MSN on January 15, 2014, 08:49:22 AM
KTAMตั้งเป้าAUMโต6.46แสนล้านครองแชมป์กองทุนอสังหาริมทรัพย์

         นายสมชัย   บุญนำศิริ   กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กรุงไทย  จำกัด (มหาชน)  เปิดเผยว่า   บริษัทสามารถบริหารผลการดำเนินงานได้สูงกว่าเป้าหมายที่กำหนดไว้ โดย ณ สิ้นเดือนธันวาคม 2556  บริษัทมีมูลค่าทรัพย์สินสุทธิประมาณ 550,000  ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อนที่มีมูลค่าทรัพย์สินสุทธิอยู่ที่ประมาณ   431,000  ล้านบาท หรือประมาณ 27%  จากเดิมกำหนดเป้าหมายในปี 2556 ไว้ที่ประมาณ 516,000 ล้านบาท  เนื่องจากมูลค่าทรัพย์สินสุทธิในกองทุนประเภทต่างๆเพิ่มขึ้น เช่นกองทุนรวม เพิ่มขึ้นจากปี 2555  ประมาณ 47,672 ล้านบาท   กองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์เพิ่มขึ้น  60,000  ล้านบาท  จากการเพิ่มทุนของกองทุนรวมสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์ และสิทธิการเช่า  เทสโก้ โลตัส รีเทล โกรท(TLGF)     กองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ ไทยคอมเมอร์เชียล อินเวสเม้นต์ (TCIF ) กองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ไทยรีเทล อินเวสเม้นต์ (TRIF)   และการเปิดจำหน่ายกองทุนรวมสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์ ซี.พี ทาวเวอร์ โกรท (CPTGF)    และกองทุนส่วนบุคคลเพิ่มขึ้นประมาณ 8,500 ล้านบาท 

           ส่วนแผนธุรกิจในปี 2557 บริษัทตั้งเป้ามูลค่าทรัพย์สินสุทธิภายใต้การบริหารจัดการไว้ที่ ประมาณ 650,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปี2556 ประมาณ 18%  การเพิ่มขึ้นของทรัพย์สินสุทธิ ประมาณ 100,00 ล้านบาท จะมาจาก ธุรกิจกงอทุนรวม 31,000 ล้านบาท  กองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ , REITS และกองทุนโครงสร้างพื้นฐาน  ประมาณ 55,000  ล้านบาท   กองทุนส่วนบุคคล 6,000 ล้านบาท  และกองทุนรวมวายุภักษ์  20,000 ล้านบาท

           สำหรับกลยุทธ์การบริหารงาน ในปี 2557  บริษัทตั้งเป้าเป็นบริษัทจัดการที่มีผลิตภัณฑ์ และบริการด้านการลงทุนอย่างครบถ้วน  เพื่อให้ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน)  ในฐานะผู้ถือหุ้นใหญ่ สามารถให้บริการทางการลงทุนอย่างครบถ้วน   และนำไปสู้วิสัยทัศน์ของธนาคาร  ในเรื่อง Convenience Bank    นอกจากนี้  จะเป็นบริษัทหลักทรัพย์จัดการลงทุนที่มีการบริการที่ทันสมัย เป็นทางเลือกแรกของผู้ลงทุน มีผลประกอบการและขนาดทรัพย์สินภายใต้การบริหารจัดการเป็นอันดับ1 ใน3   พร้อมทั้งบริษัทจะมีการนำเสนอผลิตภัณฑ์ และบริการของบริษัทที่หลากหลาย เข้าถึงกลุ่มเป้าหมาย ด้วยทีมงานมืออาชีพ ที่สร้างความพึงพอใจแก่ผู้ลงทุน และผู้ที่เกี่ยวข้องโดยยึดหลักการบริหารจัดการที่ดี

             นายสมชัย  กล่าวต่อไปว่า  แนวโน้มการลงทุนในตลาดหลักทรัพย์ในปี 2557 ฝ่ายวิจัยของบริษัท มองว่า  ปัจจัยบวกมาจากปัจจัยภายนอกได้แก่การฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกจากการขยายตัวในทางบวกของประเทศอุตสาหกรรมหลักซึ่งมีแนวโน้มที่ดีขึ้น และภาวะที่อัตราดอกเบี้ยยังคงอยู่ในระดับต่ำเป็นปัจจัยสนับสนุนหลัก ส่งผลให้การลงทุนในตลาดหุ้นทั่วโลกยังคงมีแนวโน้มที่ดี แม้ตลาดหุ้นบ้านเราจะได้รับความสนใจที่ลดลงจากนักลงทุนต่างประเทศที่หันไปสนใจตลาดหุ้นที่มีการพัฒนาแล้วมากกว่า แต่เชื่อว่าเมื่อระดับราคาเชิงเปรียบเทียบอยู่ในระดับที่จูงใจก็จะทำให้เม็ดเงินลงทุนจากต่างประเทศไหลกลับเข้ามาได้ โดยมองว่าภาวะการลงทุนในครึ่งปีแรกจะยังไม่สดใสมากนัก จากที่มีการลดน้ำหนักการลงทุนในตลาดเกิดใหม่ รวมถึงจะมีการลดการใช้นโยบายแบบผ่อนคลายพิเศษของธนาคารกลางสหรัฐฯ และประเทศไทยต้องก้าวผ่านปัญหาทางการเมืองไปให้ได้ก่อน ซึ่งการลงทุนระยะสั้นก็ขึ้นกับความคลี่คลายในปัญหาการเมืองด้วย แต่ครึ่งปีหลังการลงทุนน่าจะมีแนวโน้มที่ดีขึ้นได้จากการที่มองว่าปัญหาการเมืองน่าจะคลี่คลายไปได้ ซึ่ง ระดับ P/E ต่ำกว่า 11 เท่าลงมาถือเป็นระดับที่น่าสนใจลงทุนระยะยาว โดย บลจ. กรุงไทยมองเป้าหมาย SET Index ณ สิ้นปีไว้ที่ประมาณ 1,590 จุด

              ส่วนแนวโน้มเศรษฐกิจในปี 2557  คาดว่าเศรษฐกิจไทยจะเติบโตได้ราว 4.6% ในปี 2557 นี้ อย่างไรก็ตาม หากสถานการณ์ทางการเมืองยืดเยื้อออกไปก็อาจทำให้ตัวเลขอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจต่ำกว่าที่คาดการณ์ไว้   โดยถ้าหากสถานการณ์ทางการเมืองยืดเยื้อออกไปจนทำให้การเบิกจ่ายงบลงทุนในปีงบประมาณ2557  ต้องล่าช้าออกไปมาก ก็อาจทำให้เศรษฐกิจไทยเติบโตได้เพียง 4.1% ซึ่งสถานการณ์นี้ คณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงิน(กนง.) อาจตัดสินใจคงดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ 2.25% ตลอดปี2557  แต่ถ้าสถานการณ์ยืดเยื้อจนกระทั่งไม่สามารถจัดทำงบประมาณใหม่ สำหรับปีงบประมาณ 2558 ได้ และจำเป็นต้องมีการใช้งบประมาณปี 2557 ไปก่อน ก็อาจทำให้เศรษฐกิจในปี 2557 เติบโตได้เพียง 3.6% เท่านั้น และกระทบต่อการเติบโตในปีถัดไปด้วย ซึ่งถ้าเป็นเช่นนั้น ก็มีความเป็นไปได้ที่ กนง.อาจปรับลดดอกเบี้ยอีกครั้งในช่วงครึ่งหลังของปี 2557 นี้
« Last Edit: January 15, 2014, 09:20:44 AM by MSN »