กับดัก แห่งการ “ฟุตฟิตฟอไฟ” วอลล์สตรีท พาหนุ่มสาวไทยกว่า 100 ชีวิตปล่อยเกาะฮ่องกงฝึกภาษาอังกฤษ
ยุคนี้ หนุ่มสาววัยทำงานส่วนใหญ่ต่างเร่งสปีดเรื่องการใช้ภาษาอังกฤษเพื่อสร้างความก้าวหน้าให้ชีวิตการทำงาน และหาโอกาสดี ๆ ให้ชีวิต ...แต่ผลการสำรวจพบว่ากว่า 80% ของผู้เรียนภาษาอังกฤษมาหลายปี ยังคงติด “กับดัก” ที่เป็นอุปสรรคขวางกั้นตลอดมา
เมื่อเร็ว ๆ นี้ วอลล์สตรีท ได้จัดกิจกรรมฝึกภาษาอังกฤษแบบคิดนอกกรอบ พานักเรียนกว่า 100 ชีวิตไปฝึกใช้ภาษาอังกฤษกับคนต่างชาติที่เกาะฮ่องกง และยังนับเป็นครั้งแรกของการ “เปิดห้องเรียนที่ใหญ่ที่สุดเท่าที่เคยมีมาอีกด้วย”
มร.เบนจามิน ลี ทอมสัน ผู้จัดการฝ่ายสื่อสารองค์กร สถาบันสอนภาษาอังกฤษ วอลล์สตรีท กล่าวว่า “โครงการ “Survivor English Camp” หรือ “แคมป์ภาษาอังกฤษเพื่อการเอาตัวรอด” ริเริ่มขึ้นโดยอิงสุภาษิตที่ว่า “จะสอนคนให้ว่ายน้ำเป็น ก็ต้องเริ่มด้วยการโยนเขาลงไปในน้ำ” ให้รู้จักเอาตัวรอดจะได้ไม่กลัวน้ำอีกต่อไป ...ฉันใดก็ฉันนั้น ... “เมื่อไหร่ที่คุณเริ่มใช้ภาษา คุณก็จะมั่นใจและกล้ามากขึ้น” ไม่ใช่เรียนภาษาอังกฤษไปตลอดชีวิตเพื่อจะพบว่า พออยู่ในสถานการณ์จริง กลับใช้ไม่ได้เลย ..นี่คือที่มาของโครงการ Survivor English Camp เป็นเวลา 3 วัน 2 คืนบนเกาะฮ่องกง”
โครงการนี้ประสบความสำเร็จอย่างสูง มีนักเรียนหนุ่มสาวกว่า 100 คนที่เข้าร่วม
ทริป รวมทั้งนายฟิลม์-รัฐภูมิ โตคงทรัพย์ นักร้องและพิธีกรชื่อดัง ผู้มีเป้าหมายไม่แตกต่างจากเพื่อนร่วมทริปหนุ่มสาววัยทำงานอีก กว่า 100 ชีวิต ที่ต้องการเพิ่มความมั่นใจในการใช้ภาษาอังกฤษของตนเองทั้งสิ้น
นายณรงค์ศักดิ์ พงษ์ศิริยะกุล พนักงานบริษัทฯ หนึ่งในนักเรียนผู้ร่วมทริป เล่าว่า “เราเริ่มใช้ภาษาทันทีที่เครื่องบินออกจากสนามบินสุวรรณภูมิ จะพูดขอไวน์ ขอน้ำ จากสจ๊วตและแอร์โฮสเตสต่างชาติของสายการบินเอมิเรตส์ยังไง เมื่อถึงสนามบินนานาชาติฮ่องกง เราจะสื่อสารกับ ตรวจคนเข้าเมือง ที่นั่นอย่างไร เช็คอินเข้าที่พัก ถามหาร้านอาหารที่ต้องการ สั่งอาหาร หาทางขึ้นรถไฟใต้ดินไปยังแหล่งช้อปปิ้งตอนกลางคืน และสุดท้ายถามทางเพื่อกลับโรงแรม ทั้งหมดนี้พวกเราต้องช่วยตัวเองกัน อาจารย์ฝรั่งแค่ให้ไกด์ไลน์กับเราเท่านั้น ที่เหลือปล่อยเราผจญภัยกับตามลำพัง ถ้าหมดหนทางจริง ๆ ถึงค่อยโทรศัพท์ไปขอความช่วยเหลือ แต่ปรากฏว่าทุกคนสู้ยิบตา ไม่มีใครยกธงขาวโทรไปหาอาจารย์เลย และทุกคนค่อย ๆ รู้สึกถึงความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นกับตัวเอง ...เรากล้าขึ้น มั่นใจขึ้นเมื่อต้องพูดภาษาอังกฤษ”
