FB on October 03, 2014, 09:17:41 PM
แบรดลีย์ คูเปอร์ ในมาดสไนเปอร์โคตรพระกาฬบนโปสเตอร์และทีเซอร์ตัวอย่างแรก American Sniper จากผลงานของผู้กำกับ คลินท์ อีสต์วูด



American Sniper - Teaser Trailer F1
<a href="http://www.youtube.com/watch?v=u7AjfcmKd1g" target="_blank">http://www.youtube.com/watch?v=u7AjfcmKd1g</a>     

         ปล่อยภาพโปสเตอร์แรกพร้อมทีเซอร์ตัวอย่างแรกของภาพยนตร์แอ็คชั่นจากผลงานจากผู้กำกับฯ คลินท์ อีสต์วูด สู่ภาพยนตร์ของวอร์เนอร์ บราเดอร์ส พิกเจอร์ส และ วิลเลจ โรดโชว์ พิกเจอร์ส เรื่อง “American Sniper” นำแสดงโดย แบรดลีย์ คูเปอร์ ในบท คริส ไคล์ สไนเปอร์โคตรพระกาฬในประวัติศาสตร์ของสหรัฐฯแต่ยังมี แต่ในตัวฮีโร่ชาวอเมริกันคนนี้ยังมีอะไรอีกหลายอย่างที่มากกว่าสกิลการใช้ปืนไรเฟิล

          สไนเปอร์โคตรพระกาฬแห่งหน่วยซีลของกองทัพสหรัฐฯ คริส ไคล์ ถูกส่งตัวไปที่อิรักพร้อมภารกิจปกป้องเหล่าพี่น้องทหาร ความแม่นยำของเขาได้ช่วยชีวิตในสมรภูมิรบมาแล้วอย่างนับไม่ถ้วน และเมื่อเรื่องราวความกล้าหาญของเขาแพร่สะพัดออกไป เขาได้รับการยกย่องให้เป็น “ตำนาน” แต่อย่างไรก็ตามชื่อเสียงของเขาก็เป็นที่กล่าวขานกันในหมู่ศัตรูเช่นกัน ทำให้เขามีค่าหัวและกลายเป็นเป้าหมายหลักสำคัญของพวกกบฎ

          นอกจากอันตรายและความเสี่ยงของสมาชิกภายในบ้านแล้ว คริสได้ปฏิบัติภารกิจเสี่ยงตาย 4 ครั้งที่อิรัก จนกลายเป็นสัญลักษณ์ของหน่วย SEAL “อย่าทิ้งใครไว้เบื้องหลัง” แต่ในระหว่างที่เขากลับบ้าน คริสพบว่าสงครามต่างหากคือสิ่งที่เขาทิ้งไปไม่ได้

          American Sniper เข้าฉายต้นปี 2015 นำแสดงโดย แบรดลีย์ คูเปอร์, เซียนน่า มิลเลอร์ ”), เจค แม็คดอร์แมน, ลุค กริมส์, นาวิด เนกาบาน, เคียร์ โอ’ดอนเนล, โครี่ ฮาร์ดริคต์ และ เอริค ลาดิน กำกับการแสดงโดย คลินท์ อีสต์วูด

          ติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://www.facebook.com/warner.thailand , https://twitter.com/WarnerBrosThai และ IG : WarnerBrosThai
« Last Edit: December 30, 2014, 06:04:19 PM by FB »

FB on October 16, 2014, 10:20:43 PM
AMERICAN SNIPER มาแล้วทีเซอร์ตัวอย่างแรกซับไทย American Sniper ผลงานล่าสุดของ แบรดลีย์ คูเปอร์



American Sniper - Teaser Trailer F1 (ซับไทย)
<a href="http://www.youtube.com/watch?v=ROPDjKrLZKs" target="_blank">http://www.youtube.com/watch?v=ROPDjKrLZKs</a>

          เผยทีเซอร์ตัวอย่างแรกซับไทยมาให้ได้ชมกันแล้วกับภาพยนตร์แอ็คชั่นจากผลงานจากผู้กำกับฯ คลินท์ อีสต์วูด เรื่อง “American Sniper” นำแสดงโดย แบรดลีย์ คูเปอร์ ในบท คริส ไคล์ สไนเปอร์โคตรพระกาฬในประวัติศาสตร์ของสหรัฐฯ ที่ถูกส่งตัวไปที่อิรักพร้อมภารกิจปกป้องเหล่าพี่น้องทหาร ความแม่นยำของเขาได้ช่วยชีวิตในสมรภูมิรบมาแล้วอย่างนับไม่ถ้วน และเมื่อเรื่องราวความกล้าหาญของเขาแพร่สะพัดออกไป เขาได้รับการยกย่องให้เป็น “ตำนาน” แต่อย่างไรก็ตามชื่อเสียงของเขาก็เป็นที่กล่าวขานกันในหมู่ศัตรูเช่นกัน ทำให้เขามีค่าหัวและกลายเป็นเป้าหมายหลักสำคัญของพวกกบฎ

          นอกจากอันตรายและความเสี่ยงของสมาชิกภายในบ้านแล้ว คริสได้ปฏิบัติภารกิจเสี่ยงตาย 4 ครั้งที่อิรัก จนกลายเป็นสัญลักษณ์ของหน่วย SEAL “อย่าทิ้งใครไว้เบื้องหลัง” แต่ในระหว่างที่เขากลับบ้าน คริสพบว่าสงครามต่างหากคือสิ่งที่เขาทิ้งไปไม่ได้

          American Sniper เข้าฉายต้นปี 2015 นำแสดงโดย แบรดลีย์ คูเปอร์, เซียนน่า มิลเลอร์ , เจค แม็คดอร์แมน, ลุค กริมส์, นาวิด เนกาบาน, เคียร์ โอ’ดอนเนล, โครี่ ฮาร์ดริคต์ และ เอริค ลาดิน กำกับการแสดงโดย คลินท์ อีสต์วูด
« Last Edit: December 02, 2014, 01:29:28 PM by FB »

FB on December 26, 2014, 03:05:36 PM
Movie Guide: ชมสไนเปอร์โคตรพระกาฬแห่งหน่วยซีลของกองทัพสหรัฐฯ ในตัวอย่างใหม่ของ American Sniper



American Sniper - Trailer F2
<a href="http://www.youtube.com/watch?v=NjxwBwHFGEU" target="_blank">http://www.youtube.com/watch?v=NjxwBwHFGEU</a>
 
          เผยตัวอย่างมาใหม่ [F2] กับภาพยนตร์แอ็คชั่นจากผลงานจากผู้กำกับฯ คลินท์ อีสต์วูด เรื่อง “American Sniper” นำแสดงโดย แบรดลีย์ คูเปอร์ ในบท คริส ไคล์ สไนเปอร์โคตรพระกาฬในประวัติศาสตร์ของสหรัฐฯ ที่ถูกส่งตัวไปที่อิรักพร้อมภารกิจปกป้องเหล่าพี่น้องทหาร ความแม่นยำของเขาได้ช่วยชีวิตในสมรภูมิรบมาแล้วอย่างนับไม่ถ้วน และเมื่อเรื่องราวความกล้าหาญของเขาแพร่สะพัดออกไป เขาได้รับการยกย่องให้เป็น “ตำนาน” แต่อย่างไรก็ตามชื่อเสียงของเขาก็เป็นที่กล่าวขานกันในหมู่ศัตรูเช่นกัน ทำให้เขามีค่าหัวและกลายเป็นเป้าหมายหลักสำคัญของพวกกบฎ

          นอกจากอันตรายและความเสี่ยงของสมาชิกภายในบ้านแล้ว คริสได้ปฏิบัติภารกิจเสี่ยงตาย 4 ครั้งที่อิรัก จนกลายเป็นสัญลักษณ์ของหน่วย SEAL “อย่าทิ้งใครไว้เบื้องหลัง” แต่ในระหว่างที่เขากลับบ้าน คริสพบว่าสงครามต่างหากคือสิ่งที่เขาทิ้งไปไม่ได้

          American Sniper เข้าฉายต้นปี 2015 นำแสดงโดย แบรดลีย์ คูเปอร์, เซียนน่า มิลเลอร์ , เจค แม็คดอร์แมน, ลุค กริมส์,นาวิด เนกาบาน, เคียร์ โอ’ดอนเนล, โครี่ ฮาร์ดริคต์ และ เอริค ลาดิน กำกับการแสดงโดย คลินท์ อีสต์วูด

FB on December 30, 2014, 06:02:38 PM
มาแล้วโปสเตอร์หลักเวอร์ชั่นไทยของ American Sniper นำแสดงโดย แบรดลีย์ คูเปอร์





American Sniper - Guardian Featurette
<a href="http://www.youtube.com/watch?v=z_wkHHzJa6Y" target="_blank">http://www.youtube.com/watch?v=z_wkHHzJa6Y</a>

          ปล่อยภาพมาให้ได้ชมกันแล้วกับภาพโปสเตอร์หลักเวอร์ชั่นภาษาไทย จากภาพยนตร์ดราม่าแอ็คชั่นเรื่อง “American Sniper”จากผลงานจากผู้กำกับฯ คลินท์ อีสต์วูด นำแสดงโดย แบรดลีย์ คูเปอร์ ในบท คริส ไคล์ สไนเปอร์โคตรพระกาฬในประวัติศาสตร์ของสหรัฐฯ ที่ถูกส่งตัวไปที่อิรักพร้อมภารกิจปกป้องเหล่าพี่น้องทหาร ความแม่นยำของเขาได้ช่วยชีวิตในสมรภูมิรบมาแล้วอย่างนับไม่ถ้วน และเมื่อเรื่องราวความกล้าหาญของเขาแพร่สะพัดออกไป เขาได้รับการยกย่องให้เป็น “ตำนาน” แต่อย่างไรก็ตามชื่อเสียงของเขาก็เป็นที่กล่าวขานกันในหมู่ศัตรูเช่นกัน ทำให้เขามีค่าหัวและกลายเป็นเป้าหมายหลักสำคัญของพวกกบฎ

          นอกจากอันตรายและความเสี่ยงของสมาชิกภายในบ้านแล้ว คริสได้ปฏิบัติภารกิจเสี่ยงตาย 4 ครั้งที่อิรัก จนกลายเป็นสัญลักษณ์ของหน่วย SEAL “อย่าทิ้งใครไว้เบื้องหลัง” แต่ในระหว่างที่เขากลับบ้าน คริสพบว่าสงครามต่างหากคือสิ่งที่เขาทิ้งไปไม่ได้

          American Sniper เข้าฉาย 22 มกราคม 2015 นำแสดงโดย แบรดลีย์ คูเปอร์, เซียนน่า มิลเลอร์ , เจค แม็คดอร์แมน, ลุค กริมส์, นาวิด เนกาบาน, เคียร์ โอ’ดอนเนล, โครี่ ฮาร์ดริคต์ และ เอริค ลาดิน กำกับการแสดงโดย คลินท์ อีสต์วูด ติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://www.facebook.com/warner.thailand , https://twitter.com/WarnerBrosThai
« Last Edit: January 05, 2015, 02:30:42 PM by FB »

FB on January 14, 2015, 03:17:10 PM
แบรดลีย์ คูเปอร์ กับบทบาทอันละเอียดอ่อน ใน American Sniper









American Sniper - Guardian Featurette (ซับไทย)
<a href="http://www.youtube.com/watch?v=GtGFcgyRfrk" target="_blank">http://www.youtube.com/watch?v=GtGFcgyRfrk</a>
 
          แบรดลีย์ คูเปอร์นักแสดงเจ้าบทบาท ที่ต้องมารับบทบาทสไนเปอร์โคตรพระกาฬแห่งหน่วยซีลของกองทัพสหรัฐฯ ต้องผ่านการเตรียมตัวเฉพาะด้านเป็นพิเศษ เพื่อกลายเป็นสไนเปอร์ของหน่วยรบที่ดูสมจริง ซึ่งมีอะไรมากกว่าการยิงปืน นักแสดงเล่าถึงรายละเอียดว่า “ผมต้องฝึกการใช้ .338 Lapua, .300 Win Mag และ MK11 ซึ่งเป็นปืน 3 กระบอกที่มือปืนไรเฟิลคริสเคยใช้ และการใช้ปืนเหล่านั้นอย่างคล่องแคล่วถือเป็นเรื่องจำเป็นด้วย แต่ยังมีรายละเอียดอื่นอีก เช่น ความสามารถในการปฏิบัติหน้าที่ภายใต้สถานการณ์ที่มีแรงกดดันมากตามหลักการ สิ่งที่พวกเขาต้องเรียนรู้มีความน่าสนใจมาก เช่น การเอียงปืน การใช้เท้าเดินก้าวเข้าไปในสถานที่และแม้แต่การควบคุมลมหายใจ และมือปืนจะอยู่กับปืนได้นานแค่ไหน เควินกับผมคุยกันว่าคริสอยู่กับปืนได้ 8 ชั่วโมงโดยไม่ขยับเลย เป็นความสามารถที่เหลือเชื่อมากครับ”

          “แบรดลีย์ไม่ได้ละเลยรายละเอียดใดๆ ทั้งสิ้น เมื่อมาถึงรายละเอียดที่เขาต้องพบเจอในการรับบทคริส” แลคซ์กล่าวชมว่า “เขาเหมือนกับฟองน้ำเลยครับ เก็บข้อมูลทุกอย่างได้อย่างรวดเร็ว แรงกระตุ้นในตัวเขาทำให้เขาต่างจากคนอื่นที่ผมเคยร่วมงานมาด้วย ร่วมกับทีมที่ไม่ได้อยู่หน่วยเดียวกัน เขาเป็นธรรมชาติมากครับ”

          ในภาพยนตร์ ความกล้าหาญที่กลายเป็นตำนานของคริส ไคล์กับปืนไรเฟิลของเขาเหมือนคู่ปรับสำคัญของสไนเปอร์ฝ่ายศัตรูที่ชื่อมุสตาฟา รับบทโดยแซมมี่ ชีค เขาเป็นนักแม่นปืนชาวซีเรียที่เข้าแข่งขันโอลิมปิคในนามประเทศของเขา” ชีคกล่าว “ตอนนี้เขามาที่อิรักด้วยความตั้งใจว่าจะต่อสู้กับพวกกบฎที่เป็นศัตรูประจำของเขา ผมคิดว่าเขาเป็นตัวละครที่มีเสน่ห์แม้ว่าจะไม่มีการพูดในหนังสักคำ แต่ทุกอย่างมีจังหวะในตัวมัน คลินต์บอกกับผมว่า ‘ใจเย็นๆ ผู้ชายคนนี้ดูใจเย็นข่มความเครียด’”

