมืองตากอากาศมากขึ้น เราประเมินว่าตลาดที่อยู่อาศัยในเมืองตากอากาศ โดยเฉพาะผู้ซื้อชาวไทย จะกลับมาคึกคักอีกครั้งในครึ่งปีหลังเนื่องจากสถานการณ์ทางการเมืองเริ่มนิ่งและผู้พัฒนาโครงการจะกลับมาจัดกิจกรรมส่งเสริมการขายและออกโปรโมชั่นกระตุ้นการขายใหม่ๆ เพื่อเร่งยอดขาย อย่างต่อเนื่อง”

ทำเล   หัวข้อ   2556   2557
อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่   จำนวนยูนิต   2,573   709
   อัตราการขาย   60%   62%
พัทยา   จำนวนยูนิต   7,403   2,169
   อัตราการขาย   61%   30%
เขาใหญ่   จำนวนยูนิต   1,247   480
   อัตราการขาย   55%   5%
ชะอำ หัวหิน ปราณบุรี   จำนวนยูนิต   2,090   343
   อัตราการขาย   64%   30%
ภูเก็ต   จำนวนยูนิต   3,236   1,446
   อัตราการขาย   61%   32%

ที่มา: ฝ่ายวิจัย คอลลิเออร์ส อินเตอร์เนชั่นแนล ประเทศไทย
หมายเหตุ: อัตราการขายคืออัตราการขายของโครงการคอนโดมิเนียมที่เปิดขายในช่วง 5 เดือนแรกเท่านั้น

สำหรับปัจจัยเสี่ยงในตลาดที่อยู่อาศัยเมืองตากอากาศ ยังคงเป็นเรื่องความวิตกกังวลทางด้านการเมือง และความชัดเจนในการลงทุนของภาครัฐโดยเฉพาะโครงสร้างพื้นฐานต่างๆ รวมถึงนโยบายการปล่อยสินเชื่อที่อยู่อาศัยของธนาคาร ซึ่งส่งผลโดยตรงต่อการตัดสินใจซื้อโครงการที่อยู่อาศัยสร้างเสร็จ และการรับโอนโครงการซึ่งจะแล้วเสร็จในครึ่งปีหลัง

“ในส่วนของการเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนนั้น บริษัทมีความเห็นว่ายังจะไม่มีผลกระทบเชิงบวกอย่างมีนัยสำคัญสำหรับตลาดที่อยู่อาศัยเมืองตากอากาศมากเท่าไหร่ ยกเว้นเมืองตากอากาศซึ่งมีเขตติดต่อหรือใกล้เคียงกับประเทศเพื่อนบ้าน” นายสัญชัย กล่าวทิ้งท้าย