Movie Guide: คริส ไคล์ ตัวละครสำคัญใน American Sniper ที่ใครๆก็พูดถึง
American Sniper - The Making of American Sniper Featurette
คริส ไคล์ ตัวละครสำคัญที่อาจเป็นทหารเกณฑ์คนหนึ่งในหลายล้านที่ปฏิบัติหน้าที่ไม่ใช่เพื่อทางสถิติ เขาปรากฏตัวในสงครามที่อิรักในฐานะสไนเปอร์มือดีในประวัติศาสตร์กองทัพสหรัฐฯ แต่ผู้สร้างฯ “American Sniper” รู้ถึงความสำคัญในการศึกษาเรื่องราวของผู้อยู่เบื้องหลังการเสียชีวิตของคนจำนวนมากด้วย
ผู้กำกับฯ/ผู้สร้างฯ คลินต์ อีสต์วูดเล่าว่า “ผมเคยเล่นหนังสงครามมาแล้วหลายเรื่อง แต่เรื่องนี้ทำให้ผมตื่นเต้นเพราะมันมีการเปรียบเทียบระหว่างความกล้าหาญในสงครามกับชีวิตส่วนตัวของคริส ซึ่งยิ่งทำให้เขามีความน่าสนใจมากขึ้น มันทำให้เห็นผลกระทบจากสงครามที่มีต่อคนๆ หนึ่ง แต่เขาก็มีความกดดันเรื่องครอบครัวด้วย ถือเป็นเรื่องดีที่มีการย้ำเตือนถึงความเสี่ยงเวลาที่มีคนถูกส่งเข้าสงครามและได้เห็นว่าพวกเขาต้องเสียสละอะไรบ้าง ผมคิดว่านั่นทำให้เรื่องราวมีความหมายเป็นพิเศษ”
นักแสดงยังสังเกตเรื่อง “American Sniper” และเรื่องราวของมนุษย์ที่เป็นหัวใจสำคัญตามแนวของอีสต์วูดว่า การศึกษาธรรมชาติของผู้ที่ต้องใช้ความรุนแรงและความถูกต้องกลายเป็นเรื่องที่แยกกันไม่ออก “คริสไม่ใช่คนหัวรุนแรง อันที่จริงห่างจากความรุนแรงมาก แต่เมื่อถูกเรียกตัวเขาก็ไม่เกรงกลัวต่อภารกิจ เพราะเขาเชื่อมั่นว่าเหตุผลสำคัญกว่า ความกล้าหาญของเขาไม่ได้ขึ้นกับจำนวนของผู้ที่ถูกฆ่าในสงคราม มันยังขึ้นอยู่กับความสามารถในการเผชิญหน้ากับบาดแผลจากสงครามอีกด้วย ไม่ใช่แค่ตัวเขา แต่ครอบครัวของเขาด้วย”
คริส ไคล์มีหลักการใช้ชีวิตง่ายๆ คือ พระเจ้า ประเทศชาติ ครอบครัว สำหรับเขาแล้วนั่นไม่ใช่แค่ถ้อยคำ มันเป็นรากฐานของชีวิตในความรับผิดชอบ การช่วยเหลือ และการอุทิศตนให้สิ่งที่ยิ่งใหญ่กว่าตัวเอง สิ่งที่จำเป็นต่อหน่วยรบของกองทัพ รวมถึงภาระต่อคนที่เขารักมากที่สุด โดยเฉพาะ ทายา ภรรยาของเขา ในที่สุดก็บังคับให้เขาประเมิณลำดับความคิด 3 อย่าง แต่ไม่ใช่คำมั่นที่เขามีต่อสิ่งเหล่านั้น
อีสต์วูดยืนยันว่า “คริสโตมาพร้อมกับถ้อยคำนั้น เขายังซึมซึบตั้งแต่เด็กด้วยว่าบางคนก็เกิดมาเพื่อเป็นผู้ปกป้อง และเขารู้ว่าชะตาชีวิตของเขาต้องเป็นแบบนั้น นั่นคือสิ่งที่ผลักดันให้เขาทำมากกว่าการเดินทาง แม้ว่าเขาต้องพบกับความลังเลในการทิ้งครอบครัวไว้เบื้องหลัง เขาเป็นคนหนึ่งที่พร้อมยอมทำเกินหน้าที่เสมอ”