          American Sniper เข้าฉาย 22 มกราคม 2015 นำแสดงโดย แบรดลีย์ คูเปอร์, เซียนน่า มิลเลอร์ , เจค แม็คดอร์แมน, ลุค กริมส์, นาวิด เนกาบาน, เคียร์ โอ’ดอนเนล, โครี่ ฮาร์ดริคต์ และ เอริค ลาดิน กำกับการแสดงโดย คลินท์ อีสต์วูด ติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://www.facebook.com/warner.thailand , https://twitter.com/WarnerBrosThai

FB on January 14, 2015, 03:36:40 PM
Movie Guide: คริส ไคล์ ตัวละครสำคัญใน American Sniper ที่ใครๆก็พูดถึง



American Sniper - The Making of American Sniper Featurette
<a href="http://www.youtube.com/watch?v=CAr9ppT3U6w" target="_blank">http://www.youtube.com/watch?v=CAr9ppT3U6w</a>

          คริส ไคล์ ตัวละครสำคัญที่อาจเป็นทหารเกณฑ์คนหนึ่งในหลายล้านที่ปฏิบัติหน้าที่ไม่ใช่เพื่อทางสถิติ เขาปรากฏตัวในสงครามที่อิรักในฐานะสไนเปอร์มือดีในประวัติศาสตร์กองทัพสหรัฐฯ แต่ผู้สร้างฯ “American Sniper” รู้ถึงความสำคัญในการศึกษาเรื่องราวของผู้อยู่เบื้องหลังการเสียชีวิตของคนจำนวนมากด้วย

          ผู้กำกับฯ/ผู้สร้างฯ คลินต์ อีสต์วูดเล่าว่า “ผมเคยเล่นหนังสงครามมาแล้วหลายเรื่อง แต่เรื่องนี้ทำให้ผมตื่นเต้นเพราะมันมีการเปรียบเทียบระหว่างความกล้าหาญในสงครามกับชีวิตส่วนตัวของคริส ซึ่งยิ่งทำให้เขามีความน่าสนใจมากขึ้น มันทำให้เห็นผลกระทบจากสงครามที่มีต่อคนๆ หนึ่ง แต่เขาก็มีความกดดันเรื่องครอบครัวด้วย ถือเป็นเรื่องดีที่มีการย้ำเตือนถึงความเสี่ยงเวลาที่มีคนถูกส่งเข้าสงครามและได้เห็นว่าพวกเขาต้องเสียสละอะไรบ้าง ผมคิดว่านั่นทำให้เรื่องราวมีความหมายเป็นพิเศษ”

          นักแสดงยังสังเกตเรื่อง “American Sniper” และเรื่องราวของมนุษย์ที่เป็นหัวใจสำคัญตามแนวของอีสต์วูดว่า การศึกษาธรรมชาติของผู้ที่ต้องใช้ความรุนแรงและความถูกต้องกลายเป็นเรื่องที่แยกกันไม่ออก “คริสไม่ใช่คนหัวรุนแรง อันที่จริงห่างจากความรุนแรงมาก แต่เมื่อถูกเรียกตัวเขาก็ไม่เกรงกลัวต่อภารกิจ เพราะเขาเชื่อมั่นว่าเหตุผลสำคัญกว่า ความกล้าหาญของเขาไม่ได้ขึ้นกับจำนวนของผู้ที่ถูกฆ่าในสงคราม มันยังขึ้นอยู่กับความสามารถในการเผชิญหน้ากับบาดแผลจากสงครามอีกด้วย ไม่ใช่แค่ตัวเขา แต่ครอบครัวของเขาด้วย”

          คริส ไคล์มีหลักการใช้ชีวิตง่ายๆ คือ พระเจ้า ประเทศชาติ ครอบครัว สำหรับเขาแล้วนั่นไม่ใช่แค่ถ้อยคำ มันเป็นรากฐานของชีวิตในความรับผิดชอบ การช่วยเหลือ และการอุทิศตนให้สิ่งที่ยิ่งใหญ่กว่าตัวเอง สิ่งที่จำเป็นต่อหน่วยรบของกองทัพ รวมถึงภาระต่อคนที่เขารักมากที่สุด โดยเฉพาะ ทายา ภรรยาของเขา ในที่สุดก็บังคับให้เขาประเมิณลำดับความคิด 3 อย่าง แต่ไม่ใช่คำมั่นที่เขามีต่อสิ่งเหล่านั้น

           อีสต์วูดยืนยันว่า “คริสโตมาพร้อมกับถ้อยคำนั้น เขายังซึมซึบตั้งแต่เด็กด้วยว่าบางคนก็เกิดมาเพื่อเป็นผู้ปกป้อง และเขารู้ว่าชะตาชีวิตของเขาต้องเป็นแบบนั้น นั่นคือสิ่งที่ผลักดันให้เขาทำมากกว่าการเดินทาง แม้ว่าเขาต้องพบกับความลังเลในการทิ้งครอบครัวไว้เบื้องหลัง เขาเป็นคนหนึ่งที่พร้อมยอมทำเกินหน้าที่เสมอ”

          ชื่อเสียงของไคล์สร้างชื่อให้ตัวเองมาตั้งแต่แรกอยู่แล้ว และได้รับความสนใจจากผู้สร้างฯ ปีเตอร์ มอร์แกน และ แอนดรูว์ ลาซาร์ รวมถึงฮัล มอร์แกนเล่าว่า “เราได้ยินเรื่องรางวัลของเขาในฐานะของหน่วยรบของกองทัพ และรู้ว่าเขาเป็นผู้ที่รักชาติมาก แต่ยิ่งเราค้นหาข้อมูลก็ยิ่งเห็นว่าจริงๆ แล้วเขาเป็นคนดีขนาดไหน… ครอบครัว เพื่อนๆ และผู้ที่ปฏิบัติหน้าที่เคียงข้างเขารักและชื่นชมเขาขนาดไหน เราอยากสร้างเรื่องราวขึ้นมาจากความรู้สึกที่รายล้อมรอบตัวเขา สิ่งต่างๆ ที่เป็นตัวผลักดันเขา”

          ก่อนจะเริ่มเขียนบทฯ ฮอัลได้เดินทางไปที่เท็กซัสเพื่อพบกับไคล์ “ตอนแรกเขาพูดไม่ค่อยเก่ง” นักเขียนกล่าว “พอถึงช่วงที่ผมกลับ ผมรู้สึกว่าอยากถ่ายทอดเรื่องราวโดยได้ความวางใจจากขา ตอนที่ผมกำลังจะเดินออกนอกประตูเขาบอกว่า ‘แต่เรากำลังจะเขียนหนังสือขึ้นมานะ’ ตอนแรกดูเหมือนหนังสือจะเป็นตัวอุปสรรค แต่สุดท้ายมันกลายเป็นแหล่งข้อมูลอย่างวิเศษมากครับ”

          แต่ยังมีอีกด้านหนึ่งของไคล์ที่ฮัลเห็นเป็นคนแรก และเขาอยากถ่ายทอดลงไปในบทภาพยนตร์ด้วย “มันคงเป็นเรื่องง่ายถ้าสร้างหนังเรื่องนี้ให้มีแต่ช่วงเวลาที่เขาอยู่ในสงคราม แต่คริสเป็นคนที่มีรายละเอียดซับซ้อนกว่านั้น หนังสือถูกเขียนขึ้นมาหังจากเขากลับถึงบ้านไม่เกิน 1 ปี ฉะนั้นเท่ากับเขายังสวมเกราะนั้นอยู่ มันไม่ค่อยมีการถ่ายทอดด้านที่อ่อนโยนขอคริส การเป็นสามีและคุณพ่อที่น่ารัก และช่วงเวลาแห่งความสิ้นหวังที่เขากับทายาต้องฝ่าฟันกันไปในช่วงที่มีการเดินทาง 4 ครั้ง และในช่วงที่สงครามนี้ดูจะยืดเยื้อออกไป ครอบครัวของเหล่าทหารมีการติดต่อกันมากขึ้นโดยใช้โทรศัพท์ดาวเทียม ทายาได้ยินเรื่องน่ากลัวของการคุยแบบนั้น แต่นั่นเป็นเส้นทางเชื่อมชีวิตถึงเขา และผมเชื่อว่าน้ำเสียงขอเธอช่วยให้เขากลับถึงบ้านได้ ผมคิดว่าตัวเองไม่เคยเข้าใจว่าคริสเป็นคนแบบไหนเลยจนกระทั่งได้พบกับทายา”

          “มีเหตุการณ์รุนแรงหลายอย่างเกิดขึ้น” อีสต์วูดกล่าว “แต่จิตวิญญาณของเรื่องและสิ่งที่ผลักดันเรื่องราวคือความสัมพันธ์ระหว่างคริสกับเหล่าพี่น้อง โดยเฉพาะระหว่างคริสกับทายา ซึ่งเป็นความสัมพันธ์ที่สำคัญสุดในหนัง คริสรักเธอมากแต่ขณะเดียวกันเขามีความมุ่งมั่นที่จะบรรลุความต้องการที่ประเทศชาติของเขามอบภารกิจไว้ให้”

          เซียนนา มิลเลอร์ ผู้รับบททายา ไคล์ เล่าว่า “หัวใจสำคัญคือนี่เป็นเรื่องราวระหว่างมนุษย์สองคน คนหนึ่งต้องทำสิ่งที่ยิ่งใหญ่และคาดไม่ถึง ต้องห่างไกลจากบ้านและต้องพยายามประคองครอบครัวของเธอไว้ ความรับผิดชอบต่อหน้าที่ของคริสมีความยิ่งใหญ่มากเพราะเขามีนิสัยแบบนั้น เขาเชื่อว่าถ้าเขาอยู่กับครอบครัวจะต้องมีคนตายเพิ่มขึ้น และมันเป็นเรื่องที่ต้องอึดอัดกับเรื่องศีลธรรม ซึ่งมันยากสำหรับเธอเช่นกันค่ะ ฉันคิดว่าทายาเข้าใจสถานกาณณ์ของเขา เธอพยายามใจเย็น ให้กำลังใจสามี แต่มันอาจเป็นเรื่องยากที่จะจัดการได้เมื่อมีลูกเข้ามาเกี่ยวข้องและลึกๆ แล้วเราก็แทบจะระเบิด มันทำให้เรื่องราวมีเสน่ห์และเป็นเรื่องสะเทือนใจที่ต้องเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย การได้พบกับทายาทำให้ฉันรู้สึกว่าฉันมีหน้าที่แสดงให้ถูกต้องค่ะ”

          คูเปอร์ต้องแปลงโฉมเพื่อมารับบท ไคล์ ที่มีรูปร่างภูมิฐานได้ร่วมแบ่งปันความรู้สึกนั้นแต่เล่าว่า “ผมไม่เคยรู้สึกว่าความรับผิดชอบเป็นภาระเลย ผมรู้สึกว่าเป็นเกียรติ รู้สึกเป็นโอกาสอันยิ่งใหญ่ที่ได้แสดงความเคารพในปฏิบัติการของเขาและทหารผ่านศึกท่านอื่น ผมชอบทุกช่วงเวลาที่แสดงเป็นเขา ทุกวินาทีเลยครับ”

          หลังจากพิธีฝังศพฮัลได้เดินทางไปหาทายา พวกเขาคุยโทรศัพท์กันนานหลายชั่วโมงเมื่อเธอได้ใช้ชีวิตร่วมกับคริส “ภาพยนตร์ได้กลายเป็นอีกวิธีหนึ่งที่ลูกๆ ของเธอจะจดจำพ่อของพวกเขา และเธออยากให้มันออกมาถูกต้อง” ฮัลกล่าว “มันไม่ใช่แค่การเยียวยาเธอเท่านั้น มันยังทำให้ผมจับน้ำเสียงของเธอได้จากคำบอกเล่าของเธอด้วย เธอได้แสดงให้เห็นภาพลักษณ์ของเขาที่เป็นก่อนสงคราม ภารกิจที่ไม่บ่งบอกว่าเป็นภาระของเขาและการเยียวยาทั้งหลายที่เขาต้องพบเพื่อฟื้นฟูอีกครั้ง”

          เวลาเกือบ 1 ปีต่อมา คลินต์ อีสต์วูด และ แบรดลีย์ คูเปอร์ได้เดินทางไปที่เท็กซัสเพื่อพบกับครอบครัวของคริส รวมถึงทายา พ่อแม่ของเขา เวย์น เด็บบี้ และน้องชายของเขาที่ชื่อเจฟ ผู้กำกับฯ เล่าว่า “มันเป็นเรื่องจำเป็นสำหรับผมที่ต้องใช้เวลากับพวกเขา เพราะพวกเขามีไอเดียดีๆ ว่าคริสเป็นใครจากครอบครัวของเขาที่น่าทึ่งมากครับ เราจากมาพร้อมความเศร้าจากการสูญเสียผู้ชายที่น่าทึ่งคนนี้ แต่มีความกระตือรือร้นในการสร้างหนังเรื่องนี้มากกว่า”

          “เราให้สัญญากับพวกเขาว่าเราจะสร้างคริสขึ้นมาให้ถูกต้อง” คูเปอร์เล่าต่อว่า “และจริงๆ แล้วผมรู้สึกว่าเขาอยู่ตรงนั้นด้วย”

          คูเปอร์เล่าว่า “ตอนที่คริสพูดในหนังว่า ‘ผมยอมสละชีวิตเพื่อประเทศชาติของผม’ เขาหมายความตามนั้นจริงๆ จากนั้นจะได้เห็นการเดินทางของเขา… มันไม่ได้ทำให้เขาเป็นผู้ยอมพลีชีพเพื่อความเชื่อ มันไม่ได้ทำให้เขาเป็นอะไรไปมากกว่าคนธรรมดาคนหนึ่ง แต่นั่นคือตัวตนของเขา”
« Last Edit: January 21, 2015, 11:20:31 AM by FB »