น.ส.มณทกานติ บุญคง เจ้าของกิจการส่วนตัว วัย 34 ปี อีกหนึ่งนักเรียนผู้ร่วมทริป บอกว่า “พอไปพูดกับคนฮ่องกงที่นั่นแล้วเขาตอบกลับมา เราก็ดีใจ รู้สึกมั่นใจมากขึ้น กล้าที่จะเข้าไปพูดกับคนอื่น ๆ มากขึ้นเรื่อย ๆ ทริปนี้ทำให้รู้เลยว่าความมั่นใจสำคัญที่สุด สิ่งที่เรียนรู้มาทั้งหมด หากขาดความมั่นใจ หรือนำมาใช้ไม่เป็น ก็จบแค่นั้น เรียนเยอะแค่ไหนก็ช่วยไม่ได้เมื่อตกอยู่ในสถานการณ์จริง ในกลุ่มก็มีบ้างที่ท้อ เพราะบางทีเจอคนรีบ ๆ เขาไม่ยอมพูดด้วย แถมหน้าบึ้งใส่ ก็ทำให้ฝ่อไปพักหนึ่ง แต่สุดท้ายทุกคนในกลุ่มก็ให้กำลังใจกันเอง ...ต้องสู้ อย่ากลัว อย่าท้อ ถึงจะชนะ ไปถึงเป้าหมายได้ นี่คือบทเรียนที่ดีที่สุดบทเรียนหนึ่งตั้งแต่เคยเรียนภาษาอังกฤษมา ทำให้รู้สึกว่าต่อไปนี้ ฉันไม่กลัวอีกแล้วที่จะใช้ภาษาอังกฤษกับคนต่างชาติ ”
ด้านนักแสดงหนุ่มชื่อดัง ฟิล์ม-รัฐภูมิ โตคงทรัพย์ เปิดใจว่า “ทริปนี้ผมทำหน้าที่เป็นผู้ช่วยอาจารย์ฝรั่งจึงรู้สึกตื่นเต้นมาก เพราะต้องใช้ภาษาอังกฤษตลอดเวลาเลย และต้องพูดภาษาอังกฤษกับทุก ๆ คนด้วย ตอนแรกก็กลัวว่าจะพูดได้ไหม สะดุด ติดขัดอะไรไหม แต่สุดท้ายก็ทำได้ สนุกมาก ๆ ทำให้รู้สึกว่าภาษาอังกฤษของฟิลม์ดีขึ้นเยอะเลย กล้าพูดกล้าใช้มากขึ้น”
กิจกรรมของทริปพิเศษ Survivor English Camp เน้นไปที่กิจกรรม วอล์คแรลลี่ทั่วฮ่องกง ทุกคนจะต้องเดินทางท่องเที่ยวไปในสถานที่น่าสนใจต่าง ๆ ตามที่ วอลล์สตรีท กำหนดไว้ทั่วเกาะฮ่องกง เดินเท้าบ้าง ขึ้นรถไฟใต้ดินบ้าง นั่งรถเมล์บ้าง โดยแบ่งนักเรียนออกเป็นกลุ่ม ๆ ซึ่งทุกคนต้องช่วยกันพากลุ่มไปให้ถึงจุดหมายครบทุกจุดซึ่งจะมีพี่เลี้ยงคอยอยู่ และต้องถ่ายภาพยืนยันการพูดคุยกับคนฮ่องกง และการเดินทางทุกระยะอีกด้วย เรียกว่าเป็นทริป 3 in 1 คือได้ทั้งฝึกภาษา ท่องเที่ยว และผจญภัยกับเพื่อนใหม่
“ปัญหาใหญ่ของคนไทยที่เรียนภาษาอังกฤษคือ อาย ไม่กล้าพูด ขาดความมั่นใจ ทั้ง ๆ ที่มีความรู้ดี แต่เมื่อถึงเวลากลับนำมาใช้ไม่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ สิ่งแรกที่เราต้องเรียกกลับมา คือ ความมั่นใจ ...คุณต้องเชื่อว่าคุณทำได้ และทิ้งความอายไปเสีย ...การเน้นให้นักเรียนได้ทำกิจกรรม social club ที่หลากหลายจึงเป็นอีกหนึ่งสิ่งสำคัญของที่นี่นอกเหนือจากการเรียน เพราะเราเชื่อว่า หนุ่มสาวไทยทุกคนพูดภาษาอังกฤษได้ ...ถ้าพวกเขาไม่ “ตกหลุมพรางกับดักทางภาษา” ซึ่งก็คือ ความกลัว ในใจตัวเองนั้นเองครับ” มร.เบนจามิน กล่าวปิดท้าย ขณะอยู่บนเครื่องบินที่แทบทั้งลำเต็มไปด้วยนักเรียนวอลล์สตรีท ผู้พกความมั่นใจในการใช้ภาษาอังกฤษเกินร้อย กลับมาเมืองไทย
ออกจาก “กับดัก” ... แล้วมาฟุตฟิตฟอไฟ ด้วยความมั่นใจกันดีกว่า!