แสนสิริเผยแผนธุรกิจปี 2557 วางเป้ารายได้ 34,000 ล้านบาท เติบโตอย่างมั่นคงจาก Presale Backlog สูงเกือบ 63,000 ลบ.
แสนสิริเผยแผนธุรกิจปี 2557 วางเป้ารายได้ 34,000 ล้านบาทและเป้าหมายยอดขาย 30,000 ล้านบาท จากการเปิดตัว 19 โครงการใหม่ มูลค่ารวมประมาณ 33,263 ล้านบาท เน้นศักยภาพการเติบโตของบริษัทอย่างมั่นคงภายใต้แนวทางการดำเนินธุรกิจ – การปรับตัวเพื่อต่อยอดความสำเร็จจากปีที่ผ่านมาและสร้างความยั่งยืนให้กับธุรกิจและองค์กรในระยะยาว ด้วยฐาน Presale Backlog ที่สูงเกือบ 63,000 ล้านบาทรองรับการรับรู้รายได้ไปถึงอีก 4 ปีข้างหน้า
นายเศรษฐา ทวีสิน กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) หรือ SIRI เปิดเผยว่า ผลการดำเนินธุรกิจในปี 2556 ที่ผ่านมา บริษัทนับว่าประสบความสำเร็จเกินจากแผนการดำเนินงานที่ตั้งไว้ จากการเปิดตัวโครงการใหม่ที่ตั้งเป้าไว้ 45 โครงการ ขณะที่สามารถเปิดไปได้ถึง 48 โครงการครอบคลุมทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด ในทุกประเภทที่อยู่อาศัยและครอบคลุมทุกเซกเมนต์ ทั้งคอนโดมิเนียม บ้านเดี่ยว ทาวน์เฮาส์ โฮมออฟฟิศ และช็อปเฮาส์ เป็นต้น คิดเป็นมูลค่าโครงการรวมกว่า 61,200 ล้านบาท โดยบริษัทสามารถสร้างยอดขายได้สูงถึง 42,200 ล้านบาท ซึ่งเป็นผลมาจากความสำเร็จในการสร้างแบรนด์ที่แข็งแกร่งจนส่งผลให้ลูกค้าให้การตอบรับและไว้วางใจในแบรนด์ “แสนสิริ” รวมทั้งแบรนด์ที่อยู่อาศัยต่างๆ ของแสนสิริอย่างต่อเนื่องและเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ รวมถึงความสำเร็จ จากกลยุทธ์การดำเนินธุรกิจที่วางไว้อย่างชัดเจนและแข็งแกร่งภายใต้ 6 กุญแจสำคัญในปีที่ผ่านมา
ขณะที่บริษัทในเครือ ได้แก่ บริษัท พลัส พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด ที่ดำเนินธุรกิจตัวแทนซื้อ-ขาย-เช่า อสังหาริมทรัพย์และบริหารงานขายโครงการ รวมถึงบริหารจัดการอสังหาริมทรัพย์เพื่อที่พักอาศัยและบริหารจัดการทรัพยากรอาคาร ซึ่งได้รับการยอมรับและเชื่อถือด้านการให้บริการและให้คำปรีกษาด้านอสังหาริมทรัพย์อย่างครบวงจรทั้งจากภาครัฐและเอกชนมากว่า 18 ปี ก็มีผลการดำเนินงานที่น่าพอใจอย่างมาก โดยปัจจุบัน พลัส พร็อพเพอร์ตี้ได้รับความไว้วางใจในการให้บริการทางด้านอสังหาริมทรัพย์มาแล้วเป็นจำนวนกว่า 151 โครงการ รวมพื้นที่กว่า 6.1 ล้านตารางเมตร ในฐานะบริษัทที่มีศักยภาพจากประสบการณ์อันยาวนาน และความสามารถที่เป็นที่ยอมรับในระดับสากลเช่นเดียวกัน