FB on January 20, 2015, 12:39:51 PM
ข้อมูล American Sniper – อเมริกัน สไนเปอร์



          ผลงานจากผู้กำกับฯ คลินท์ อีสต์วูด สู่ภาพยนตร์ของวอร์เนอร์ บราเดอร์ส พิกเจอร์ส และ วิลเลจ โรดโชว์ พิกเจอร์ส เรื่อง “American Sniper” นำแสดงโดย แบรดลีย์ คูเปอร์ ในบท คริส ไคล์ มือปืนที่โหดที่สุดในประวัติศาสตร์กองทัพสหรัฐฯ แต่ยังมี แต่ในตัวฮีโร่ชาวอเมริกันคนนี้ยังมีอะไรอีกหลายอย่างที่มากกว่าสกิลการใช้ปืนไรเฟิล
          มือปืนแห่งหน่วยซีลของกองทัพสหรัฐฯ คริส ไคล์ ถูกส่งตัวไปที่อิรักพร้อมภารกิจปกป้องเหล่าพี่น้องทหาร ความแม่นยำของเขาได้ช่วยชีวิตในสมรภูมิรบมาแล้วอย่างนับไม่ถ้วน และเมื่อเรื่องราวความกล้าหาญของเขาแพร่สะพัดออกไป เขาได้รับการยกย่องให้เป็น “ตำนาน” แต่อย่างไรก็ตามชื่อเสียงของเขาก็เป็นที่กล่าวขานกันในหมู่ศัตรูเช่นกัน ทำให้เขามีค่าหัวและกลายเป็นเป้าหมายหลักสำคัญของพวกกบฎ และเขายังต้องเผชิญหน้ากับการต่อสู้ในอีกรูปแบบหนึ่ง คือการทำหน้าสามีและคุณพ่อที่ดีจากทั่วทุกมุมโลก
          นอกจากอันตรายและความเสี่ยงของสมาชิกภายในบ้านแล้ว คริสได้ปฏิบัติภารกิจเสี่ยงตาย 4 ครั้งที่อิรัก จนกลายเป็นสัญลักษณ์ของหน่วย SEAL “อย่าทิ้งใครไว้เบื้องหลัง” แต่ในระหว่างที่เขากลับบ้าน คริสพบว่าสงครามต่างหากคือสิ่งที่เขาทิ้งไปไม่ได้
นักแสดงผู้เข้าชิงรางวัล Oscar® ถึงสองครั้งจากผลงานในเรื่อง “Silver Linings Playbook” และ “American Hustle” คูเปอร์มารับบทนักแสดงนำ รวมถึงเซียนน่า มิลเลอร์ (ภาพยนตร์ทาง HBO เรื่อง “The Girl”), เจค แม็คดอร์แมน, ลุค กริมส์, นาวิด เนกาบาน และ เคียร์ โอ’ดอนเนล
          คลินท์ อีสต์วูด ผู้สร้างฯ เจ้าของรางวัล Oscar® (“Million Dollar Baby,” “Unforgiven”) กำกับฯ เรื่อง “American Sniper” จากบทภาพยนตร์ที่เขียนขึ้นโดยเจสัน ฮัล สร้างขึ้นจากนิยายของคริส ไคล์ ร่วมกับสก็อตต์ แม็คอีวาน บทความอัตชีวประวัติเป็นผลงานขายดีที่ครองตำแหน่งหนังสือขายดีของ New York Times นานถึง 18 สัปดาห์ โดยขึ้นเป็นอันดับ 1 นานถึง 13 สัปดาห์
ภาพยนตร์กำลังสร้างโดยอีสต์วูด, โรเบิร์ต ลอเรนซ์, แอนดรูว์ ลาซาร์, แบรดลีย์ คูเปอร์ และ ปีเตอร์ มอร์แกน อำนวยการสร้างบริหารฯ โดย ทิม มัวร์, เจสัน ฮัล, เชอรอม คิม และ บรูซ เบอร์แมน
          ทีมงานฝ่ายสร้างสรรค์เบื้องหลัง ได้แก่ ผู้กำกับภาพผู้เข้าชิงรางวัล Oscar® ทอม สเติร์น (“Changeling”); ผู้ออกแบบฉากผู้เข้าชิงรางวัล Oscar® เจมส์ เจ. มูราคามิ (“Changeling”) และผู้ออกแบบฉาก ชารีซ คาร์ดีนาส; ผู้ลำดับภาพ โจเอล คอกซ์ เจ้าของรางวัล Oscar® (“Unforgiven”) และผู้ลำดับภาพ แกรี่ ดี. โรช และผู้ออกแบบเครื่องแต่งกาย เดโบราห์ ฮอปเปอร์
ภาพยนตร์เรื่อง “American Sniper” นำเสนอโดยวอร์เนอร์ บราเดอร์ส พิกเจอร์ส ร่วมกับวิลเลจ โรดโชว์ พิกเจอร์ส , A Mad Chance Production, A 22nd & Indiana Production จัดจำหน่ายโดยวอร์เนอร์ บราเดอร์ส พิกเจอร์ส หนึ่งในกลุ่มบริษัทวอร์เนอร์ บราเดอร์ส เอ็นเตอร์เทนเมนท์ และในบางพื้นที่โดยวิลเลจ โรดโชว์ พิกเจอร์ส

          https://www.facebook.com/AmericanSniperThailand
« Last Edit: January 20, 2015, 03:27:48 PM by FB »

FB on January 20, 2015, 12:41:00 PM
รายละเอียดการถ่ายทำ
“…ผมต้องขอบอกคุณว่า: ที่คุณต้องจำไม่ใช่คนที่คุณช่วยชีวิตไว้ได้ แต่คุณต้อง
จำคนที่ช่วยไว้ไม่ได้ต่างหาก… ผู้คนที่ต้องเจอกับเรื่องแบบนั้นจะติดตามคุณไปชั่วชีวิต”
คริส ไคล์ จากหนังสือ American Sniper
          คริส ไคล์อาจเป็นทหารเกณฑ์คนหนึ่งในหลายล้านที่ปฏิบัติหน้าที่ไม่ใช่เพื่อทางสถิติ เขาปรากฏตัวในสงครามที่อิรักในฐานะสไนเปอร์มือดีในประวัติศาสตร์กองทัพสหรัฐฯ แต่ผู้สร้างฯ “American Sniper” รู้ถึงความสำคัญในการศึกษาเรื่องราวของผู้อยู่เบื้องหลังการเสียชีวิตของคนจำนวนมากด้วย
          ผู้กำกับฯ/ผู้สร้างฯ คลินต์ อีสต์วูดเล่าว่า “ผมเคยเล่นหนังสงครามมาแล้วหลายเรื่อง แต่เรื่องนี้ทำให้ผมตื่นเต้นเพราะมันมีการเปรียบเทียบระหว่างความกล้าหาญในสงครามกับชีวิตส่วนตัวของคริส ซึ่งยิ่งทำให้เขามีความน่าสนใจมากขึ้น มันทำให้เห็นผลกระทบจากสงครามที่มีต่อคนๆ หนึ่ง แต่เขาก็มีความกดดันเรื่องครอบครัวด้วย ถือเป็นเรื่องดีที่มีการย้ำเตือนถึงความเสี่ยงเวลาที่มีคนถูกส่งเข้าสงครามและได้เห็นว่าพวกเขาต้องเสียสละอะไรบ้าง ผมคิดว่านั่นทำให้เรื่องราวมีความหมายเป็นพิเศษ”
          แบรดลีย์ คูเปอร์ ผู้รับบทนำยังทำหน้าที่เป็นผู้สร้างฯ ด้วย เขาเล่าว่า “ในบางมุมมันก็เป็นเรื่องที่เหมือนกันทั้งโลก เป็นเรื่องที่ทหารผ่านศึกต้องพบเจอ ต้องเผชิญกับความเปลี่ยนแปลงในเขตสงคราม จากนั้นก็กลับบ้านมาใช้ชีวิตปกติ มันทำให้ผมตื่นเต้นมากครับ ผมชอบที่มันไม่ใช่หนังสงครามจนเกินไป แต่มีตัวละครให้ศึกษาด้วย ถ้าเราสังเกตจากหนังของคลินต์ อีสต์วูด เช่น ‘Unforgiven,’ ‘Gran Torino,’ ‘Letters from Iwo Jima’… พวกนั้นเป็นตัวละครที่มีความละเอียดอ่อน แม้ว่าจะภูมิหลังต่างกันไปมาก เขาจึงกลายเป็นผู้กำกับฯ ที่เหมาะสำหรับการเล่าเรื่องนี้ที่มีความดิบและต้องถ่ายทอดอย่างตรงไปตรงมา”
          นักแสดงยังสังเกตเรื่อง “American Sniper” และเรื่องราวของมนุษย์ที่เป็นหัวใจสำคัญตามแนวของอีสต์วูดว่า การศึกษาธรรมชาติของผู้ที่ต้องใช้ความรุนแรงและความถูกต้องกลายเป็นเรื่องที่แยกกันไม่ออก “คริสไม่ใช่คนหัวรุนแรง อันที่จริงห่างจากความรุนแรงมาก แต่เมื่อถูกเรียกตัวเขาก็ไม่เกรงกลัวต่อภารกิจ เพราะเขาเชื่อมั่นว่าเหตุผลสำคัญกว่า ความกล้าหาญของเขาไม่ได้ขึ้นกับจำนวนของผู้ที่ถูกฆ่าในสงคราม มันยังขึ้นอยู่กับความสามารถในการเผชิญหน้ากับบาดแผลจากสงครามอีกด้วย ไม่ใช่แค่ตัวเขา แต่ครอบครัวของเขาด้วย”
          บทภาพยนตร์เรื่อง “American Sniper” สร้างขึ้นจากหนังสือชื่อเดียวกัน ร่วมเขียนโดยไคล์ (กับสก็อตต์ แม็คอีแวน และ จิม เดอเฟอไลซ์) แต่อย่างไรก็ตามผู้เขียนบทฯ และผู้อำนวยการสร้างบริหารฯ เจสัน ฮัล มีการคุยกับไคล์เกี่ยวกับการนำเรื่องของเขาสู่จอภาพยนตร์ ก่อนจะมีการเขียนหนังสือด้วยซ้ำ เขาเล่าว่า “ผมรู้สึกสนใจในเรื่องลำปืนของนักรบในสงคราม… อะไรคือสิ่งผลักดันให้เขาต้องสู้และมันมีค่าสำหรับเขาอย่างไร เรารู้ดีว่าสงครามเหมือนกับนรก แต่ในเรื่องนี้ผมอยากแสดงให้เห็นว่าสงครามก็เหมือนกับมนุษย์”
          ผู้ร่วมการผลิตมาอย่างยาวนานของอีสต์วูด โรเบิร์ต โลเรนซ์ เล่าว่า “เรารู้สึกสนใจในผลงานของเจสสัน เพราะมันมีการสร้างสมดุลอย่างดี ทำให้คริสมีภาพลักษณ์ที่สมบูรณ์ และสิ่งที่เขาต้องพบเจอทั้งในสมรภูมิรบและที่บ้าน”
          คริส ไคล์มีหลักการใช้ชีวิตง่ายๆ คือ พระเจ้า ประเทศชาติ ครอบครัว สำหรับเขาแล้วนั่นไม่ใช่แค่ถ้อยคำ มันเป็นรากฐานของชีวิตในความรับผิดชอบ การช่วยเหลือ และการอุทิศตนให้สิ่งที่ยิ่งใหญ่กว่าตัวเอง สิ่งที่จำเป็นต่อหน่วยรบของกองทัพ รวมถึงภาระต่อคนที่เขารักมากที่สุด โดยเฉพาะ ทายา ภรรยาของเขา ในที่สุดก็บังคับให้เขาประเมิณลำดับความคิด 3 อย่าง แต่ไม่ใช่คำมั่นที่เขามีต่อสิ่งเหล่านั้น
