MSN on December 02, 2013, 05:28:28 PM
เปิดตัวสู่สายตาสาธารณชนแล้วสำหรับปอร์เช่ สปอร์ตเอนกประสงค์รุ่นกระทัดรัด มาคันน์ (Macan) คือปอร์เช่ที่สมบูรณ์แบบ


   
          ปอร์เช่ขยายรุ่นรถเพิ่มเติมเพื่อให้คลอบคลุมคลาสรถใหม่ นั่นคือรุ่นมาคันน์ (Macan) ปอร์เช่รุ่นแรกที่เข้าสู่ตลาดรถเอนกประสงค์ (SUV) ขนาดกระทัดรัดและจะเข้ามาสร้างมาตรฐานใหม่ให้กับวงการรถยนต์และกลุ่มตลาดใน เรื่องของความคล่องตัวและความสนุกสนานในการขับขี่ในทุกๆ สภาวะของถนน มาคันน์ (Macan) แสดงให้เห็นถึงคุณลักษณะในการขับเคลื่อนที่โดดเด่นและเด่นชัดตั้งแต่แรกเห็น ไม่ว่าจะเป็นอัตราเร่งที่ยอดเยี่ยม ประสิทธิภาพการเบรกที่ทรงพลัง เครื่องยนต์ที่มีสมรรถนะรอบตัว การเกาะถนน และความแม่นยำของพวงมาลัย ไม่เพียงเท่านี้รถคันนี้ยังให้ความสะดวกสบายในการขับขี่และการโดยสารรวมไป ถึงการใช้งานจริงในชีวิตประจำวัน รูปลักษณ์ของมาคันน์ (Macan) ได้สะท้อนให้เห็นถึงสายพันธุ์ความสปอร์ตที่เต็มพิกัดและมีอยู่ใยรถปอร์เช่ ทุกคัน ตัวรถของรถยนต์สปอร์ตเอนกประสงค์คันนี้มีความลาดแบนและสมดุลกับพื้นผิวถนน ฝากระโปรงหน้ามีความดุดันและผสมผสานเข้ากับเส้นสายลายหลังคาที่ทอดยาวมา บรรจบกันได้อย่างลงตัว แสดงให้เห็นถึงความสปอร์ตที่ทรงพลังและมีความคล่องตัวสูง หลายๆ ชิ้นส่วนของรถได้ถูกนำมาใช้จากรถสปอร์ตของ ปอร์เช่รุ่นอื่นๆ เพื่อทำให้มาคันน์ (Macan) มีความโดดเด่นมากขึ้น และทำให้มีความชัดเจนตั้งแต่แรกเห็นว่าปอร์เช่ มาคันน์ (Macan) คันนี้คือรถสปอร์ตคันแรกในกลุ่มตลาดรถสปอร์ตเอนกประสงค์แบบกระทัดรัดอีกด้วย สายการผลิตได้ถูกกำหนดขึ้นให้มีศักยภาพในการผลิตให้ได้ 50,000 คันต่อปี และต้องเปี่ยมไปด้วยความแม่นยำและคุณภาพสูงด้วยเช่นกัน และตรงตามที่คุณคาดหวังจากปอร์เช่

          การเปิดตัวเข้าสู่ตลาด ในวันนี้มีถึง 3 รุ่นด้วยกัน นั่นคือ มาคันน์ เอส (Macan S) (1) ที่มาพร้อมกับเครื่องยนต์ขนาด 3.0 ลิตร V6 Biturbo ให้พละกำลังแรงม้าถึง 340 แรงม้า (250 กิโลวัตต์) มาพร้อมกับความโดดเด่นด้วยระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ active all-wheel drive ที่ควบคุมการทำงานด้วยระบบไฟฟ้า อีกทั้งยังมาพร้อมกับ map-controlled multi-plate clutch อีกด้วย ระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ active all-wheel drive ติดตั้งมาเป็นอุปกรณ์มาตรฐานให้กับมาคันน์ (Macan) ทุกรุ่น ระบบเกียร์อัตโนมัติแบบคลัชต์คู่ 7 สปีดจะทำการส่งผ่านกำลังของเครื่องยนต์ตามที่ต้องการและไม่มีการสะดุดหรือ สูญเสียกำลัง ทำให้อัตราเร่งของรถจาก 0-100 กิโลเมตร/ชั่วโมง ทำได้ในเวลาเพียงแค่ 5.4 วินาทีเท่านั้น (หรือ 5.2 วินาทีหากติดตั้ง Sport Chrono package มาด้วย) ความเร็วสูงสุดของรถอยู่ที่ 254 กิโลเมตร/ชั่วโมง อัตราการบริโภคน้ำมันเชื้อเพลิงตามรูปแบบ NEDC* อยู่ระหว่าง 9.0 ลิตรและ 8.7 ลิตรต่อ 100 กิโลเมตร อัตราการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์อยู่ระหว่าง 212-204 กรัม/กิโลเมตร