สำหรับปี 2557 บริษัทได้วางแผนการดำเนินธุรกิจ ด้วยการรุกพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์เพื่อตอบรับทุกความต้องการที่อยู่อาศัย ครอบคลุมทุกกลุ่มลูกค้า รวมทั้งขยายการพัฒนาโครงการสำหรับรองรับความต้องการของกลุ่มลูกค้าในตลาดต่างจังหวัด รวมถึงกลุ่มลูกค้าต่างชาติเพิ่มขึ้นมากขึ้นอีก โดยบริษัทจะเปิดตัวโครงการที่อยู่อาศัยใหม่อีกประมาณ 19 โครงการ มูลค่าโครงการรวม 33,263 ล้านบาท โดยแบ่งเป็นมูลค่าการพัฒนาโครงการในเขตกรุงเทพฯ-ปริมณฑลและต่างจังหวัดในสัดส่วน 89% : 11% และและแบ่งประเภทการพัฒนาโครงการเป็นที่อยู่อาศัยประเภทคอนโดมิเนียม 9 โครงการ โครงการบ้านเดี่ยว 8 โครงการและโครงการทาวน์เฮาส์ 2 โครงการ โดยตั้งเป้าหมายยอดขายรวมสำหรับปี 2557 ไว้ประมาณ 30,000 ล้านบาท รวมทั้งประมาณการณ์เป้าหมายรายได้ไว้ที่ 34,000 ล้านบาท
“จากความสำเร็จแบบก้าวกระโดดในการเดินหน้าชิงส่วนแบ่งตลาดของคู่แข่งรายใหญ่ในหลายๆ เซกเมนต์เพื่อสนับสนุนการเจริญเติบโตของธุรกิจอย่างต่อเนื่องในปีที่ผ่านมา ในปีนี้บริษัทจะดำเนินธุรกิจภายใต้แนวทางการปรับตัวเพื่อต่อยอดความสำเร็จและสร้างความยั่งยืนให้กับธุรกิจและองค์กรในระยะยาว หลังจากที่บริษัทเติบโตอย่างรวดเร็วในช่วง 3 – 4 ปีที่ผ่านมา” นายเศรษฐา กล่าว
ทั้งนี้ บริษัทได้กำหนด Key Strategies หรือวางกลยุทธ์การดำเนินธุรกิจที่จะผลักดันสู่ความสำเร็จตามเป้าหมาย ประกอบด้วย
1. การรักษาระดับยอดขายในตลาดต่างจังหวัด ด้วยการเปิดตัวโครงการบ้านเดี่ยวในทำเลที่แสนสิริได้ดำเนินธุรกิจอยู่แล้ว ทั้งใน ภูเก็ต, เชียงใหม่, เขาใหญ่, อุดรธานี, ขอนแก่น, นครราชสีมา และสุราษฎร์ธานี เพิ่มเติมจากโครงการบ้านเดี่ยวซึ่งยังเปิดการขายในต่างจังหวัดซึ่งได้รับการตอบรับที่ดี ได้แก่ โครงการบุราสิริ เกาะแก้ว ภูเก็ต และเศรษฐสิริ สันทราย เชียงใหม่ รวมทั้งการรุกตลาดต่างจังหวัดต่อเนื่อง ด้วยการเปิดตัวโครงการใหม่เพิ่มขึ้นในตลาดเดิมและการศึกษาโอกาสในการดำเนินธุรกิจในตลาดใหม่ในอีก 9 ทำเลได้แก่ พิษณุโลก, นครสวรรค์, นครศรีธรรมราช, อุบลราชธานี สมุย, หนองคาย, สุรินทร์, กาญจนบุรี และศรีราชา เป็นต้น
2. การควบคุมระยะเวลาการก่อสร้างอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น ด้วยการเปิดขายโครงการคอนโดมิเนียมหลังจากผ่านการประเมินผลสิ่งแวดล้อม (EIA) เท่านั้น
3. การสร้างไลน์ผลิตภัณฑ์ที่ช่วยกระตุ้นยอดขายและเติมเต็มไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตแก่ครอบครัวแสนสิริ ด้วยการเปิดตัว “Neighborhood Mall” สุขุมวิท77 และ “Sansiri Hotel Collection” ภายใต้แบรนด์ ‘Escape’ ในเมืองตากอากาศ เพื่อเติมเต็มความสะดวกในการใช้ชีวิตแก่ครอบครัวแสนสิริที่ซื้อคอนโดหรือบ้านพักตากอากาศ ได้แก่