อีสต์วูดยืนยันว่า “คริสโตมาพร้อมกับถ้อยคำนั้น เขายังซึมซึบตั้งแต่เด็กด้วยว่าบางคนก็เกิดมาเพื่อเป็นผู้ปกป้อง และเขารู้ว่าชะตาชีวิตของเขาต้องเป็นแบบนั้น นั่นคือสิ่งที่ผลักดันให้เขาทำมากกว่าการเดินทาง แม้ว่าเขาต้องพบกับความลังเลในการทิ้งครอบครัวไว้เบื้องหลัง เขาเป็นคนหนึ่งที่พร้อมยอมทำเกินหน้าที่เสมอ”
          ชื่อเสียงของไคล์สร้างชื่อให้ตัวเองมาตั้งแต่แรกอยู่แล้ว และได้รับความสนใจจากผู้สร้างฯ ปีเตอร์ มอร์แกน และ แอนดรูว์ ลาซาร์ รวมถึงฮัล มอร์แกนเล่าว่า “เราได้ยินเรื่องรางวัลของเขาในฐานะของหน่วยรบของกองทัพ และรู้ว่าเขาเป็นผู้ที่รักชาติมาก แต่ยิ่งเราค้นหาข้อมูลก็ยิ่งเห็นว่าจริงๆ แล้วเขาเป็นคนดีขนาดไหน… ครอบครัว เพื่อนๆ และผู้ที่ปฏิบัติหน้าที่เคียงข้างเขารักและชื่นชมเขาขนาดไหน เราอยากสร้างเรื่องราวขึ้นมาจากความรู้สึกที่รายล้อมรอบตัวเขา สิ่งต่างๆ ที่เป็นตัวผลักดันเขา”
          ก่อนจะเริ่มเขียนบทฯ ฮอัลได้เดินทางไปที่เท็กซัสเพื่อพบกับไคล์ “ตอนแรกเขาพูดไม่ค่อยเก่ง” นักเขียนกล่าว “พอถึงช่วงที่ผมกลับ ผมรู้สึกว่าอยากถ่ายทอดเรื่องราวโดยได้ความวางใจจากขา ตอนที่ผมกำลังจะเดินออกนอกประตูเขาบอกว่า ‘แต่เรากำลังจะเขียนหนังสือขึ้นมานะ’ ตอนแรกดูเหมือนหนังสือจะเป็นตัวอุปสรรค แต่สุดท้ายมันกลายเป็นแหล่งข้อมูลอย่างวิเศษมากครับ”
ผู้สร้างฯ แอนดรูว์ ลาซาร์ ยืนยันว่า “เราได้รับความไว้วางใจในการถ่ายทอดเรื่องนี้ก่อนที่หนังสือจะขึ้นแท่นหนังสือขายดี แต่เป็นเพราะหนังสือที่ทำให้เราได้ประโยชน์ในแง่มุมมองของคริส เราได้แจ้งอย่างถ่องแท้ว่าเราทำอะไรในการพัฒนาหนังเรื่องนี้ และถ่ายทอดเรื่องราวของเขาอย่างสุดความสามารถของเรา”
          แต่ยังมีอีกด้านหนึ่งของไคล์ที่ฮัลเห็นเป็นคนแรก และเขาอยากถ่ายทอดลงไปในบทภาพยนตร์ด้วย “มันคงเป็นเรื่องง่ายถ้าสร้างหนังเรื่องนี้ให้มีแต่ช่วงเวลาที่เขาอยู่ในสงคราม แต่คริสเป็นคนที่มีรายละเอียดซับซ้อนกว่านั้น หนังสือถูกเขียนขึ้นมาหังจากเขากลับถึงบ้านไม่เกิน 1 ปี ฉะนั้นเท่ากับเขายังสวมเกราะนั้นอยู่ มันไม่ค่อยมีการถ่ายทอดด้านที่อ่อนโยนขอคริส การเป็นสามีและคุณพ่อที่น่ารัก และช่วงเวลาแห่งความสิ้นหวังที่เขากับทายาต้องฝ่าฟันกันไปในช่วงที่มีการเดินทาง 4 ครั้ง และในช่วงที่สงครามนี้ดูจะยืดเยื้อออกไป ครอบครัวของเหล่าทหารมีการติดต่อกันมากขึ้นโดยใช้โทรศัพท์ดาวเทียม ทายาได้ยินเรื่องน่ากลัวของการคุยแบบนั้น แต่นั่นเป็นเส้นทางเชื่อมชีวิตถึงเขา และผมเชื่อว่าน้ำเสียงขอเธอช่วยให้เขากลับถึงบ้านได้ ผมคิดว่าตัวเองไม่เคยเข้าใจว่าคริสเป็นคนแบบไหนเลยจนกระทั่งได้พบกับทายา”
“มีเหตุการณ์รุนแรงหลายอย่างเกิดขึ้น” อีสต์วูดกล่าว “แต่จิตวิญญาณของเรื่องและสิ่งที่ผลักดันเรื่องราวคือความสัมพันธ์ระหว่างคริสกับเหล่าพี่น้อง โดยเฉพาะระหว่างคริสกับทายา ซึ่งเป็นความสัมพันธ์ที่สำคัญสุดในหนัง คริสรักเธอมากแต่ขณะเดียวกันเขามีความมุ่งมั่นที่จะบรรลุความต้องการที่ประเทศชาติของเขามอบภารกิจไว้ให้”
          เซียนนา มิลเลอร์ ผู้รับบททายา ไคล์ เล่าว่า “หัวใจสำคัญคือนี่เป็นเรื่องราวระหว่างมนุษย์สองคน คนหนึ่งต้องทำสิ่งที่ยิ่งใหญ่และคาดไม่ถึง ต้องห่างไกลจากบ้านและต้องพยายามประคองครอบครัวของเธอไว้ ความรับผิดชอบต่อหน้าที่ของคริสมีความยิ่งใหญ่มากเพราะเขามีนิสัยแบบนั้น เขาเชื่อว่าถ้าเขาอยู่กับครอบครัวจะต้องมีคนตายเพิ่มขึ้น และมันเป็นเรื่องที่ต้องอึดอัดกับเรื่องศีลธรรม ซึ่งมันยากสำหรับเธอเช่นกันค่ะ ฉันคิดว่าทายาเข้าใจสถานกาณณ์ของเขา เธอพยายามใจเย็น ให้กำลังใจสามี แต่มันอาจเป็นเรื่องยากที่จะจัดการได้เมื่อมีลูกเข้ามาเกี่ยวข้องและลึกๆ แล้วเราก็แทบจะระเบิด มันทำให้เรื่องราวมีเสน่ห์และเป็นเรื่องสะเทือนใจที่ต้องเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย การได้พบกับทายาทำให้ฉันรู้สึกว่าฉันมีหน้าที่แสดงให้ถูกต้องค่ะ”
          คูเปอร์ต้องแปลงโฉมเพื่อมารับบท ไคล์ ที่มีรูปร่างภูมิฐานได้ร่วมแบ่งปันความรู้สึกนั้นแต่เล่าว่า “ผมไม่เคยรู้สึกว่าความรับผิดชอบเป็นภาระเลย ผมรู้สึกว่าเป็นเกียรติ รู้สึกเป็นโอกาสอันยิ่งใหญ่ที่ได้แสดงความเคารพในปฏิบัติการของเขาและทหารผ่านศึกท่านอื่น ผมชอบทุกช่วงเวลาที่แสดงเป็นเขา ทุกวินาทีเลยครับ”
          วันที่ 2 กุมภาพันธ์ 2013 โศกนาฎกรรมที่ยากจะคาดถึงได้เปลี่ยนความรับผิดชอบของผู้สร้างฯ เป็นคำมั่นสัญญา คริส ไคล์ ผู้รอดชีวิตจากการเดินทางเสี่ยงตาย 4 ครั้งจากภารกิจที่อิรัก และได้สละชีวิตช่วงหลังสงครามของเขาช่วยเพื่อนทหารผ่านศึกถูกฆาตกรรมไม่ไกลจากบ้านเขาด้วยการถูกยิงที่เท็กซัส ฆาตกรรมโดยอดีตทหารผ่านศึกที่เขาพยายามช่วยเหลือ “ผมไม่เคยเจอเขาเลย ผมคุยโทรศัพท์กับเขาเพียงอย่างเดียว” คูเปอร์กล่าว “จากนั้นเขาก็จากไป”
          หลังจากพิธีฝังศพฮัลได้เดินทางไปหาทายา พวกเขาคุยโทรศัพท์กันนานหลายชั่วโมงเมื่อเธอได้ใช้ชีวิตร่วมกับคริส “ภาพยนตร์ได้กลายเป็นอีกวิธีหนึ่งที่ลูกๆ ของเธอจะจดจำพ่อของพวกเขา และเธออยากให้มันออกมาถูกต้อง” ฮัลกล่าว “มันไม่ใช่แค่การเยียวยาเธอเท่านั้น มันยังทำให้ผมจับน้ำเสียงของเธอได้จากคำบอกเล่าของเธอด้วย เธอได้แสดงให้เห็นภาพลักษณ์ของเขาที่เป็นก่อนสงคราม ภารกิจที่ไม่บ่งบอกว่าเป็นภาระของเขาและการเยียวยาทั้งหลายที่เขาต้องพบเพื่อฟื้นฟูอีกครั้ง”
          เวลาเกือบ 1 ปีต่อมา คลินต์ อีสต์วูด และ แบรดลีย์ คูเปอร์ได้เดินทางไปที่เท็กซัสเพื่อพบกับครอบครัวของคริส รวมถึงทายา พ่อแม่ของเขา เวย์น เด็บบี้ และน้องชายของเขาที่ชื่อเจฟ ผู้กำกับฯ เล่าว่า “มันเป็นเรื่องจำเป็นสำหรับผมที่ต้องใช้เวลากับพวกเขา เพราะพวกเขามีไอเดียดีๆ ว่าคริสเป็นใครจากครอบครัวของเขาที่น่าทึ่งมากครับ เราจากมาพร้อมความเศร้าจากการสูญเสียผู้ชายที่น่าทึ่งคนนี้ แต่มีความกระตือรือร้นในการสร้างหนังเรื่องนี้มากกว่า”
          “เราให้สัญญากับพวกเขาว่าเราจะสร้างคริสขึ้นมาให้ถูกต้อง” คูเปอร์เล่าต่อว่า “และจริงๆ แล้วผมรู้สึกว่าเขาอยู่ตรงนั้นด้วย”
ทายา ไคล์ยืนยันว่าคำสัญญานั้นเป็นจริงโดยเล่าว่า “ฉันยกความดีทั้งหมดให้เจสันจากที่เขาใช้เวลานานไปกับการศึกษาอย่างลึกซึ้งถึงรายละเอียดทั้งหลายของคริส รวมถึงคลินต์ แบรดลีย์ และทุกคนที่มีส่วนร่วมในหนังสำหรับความร่วมยมืออย่างเต็มที่ มันเป็นกำไรชีวิตที่เพิ่มเข้ามาสำหรับฉันที่ได้รู้ว่าคนเหล่านั้นให้ความสนใจผู้ชายที่ฉันรักและจะรักตลอดไป และรักษาเขาเอาไว้ในภาพยนตร์ หนังเรื่องนี้เป็นผลงานหนึ่งของคริส มีการถ่ายทอดเรื่องราวทั้งหมดของเขาเอาไว้ ไม่ใช่แค่การเป็นนักรบ แต่การเป็นมนุษย์ด้วย ฉันไม่รู้จะขออะไรไปมากกว่านี้แล้วค่ะ”
          คูเปอร์เล่าว่า “ตอนที่คริสพูดในหนังว่า ‘ผมยอมสละชีวิตเพื่อประเทศชาติของผม’ เขาหมายความตามนั้นจริงๆ จากนั้นจะได้เห็นการเดินทางของเขา… มันไม่ได้ทำให้เขาเป็นผู้ยอมพลีชีพเพื่อความเชื่อ มันไม่ได้ทำให้เขาเป็นอะไรไปมากกว่าคนธรรมดาคนหนึ่ง แต่นั่นคือตัวตนของเขา”