          มาคันน์ เอส ดีเซล (Macan S Diesel)(2) คือรุ่นประหยัดและวิ่งได้ในระยะไกล มาพร้อมกับเครื่องยนต์ขนาด 3 ลิตร V6 เทอร์โบดีเซล อัตราการบริโภคน้ำมันเชื้อเพลิงตามรูปแบบ NEDC ต่ำอยู่เพียง 6.3 และ 6.1 ลิตร/100 กิโลเมตร เท่านั้น อัตราการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดอ๊อกไซด์อยู่ระหว่าง 164 และ 159 กรัมต่อกิโลเมตร อัตราเร่งจาก 0-100 กิโลเมตร ทำได้ในเวลาเพียงแค่ 6.3 วินาที (หรือ 6.1 วินาทีหากติดตั้ง Sport Chrono Package มาด้วย) เนื่องจากพละกำลังเครื่องยนต์ที่มหาศาลและสูงสุดอยู่ที่ 258 แรงม้า ทำให้ความเร็วสูงสุดสูงถึง 230 กิโลเมตร/ชั่วโมง เลยทีเดียว

          มา คันน์ เทอร์โบ (Macan turbo) คือรุ่นที่มีพละกำลังเครื่องยนต์ที่มากที่สุดและเป็นรุ่นท็อปของมาคันน์ (Macan) เครื่องยนต์มีขนาด 3.6 ลิตร V6 biturbo ซึ่งเป็นเครื่องยนต์ที่ถูกนำมาใช้กับรถยนต์ปอร์เช่เป็นครั้งแรก ให้พละกำลังเครื่องยนต์สูงสุดถึง 400 แรงม้า (294 กิโลวัตต์) อัตราเร่งเครื่องยนต์จาก 0-100 กิโลเมตร/ชั่วโมง ทำได้ในเวลาเพียงแค่ 4.8 วินาที หากติดตั้ง Sport Chrono Package มาด้วยจะอยู่ที่ 4.6 วินาทีเท่านั้น ความเร็วสูงสุดอยู่ที่ 266 กิโลเมตร/ชั่วโมง มาคันน์ เทอร์โบ (Macan turbo) มีอัตราการบริโภคน้ำมันเชื้อเพลิงตามรูปแบบการขับขี่แบบ NEDC* ต่ำอยู่แค่เพียงระหว่าง 9.2 – 8.9 ลิตร/100 กิโลเมตร อัตราการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์อยู่ระหว่าง 216-208 กรัม/กิโลเมตร เท่านั้น

          ชื่อของรุ่นรถได้มาจากภาษาของอินโดนีเซียที่แปล ว่าเสือ และมาคันน์ (Macan) ก็มีความโดดเด่นสมชื่อ เต็มไปด้วยพละกำลังเครื่องยนต์ พร้อมที่จะทะยานไปข้างหน้าอย่างเต็มพิกัดตลอดเวลา ไม่ว่าจะเป็นถนนธรรมดาหรือแบบ Off-Road ระบบขับเคลื่อนสี่ล้อที่ได้รับการพัฒนาใหม่ล่าสุดและรู้จักกันดีภายใต้ชื่อ ระบบ Porsche Traction Management (PTM) ช่วยให้รถผลิตระบบขับเคลื่อนที่เต็มไปด้วยพละกำลัง และมาคันน์ (Macan) ทุกรุ่นจะมาพร้อมกับระบบขับเคลื่อนแบบสปอร์ตสี่ล้อในทุกๆ รุ่นอีกด้วย