-เอสเคป หัวหิน เปิดให้บริการในเดือน พฤศจิกายน 2556
-เอสเคป เขาใหญ่ จะเปิดให้บริการในเดือน กุมภาพันธ์ 2557
4. การรับมือกับปัญหาขาดแคลนแรงงานด้วยการผลิตพรีคาสท์ในโรงงานทั้งสองเฟสอย่างเต็มกำลังการผลิต รวมทั้งมีนวัตกรรมด้านดีไซน์และวัสดุก่อสร้างใหม่ๆ ที่เพิ่มประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
5. การสร้างนวัตกรรมด้านดีไซน์และรูปแบบของไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตแบบใหม่ๆ เพื่อนำเสนอแนวคิดด้านการอยู่อาศัย เพื่อตอบโจทย์ความต้องการด้านที่อยู่อาศัยแก่กลุ่มเป้าหมายที่มีไลฟ์สไตล์หลากหลายมากยิ่งขึ้น อาทิ บ้านเดี่ยวสไตล์โมเดิร์นที่มีการออกแบบที่โดดเด่นด้วย ‘L-Shape’ และแนวคิดการอยู่อาศัยในคอนโดมิเนียมรูปแบบใหม่ภายใต้แบรนด์ ‘HAUS’
6. การกำหนดนโยบายให้บริษัทในเครือ ได้แก่ บริษัท พลัส พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด ให้บริการด้านอสังหาริมทรัพย์ครบวงจรให้แก่ลูกค้าแสนสิริและลูกค้าภายนอกอย่างเต็มประสิทธิภาพ เพื่อสร้าง brand loyalty และเพิ่มรายได้แก่แสนสิริอย่างยั่งยืน และการชูบริการ ‘Rental for the Holidays’ ที่พลัส พร็อพเพอร์ตี้บริหาร ซึ่งจะเป็นอีกหนึ่งธุรกิจที่สร้างจุดเด่นแก่แสนสิริและดึงดูดใจกลุ่มลูกค้าต่างชาติ
30 ปีแสนสิริ “30 Years of Constructing Life, Not Just Buildings”
“นอกจากกลยุทธ์การดำเนินธุรกิจที่ได้วางไว้อย่างแข็งแกร่งแล้ว ในปีนี้ยังนับเป็นปีที่แสนสิริครบรอบการก่อตั้งบริษัทมาเป็นระยะเวลากว่า 30 ปีที่ไม่ใช่เพียงบริษัทอสังหาริมทรัพย์ที่นำเสนอที่อยู่อาศัยแก่ผู้บริโภค แต่ยังเป็น Lifestyle Company ที่ส่งมอบไลฟ์สไตล์แห่งการใช้ชีวิตอันตอบสนองทุกความต้องการให้ลูกค้า โดยมีองค์ประกอบที่สำคัญที่สร้างให้แสนสิริเป็นองค์กรที่มีศักยภาพต่อเนื่องตลอดมา อันได้แก่การเป็นองค์กรที่มีวิสัยทัศน์มองไปข้างหน้า รวมทั้งมีความพร้อมและความยืดหยุ่นในการปรับตัวเพื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์ต่างๆ ได้เป็นอย่างดีและจะนำพาองค์กรไปสู่ความสำเร็จแบบยั่งยืนได้ในระยะยาว” นายเศรษฐา กล่าว
6 Key driver ที่ประสบความสำเร็จในปี 2556
Key driver ที่ 1. ด้านการรุกตลาดต่างจังหวัดต่อเนื่อง บริษัทได้รับการตอบรับจากกลุ่มลูกค้าในตลาดต่างจังหวัดเป็นอย่างดีด้วยยอดขายเฉลี่ยถึงร้อยละ 64 ของโครงการที่เปิดตัวในตลาดต่างจังหวัดทั้งหมดทั่วประเทศ โดยสามารถขยายฐานลูกค้าได้ในทำเลใหม่ๆ ได้แก่ นครราชสีมา, ระยอง, อุดรธานี, เชียงราย, สุราษฎร์ธานี, หาดใหญ่ และบางแสน รวมทั้งยังมีการเปิดตัวโครงการใหม่ในหลากหลายเซกเมนต์เพื่อให้ครอบคลุมต่อเนื่องมากยิ่งขึ้น ทั้งโครงการบ้านเดี่ยวและช็อปเฮาส์ เป็นต้น