FB on January 20, 2015, 12:41:46 PM
การรับสมาชิกใหม่และการฝึกฝน
          ในภาพยนตร์เรื่อง “American Sniper” เรามีการสังเกตว่าคริสกลายเป็นผู้ชายแบบนี้ได้อย่างไร เริ่มจากเด็กผู้ชายคนหนึ่งในเท็กซัส พ่อของเขาสอนเขากับน้องชายเรื่องคน 3 ประเภทในโลก ได้แก่ ผู้ล่า เหยื่อ หรือผู้ปกป้อง ยกตัวอย่างเช่น ถึงแม้ว่าเขาจะไม่ทันตั้งตัวแต่ชะตาชีวิตของคริสได้ถูกกำหนดไว้แล้ว คูเปอร์เล่าว่า “ผมคิดว่าคริสมีความดื้อดึงในการเป็นผู้เสียสละเพื่อปกป้องผู้อื่นและภารกิจนั้นจะเห็นได้ตลอดทั้งชีวิตเขา มีหลายฉากที่เห็นถึงสัญชาตญาณแห่งการปกป้องของเขาและสิ่งที่เขาต้องยอมเสียไปเพื่อมัน ในหนังทั้งเรื่องจะเกี่ยวข้องกับเรื่องนั้น”
          “เขาเป็นเด็กที่ตัวใหญ่และแข็งแรง เขาเชื่อเรื่องการต่อสู้เพื่อคนที่อ่อนแอกว่า” อีสต์วูดเล่าเสริมว่า “ซึ่งนั่นนำไปสู่บทบาทของเขาในการเป็นสไนเปอร์ หน้าที่ของเขาคือการเฝ้าระวังกองกำลังบนภาคพื้น รักษาความปลอดภัยให้พวกเขาจากศัตรูที่มองไม่เห็น”
คูเปอร์รู้ดีว่าการรับบทคริส ไคล์จะเป็นการทดสอบเขาทั้งร่างกายและจิตใจ แต่เขาก็ยินดีรับความท้าทายนั้น เขาเล่าว่า “ไม่มีทางที่จะแสดงหนังได้โดยการไม่สวมบทบาทคริส โดยไม่ได้ล้อเลียนเขา แต่ต้องสวมบทเขาอย่างเต็มตัว ผมต้องนึกภาพว่าเขาจะเดินยังไง พูดคุยยังไง และต้องพยายามตัวใหญ่ให้ได้เท่าเขาจนผมเริ่มเชื่อได้ลงว่าผมคือเขา เพราะถ้าผมเชื่อไม่ลงก็ไม่มีใครเชื่อได้ ผมสังเกตทุกอย่างและทำตามเขาหลายต่อหลายครั้ง ศึกษาข้อมูลมากที่สุดเท่าที่จะทำได้”
          นักแสดงต้องร่วมงานกับโคชเรื่องภาษาถิ่น ทิม โมนิช เพื่อแสดงการพูดของไคล์แบบชาวเท็กซัสให้แนบเนียน แต่ภารกิจการเพิ่มขนาดตัวต้องอาศัยความทุ่มเททางกายยิ่งกว่า รวมถึงการออกกำลังกายและการกินอย่างเคร่งครัดร่วมกับเทรนเนอร์เจสัน วอลช์ เช่นเดียวกับการอัดแคลอรี่เข้าไปเพื่อเพิ่มน้ำหนักตัวของเขา “คริสหนัก 230 ปอนด์แบบมีกล้าม ส่วนผมหนัก 185 ปอนด์ในช่วงนั้น ผมเลยต้องอาศัยช่วงเวลา 3 เดือนในการกินและออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ มันไม่ง่ายเลยครับ” คูเปอร์ยอมรับ
          “เมื่อระบบร่างกายของเราไม่ได้เป็นแบบนั้น เราต้องปรับร่างกายให้เป็นแบบนั้นตลอดเวลาและเขาก็ทำได้” อีสต์วูดกล่าว “ผมคิดว่าไม่เคยเห็นเขานอกจอในสภาพที่ไม่กินเครื่องดื่มหรือบาร์อาหาร จนวันสุดท้ายเขาพูดว่า ‘ขอบคุณพระเจ้า ผมไม่ต้องกินอีกแล้ว’”
          เจสัน ฮัลใช้เวลาเป็นการส่วนตัวกับไคล์มากกว่าผู้สร้างฯ คนอื่น เขายืนยันได้ว่า “ผมรู้ว่ามันมีความหมายต่อคริสมากที่แบรดลีย์เต็มใจเจริญรอยตามเพื่อกลายเป็นเขา แต่ที่สำคัญกว่าการปรับเปลี่ยนน้ำเสียงและร่างกายของเขาคือแบรดลีย์ต้องใช้นิสัยของคริส ไคล์มากขึ้น ผมดูมอนิเตอร์และเห็นารยืนหรือการมองของเขา… ออร่าของเขาทำให้ผมขนลุก ผมถึงกับพูดว่า ‘ให้ตายเถอะ นั่นคริสนี่’ มันแปลกมากครับ”
ทายาเห็นด้วยว่า “เวลาทุกคนดูหนังเรื่องนี้ พกวเขาจะเห็นความรู้สึก จิตวิญญาณ บุคลิกท่าทางของคริสตัวจริง…the อารมณ์และความรู้สึกของผู้ชายคนหนึ่งที่มีความเจ็บปวด ความสำเร็จ และทุกสิ่งที่เขาต้องพบเจอ แบรดลีย์ถ่ายทอดทุกอย่างได้ครบถ้วนค่ะ”
อีสต์วูดยังนับถือในการอินกับบทบาทของคูเปอร์ เขาเล่าว่า “ครวามกระตือรือร้นและหลักการทำงานของแบรดลีย์ยอดเยี่ยมมากครับ เขาทุ่มเทในการทำงานและไม่เคยหยุดคิดว่าจะทำยังไงให้ผลงานออกมาดีที่สุด กลายเป็นว่าทั้งคูเปอร์และไคล์ต่างชื่นชมในตัวอีสต์วูด “ผมได้ยินมาว่าคริสพูดว่าเขาอยากให้คลินต์ อีสต์วูดมากำกับฯ ‘American Sniper’” นักแสดงเล่าว่า “ผมอยากร่วมงานกับคลินต์มาโดยตลอด มันรู้สึกดีมากเลยครับที่เขาพูดว่า ‘มาเถอะน่า มาสร้างหนังเรื่องนี้ด้วยกัน’”
          “ทั้งคริสและฉันต่างคิดว่าคลินต์ อีสต์วูดเป็นคนที่เหมาะสมมากค่ะ” ทายายืนยัน “แต่ฉันคิดว่ามันเหมือนกับเรื่องเพ้อฝัน หลังจากที่คริสเสียชีวิตลงฉันได้ยินว่าคลินต์ตกลงยอมมากำกับฯ ฉันรู้สึกตกใจไปช่วงหนึ่งและเงยหน้ามองบนฟ้าพูดว่า ‘คุณทำได้แล้ว คริส’ มันเป็นช่วงเวลาหนึ่งที่ฉันรู้สึกว่าโอเค มันเป็นไปได้แล้ว แต่เป็นเรื่องจริงหรอ? คลินต์ อีสต์วูดมากำกับหนังของคริส ไคล์เนี่ยนะ ไม่มีอะไรจะเพอร์เฟ็กต์ไปกว่านี้แล้ว”
          “ผมรักสไตล์ที่มีความรวดเร็วของคลินต์ครับ การใช้เวลาอย่างมีประสิทธิภาพของเขา” คูเปอร์กล่าว “เขาเปิดเผยขั้นตอนการถ่ายทกับผมและยอมให้ผมมีส่วนร่วมในระดับที่มีประโยชน์ต่อผมและการแสดงของผมมาก”
          “การร่วมงานกับคลินต์เป็นประสบการณ์ที่ได้ใช้ความสร้างสรรค์อย่างเป็นอิสระมากที่สุดเลยค่ะ” เซียนนา มิลเลอร์เห็นด้วย “เขามีความไว้วางใจมาก มีความมั่นใจมาก และเชื่อมั่นในความสามารถของเขาที่รู้ว่าตัวเองต้องการอะไร มันทำให้เรามีอิสระในการเป็นนักแสดง ในโลกนี้ไม่มีใครใจเย็นไปกว่าคลินต์ อีสต์วูดแล้วค่ะ จริงๆ นะคะ”
          ส่วนทายาผู้หญิงในชีวิตที่คริส ไคล์รัก มิลเลอร์อยากถ่ายทอดความหลงใหลที่พวกเขาแชร์ร่วมกัน รวมถึงอุปสรรคต่างๆ ที่เธอต้องเผชิญในฐานะภรรยาของหน่วยรบของกองทัพ ซึ่งถือเป็นเรื่องจำเป็นมากที่ต้องแสดงให้เห็นถึงสปิริตของทายาที่ไม่เหมือนใคร “เธอเป็นผู้หญิงที่มีความกล้าค่ะ” มิลเลอร์กล่าว “เธอรู้ว่าตัวเองต้องการอะไร เธอไม่ยอมทนทุกข์และเธอเป็นคนฉลาด เราจะบอกได้ตั้งแต่ที่เห็นเธอครั้งแรกในบาร์ที่เธอได้พบกับคริสเลยว่าพวกเขาเคมีตรงกัน แม้ว่าทายาจะเข้าใจในหน้าที่การงานของเขา แต่คริสลดความโกรธลงมาก มีความจริงใจอย่างที่เธอสัมผัสได้ในตัวเขา ฉันว่าเธอรู้ตัวว่าพบกับผู้ชายของเธอเข้าแล้ว”
          โรเบิร์ต โลเรนซ์ยืนยันว่า “ตัวละครทายาต้องการคนที่สามารถเจาะลึกและถ่ายทอดตัวตนของเธอควบคู่กับบุคคลแห่งตำนานอย่างคริส ไคล์ได้ ทายาตัวจริงสามารถสร้างสมดุลให้คริสได้ เพราะเธอมีบุคลิกที่ชัดเจน ซึ่งเซียนนาก็มีบุคลิกเดียวกันในหนัง เธอสร้างสมดุลระหว่างการแสดงของแบรดลีย์กับความกลัวที่เกิดขึ้นกับตัวเธอได้”
“ทายาเหมาะสมกับคริสในแง่ของพลังและความกล้าหาญ” คูเปอร์เล่าต่อว่า “มันเลยมีความกระตือรือร้น ความรัก และความเจ็บปวดมากมายในความสัมพันธ์ของพวกเขา”
          มิลเลอร์เล่าว่า “เมื่อมองลึกลงไปแล้ว ทายารู้ว่าคริสใช้ชีวิตโดยยึดหลักคำสอนของพระเจ้า ประเทศชาติ ครอบครัว เธอมีความอดทนและมีความเข้าใจดีมาก แต่ผมเคยคุยกับทายาถึงเรื่องนี้ และความจริงคือในฐานะของภรรยาเมื่อถูกจัดอันดับให้เป็นอันดับที่ 3 มันถือเป็นเรื่องที่โหดร้าย”
          นักแสดงหญิงเล่าต่อว่าเธอเข้าใจตัวละครของเธอมากเป็นพิเศษจากผู้หญิงที่เธอต้องมาสวมบทโดยตรง “ฉันได้พบกับทายาครั้งแรกผ่านสไกป์ เราคุยโทรศัพท์กันบ่อยมากค่ะ จากนั้นเธอมาที่แอล.เอ.ก่อนเราจะเริ่มถ่ายทำกัน เราใช้เวลา 1 วันในการพูดคุยกัน กอดกัน หัวเราะและร้องไห้กัน มันวิเศษมากค่ะ เธอเป็นผู้หญิงที่มีพลังมากจริงๆ ฉันชื่นชมเธอมาที่ปรับตัวเก่ง แถมฉันยังชื่นชมในเสน่ห์และน้ำใจของเธอที่ช่วยให้ฉันเห็นภาพว่าเธอรู้สึกอย่างไรบ้างในช่วงหลายปีนั้น”
          ทายา ไคล์เล่าถึงตอนนั้นว่า “มีครั้งหนึ่งที่ฉันเอาวีดีโอคลิปของคริสให้รูปภาพที่อยู่ในแล็ปท็อปให้เธอดู ฉันจำได้ว่าเธอมองฉันและพูดว่า ‘ว้าว คุณรักเขามากเลยนะคะ’ มีบางอย่างจากการพูดของเธอ เพราะฉันเคยคุยกับเธอมาก่อน เธอรู้ว่าฉันรักเขา แต่ในช่วงเวลานั้นฉันว่าเธอเข้าใจว่านี่เป็นความรักที่เปลี่ยนแปลงชีวิตไปเลย และฉันไม่เคยมีความรู้สึกแบบนี้อีก พอเธอรู้สึกแบบนั้นฉันรู้เลยว่าเธอจะถ่ายทอดมันลงไปในหนังด้วย และเธอก็ทำแบบนั้นจริงๆ”
          คูเปอร์เล่าว่ามิลเลอร์ไม่ใช่คนเดียวที่ได้รับความช่วยเหลือจากข้อมูลที่สุภาพสตรีผู้ยืนหยัดอดทนเคียงข้างสามีในการปฏิบัติภารกิจที่อิรัก 4 ครั้งเล่าให้ฟัง “ทายามีความสำคัญต่อภาพยนตร์ทั้งเรื่องมากครับ เธอเล่ารายละเอียดชีวิตหลายเรื่องให้ผมกับเซียนนาฟัง ยอมให้เราอ่านอีเมล์ของพวกเขาที่ตอบโต้กันและมีการเล่าถึงบางช่วงเวลา เธอมีน้ำใจมากที่เล่าเรื่องส่วนตัวเกี่ยวกับความสัมพันธ์ของพวกเขาให้ฟัง เราจึงเข้าใจได้ว่าพวกเขาอยู่เคียงข้างกันอย่างไร”
          “แบรดลีย์พูดกับฉันหลายครั้งว่าพวกเขาเป็นหนี้ฉัน สำหรับการเป็นคนใจกว้างและเล่ารายละเอียดทุกอย่างให้เราฟัง แต่ฉันคิดว่ามองกลับกันมากกว่าค่ะ” ทายาเล่าว่า “ฉันเป็นหนี้พวกเขาที่ให้ความใส่ใจในรายละเอียดทั้งหมดต่างหาก”