          ด้วย ความต้องการที่จะให้รถเต็มไปด้วยประสิทธิภาพที่โดดเด่นทำให้มาคันน์ (Macan) ได้รับการออกแบบให้มีความคล่องตัวสูง ไม่ว่าจะเป็นสัดส่วนต่างๆ ของรถ รูปลักษณ์ และการใช้ยางแบบผสม (Mixed tyres)ในล้อที่ใหญ่อีกด้วย อีกทั้งเครื่องยนต์ ระบบขับเคลื่อน และระบบเกียร์อัตโนมติ 7 สปีด Porsche Doppelkupplung (PDK) ต่างเป็นส่วนสำคัญที่ทำให้รถมีคุณลักษณะเด่นในเรื่องของความคล่องตัว ปราดเปรียว และมีประสิทธิภาพสูงทั้งบนถนนและพื้นผิวถนนแบบ Off-Road อีกด้วย ตำแหน่งเบาะที่นั่งของผู้ขับขี่และผู้โดยสารได้รับการจัดตำแหน่งให้อยู่ใน ระดับต่ำตามแบบฉบับของรถสปอร์ต

          อุปกรณ์และระบบต่างๆ ที่หลากหลายได้รับการติดตั้งให้กับมาคันน์ (Macan) เพื่อเป็นระบบมาตรฐานให้กับรถ รวมถึงระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ ระบบเกียร์อัตโนมัติ PDK ระบบพวงมาลัยสปอร์ตแบบเอนกประสงค์และมาพร้อมกับก้านเกียร์ (multi-function sport steering wheel with shift paddles) ล้อที่ใหญ่ ระบบเครื่องเสียงที่เปี่ยมไปด้วยประสิทธิภาพ และระบบเปิดปิดท้ายรถด้วยไฟฟ้า ส่วนระบบอื่นๆ ที่โดดเด่นและสามารถเลือกติดตั้งเป็นระบบเสริมได้มีหลากหลายเช่นกัน อาทิ ระบบช่วงล่างแบบถุงลมซึ่งมาคันน์ (Macan) เป็นรถรุ่นแรกในตลาดนี้ ไม่เพียงเท่านี้ยังมีระบบ Porsche Torque Vectoring Plus (PTV Plus) system ที่ได้รับการปรับเปลี่ยนให้เหมาะสมกับมาคันน์ (Macan) อีกด้วย โดยระบบนี้จะทำการกระจายแรงบิดการขับเคลื่อนไปยังล้อหลังและทำงานร่วมกับ ระบบเฟืองท้าย electronically controlled rear-axle differential lock อีกหนึ่งระบบเสริมที่ต้องพูดถึงคือระบบไฟแบบ Porsche Dynamic Light System Plus (PDLS Plus) ที่จะทำงานปรับเปลี่ยนระดับไฟหน้าอย่างต่อเนื่องเพื่อให้เหมาะสมกับสภาวะของ ท้องถนนด้านหน้า

          รูปลักษณ์: รากฐานของตำนานความเป็นรถสปอร์ตของปอร์เช่
          ตำนาน ความเป็นรถสปอร์ตของมาคันน์ (Macan) ได้ถูกสะท้อนออกมาผ่านรายละเอียดต่างๆ ของการออกแบบ นักออกแบบได้ดึงความโดดเด่นที่หลากหลายเหล่านั้นมาใช้กับสัดส่วนต่างๆ ของรถรุ่นนี้ได้อย่างลงตัว ผลลัพธ์ที่ได้สามารถสรุปออกมาได้สองคำ นั่นคือ กว้างและต่ำ การออกแบบรถเน้นในเรื่องของความเป็นรถสปอร์ต คล่องตัวและแม่นยำ พร้อมด้วยการใช้โครงสร้างรถที่มีน้ำหนักเบา และด้วยสัดส่วนต่างๆ ที่ผสมผสานกันอย่างลงตัวทำให้มาคันน์ (Macan) มีรูปลักษณ์ที่กระทัดรัด ทรงพลัง และใกล้ชิดกับถนน

          การออกแบบได้ครอบคลุมทุกๆ รายละเอียด แม้รถจะจอดหยุดนิ่ง แต่รูปลักษณ์ของรถจะสะท้อนให้เห็นถึงไฮไลท์ของรถสปอร์ตต่างๆ และแสดงให้เห็นถึงประสิทธิภาพที่ทรงพลังของมาคันน์ (Macan) หากมองจากภาพด้านข้างและลายหลังคาที่ลาดยาวรวมถึงปีกทางด้านหลังรถจะพบกับ เส้นสายของความเป็นปอร์เช่ที่ชัดเจน และเป็นเส้นสายที่นำมาจากรุ่น 911