ชื่อเสียงของไคล์สร้างชื่อให้ตัวเองมาตั้งแต่แรกอยู่แล้ว และได้รับความสนใจจากผู้สร้างฯ ปีเตอร์ มอร์แกน และ แอนดรูว์ ลาซาร์ รวมถึงฮัล มอร์แกนเล่าว่า “เราได้ยินเรื่องรางวัลของเขาในฐานะของหน่วยรบของกองทัพ และรู้ว่าเขาเป็นผู้ที่รักชาติมาก แต่ยิ่งเราค้นหาข้อมูลก็ยิ่งเห็นว่าจริงๆ แล้วเขาเป็นคนดีขนาดไหน… ครอบครัว เพื่อนๆ และผู้ที่ปฏิบัติหน้าที่เคียงข้างเขารักและชื่นชมเขาขนาดไหน เราอยากสร้างเรื่องราวขึ้นมาจากความรู้สึกที่รายล้อมรอบตัวเขา สิ่งต่างๆ ที่เป็นตัวผลักดันเขา”
ก่อนจะเริ่มเขียนบทฯ ฮอัลได้เดินทางไปที่เท็กซัสเพื่อพบกับไคล์ “ตอนแรกเขาพูดไม่ค่อยเก่ง” นักเขียนกล่าว “พอถึงช่วงที่ผมกลับ ผมรู้สึกว่าอยากถ่ายทอดเรื่องราวโดยได้ความวางใจจากขา ตอนที่ผมกำลังจะเดินออกนอกประตูเขาบอกว่า ‘แต่เรากำลังจะเขียนหนังสือขึ้นมานะ’ ตอนแรกดูเหมือนหนังสือจะเป็นตัวอุปสรรค แต่สุดท้ายมันกลายเป็นแหล่งข้อมูลอย่างวิเศษมากครับ”
แต่ยังมีอีกด้านหนึ่งของไคล์ที่ฮัลเห็นเป็นคนแรก และเขาอยากถ่ายทอดลงไปในบทภาพยนตร์ด้วย “มันคงเป็นเรื่องง่ายถ้าสร้างหนังเรื่องนี้ให้มีแต่ช่วงเวลาที่เขาอยู่ในสงคราม แต่คริสเป็นคนที่มีรายละเอียดซับซ้อนกว่านั้น หนังสือถูกเขียนขึ้นมาหังจากเขากลับถึงบ้านไม่เกิน 1 ปี ฉะนั้นเท่ากับเขายังสวมเกราะนั้นอยู่ มันไม่ค่อยมีการถ่ายทอดด้านที่อ่อนโยนขอคริส การเป็นสามีและคุณพ่อที่น่ารัก และช่วงเวลาแห่งความสิ้นหวังที่เขากับทายาต้องฝ่าฟันกันไปในช่วงที่มีการเดินทาง 4 ครั้ง และในช่วงที่สงครามนี้ดูจะยืดเยื้อออกไป ครอบครัวของเหล่าทหารมีการติดต่อกันมากขึ้นโดยใช้โทรศัพท์ดาวเทียม ทายาได้ยินเรื่องน่ากลัวของการคุยแบบนั้น แต่นั่นเป็นเส้นทางเชื่อมชีวิตถึงเขา และผมเชื่อว่าน้ำเสียงขอเธอช่วยให้เขากลับถึงบ้านได้ ผมคิดว่าตัวเองไม่เคยเข้าใจว่าคริสเป็นคนแบบไหนเลยจนกระทั่งได้พบกับทายา”
“มีเหตุการณ์รุนแรงหลายอย่างเกิดขึ้น” อีสต์วูดกล่าว “แต่จิตวิญญาณของเรื่องและสิ่งที่ผลักดันเรื่องราวคือความสัมพันธ์ระหว่างคริสกับเหล่าพี่น้อง โดยเฉพาะระหว่างคริสกับทายา ซึ่งเป็นความสัมพันธ์ที่สำคัญสุดในหนัง คริสรักเธอมากแต่ขณะเดียวกันเขามีความมุ่งมั่นที่จะบรรลุความต้องการที่ประเทศชาติของเขามอบภารกิจไว้ให้”