นอกจากทายาและลูกๆ ของพวกเขาแล้ว คริส ไคล์ยังมีคนสนิทนอกครอบครัวในทีมหน่วยรบ 3 แอนดรูว์ ลาซาร์เรียกว่า “เหมือนพี่น้องกันจริงๆ ทีมหน่วยรบได้รับภารกิจเสี่ยงตายของกองทัพ พวกเขาต้องรับมือกับความเป็นความตายทุกวัน พวกเขาเลยมีความสนิทสนมกันอย่างแน่นแฟ้น ซึ่งมันจำเป็นเพื่อความอยู่รอดด้วย”
          เจสัน ฮัลเล่าเสริมว่า “ถามใครก็ได้ว่าทำไมพวกเขาถึงปฏิบัติภารกิจ ทำไมพวกเขาเต็มใจกลับไปครั้งแล้วครั้งเล่า พวกเขาจะตอบว่าต้องต่อสู้เพื่อประเทศของพวกเขา ซึ่งนั่นเป็นเรื่องจริง แต่เมื่อลงลึกถึงรายละเอียดแล้วพวกเขาจะตอบว่า ‘ผมจะต่อสู้เพื่อคนที่อยู่เคียงข้างผม’”
ชายคนหนึ่งที่ต่อสู้เคียงข้างกับคริส ไคล์ตัวจริงในหน่วยรบทีม 3 คือเควิน แลคซ์ หรือชื่อเล่นที่รู้กันในกลุ่มว่าดาวเบอร์ ส่วนหนึ่งของวงในของไคล์ แลคซ์กลายเป็นแหล่งข้อมูลสำหรับของการสร้างภาพยนตร์ เขาให้ข้อมูลสำคัญกับผู้สร้างฯ และนักแสดงเรื่องการเคลื่อนกำลังพลพร้อมอาวุธ จนในที่สุดได้มาร่วมงานกับเราในฐานะที่ปรึกษาของภาพยนตรด้าเทคนิคหน่วยรบ แต่หลังจากนั้นไม่นานเขาต้องมาทำอีกหน้าที่หนึ่งคือการเป็นตัวเขาเองในหนัง
          แลคซ์เล่าถึงตอนนั้นว่า “ผมฝึกซ้อมแบรดลีย์ให้ยิงปืนระยะไกลและเขาพูดว่า ‘คุณเคยคิดว่าจะเล่นเป็นตัวเองในหนังมั้ย?’ ผมไม่แน่ใจเรื่องฝีมือด้านการแสดง แต่ผมได้รวบรวมวีดีโอ คลินต์ดูแล้วรู้สึกชอบจนได้มาร่วมงานกัน”
          ในฉากนั้นการเล่าเรื่องอย่างแรกโดยแลคซ์เกี่ยวกับปฏิบัติการของทีมในอิรัก พิสูจน์ถึงคุณค่าอันหาที่เปรียบไม่ได้ คูเปอร์ยืนยันว่า “เขาเพิ่มเรื่องราวเล็กๆ น้อยๆ ของคริสหรือสิ่งที่คริสทำลงไป เขายังแนะแนวการปฏิบัติการของทีมให้เราเป็นพิเศษด้วย ซึ่งเป็นการควบคุมการถ่ายทำบางฉากของเรา ผมนึกภาพการสร้างหนังโดยไม่มีเขาไม่ออกเลย”
          สำหรับแลคซ์ การก้าวเข้ามาในฉากเหมือนกับการได้ย้อนเวลากลับไป “ผมออกจากกองทัพมาหลายปีแล้ว แต่เมื่อผมได้สวมเครื่องแบบ ผมรู้สึกเหมือนกลับไปในช่วงที่อยู่ที่อิรัก ฉากถูกออกแบบมาอย่างยอดเยี่ยมมากครับ ผมเห็นภาพตัวเองอยู่ตรงนั้น และมันทำให้เชื่อว่าเราได้อยู่ในทีมนั้นอีกครั้ง มันต่างกันแต่เราได้ความรู้สึกนั้น ความรู้สึกลึกๆ เมื่อเราสร้างช่วงเวลาเหล่านั้นขึ้นมา มันมีความหมายต่อผมมากครับ และผมรู้ว่ามีความหมายต่อทุกคนที่อยู่ในฉากด้วย มันทำให้เราได้ย้อนเวลากลับไปและคิดถึงมันทุกวัน”
          อีสต์วูดได้คัดตัวนักแสดงวัยรุ่นเพื่อมารับบทสมาชิกคนอื่นในหน่วยรบทีม 3 เจค แม็คดอร์แมนรับบท ไรอัน จ็อบ ที่ถูกยัดเยียดวันแรกที่ฝึกการรบโดยได้รับนิคเนมว่าบิกเกิลส์เพราะ “เขามีน้ำหนักมากกว่าผู้สมัครทั่วไป” แม็คดอร์แมนยอมรับ “แล้วนิคเนมที่น่าอายก็โผล่ขึ้นมาทันที มันทำอะไรไม่ได้แล้ว มันจะอยู่แบบนั้นตลอดไป”
          บิกเกิลส์และคริส ไคล์กลายเป็นเพื่อนกันอย่างรวดเร็วในช่วงที่ฝึกซ้อมการรบอย่างทารุณ ซึ่งการแสดงของคริส เส้นทางการปกป้องของเขาที่เป็นเอกลักษณ์ แม็คดอร์แมนอธิบายว่า “บิกเกิลส์ต้องอาศัยความพยายาม คริสสังเกตเห็นและพยายามกดดันเขาโดยมุ่งความสนใจไปที่ตัวเขา การสนับสนุนของเขาทำให้บิกเกิลส์ประสบความสำเร็จอย่างยอดเยี่ยม และบิกเกิลส์ได้คว้าโอกาสเอาชนะได้ มันทำให้พวกเขาสนิทกันในช่วงเวลาที่เหลืออยู่ กลายเป็นความรับผิดชอบร่วมกัน ซึ่งไม่ว่ามันจะยากลำบากแค่ไหนก็ตาม เราจะไม่มีวันทิ้งพี่น้องของเรา”
ผู้มารวมกลุ่มพี่น้องยังมี โครี่ ฮาร์ดดริก ในบทดี; ลุค กริมส์ ในบทมาร์ค ลี; อีริค ลาเด็น ในบทสเควอร์เรล และ เรย์ กัลเลกอส ในบทโทนี่
ถึงแม้การฝึกจะไม่โหดร้ายเท่ากับผู้สมัครหน่วยซีลตัวจริงที่ต้องผ่านการฝึกนั้น นักแสดงรวมถึงอีสต์วูดที่ต้องอยู่กับหน่วยรบทีม 3 ได้เข้าร่วมค่ายฝึกซ้อมเพื่อถ่ายทอดสมาชิกกองกำลังพิเศษที่มีฝีมือสุดของกองทัพให้ถูกต้อง พวกเขาได้รับการฝึกซ้อมภายใต้การอบรมของแลคซ์และเจมส์ ดี. ดีเวอร์ อดีตทหารเรือที่ปรึกษาด้านกองกำลังของภาพยนตร์ ซึ่งเคยร่วมงานกับผู้กำกับฯ ในเรื่อง “Flags of Our Fathers” และ “Letters From Iwo Jima”
          “เราต้องศึกษาวิธีการถือปืนที่ถูกต้อง การเข้าไปเคลียร์พื้นที่ หรือการใช้ศัพท์เฉพาะกลุ่มที่ถูกต้อง” กริมส์กล่าว “เราถูกเตือนตลอดว่าเราไม่ได้ทำเพื่อภาพยนตร์อย่างเดียว แต่เราทำเพื่อผู้ที่เคยทำหน้าที่ตรงนั้นและผู้ที่ยังทำหน้าที่ตรงนั้น ซึ่งเรารับผิดชอบด้วยความตั้งใจมาก”
ฮาร์ดดริกเล่าเสริมว่า “เราพยายามให้ความสนใจและทำออกมาให้ดีที่สุด เพราะสุดท้ายแล้วนี่คืออาชีพการแสดง แต่สำหรับผู้ที่เราสวมบทบาทพวกเขา นี่คือชีวิตจริง เมื่อถึงเวลาที่พวกเขาต้องเดินหน้าสู่สมรภูมิรบ ทุกอย่างไม่ใช่เรื่องเล่นๆ และเราอยากถ่ายทอดออกมาให้ถูกต้อง”
          “นักแสดงทุกคนจะได้ข้อมูลทุกเรื่องเพื่อถ่ายทอดลงไปในหนังเรื่องนี้” อีสต์วูดเล่าว่า “ผมโชคดีมากครับที่ได้การเสียสละจากพวกเขาและการเห็นคุณค่าในตัวบุคคลที่ต้องสวมเครื่องแบบนั้นทุกวัน ไม่ว่าจะอยู่ในสภาพใดก็ตาม ไม่มีการปริปากบ่น มีแค่การปฏิบัติภารกิจให้สำเร็จและถูกต้องเท่านั้น”
          แบรดลีย์ คูเปอร์ต้องผ่านการเตรียมตัวเฉพาะด้านเป็นพิเศษ เพื่อกลายเป็นสไนเปอร์ของหน่วยรบที่ดูสมจริง ซึ่งมีอะไรมากกว่าการยิงปืน นักแสดงเล่าถึงรายละเอียดว่า “ผมต้องฝึกการใช้ .338 Lapua, .300 Win Mag และ MK11 ซึ่งเป็นปืน 3 กระบอกที่มือปืนไรเฟิลคริสเคยใช้ และการใช้ปืนเหล่านั้นอย่างคล่องแคล่วถือเป็นเรื่องจำเป็นด้วย แต่ยังมีรายละเอียดอื่นอีก เช่น ความสามารถในการปฏิบัติหน้าที่ภายใต้สถานการณ์ที่มีแรงกดดันมากตามหลักการ สิ่งที่พวกเขาต้องเรียนรู้มีความน่าสนใจมาก เช่น การเอียงปืน การใช้เท้าเดินก้าวเข้าไปในสถานที่และแม้แต่การควบคุมลมหายใจ และมือปืนจะอยู่กับปืนได้นานแค่ไหน เควินกับผมคุยกันว่าคริสอยู่กับปืนได้ 8 ชั่วโมงโดยไม่ขยับเลย เป็นความสามารถที่เหลือเชื่อมากครับ”
          “แบรดลีย์ไม่ได้ละเลยรายละเอียดใดๆ ทั้งสิ้น เมื่อมาถึงรายละเอียดที่เขาต้องพบเจอในการรับบทคริส” แลคซ์กล่าวชมว่า “เขาเหมือนกับฟองน้ำเลยครับ เก็บข้อมูลทุกอย่างได้อย่างรวดเร็ว แรงกระตุ้นในตัวเขาทำให้เขาต่างจากคนอื่นที่ผมเคยร่วมงานมาด้วย ร่วมกับทีมที่ไม่ได้อยู่หน่วยเดียวกัน เขาเป็นธรรมชาติมากครับ”
          ในภาพยนตร์ ความกล้าหาญที่กลายเป็นตำนานของคริส ไคล์กับปืนไรเฟิลของเขาเหมือนคู่ปรับสำคัญของสไนเปอร์ฝ่ายศัตรูที่ชื่อมุสตาฟา รับบทโดยแซมมี่ ชีค เขาเป็นนักแม่นปืนชาวซีเรียที่เข้าแข่งขันโอลิมปิคในนามประเทศของเขา” ชีคกล่าว “ตอนนี้เขามาที่อิรักด้วยความตั้งใจว่าจะต่อสู้กับพวกกบฎที่เป็นศัตรูประจำของเขา ผมคิดว่าเขาเป็นตัวละครที่มีเสน่ห์แม้ว่าจะไม่มีการพูดในหนังสักคำ แต่ทุกอย่างมีจังหวะในตัวมัน คลินต์บอกกับผมว่า ‘ใจเย็นๆ ผู้ชายคนนี้ดูใจเย็นข่มความเครียด’”
ปีเตอร์ มอร์แกนอธิบายว่า “ชาวอิรักขนานนามคริสว่า ‘Devil of Ramadi’ และให้ค่าหัวเขาจนมุสตาฟาตามล่าเขา เขาแสดงให้เห็นถึงภัยอันใหญ่หลวงของชาวอเมริกันภาคพื้นดิน มันเลยกลายเป็นสิ่งสำคัญในภารกิจส่วนตัวของคริสที่ต้องเอาตัวเขามาให้ได้ ในประวัติศาสตร์หนังจะมีใครถ่ายทอดนักแม่นปืนสองคนไล่ล่ากันได้ดีกว่าคลินต์ อีสต์วูด?” เขายิ้ม
สิ่งที่เป็นแรงกระตุ้นในภารกิจของคริสคือ เจฟ หนึ่งในทหารเรือภาคพื้นซึ่งเป็นน้องชายของเขาเองที่มาร่วมกองกำลัง “เพื่อเจริญรอยตามพี่ชายของเขา” เคียร์ โอ’ดอนเนล ผู้รับเลือกให้มารับบทเล่าว่า “เจฟศรัทธาในตัวคริสด้วยเหตุผลหลายประการ ประเด็นหลักคือคริสมักจะปกป้องเขาตอนที่ยังเป็นเด็ก และเอกลักษณ์ครอบครัวของพวกเขา โดยมีพื้นฐานของการเป็นชาวเท็กซัสอเมริกัน คือการต่อสู้เพื่อประเทศชาติของเราถือเป็นเรื่องที่กล้าหาญมาก”
สำหรับการสร้างครอบครัวของไคล์ให้สมบูรณ์ เบ็น รีด และ อีไลซ์ โรเบิร์ตสัน รับบท พ่อแม่ของคริส เวย์น และ เด็บบี้ โคล โคนิส และ ลุค ซันไชน์ รับบทคริสและเจฟตามลำดับในช่วงปีแรกๆ นักแสดงในเรื่อง “American Sniper” ยังรวมถึงนาวิด เนกาแบน ในบท ชีค อัล-โอโบดี และ มิโดะ ฮามาดะ ในบทเจ้าหน้าที่อิรักที่พิสูจน์ให้เห็นว่าเขาได้รับฉายา “The Butcher” มาได้อย่างไร