          918 สไปเดอร์ (918 Spyder) คือรถที่ได้รับการออกแบบตามสายพันธุ์ของปอร์เช่เพื่อโลกอนาคต ส่วนมาคันน์ (Macan) ได้ทำการปรับเปลี่ยนให้เข้ากับสายพันธุ์ DNA ในปัจจุบัน โดยรวมแล้วสัดส่วนทั่วไปของไฟหน้าได้รับมาจากรุ่น 918 สไปเดอร์ (918 Spyder) ในขณะที่ครีบด้านข้างที่อยู่ทางด้านล่างของด้านหน้าและหลังของประตูทำให้นึก ไปถึงขอบประตูของรถซูเปอร์สปอร์ตเครื่องยนต์ไฮบริดด้วยเช่นกัน มาคันน์ (Macan) ติดตั้งพวงมาลัยแบบ multi-function sports steering wheel มาเป็นพวงมาลัยมาตรฐานให้กับรถ ซึ่งได้รับการออกแบบใหม่หมดและนำมาจากรุ่น 918 สไปเดอร์ (918 Spyder) นั่นเอง

          ด้านข้างจะมาพร้อมกับ ลายหลังคาที่ลาดยาวแบบสปอร์ตเน้นย้ำให้เห็นถึงความคล่องตัวที่เป็นคุณสมบัติ หลักของรถ ส่วนการออกแบบเส้นสายที่วิ่งไปด้านหลังรถจะเป็นการเน้นให้เห็นถึงความกว้าง และปีกรถที่ทรงพลัง กราฟฟิคของกระจกทำจากพื้นผิวแบบแก้วและสัดส่วนของ D-Pillar ได้รับการออกแบบใหม่ เส้นสายการออกแบบเหล่านี้ได้รับมาจาก 911 ด้วยเช่นกัน

          ไฮไลท์ของการออกแบบเพิ่มเติมทางด้านข้างและ เป็นส่วนในการสร้างความโดดเด่นให้กับรถคือ sideblades หรือแผงด้านข้างที่อยู่ด้านล่างของประตูหน้าและหลัง และมีวัสดุให้เลือกติดตั้งในหลายรูปแบบเป็นอุปกรณ์เสริมได้ การออกแบบแผงด้านข้างนี้ได้มาจากขอบประตูด้านล่างของ 918 สไปเดอร์ (918 Spyder) และเมื่อผสมผสานเข้ากับที่จับประตูทำให้ประตูมีความคมชัดและดูสปอร์ตมาก ขึ้น

          ในรุ่นมาคันน์ เอส (Macan S) และมาคันน์ เอส ดีเซล (Macan S Diesel) ได้รับการพ่นสี Lava เป็นสีมาตรฐาน ส่วนรุ่นเทอร์โบจะได้รับการพ่นเป็นสีเดียวกันกับสีของตัวรถ สามารถเลือกติดตั้งได้สำหรับรุ่นมาคันน์ เอส (Macan S) และมาคันน์ เอส ดีเซล (Macan S Diesel) เพิ่มความโดดเด่นแบบคลาสสิคให้กับรถมากขึ้น ไม่เพียงเท่านี้ ทุกรุ่นยังสามารถเลือกติดตั้งแผงด้านข้างในรูปแบบคาร์บอนเพื่อเพิ่มความเป็น สปอร์ตที่โฉบเฉี่ยวมากขึ้นได้

          รายละเอียดการออกแบบที่โดด เด่นของมาคันน์ (Macan) เพิ่มเติมคือขอบด้านข้าง และสปอยเลอร์หลังคาสีดำยาว ที่ได้รับการติดตั้งเพิ่มความสละสลวยให้กับรถมากขึ้น ยางที่ใช้สามารถเลือกได้ตั้งแต่ความกว้างที่ 265 มิลลิเมตร ทางด้านล้อหน้า และ 295 มิลลิเมตร ทางด้านล้อหลัง สามารถเลือกติดตั้งล้อได้ที่ขนาด 21 นิ้ว และยางยังได้มาตรฐานตามความต้องการของรถที่เน้นเรื่องของความสปอร์ต

