TPOLY เปิดแผนโค้งสุดท้ายปีนี้มุ่งรับงานขนาดใหญ่ดัน Backlog ทะลุ 4.2 พันลบ. / ปีหน้าดัน “ทีพีซี เพาเวอร์โฮลดิ้ง” เข้าตลาด
“ไทยโพลีคอนส์” เปิดกลยุทธ์ช่วงโค้งสุดท้ายปีนี้ยังมุ่งรับงานขนาดใหญ่ที่มาร์จิ้นสูง ดัน Backlog ทะลุ 4,200 ล้านบาท หลังโชว์กำไรงวด 9 เดือนปีนี้ พุ่งกระฉูด 149.59% "ไชยณรงค์ จันทร์พลังศรี” เผยบริษัทฯ ยังคงเดินหน้าลุยธุรกิจตามแผน มั่นใจปีนี้รายได้โต 20-25% ส่วน “ทีพีซี เพาเวอร์โฮลดิ้ง” เตรียมพร้อมเข้าตลาดปีหน้าแน่นอน ล่าสุดได้จัดตั้ง “พัทลุง กรีน เพาเวอร์” เพื่อพัฒนาโรงไฟฟ้าที่พัทลุง ยัน ปี 60 มีโรงไฟฟ้าขนาด 160 เมกะวัตต์ ได้ตามเป้า
นายไชยณรงค์ จันทร์พลังศรี กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไทยโพลีคอนส์ จำกัด (มหาชน) หรือ TPOLY เปิดเผยถึงกลยุทธ์ในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปีนี้ว่า บริษัทฯ ยังคงมุ่งรับงานขนาดใหญ่ที่มีอัตรากำไรขั้นต้น (Margin) สูง โดยคาดว่าสิ้นปีนี้จะมีปริมาณงานในมือ (Backlog) 4,200 ล้านบาท และเป้าหมายการเติบโตรายได้ที่ร้อยละ 20-25
สำหรับความคืบหน้าของโรงไฟฟ้าอื่นๆ ขณะนี้โรงไฟฟ้ามหาชัย กรีนเพาเวอร์ ได้รับการอนุมัติจากทางคณะกรรมการกลั่นกรองแล้ว และอยู่ระหว่างการพิจารณาของคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) คาดว่าจะเริ่มขายไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ (Commercial Operation Date: COD) ได้ในช่วงต้นปี 2558 ส่วนโรงไฟฟ้าทุ่งสัง จังหวัดนครศรีธรรมราช ได้รับการอนุมัติจากทางจังหวัดแล้ว ปัจจุบันอยู่ระหว่างเตรียมเอกสารเพื่อยื่นแก่กรมโรงงานต่อไป
ขณะที่บริษัท ทีพีซี เพาเวอร์โฮลดิ้ง จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของ TPOLY กำลังศึกษาความเป็นไปได้ของการจัดตั้งโรงไฟฟ้าในพื้นที่ภาคใต้ โดยขณะนี้กำลังเตรียมจัดตั้งบริษัทย่อย “พัทลุง กรีน เพาเวอร์” เพื่อพัฒนาโรงไฟฟ้าที่จังหวัดพัทลุงต่อไป และคาดว่าในปี 2560 บริษัทฯ จะสามารถมีโรงไฟฟ้าซึ่งมีกำลังการผลิตครบทั้ง 160 เมกะวัตต์ได้ตามเป้าหมาย และมีแผนที่จะนำทีพีซี เพาเวอร์โฮลดิ้ง เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) ภายในปี 2557
“ผลประกอบการ TPOLY ไตรมาส 3/56 และงวด 9 เดือนนี้ มีการเติบโตอย่างโดดเด่นต่อเนื่อง เนื่องจากมีรายได้จากทั้ง 3 ขาคือ ธุรกิจโรงไฟฟ้า อสังหาฯ และงานรับเหมาก่อสร้างก็เพิ่มขึ้นด้วย โดยในส่วนของรับเหมาฯ รายได้ขยับขึ้นมาอยู่ที่ 1,968.45 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 6.75 ซึ่งเป็นผลจากวิสัยทัศน์ผู้บริหารและปัจจัยทางธุรกิจที่แข็งแกร่ง ส่วนโรงไฟฟ้าช้างแรกสามารถผลิตไฟฟ้าได้มากกว่าดัชนีชี้วัด (KPI) ของทางบริษัทฯ ทำให้รายได้ของธุรกิจพลังงานสูงกว่าเป้าหมายที่วางไว้ตอนแรก โดยปัจจุบันสามารถผลิตไฟฟ้าได้มากกว่า 210,000 หน่วยต่อวัน จากที่ตั้งไว้ที่ 200,000 หน่วยต่อวัน คาดว่าสิ้นปีนี้จะสามารถสร้างรายได้มากกว่าที่ประมาณการไว้ 170 ล้านบาท ส่วนธุรกิจอสังหาริมทรัพย์สามารถขายบ้านได้ตามแผน คาดว่าทั้งปีจะสามารถสร้างรายได้มากกว่า 220 ล้านบาท” นายไชยณรงค์ กล่าว
ทั้งนี้ผลดำเนินงานไตรมาส 3/2556 บริษัทฯ มีรายได้รวม 793.55 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันปีก่อนร้อยละ 43.78 และมีกำไรสุทธิ 21.26 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันปีก่อนร้อยละ 123.74 ส่วนงวด 9 เดือนมีรายได้รวม 2,235.51 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันปีก่อนร้อยละ 21.23 และกำไรสุทธิ 39.74 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันปีก่อนร้อยละ 149.59