FB on January 20, 2015, 12:42:28 PM

การเคลื่อนกำลังพลพร้อมอาวุธและการกลับบ้าน
          การถ่ายทำภาพยนตร์เรื่อง “American Sniper” เริ่มจากโลเคชั่นใน Rabat ประเทศโมร็อกโกที่จำลองฉากสงครามอิรักขึ้นมา อีสต์วูดเล่าว่า “สถาปัตยกรรมของโมร็อกโกเหมือนกับที่อิรักมากครับ เราสร้างฉากขึ้นมาตรงไหนก็ได้เพื่อถ่ายทอดสไตล์ออกมา แต่สำหรับฉากมุมกว้างที่มีการสร้างบรรยากาศของเมืองหรือชุมชนต่างๆ…มันยากที่จะจำลองขึ้นมา ฉะนั้นโมร็อกโกคือทางเลือกที่ดีที่สุด”
การเริ่มถ่ายทำในสถานที่ที่ห่างไกลไปครึ่งโลกเพื่อเป้าหมาย 2 อย่าง นอกจากโมร็อกโกทำให้ได้ฉากหลังที่เพอร์เฟ็กต์ “มันทำให้นักแสดงที่ต้องรับบทหน่วยรบทีม 3 สนิทสนมกันมากกว่าที่เราต้องกลับบ้านทุกคืนซะอีก” คูเปอร์กล่าว “การได้อยู่ต่างถิ่นทำให้เราเห็นภาพชัดเจนขึ้นว่ารู้สึกอย่าไงรเมื่อต้องอยู่ต่างถิ่นซึ่งห่างไกลจากบ้านมาก เราได้อะไรหลายอย่างจากการอยู่ที่ Rabat ครับ”
นักแสดงและผู้สร้างฯ ได้รับความร่วมมือจากการร่วมงานของเจ้าหน้าที่ท้องถิ่นและชาวโมร็อกโกที่อนุญาตให้ถ่ายทำในละแวกนั้นได้ สมาชิกในกองทัพชาวโมร็อกโกยังเป็นนักแสดงสมทบในบางฉากด้วยซ้ำ
เมื่อการถ่ายทำที่โมร็อกโกเสร็จสิ้นลง ทีมงานได้กลับมาที่แคลิฟอร์เนียเพื่อถ่ายทำส่วนที่เหลือ ผู้ออกแบบฉากที่ร่วมงานกับอีสต์วูดมาอย่างยาวนาน เจมส์ เจ. มูราคามิ และ ผู้ออกแบบฉาก ชารีซ คาร์ดีนาสที่ร่วมงานกับผู้กำกับฯ เป็นครั้งแรกใช้สองแนวทางในภาพยนตร์เรื่องนี้ โดยคาร์ดีนาสให้ความสนใจในฉากต่างๆ ของกองทัพและมูราคามิควบคุมด้านต้นกำเนิด
คาร์ดีนาสเล่าว่า “ผมศึกษาข้อมูลเรื่องอิรักมาบ้าง โดยสนใจที่ Ramadi, Fallujah และ Sadyr City และมีคำบรรยายจากคริส ไคล์เกี่ยวกับการเดินทางปฏิบัติภารกิจของเขา ทีมงานในสถานที่ของเราที่โมร็อกโกมีส่วนสำคัญในการช่วยให้เราสร้างฉากของเขาในช่วงหลายปีในประเทศนั้นได้สำเร็จ”
กองถ่ายยังใช้สถานที่ในน Blue Cloud Ranch ที่ Santa Clarita รัฐแคลิฟอร์เนีย โดยแผนกศิลป์ได้จำลองสภาพเมืองโดยรอบของอิรักขึ้นมาใหม่ ซึ่งสะท้อนให้เห็นจากสถานที่ต่างๆ ในโมร็อกโกได้อย่างมากมาย การเดินทางไปที่ Ramadi ของคริสส่วนใหญ่จะใช้สถานที่ถ่ายทำในฟาร์ม
ฉากการรบที่สำคัญฉากหนึ่งใน “American Sniper” มีการถ่ายทำในเมืองทะเลสาบ El Centro ซึ่งอยู่ทางทิศวันออกของซานดิเอโก้ 100 ไมล์ในหุบเขาขนาดใหญ่ที่ไม่มีอะไรเลย ทีมผู้ออกแบบได้ปรับเปลี่ยนโรงงานบรรจุนมให้กลายเป็นโรงงานในปัจจุบันที่ถูกทิ้งร้าง ซึ่งคริสและทีมของเขาต้องเสี่ยงกับกองกำลังที่ไม่ยอมอ่อนข้อ 2 กองกำลัง ได้แก่ ทีมก่อกบฎชาวอิรักหัวรุนแรงจำนวนมากที่ก้าวรุดหน้าจากทุกทิศทาง และพายุทรายขนาดยักษ์ที่พัดกระหน่ำใส่พวกเขา พายุสร้างขึ้นจากการผสมผสานระหว่างสเปเชียลและวิชวลเอ็ฟเฟ็กต์ ร่วมกับทีมวิชวลเอ็ฟเฟ็กต์ที่นำโดยไมเคิล โอเวนส์ ทั้งฉากและปริมาณข้าศึก
การทำให้ผู้ชมเข้าถึงฉากแอ็คชั่นได้โดยตรง อีสต์วูดและตากล้องทอม สเติร์น ได้ใช้กล้อง Blackmagic ที่มีความล้ำสมัย โดยใช้ทั้งกล้องแฮนด์เฮลด์และกล้องที่ตั้งอยู่กับที่ มีการวางอยู่ในตำแหน่งตามจุดยุทธศาสตร์ทั่วทั้งฉาก จนพวกเขาสามารถถ่ายทอดความรู้สึกของจุดบอดในสนามรบได้
เจสัน ฮัล เล่าถึงตอนนั้นว่า “คลินต์มีสัญชาตญาณที่รับรู้ได้ว่ามีความจริงอยู่ในทุกๆ ฉาก และเขาจะปล่อยให้ผู้ชมพบมันเองอย่างที่เขาพบมัน เขาใส่ความดิบลงไปในหนังและให้ความรู้สึกที่เอ่อล้น มันรู้สึกถึงความสมจริงและไม่รู้สึกเหมือนสิ่งที่เล่นกับความรู้สึกเราและบงการเราทุกทาง เขาปล่อยให้มันเป็นไปจากนั้นค่อยพาผู้ชมสู่การเดินทาง”
สถานที่ที่ต่างกันสองแห่งกลายเป็นพื้นที่ฝึกซ้อมของคริส ไคล์ และเพื่อนหน่วยซีลของเขา The Paramount Ranch ที่ Santa Monica Mountains เป็นฉากหลังของคอร์สมือปืนตอนที่คริสพิสูจน์ถึงฝีมือการเล็งเป้าของเขา Leo Carillo State Beach ที่มาลิบู แทนสถานที่ฝึก BUD/s ที่มีชื่อเสียงของหน่วยรบพิเศษที่โคโรนาโดในรัฐแคลิฟอร์เนีย ซึ่งผู้สมัครที่กล้าหาญต้องผ่านการทดสอบและมีเพียงผู้ที่ฝีมือยอดเยี่ยมที่สุดเท่านั้นที่จะมีสิทธิ์สวม SEAL Trident
แม้ว่านักแสดงจะหลุดพ้นจากความเลวร้ายที่หน่วยรบพิเศษต้องพบเจอจริงๆ แต่ก็เลี่ยงการทดสอบสมรรถภาพทางกายไม่ได้ คูเปอร์เล่าให้ฟังว่า “มันโหดร้ายมากเวลาที่เราต้องกระโดดถีบระหว่างถูกฉีดด้วยน้ำ โดยเฉพาะตั้งแต่ที่คลินต์ บางครั้งเราก็ต้องยอมถ่ายทำใหม่ ผมจำได้ว่ามองดาวเบอร์และคิดว่า ‘ถ้าดาวเบอร์หยุดได้ ผมก็หยุดได้’ แต่ผมไม่ได้หยุดเลยจนกระทั่งเขาหยุด” เขาหัวเราะ
มูราคามิให้ความสนใจมากเรื่องการออกแบบบ้านที่คริสกับทายาสร้างขึ้นเพื่ออยู่ด้วยกัน บ้านที่ทันสมัยสุดในเวนิส รัฐแคลิฟอร์เนียถูกใช้เป็นที่พักในซานดิเอโก้ของคู่หนุ่มสาว บ้านของทายาในช่วงที่คริสต้องออกไปร่วมกับกำลังพลเป็นเวลานาน
          เวลาที่คริสกลับมาอยู่บ้านในท้ายที่สุด เขาก็กลับมาใช้ชีวิตแบบเดิม พาครบครัวกัลบไปที่ Midlothian บ้านของไคล์ที่เท็กซัสคือบ้านที่ Northridge ซึ่งเลือกขึ้นมาเพราะสะท้อนถึงความเปิดเผยและขนาดของเท็กซัส ขณะเดียวกันก็ให้ความรู้สึกถึงความเป็นมิตรด้วย ผู้กำกับศิลป์ แฮร์รี่ ออตโต เล่าว่า “เจมส์อยากให้บ้านสะท้อนความรู้สึกสบาย ปลอดภัย เมื่อคริสเริ่มชินกับชีวิตใหม่ของเขาในการเป็นพลเรือน”
สำหรับการออกแบบเครื่องแต่งกายของหนัง เดโบราห์ ฮอปเปอร์ เล่าว่า “เรามีการศึกษาข้อมูลอย่างครอบคลุมและมีรูปภาพของคริสกับทายาตลอดทุกช่วงเวลา ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญที่เราต้องตามติดชีวิตส่วนตัวของพวกเขาให้ได้มากที่สุด”
แม้แต่เครื่องแบบของกองทัพ โดยเฉพาะเครื่องแบบหน่วยรบพิเศษของกองทัพที่มีรายละเอียดแสดงถึงรสนิยมส่วนตัวด้วย แผนกของฮอปเปอร์ต้องขอข้อมูลจากที่ปรึกษาทางกองทัพเพื่อความแน่ใจเรื่องเครื่องแบบจริง ต้องแน่ใจทุกรายละเอียดว่ามีความถูกต้อง แต่เธอก็เล่าให้ฟังว่า “หน่วยซีลจะมีเครื่องแบบเฉพาะตัวเป็นของตัวเอง ซึ่งแสดงให้เห็นถึงบุคลิกของพวกเขา”
ผู้ผลิตอาวุธคนสำคัญ ไมเคิล เพนวิคส์ และทีมงานขอเขามีหน้าที่ผลิตอาวุธให้ถูกต้อง โดยต้องสนใจเรื่องความต่อเนื่องเป็นพิเศษ เพนวิคส์เล่าว่า “คริสจะถืออาวุธต่างชนิดไปในการเดินทางแต่ละครั้ง แต่เรามีการถ่ายหนังอย่างต่อเนื่อง ฉะนั้นเราต้องมีการสลับปืนไรเฟิลและอาวุธข้างกายตลอดเวลาเมื่อเราต้องย้ายกำลังพลจากที่หนึ่งไปอีกที่หนึ่ง”
          สำหรับชีวิตการเป็นพลเรือนของเขา “คริสไม่ใช่คนที่ดูทันสมัยสักเท่าไหร่ค่ะ” ฮอปเปอร์ยิ้ม “สไตล์ของเขาดูเรียบง่าย ใส่เสื้อผ้าสบาๆ ส่วนใหญ่จะเป็นกางเกงยีน เสื้อทีเชิ้ต หรือเสื้อแขนยาวกับหมวกเบสบอลของเขาที่มีอยู่หลายใบ ในช่วงหลายปีหลังสงครามคริสได้ย้ายไปที่เท็กซัส ลุคของเขาสะท้อนถึงการเป็นชาวตะวันตก ในหนังทุกแง่มุมเป็นเรื่องสำคัญมากที่จะต้องยึดตามบุคคลจริง”
“ฉันดีใจมากที่ทุกคนที่มีส่วนร่วมในหนังเรื่องนี้ทุ่มเทเกินกว่าที่พวกเขาจำเป็นต้องทำ” ทายา ไคล์กล่าว “ฉันรู้สึกเหมือนพวกเขาทำหน้าที่เกินความจำเป็น ซึ่งมันเหมาะมากกับผู้ชายที่ทำทุกสิ่งเกินความจำเป็นค่ะ”
การรับใช้ประเทศของคริส ไคล์ยังไม่จบสิ้นเมื่อเขาถอดชุดเครื่องแบบออก คูเปอร์ยืนยันว่า “เช่นเดียวกับอีกหลายคนที่กลับบ้านหลังสงคราม มันเป็นเรื่องยากสำหรับเขาเพราะเขาเต็มใจและมีความถนัด แต่เขาไม่สามารถปกป้องผู้คนที่ยังถูกทำร้ายได้ มันยังไม่จบจนกว่าเขาจะหาทางช่วยทหารผ่านศึกคนอื่นที่เขาพบได้”
          “เขามีความกล้าหาญมากในทุกสิ่งที่เขาทำ” เจสัน ฮัลกล่าว “แต่สิ่งที่เขาทำเมื่อกลับมาที่บ้านก็มีความกล้าหาญไม่แพ้กัน มันเป็นเรื่องสำคัญที่เราต้องรำลึกว่าทหารเหล่านี้จำยอมในการประจำการ แต่พวกเขาไม่ได้เลือกสงครามของตัวเอง ทันทีที่รองเท้าบูทเหยียบพื้น พวกเขามีภารกิจและต้องเสี่ยงทุกอย่างเพื่อพวกเรา สิ่งที่พวกเขาพบเห็นและปฏิบัติล้วนเสี่ยงเพื่อพวกเรา แต่หากเราขอให้พวกเขาทำแล้ว เราต้องยินดีต้อนรับเขาเมื่อพวกเขากลับมาถึงบ้าน”
          ทายาเล่าว่า “ฉันได้ยินมาว่าเวลาที่เรายื่นมาไปช่วยเหลือทหารผ่านศึก พวกเขาจะไม่ใช้มือสองข้างคว้าเราไว้ พวกเขาจะคว้าไว้เพียงมือเดียวและเอื้อมไปด้านหลังพวกเขา ดึงทหารผ่านศึกอีกคนขึ้นมาด้วยมืออีกข้าง นั่นเป็นเรื่องจริงค่ะ ฉันรู้สึกตื่นเต้นที่ได้เห็นว่าทุกคนทำอะไรบ้าง ไม่ว่าจะเป็นเกียรติต่อชีวิตของคริสหรือเรพาะพวกเขาได้เรียนรู้บางอย่างจากภาพยนตร์หรือหนังสือก็ตาม พวกเรามีโอกาสทำสิ่งดีๆ ให้คนอีกมากมายที่สามารถทำประโยชน์ได้ ชีวิตเราจะมีอะไรดีไปกว่าการมีชีวิตและรู้ว่าเราสร้างแรงบันดาลใจให้ผู้คนได้ และคริสก็ทำเช่นนั้น ฉะนคิดว่าภาพยนตร์เป็นอีกด้านหนึ่งที่เขาให้ความช่วยเหลือค่ะ”
          อีสต์วูดกล่าวสรุปว่า “คริสมักจะก้าวนำหน้าทุกสิ่งที่เขาทำไป 1 ก้าวเสมอครับ และนั่นครอบคลุมถึงผลงานที่เขามีร่วมกับเหล่าทหารผ่านศึกด้วย ท้ายที่สุดมันนำไปสู่โศกนาฎกรรม แต่นั่นไม่ใช่สิ่งที่ทำให้เขาเป็นบุคคลสำคัญหรือทำให้เรื่องนี้เป็นเรื่องราวที่มีความสำคัญ สิ่งที่พวกเราทุกคนหวังคือมันจะเตือนใจทุกคนเรื่องความเสียสละของทหารและชีวิตครอบครัวของพวกเขา ทำให้ทุกคนสำนึกในบุญคุณของผู้ที่ปฏิบัติหน้าที่เพื่อประเทศของพวกเขามากขึ้น”

FB on January 20, 2015, 03:30:19 PM
“AMERICAN SNIPER” ขยายอาณาเขต ทำลายสถิติบ็อกซ์ออฟฟิศทั่วประเทศอย่างรวดเร็ว




 
          “AMERICAN SNIPER” ขยายอาณาเขต ทำลายสถิติบ็อกซ์ออฟฟิศทั่วประเทศอย่างรวดเร็ว ภาพยนตร์เข้าชิงรางวัล Oscar นำแสดงโดย แบรดลีย์ คูเปอร์  สร้างประวัติศาสตร์ด้วยการเป็นภาพยนตร์ของผู้กำกับฯ คลินต์ อีสต์วูด เปิดตัวอย่างสวยงามที่สุด ครองทั้งช่วงสุดสัปดาห์และหัวใจของผู้ชมด้วยคะแนน A+ Cinemascore

          ภาพยนตร์ก้าวล้ำสร้างความโดดเด่นในทุกกลุ่มเป้าหมาย ผลงานแนวดราม่าจากวอร์เนอร์ บราเดอร์ส พิกเจอร์ส และ วิลเลจ โรดโชว์ พิกเจอร์ที่เข้าชิงรางวัล Oscar หลายสาขาเรื่อง “American Sniper” ได้ทำลายทุกสถิติที่มีเมื่อเปิดตัวทั่วประเทศ จากเดิมที่มีการทำลายสถิติจากการฉายอย่างจำกัดอยู่แล้ว ภาพยนตร์ขึ้นเป็นอันดับ 1 ของบ็อกซ์ออฟฟิศอย่างง่ายดาย กวาดรายได้ไปราว 105.3 ล้านเหรียญจากช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์ 4 วันและกวาดรายได้ไป 108.7 ล้านเหรียญจนถึงปัจจุบัน มีการแถลงการณ์วันนี้โดยแดน เฟลเมน ประธานฝ่ายจัดจำหน่ายในประเทศ ซู โครล ประธานฝ่ายการตลาดทั่วโลกและการจัดจำหน่ายในต่างประเทศ และ เกร็ก ซิลเวอร์แมน ประธานฝ่ายพัฒนาสร้างสรรค์และฝ่ายผลิตทั่วโลกแห่งวอร์เนอร์ บราเดอร์ส พิกเจอร์ส

          การเปิดตัวอย่างน่าตื่นเต้นของภาพยนตร์ถือเป็นจุดสูงสุดของอาชีพการทำงานของผู้กำกับฯ คลินต์ อีสต์วูด ในช่วงเหตุการณ์สำคัญต่างๆ ภาพยนตร์เรื่อง “American Sniper” ยังทำลายสถิติช่วงเปิดตัวสุดสัปดาห์เดือนมกราคม รวมถึงช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์ 3-4 วันด้วย ทำรายได้สูงสุดในช่วงวันธรรมดาของเดือนมกราคม รายได้สูงสุดในช่วงสุดสัปดาห์ 4 วันสำหรับภาพยนตร์เรท R และเปิดตัวอย่างยิ่งใหญ่สุดในประวัติศาสตร์ภาพยนตร์แนวดราม่า

          ภาพยนตร์ยังทำลายสถิติในโรงภาพยนตร์ IMAX ทั่วประเทศอีกด้วย โดยกวาดรายได้ไปมากกว่า 10.6 ล้านเหรียญจาก 332 แห่ง ทำให้เป็นภาพยนตร์ที่กวาดรายได้ช่วงสุดสัปดาห์เดือนมกราคมสูงสุดสำหรับโรงภาพยนตร์จอยักษ์

          เสียงตอบรับในแง่บวกอย่างล้นหลามสำหรับภาพยนตร์เรื่อง “American Sniper” ไมได้เกิดขึ้นกับบ็อกซ์ออฟฟิศเท่านั้น แต่ยังได้รับคะแนน A+ Cinemascore อย่างที่ไม่ค่อยเกิดขึ้นอีกด้วย จนกลายเป็น 1 ใน 11 ภาพยนตร์แห่งประวัติศาสตร์ที่ได้รับคะแนน A+ ในทุกสาขา