          ด้วย เส้นสายและสัดส่วนโค้งเว้าที่เข้ากันทำให้ทางด้านหลังรถสะท้อนให้เห็นถึง ความเป็นสปอร์ตและหรูหรา ซึ่งทางด้านท้ายรถนี้ได้รับการออกแบบมาโดยเฉพาะเพื่อเน้นให้มีความกว้าง และทำให้รถดูกว้างขวางมากขึ้น และเพื่อให้เห็นถึงความราบเรียบสะอาดสะอ้าน ปุ่มสวิตซ์ของประตูหลังแบบไฟฟ้าจึงซ่อนอยู่ที่ด้านล่างของที่ปัดกระจกหลัง และกรอบทะเบียนจะติดตั้งอยู่บนพื้นที่ที่ต่ำลงมา

          ไฟท้าย ของมาคันน์ (Macan) คืออีกหนึ่งควมโดดเด่น และมาพร้อมกับเทคโนโลยี LED และการออกแบบให้มีสามมิติ ซึ่งเป็นการออกแบบที่ใช้ในรุ่น 918 สไปเดอร์ (918 Spyder) และทุกรุ่นจะมาพร้อมกับครีบด้านหลังที่ติดตั้งควบคู่กับปลายท่อคู่ทั้งสอง ข้าง โดยรุ่นมาคันน์ เอส (Macan S) และมาคันน์ เอส ดีเซล (Macan S Diesel) จะเป็นปลายท่อทรงกลม ส่วนรุ่นเทอร์โบ (Turbo) จะเป็นทรงสี่เหลี่ยม และทุกรุ่นสามารถเลือกติดตั้งปลายท่อสปอร์ตที่ทำจากเหล็กแสตนเลสแบบพิเศษ เป็นอุปกรณ์เสริมที่สามารถเลือกติดตั้งได้

          ความสปอร์ตและภายในห้องโดยสารที่มีคุณภาพสูง
          การ เน้นความโดดเด่นของรถได้ถูกเน้นต่อเนื่องไปยังภายในห้องโดยสารของปอร์เช่ มาคันน์ (Macan) เส้นสายที่โดดเด่น และจุดเชื่อมต่อที่แม่นยำ รวมถึงงานฝีมือคุณภาพสูงได้รับการผสมผสานกันได้อย่างลงตัวและสร้างความเป็น สปอร์ต คุณภาพสูง และหรูหราให้กับรถ

          ตั้งแต่ส่วนใต้เบาะ หน้าทางด้านล่างไปจนถึงคอนโซลกลางที่ลาดยาว และอุปกรณ์แสดงผล รวมถึงคอนเซ็ปต์การทำงานของรถ ต่างแสดงให้เห็นถึงสัมผัสของความคุ้นเคยที่มาพร้อมกับคุณลักษณะที่โดดเด่น ใหม่ๆ เช่นพวงมาลัยสปอร์ตแบบเอนกประสงค์ใหม่ล่าสุด เป็นต้น

          ห้อง โดยสารมีลักษณะที่โดดเด่นเหมือนรถสปอร์ต สายตาของท่านจะต้องถูกดึงดูดให้มองไปที่พวงมาลัยสปอร์ตเอนกประสงค์ที่ได้รับ การติดตั้งมาเป็นอุปกรณ์มาตรฐาน โดยได้รับการออกแบบใหม่ทั้งหมดและนำมาจากรุ่น 918 สไปเดอร์ (918 Spyder) เพิ่มเติมด้วยปุ่มเอนกประสงค์ที่ได้รับการติดตั้งมาเป็นอุปกรณ์มาตรฐานและ ใช้ในการสั่งงานโทรศัพท์ วิทยุ คอมพิวเตอร์บนรถ อีกทั้งยังมาพร้อมกับก้านเกียร์ที่ได้รับการติดตั้งให้มีความสมดุลตามหลัก การยศาสตร์ เพื่อให้มั่นใจได้ว่ามือของผู้ขับขี่จะวางอยู่บนพวงมาลัยและใส่ใจต่อถนนข้าง หน้าเป็นหลัก