เซียนนา มิลเลอร์ ผู้รับบททายา ไคล์ เล่าว่า “หัวใจสำคัญคือนี่เป็นเรื่องราวระหว่างมนุษย์สองคน คนหนึ่งต้องทำสิ่งที่ยิ่งใหญ่และคาดไม่ถึง ต้องห่างไกลจากบ้านและต้องพยายามประคองครอบครัวของเธอไว้ ความรับผิดชอบต่อหน้าที่ของคริสมีความยิ่งใหญ่มากเพราะเขามีนิสัยแบบนั้น เขาเชื่อว่าถ้าเขาอยู่กับครอบครัวจะต้องมีคนตายเพิ่มขึ้น และมันเป็นเรื่องที่ต้องอึดอัดกับเรื่องศีลธรรม ซึ่งมันยากสำหรับเธอเช่นกันค่ะ ฉันคิดว่าทายาเข้าใจสถานกาณณ์ของเขา เธอพยายามใจเย็น ให้กำลังใจสามี แต่มันอาจเป็นเรื่องยากที่จะจัดการได้เมื่อมีลูกเข้ามาเกี่ยวข้องและลึกๆ แล้วเราก็แทบจะระเบิด มันทำให้เรื่องราวมีเสน่ห์และเป็นเรื่องสะเทือนใจที่ต้องเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย การได้พบกับทายาทำให้ฉันรู้สึกว่าฉันมีหน้าที่แสดงให้ถูกต้องค่ะ”
คูเปอร์ต้องแปลงโฉมเพื่อมารับบท ไคล์ ที่มีรูปร่างภูมิฐานได้ร่วมแบ่งปันความรู้สึกนั้นแต่เล่าว่า “ผมไม่เคยรู้สึกว่าความรับผิดชอบเป็นภาระเลย ผมรู้สึกว่าเป็นเกียรติ รู้สึกเป็นโอกาสอันยิ่งใหญ่ที่ได้แสดงความเคารพในปฏิบัติการของเขาและทหารผ่านศึกท่านอื่น ผมชอบทุกช่วงเวลาที่แสดงเป็นเขา ทุกวินาทีเลยครับ”
หลังจากพิธีฝังศพฮัลได้เดินทางไปหาทายา พวกเขาคุยโทรศัพท์กันนานหลายชั่วโมงเมื่อเธอได้ใช้ชีวิตร่วมกับคริส “ภาพยนตร์ได้กลายเป็นอีกวิธีหนึ่งที่ลูกๆ ของเธอจะจดจำพ่อของพวกเขา และเธออยากให้มันออกมาถูกต้อง” ฮัลกล่าว “มันไม่ใช่แค่การเยียวยาเธอเท่านั้น มันยังทำให้ผมจับน้ำเสียงของเธอได้จากคำบอกเล่าของเธอด้วย เธอได้แสดงให้เห็นภาพลักษณ์ของเขาที่เป็นก่อนสงคราม ภารกิจที่ไม่บ่งบอกว่าเป็นภาระของเขาและการเยียวยาทั้งหลายที่เขาต้องพบเพื่อฟื้นฟูอีกครั้ง”
เวลาเกือบ 1 ปีต่อมา คลินต์ อีสต์วูด และ แบรดลีย์ คูเปอร์ได้เดินทางไปที่เท็กซัสเพื่อพบกับครอบครัวของคริส รวมถึงทายา พ่อแม่ของเขา เวย์น เด็บบี้ และน้องชายของเขาที่ชื่อเจฟ ผู้กำกับฯ เล่าว่า “มันเป็นเรื่องจำเป็นสำหรับผมที่ต้องใช้เวลากับพวกเขา เพราะพวกเขามีไอเดียดีๆ ว่าคริสเป็นใครจากครอบครัวของเขาที่น่าทึ่งมากครับ เราจากมาพร้อมความเศร้าจากการสูญเสียผู้ชายที่น่าทึ่งคนนี้ แต่มีความกระตือรือร้นในการสร้างหนังเรื่องนี้มากกว่า”
“เราให้สัญญากับพวกเขาว่าเราจะสร้างคริสขึ้นมาให้ถูกต้อง” คูเปอร์เล่าต่อว่า “และจริงๆ แล้วผมรู้สึกว่าเขาอยู่ตรงนั้นด้วย”
คูเปอร์เล่าว่า “ตอนที่คริสพูดในหนังว่า ‘ผมยอมสละชีวิตเพื่อประเทศชาติของผม’ เขาหมายความตามนั้นจริงๆ จากนั้นจะได้เห็นการเดินทางของเขา… มันไม่ได้ทำให้เขาเป็นผู้ยอมพลีชีพเพื่อความเชื่อ มันไม่ได้ทำให้เขาเป็นอะไรไปมากกว่าคนธรรมดาคนหนึ่ง แต่นั่นคือตัวตนของเขา”