          สำหรับแถลงการณ์วันนี้ เฟลแมนกล่าวว่า “ภาพยนตร์เรื่อง ‘American Sniper’ ได้สร้างปรากฏการณ์เชิงวัฒนธรรมขึ้นอย่างรวดเร็ว ไม่ได้มีการนำเสนอแค่แง่มุมชีวิตของคริส ไคล์เท่านั้น แต่ยังมีอุปสรรคต่างๆ ที่ทหารผ่านศึกต้องพบเจอเช่นเดียวกับครอบครัวของพวกเขาด้วย เราขอแสดงความยินดีกับคลินต์ อีสต์วูด, แบรดลีย์ คูเปอร์และทุกคนที่มีส่วนร่วมในภาพยนตร์สำหรับความสำเร็จอย่างยิ่งใหญ่ครั้งนี้ และเราหวังว่าจะได้รับคำวิจารณ์และการบอกต่อๆ กันที่สานต่อพลังในบ็อกซ์ออฟฟิศสัปดาห์ต่อไปได้”

          “พวกเราภาคภูมิใจกับภาพยนตร์เรื่องนี้” โครลกล่าว “ลึกๆ เรามีความรู้สึกบางอย่างเมื่อได้ดูหนังและเตรียมพื้นที่เพื่อจัดฉายในปีทันที เราไม่รู้จริงๆ ว่าหนังจะกินใจได้ในระดับไหน แต่เรารู้ว่ามันมีความพิเศษ มีการถ่ายทอดสงครามในมุมที่ต่างไป และสะท้อนอารมณ์ของผู้ที่ต้องสู้รบกับผู้ที่รออยู่ที่บ้าน ซึ่งมันเข้าถึงอารมณ์ผู้ชมในทุกแห่งได้ ตั้งแต่ตัวอย่างแรกของภาพยนตร์เราวางแผนแคมเปญนี้ขึ้นมาเพื่อถ่ายทอดภาพยนตร์ในมุมต่างๆ และจุดเด่นที่เรียกความสนใจจากผู้ชายและผู้หญิง เสียงตอบรับจากนักวิจารณ์ ผู้ชม และสถาบันตอนนี้สร้างความปลื้มใจมาก และพวกเรารู้สึกตื่นเต้นที่สุด”

          ซิลเวอร์แมนกล่าวเสริมว่า “เรารู้ดีว่านี่เป็นเรื่องราวที่สามารถข้ามพรมแดนแห่งความแตกแยกได้ โดยมีตัวละครในเรื่องที่น่าสนใจ ซึ่งเป็นผู้ชายคนหนึ่งที่ควรค่าแก่การจดจำสำหรับการเสียสละของเขาทั้งในและนอกสมรภูมิรบ คลินต์ อีสต์วูดและแบรดลีย์ คูเปอร์สร้างเรื่องราวของคริส ไคล์ออกมาอย่างถูกต้อง การทำแบบนั้นถือเป็นการให้ความเคารพต่อผู้ปฏิบัติหน้าที่ในเครื่องแบบทั้งชายและหญิง พวกเราขอแสดงความยินดีกับพวกเขาและหุ้นส่วนของเราที่ Village Roadshow สำหรับจุดเริ่มต้นที่ไม่ธรรมดาสู่การฉายทั่วโลก”

          ภาพยนตร์เรื่อง “American Sniper” เข้าชิงรางวัล Academy Award 6 สาขา รวมถึงภาพยนตร์ยอดเยี่ยม นักแสดงนำชายยอดเยี่ยม (คูเปอร์) และบทภาพยนตร์ดัดแปลงยอดเยี่ยม (เจสัน ฮัล) นอกจากนั้นอีสต์วูดยังได้รับเกียรติให้เข้าชิงรางวัล Directors Guild of America Award ครั้งที่ 4 และได้รับรางวัล National Board of Review Award สาขาผู้กำกับฯ ยอดเยี่ยม รางวัลอื่นสำหรับภาพยนตร์ยังรวมถึงการเข้าชิงรางวัล Producers Guild of America Award, Writers Guild of America Award และ BAFTA Award สาขาบทภาพยนตร์ดัดแปลงยอดเยี่ยม

          อีสต์วูดกำกับฯ “American Sniper” จากบทภาพยนตร์ของเจสัน ฮัล สร้างขึ้นจากหนังสือของคริส ไคล์ร่วมกับจิม เดอเฟอไลซ์ และ สก็ตอต์ แม็คอีเวน นำแสดงโดยแบรดลีย์ คูเปอร์ และ เซียนนา มิลเลอร์ อำนวยการสร้างฯ โดยอีสต์วูด, โรเบิร์ต โลเรนซ์, แอนดรูว์ ลาซาร์, คูเปอร์ และ ปีเตอร์ มอร์แกน อำนวยการสร้างบริหารฯ โดย ทิม มัวร์, เจสัน ฮัล, ชีโรม คิม, สตีเฟน มูชิน และ บรูซ เบอร์แมน

https://www.facebook.com/AmericanSniperThailand

FB on January 21, 2015, 11:19:59 AM
Movie Guide: 5 คลิปห้ามพลาดจาก American Sniper – อเมริกัน สไนเปอร์



American Sniper - I Just Want to Get the Bad Guys (ซับไทย)
<a href="http://www.youtube.com/watch?v=oHqasggkVvc" target="_blank">http://www.youtube.com/watch?v=oHqasggkVvc</a>

American Sniper - You Saved My Life (ซับไทย)
<a href="http://www.youtube.com/watch?v=3kJonz5ortQ" target="_blank">http://www.youtube.com/watch?v=3kJonz5ortQ</a>

American Sniper - I Need You to Be Human Again (ซับไทย)
<a href="http://www.youtube.com/watch?v=T34-ShU5tkU" target="_blank">http://www.youtube.com/watch?v=T34-ShU5tkU</a>

American Sniper - Come Home, We Miss You (ซับไทย)
<a href="http://www.youtube.com/watch?v=gpEPxNdV26w" target="_blank">http://www.youtube.com/watch?v=gpEPxNdV26w</a>

American Sniper - The Thing That Haunts Me (ซับไทย)
<a href="http://www.youtube.com/watch?v=VleQ-7fuvkE" target="_blank">http://www.youtube.com/watch?v=VleQ-7fuvkE</a>

          ปล่อยห้าคลิปพิเศษซับไทยเอาใจคอหนัง กับภาพยนตร์เรื่อง “American Sniper” ที่มีรายชื่อเข้าชิงรางวัล Academy Award ถึง 6 สาขา รวมถึงภาพยนตร์ยอดเยี่ยม นักแสดงนำชายยอดเยี่ยม (คูเปอร์) และบทภาพยนตร์ดัดแปลงยอดเยี่ยม (เจสัน ฮัล) นอกจากนั้นอีสต์วูดยังได้รับเกียรติให้เข้าชิงรางวัล Directors Guild of America Award ครั้งที่ 4 และได้รับรางวัล National Board of Review Award สาขาผู้กำกับฯ ยอดเยี่ยม รางวัลอื่นสำหรับภาพยนตร์ยังรวมถึงการเข้าชิงรางวัล Producers Guild of America Award, Writers Guild of America Award และ BAFTA Award สาขาบทภาพยนตร์ดัดแปลงยอดเยี่ยม การันตีด้วยรางวัลขนาดนี้ คอหนังทั้งหลายไม่ควรพลาดเป็นอย่างยิ่ง

          “American Sniper” เป็นเรื่องราวมือปืนแห่งหน่วยซีลของกองทัพสหรัฐฯ คริส ไคล์ ถูกส่งตัวไปที่อิรักพร้อมภารกิจปกป้องเหล่าพี่น้องทหาร ความแม่นยำของเขาได้ช่วยชีวิตในสมรภูมิรบมาแล้วอย่างนับไม่ถ้วน และเมื่อเรื่องราวความกล้าหาญของเขาแพร่สะพัดออกไป เขาได้รับการยกย่องให้เป็น “ตำนาน” แต่อย่างไรก็ตามชื่อเสียงของเขาก็เป็นที่กล่าวขานกันในหมู่ศัตรูเช่นกัน ทำให้เขามีค่าหัวและกลายเป็นเป้าหมายหลักสำคัญของพวกกบฎ และเขายังต้องเผชิญหน้ากับการต่อสู้ในอีกรูปแบบหนึ่ง คือการทำหน้าสามีและคุณพ่อที่ดีจากทั่วทุกมุมโลก

          นอกจากอันตรายและความเสี่ยงของสมาชิกภายในบ้านแล้ว คริสได้ปฏิบัติภารกิจเสี่ยงตาย 4 ครั้งที่อิรัก จนกลายเป็นสัญลักษณ์ของหน่วย SEAL “อย่าทิ้งใครไว้เบื้องหลัง” แต่ในระหว่างที่เขากลับบ้าน คริสพบว่าสงครามต่างหากคือสิ่งที่เขาทิ้งไปไม่ได้
         
          American Sniper เข้าฉาย 22 มกราคม 2015 นำแสดงโดย แบรดลีย์ คูเปอร์, เซียนน่า มิลเลอร์ , เจค แม็คดอร์แมน, ลุค กริมส์, นาวิด เนกาบาน, เคียร์ โอ’ดอนเนล, โครี่ ฮาร์ดริคต์ และ เอริค ลาดิน กำกับการแสดงโดย คลินท์ อีสต์วูด ติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://www.facebook.com/AmericanSniperThailand
« Last Edit: January 21, 2015, 11:26:43 AM by FB »

FB on January 28, 2015, 02:52:28 PM
“AMERICAN SNIPER” กวาดรายได้ให้บ็อกซ์ออฟฟิศถึง 200 ล้านเหรียญแล้ว


 
          ภาพยนตร์จากวอร์เนอร์ บราเดอร์ส พิกเจอร์ส และ วิลเลจ โรดโชว์ พิกเจอร์สที่ได้รับความนิยมอย่างสูงและเข้าชิงรางวัล Oscar เรื่อง “American Sniper” ทำรายได้ให้บ็อกซ์ออฟฟิศสหรัฐฯ เกิน 200 ล้านเหรียญแล้วจากการฉายภาพยนตร์เพียงแค่ 10 วัน มีการแถลงข่าววันนี้โดยแดน เฟลแมน ประธานฝ่ายจัดจำหน่ายในประเทศ

          จากการทำลายสถิติในช่วงสุดสัปดาห์แรกที่มีการฉายหลายแห่ง ภาพยนตร์กำกับฯ โดยคลินต์ อีสต์วูดยังได้รับความนิยมและมีการฉายในโรงภาพยนตร์ทั่วประเทศระบบ IMAX ภาพยนตร์เรื่อง “American Sniper” กวาดรายได้ช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมาไปราว 64.4 ล้านเหรียญ จนกลายเป็นภาพยนตร์ที่ที่เปอร์เซนต์ลดลงน้อยสุดจากภาพยนตร์ที่มีการเปิดตัวมากกว่า 85 ล้านเหรียญ รวมถึงช่วงสุดสัปดาห์ 3-4 วันด้วย กวาดรายได้สหรัฐฯ ไป 200.1 ล้านเหรียญและมากขึ้นเรื่อยๆ ตอนนี้ภาพยนตร์เรื่อง “American Sniper” กลายเป็นภาพยนตร์ที่ทำรายได้สูงสุดในประเทศจากการทำงานของอีสต์วูด และกำลังก้าวสู่การเป็นภาพยนตร์ที่กวาดรายได้สูงสุดทั่วโลก
เฟลแมนกล่าวว่า “ทีมผู้สร้างภาพยนตร์ที่นำโดยคลินต์ อีสต์วูดและนักแสดงที่นำโดยแบรดลีย์ คูเปอร์ และ เซียนนา มิลเลอร์ได้สร้างผลงานแนวดราม่าที่น่าสนใจ ด้วยเรื่องราวความสูญเสียจากสงครามที่เข้าถึงผู้ชมเกือบทุกภูมิภาค เราขอแสดงความยินดีกับพวกเขา ไม่ใช่แค่ด้านความสำเร็จในบ็อกซ์ออฟฟิศของภาพยนตร์ แต่รวมถึงการที่ภาพยนตร์ได้รับการพูดถึงมากสุดในปีนี้หรือปีอื่น”

          อีสต์วูดกำกับฯ “American Sniper” จากบทภาพยนตร์ของเจสัน ฮัล สร้างขึ้นจากหนังสือของคริส ไคล์ร่วมกับจิม เดอเฟอไลซ์ และ สก็ตอต์ แม็คอีเวน นำแสดงโดยแบรดลีย์ คูเปอร์ และ เซียนนา มิลเลอร์ อำนวยการสร้างฯ โดยอีสต์วูด, โรเบิร์ต โลเรนซ์, แอนดรูว์ ลาซาร์, คูเปอร์ และ ปีเตอร์ มอร์แกน อำนวยการสร้างบริหารฯ โดย ทิม มัวร์, เจสัน ฮัล, ชีโรม คิม, สตีเฟน มูชิน และ บรูซ เบอร์แมน

          ภาพยนตร์เรื่อง “American Sniper” เข้าชิงรางวัล Academy Award 6 สาขา รวมถึงภาพยนตร์ยอดเยี่ยม นักแสดงนำชายยอดเยี่ยม (คูเปอร์) และบทภาพยนตร์ดัดแปลงยอดเยี่ยม (เจสัน ฮัล) นอกจากนั้นอีสต์วูดยังได้รับเกียรติให้เข้าชิงรางวัล Directors Guild of America Award ครั้งที่ 4 และได้รับรางวัล National Board of Review Award สาขาผู้กำกับฯ ยอดเยี่ยม รางวัลอื่นสำหรับภาพยนตร์ยังรวมถึงการเข้าชิงรางวัล Producers Guild of America Award, Writers Guild of America Award และ BAFTA Award สาขาบทภาพยนตร์ดัดแปลงยอดเยี่ยม

          ภาพยนตร์เรื่อง “American Sniper” นำเสนอโดยวอร์เนอร์ บราเดอร์ส พิกเจอร์ส ร่วมกับวิลเลจ โรดโชว์ พิกเจอร์ส , A Mad Chance Production, A 22nd & Indiana Production จัดจำหน่ายโดยวอร์เนอร์ บราเดอร์ส พิกเจอร์ส หนึ่งในกลุ่มบริษัทวอร์เนอร์ บราเดอร์ส เอ็นเตอร์เทนเมนท์ และในบางพื้นที่โดยวิลเลจ โรดโชว์ พิกเจอร์ส  https://www.facebook.com/AmericanSniperThailand