          วงหน้าปัด 3 วงมาพร้อมกับ Tachometer ที่ติดตั้งอยู่ในแผงหน้าปัดด้วยเช่นกัน ด้านขวาจะเป็นการแสดงผลแบบความละเอียดสูง หน้าจอแสดงผลมีขนาด 4.8 นิ้วและแสดงผลในรูแบบสี ตำแหน่งเสียบกุญแจเพื่อสตาร์ทของรถจะอยู่ทางด้านซ้ายของพวงมาลัยอย่างเช่น ปอร์เช่รุ่นอื่นๆ คอนโซลกลางได้รับการลาดเอียงมากขึ้นมาพร้อมกับก้านเกียร์ที่สูงขึ้น ตามรูปแบบของรถแข่งทำให้ผู้ขับขี่อยากสัมผัสกับภายในห้องโดยสารมากขึ้น ปุ่มต่างๆ ที่สำคัญจะรวมอยู่ในกลุ่มที่ติดตั้งอยู่บนคอนโซลกลาง เพื่อให้ง่ายต่อการเรียกใช้งาน

          ระบบเกียร์อัตโนมัติ Porsche Doppelkupplung (PDK) ติดตั้งมาเป็นมาตรฐานให้กับรถ
          ถือ ได้ว่าเป็นครั้งแรกที่ปอร์เช่ ติดตั้งระบบเกียร์อัตโนมัติ Porsche Doppelkupplung (PDK) 7 สปีดมาเป็นระบบเกียร์มาตรฐานให้กับมาคันน์ (Macan) ทุกรุ่น ประโยชน์ที่ได้รับจากการออกแบบนี้คือประสิทธิภาพที่เป็นเลิศของรถ การเปลี่ยนเกียร์ที่รวดเร็วขึ้นโดยไม่เกิดการสะดุด การตอบสนองที่รวดเร็ว อัตราการบริโภคน้ำมันเชื้อเพลิงต่ำ และการเปลี่ยนเกียร์ที่สะดวกสบายมากขึ้น ปอร์เช่ที่ติดตั้ง PDK มาด้วยจะมาพร้อมกับการเปลี่ยนเกียร์สองรูปแบบ หากเป็นทางด้านขวาจะเป็นการเปลี่ยนเกียร์ผ่านก้านเกียร์ ในขณะที่ด้านซ้ายมือจะสามารถเปลี่ยนเกียร์ได้ผ่านการสั่งงาน หรือผ่านก้านเกียร์บนพวงมาลัย

          ระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ Active all-wheel drive และระบบ Porsche Traction Management (PTM)
          ระบบ ขับเคลื่อนสี่ล้อคือส่วนหนึ่งของระบบ Porsche Traction Management (PTM) ซึ่งได้รับการติดตั้งมาเป็นอุปกรณ์มาตรฐานให้กับมาคันน์ (Macan) ทุกรุ่น อีกทั้งยังมาพร้อมกับระบบต่างๆ อีกมากมาย อาทิเช่น ระบบ Automatic Brake Differential (ABD) ระบบ Anti-Slip Regulation (ASR) และระบบขับเคลื่อนสี่ล้อนี้จะช่วยดูแลในเรื่องของการทรงตัวของรถและความ ปลอดภัยของรถเป็นหลัก

          ระบบขับเคลื่อนสี่ล้อในมาคันน์ (Macan) นี้ คือหนึ่งในระบบที่มีเวลาการตอบสนองที่รวดเร็วที่สุดหากเทียบกับรุ่นอื่นๆ ในตลาด และได้รับการออกแบบมาให้มีความเป็นสปอร์ต เพลาหลังจะทำงานเสมอ และเพลาหน้าจะได้รับแรงบิดการขับเคลื่อนจากเพลาหลัง และแรงบิดที่ได้มานี้จะขึ้นอยู่กับอัตราส่วนของแรงบิดจาก electronically controlled multi-plate clutch

