MSN on February 26, 2014, 02:12:23 PM
KTAMขาย2กองทุนตราสารหนี้ชู1ปียิลด์ 3.20%

 นายสมชัย  บุญนำศิริ  กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กรุงไทย จำกัด (มหาชน)  เปิดเผยว่า บริษัทเปิดจำหน่าย 2 กองทุนตราสารหนี้ที่เน้นลงทุนทั้งในและต่างประเทศ  ในวันที่ 24  กุมภาพันธ์ – 4 มีนาคม 2557  ได้แก่ กองทุนเปิดกรุงไทยธนทรัพย์ บี 118 ( KTSUPB118  )  และกองทุนเปิดกรุงไทยธนทรัพบ์ บี 119 ( KTSUPB119 )  มูลค่าโครงการกองทุนละ 5,000 ล้านบาท

กองทุน KTSUPB118  อายุโครงการ 12  เดือน  เน้นลงทุนในเงินฝาก Bank  of  China    ,เงินฝาก China Construction Bank ,  MTN   Banco BTG Pactual S.A.   และ ECP  ค้ำประกันโดย SBER  Bank   ในสัดส่วน 75% ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน  ส่วนที่เหลือลงทุนตราสารหนี้ในประเทศ  ประเภทหุ้นกู้ ตั๋วแลกเงิน สถาบันการเงิน / บริษัทเอกชน   ผู้ลงทุนจะได้รับผลตอบแทนประมาณ 3.20% ต่อปี 

ส่วนกองทุน KTSUPB 119 อายุโครงการ 3 เดือน เน้นลงทุนในเงินฝาก Bank  of China , เงินฝาก China  Construction Bank  และ MTN   Banco   BTG   Pactual  S.A.  ในสัดส่วน 60 %ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน  ส่วนที่เหลือลงทุนตราสารในประเทศ ประเภท  หุ้นกู้ ตั๋วแลกเงิน  สถาบันการเงิน/ บริษัทเอกชน  ผู้ลงทุนจะได้รับผลตอบแทนประมาณ 2.75% ต่อปี

นอกจากนี้  บริษัทยังอยู่ในระหว่างการเปิดจำหน่าย กองทุนเปิดเคแทม ยูโรเปี้ยน อิควิตี้ ฟันด์ (KTAM European Equity Fund: KT-EURO)   ถึงวันที่ 28  กุมภาพันธ์  2557  โดยกองทุน KT-EURO จะลงทุนไม่น้อยกว่าร้อยละ 80 ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิในกองทุนรวมหลักที่ชื่อว่า INVESCO Continental European Small Cap Equity Fund ซึ่งบริหารโดย INVESCO โดยกองทุนรวมหลักจะเน้นลงทุนในตราสารทุนที่จดทะเบียน และตราสารทุนที่เกี่ยวข้องของบริษัทขนาดเล็กในประเทศทวีปยุโรป รวมถึงประเทศในสหภาพยุโรป สวิสเซอร์แลนด์ สแกนดิเนเวีย บัลแกเรีย โรมาเนีย โครเอเชีย ตุรกี และประเทศเครือรัฐเอกราช  แม้จะมีการเน้นลงทุนในหุ้นของบริษัทขนาดเล็ก แต่ขนาด market cap เฉลี่ยของหุ้นส่วนใหญ่ที่กองทุนลงทุน จะอยู่ที่ประมาณ 2.73 พันล้านดอลล่าร์สหรัฐฯ หรือประมาณกว่า 8หมื่นล้านบาท ซึ่งก็ถือว่าค่อนข้างใหญ่เมื่อเทียบกับบริษัทในเมืองไทย การลงทุนในกองทุนดังกล่าวมีความน่าสนใจต่อการลงทุน เนื่องจาก กองทุน KT-EURO ที่เน้นลงทุนในบริษัทขนาดเล็กในประเทศทวีปยุโรป นั้น  ผลประกอบการและการขยายตัวของบริษัทขนาดเล็ก มักมีแนวโน้มปรับตัวเพิ่มขึ้นในทิศทางเดียวกับการขยายตัวภายในประเทศเป็นหลัก ซึ่งตรงต่อแนวโน้มการขยายตัวของกลุ่มยูโรโซนในขณะนี้
« Last Edit: February 26, 2014, 02:35:11 PM by MSN »