Key driver ที่ 2 การจับตลาด niche ซึ่งเป็นเซกเมนต์ที่มีความเฉพาะตัวเพิ่มมากขึ้น เพื่อฉีกหนีจากการแข่งขันในตลาดเดิมๆ เห็นความสำเร็จจากการเปิดตัว “ดีคอนโด แคมปัส รีสอร์ท” ซึ่งตั้งอยู่ใกล้สถานศึกษาและเจาะตลาดที่พักอาศัยในกลุ่มนักเรียนและนักศึกษาได้ดีในหลายๆ ทำเล ทั้ง ดีคอนโด แคมปัส รีสอร์ท กู้กู ภูเก็ต, ดีคอนโด แคมปัส รีสอร์ท ราชพฤกษ์ – จรัญฯ 13, ดีคอนโด แคมปัส รีสอร์ท รังสิต – ธรรมศาสต์, ดีคอนโด แคมปัส รีสอร์ท บางนา และดีคอนโด แคมปัส รีสอร์ท บางแสน นอกจากนี้บริษัทยังประสบความสำเร็จจากการปิดการขายคอนโดมิเนียมแบรนด์ ดีคอนโด ภายใต้คอนเซ็ปต์ “dcondo Old Town” ที่ได้รับแรงบันดาลใจด้านสถาปัตยกรรมจากบริบทของสถานที่ตั้งโครงการ ในโครงการ “ดีบุรา พรานนก” อีกด้วย
Key driver ที่ 3 บริษัทสามารถเพิ่มสัดส่วนกลุ่มลูกค้าชาวต่างชาติได้เพิ่มมากขึ้นจากสัดส่วนที่มีอยู่ในปัจจุบัน โดยโครงการที่มีกลุ่มชาวต่างชาติให้ความสนใจมากที่สุด ได้แก่ บ้านไม้ขาว และ เดอ เดค ภูเก็ต โดยเฉพาะสำหรับโครงการเดอะ เดค ภูเก็ตนั้นมีสัดส่วนชาวต่างชาติให้ความสนใจมากถึง 45% ซึ่งนับว่าสูงที่สุดที่แสนสิริเคยมี
Key driver ที่ 4 การกลับมารุกพัฒนาโครงการบ้านเดี่ยวระดับไฮน์เอนด์ภายใต้แบรนด์ นาราสิริ บริษัทได้เปิดตัว 3 โครงการใหม่ มูลค่าโครงการรวมประมาณ 6,700 ล้านบาท ได้แก่ นาราสิริ บางนา, นาราสิริ พุทธมณฑลสาย 1 และนาราสิริ พระราม 2 ซึ่งได้รับการตอบรับที่ดีโดยเฉพาะอย่างยิ่งในโครงการนาราสิริ บางนา ซึ่งปัจจุบันมียอดขายแล้วถึง 50%
Key driver ที่ 5 การขยายตลาดให้ครอบคลุมทุกระดับราคา ด้วยการเปิดตัวบ้านเดี่ยวระดับราคา 3 ล้านบาท ภายใต้แบรนด์ “คณาสิริ” และทาวน์เฮาส์ระดับราคา 1.5 ล้านบาท ภายใต้แบรนด์ “เมท ทาวน์” ในปีที่ผ่านมา บริษัทได้เปิดตัวโครงการ คณาสิริ วงแหวน – พระราม 5, คณาสิริ บางนา รวมถึง เมททาวน์ ปทุม – ติวานนท์ ตามแผนงานซึ่งได้รับการตอบรับที่ดีในทั้ง 3 โครงการ
Key driver ที่ 6 บริษัทได้เดินหน้าเพิ่มสัดส่วนการพัฒนาโครงการด้วยระบบพรีคาสท์ ด้วยการเปิดตัวโรงงานพรีคาสท์แห่งที่ 2 เพื่อแก้ปัญหาการขาดแคลนแรงงานและทำให้สามารถรับรู้รายได้ได้รวดเร็วขึ้น โดยโรงงานพรีคาสท์แห่งที่ 2 จะสามารถเดินหน้ากำลังการผลิตอย่างเต็มกำลังได้ในเดือนมีนาคม 2557 นี้เป็นต้นไป