          การเรียกใช้งานโหมด Off-road ได้อย่างง่ายดายเพียงแค่กดปุ่ม
          โหมด ออฟโร้ดติดตั้งมาเป็นโหมดมาตรฐานในมาคันน์ (Macan) และฟังก์ชั่นจะเปิดการทำงานเพียงแค่กดปุ่มในคอนโซลกลางเมื่อใช้ความเร็วอยู่ ระหว่าง 0-80 กิโลเมตร/ชั่วโมง ฟังก์ชั่นนี้จะเปลี่ยนระบบที่เกี่ยวข้องให้เข้าสู่การขับเคลื่อนที่เน้นการ ทรงตัวตามรูปแบบการออฟโร้ดเป็นหลัก เช่นการเปลี่ยนเกียร์และความเร็วจะสอดคล้องกับระดับการทรงตัวของรถ คลัชต์จะถูกสั่งงานก่อนเพื่อให้เพลาหน้าได้รับแรงบิดการขับเคลื่อนที่เหมาะ สมและรวดเร็ว แรงบิดที่กระจายระหว่างเพลาหน้าและหลังรวมถึงการตอบสนองของคันเร่งจะถูกปรับ เปลี่ยนให้เหมาะสมกับสภาวะของการออฟโร้ดในขณะนั้น ความสูงของรถสามารถลดลงได้อีก 40 มิลลิเมตรจากระดับเดิม เพราะต่อตัวถังและช่วงล่างแบบถุงลมที่ส่งผลให้มี Ground clearance ที่ 230 มิลลิเมตร

MSN on December 02, 2013, 05:31:09 PM
          อุปกรณ์เสริม: ระบบ Porsche Torque Vectoring Plus (PTV Plus)
          ระบบ Porsche Torque Vectoring Plus (PTV Plus) system ได้รับการพัฒนาและปรับเปลี่ยนให้มีความเฉพาะและเหมาะสมกับมาคันน์ (Macan) เพื่อให้การขับขี่นั้นพัฒนาความคล่องตัว และรักษาเสถียรภาพได้มากขึ้น ระบบ PTV Plus จะใช้การกระจายแรงบิดที่เป็นมาตรฐานไปยังล้อหลังและทำงานร่วมกับระบบ electronically controlled rear-axle differential lock และเพื่อให้ตอบสนองต่อองศาของพวงมาลัย ความเร็วของพวงมาลัย ตำแหน่งของแป้นคันเร่ง และความเร็วของรถได้อย่างดีเยี่ยม ระบบ PTV Plus จึงได้ทำการพัฒนาการทำงานของพวงมาลัยและความแม่นยำของพวงมาลัยด้วยการตั้ง เป้าหมายที่การเบรกบนล้อหลังทางด้านในเพื่อให้รถทรงตัวได้ดียิ่งขึ้น ทำให้ล้อหลังด้านนอกเกิดแรงผลักที่มากขึ้นและทำให้รถเลี้ยวไปทิศทางที่ต้อง การ ผลลัพธ์ที่ได้คือการเลี้ยวที่คล่องตัว แม่นยำ ไม่เพียงเท่านี้ระบบ PTV Plus ยังส่งผลในด้านบวกกับมาคันน์ (Macan) เมื่ออยู่ในสภาวะออฟโร้ด เมื่อต้องสูญเสียพื้นที่ในการสัมผัสกับถนน ล้อหลังที่หมุนจะลดลงผ่านการล๊อคและการเบรกนั่นเอง

          ปุ่มสปอร์ตติดตั้งมาเป็นมาตรฐาน
          มา คันน์ (Macan) ทุกรุ่นติดตั้งปุ่มสปอร์ตมาเป็นอุปกรณ์มาตรฐานให้กับรถ และติดตั้งอยู่บนคอนโซลกลางทางด้านซ้ายของก้านเกียร์ เมื่อกดปุ่มสปอร์ตระบบการจัดการเครื่องยนต์ด้วยไฟฟ้าจะทำให้เครื่องยนต์ตอบ สนองมากขึ้น การสัมผัสกับแป้นเบรกจะได้รับการตอบสนองโดยตรงจากเครื่องยนต์มากขึ้น รอบจำกัดของเครื่องยนต์ถูกตั้งค่าให้อยู่ในระดับที่สูงมากขึ้น และเครื่องยนต์จะให้ความคล่องตัวสูงตามสัมผัสของความเป็นมอเตอร์สปอร์ต ไม่เพียงเท่านี้ระบบเกียร์อัตโนมัติ PDK ช่วยให้จุดเปลี่ยนเกียร์ย้ายไปอยู่ในช่วงความเร็วที่มากขึ้นเพื่อให้สัมผัส ของความเป็นสปอร์ตที่มากขึ้นด้วยเช่นกัน เวลาในการตอบสนองสั้นลงในขณะที่การเปลี่ยนเกียร์นั้นมีความกระชับและเป็น ธรรมชาติโดยเฉพาะอย่างยิ่ง การลดระดับเกียร์ของคลัชต์คู่ลง เสียงของเครื่องยนต์ได้รับการปรับเปลี่ยนด้วยเช่นกัน ระบบควบคุมตัวถัง Porsche Active Suspension Management (PASM) ได้รับการตั้งค่าให้อยู่ในโหมดสปอร์ตเพื่อให้สัมผัสถึงความเป็นสปอร์ตที่มาก ขึ้นสำหรับช่วงล่างและการตอบสนองโดยตรง และยังส่งผลให้รถมีการทรงตัวและรักษาเสถียรภาพได้มากขึ้น

          อุปกรณ์เสริมที่สามารถเลือกติดตั้งได้ : แพ็คเกจ Sport Chrono
          อุปกรณ์ เสริมแพ็คเกจ Sport Chrono จะเพิ่มประสิทธิภาพของรถมากขึ้นเพียงแค่กดปุ่ม โดยแพ็คเกจ Sport Chrono จะช่วยปรับเปลี่ยนตัวถัง เครื่องยนต์และระบบขับเคลื่อนให้เข้าสู่ระดับที่สปอร์ตมากขึ้น รวมถึงเสียงของเครื่องยนต์ที่สร้างสัมผัสถึงความดุดันมากขึ้น แพ็คเกจ Sport Chrono จะออกมาในรูปแบบ Analogue และนาฬิกาจับเวลาแบบดิจิตอลติดตั้งอยู่บนแผงหน้าปัด รวมถึงปุ่ม Sport Plusที่ติดตั้งอยู่บนคอนโซลกลาง อีกชิ้นส่วนของแพ็คเกจคือการแสดงผลของประสิทธิภาพบนระบบเสริมที่สามารถเลือก ติดตั้งได้อย่างระบบการจัดการสื่อสาร Porsche Communication Management (PCM) ที่จะให้ข้อมูลเวลาวิ่งทั้งหมด ระยะทางที่ใช้ไป หรือเวลาที่ใช้ไป เป็นต้น ฟังก์ชั่น “Launch Control” ได้รับการติดตั้งด้วยเช่นกันในมาคันน์ (Macan) และเป็นฟังก์ชั่นที่ช่วยให้อัตราเร่งนั้นมีส่วนคล้ายกับรถแข่งเมื่อทำการออก ตัว ประโยชน์ที่ได้รับจากฟังก์ชั่นนี้คืออัตราเร่งจาก 0-100 กิโลเมตร/ชั่วโมง ที่จะลดลงอีก 0.2 วินาที สำหรับมาคันน์ (Macan) ทุกรุ่น

          ตัวถัง 3 เวอร์ชั่นสำหรับมาคันน์ (Macan)
          ตัว ถังสำหรับมาคันน์ (Macan) มีถึง 3 เวอร์ชั่น การออกแบบโดยใช้สปริงเหล็กจะเติมเต็มในเรื่องของประสิทธิภาพมาตรฐานสูงสุด ความสุนทรีย์ในการขับขี่ ความสามารถในการขับขี่แบบ off-road และความสะดวกสบาย หลักปรัชญาการใช้โครงสร้างที่มีน้ำหนักเบาได้ถูกนำมาใช้โดยเพลาอลูมิเนียม และส่วนประกอบของตัวถังที่จะทำให้เกิดความคล่องตัวและความสะดวกสบายในการขับ ขี่ เพลาด้านหน้าได้รับการออกแบบมาจากพื้นฐานของ five-link ในขณะที่เพลาหลังจะออกแบบให้เป็น trapezoidal-link ทางด้านเพลาหลังนั้นการแยกสปริงและโช้คบนล้อออกจากกันทำให้พัฒนาการขับขี่ ที่สะดวกสบายมากยิ่งขึ้นและตอบสนองต่อช่วงล่างได้ดียิ่งขึ้น

          เวอร์ ชั่นที่สองของตัวถังมาคันน์ (Macan) คือการผสมผสานกันระหว่างสปริงเหล็กและระบบ PASM ที่ได้รับการติดตั้งมาเป็นระบบมาตรฐานให้กับรุ่นท้อปอย่างมาคันน์ เทอร์โบ (Macan Turbo) และสามารถเลือกติดตั้งเป็นอุปกรณ์เสริมเลือกติดตั้งได้สำหรับรุ่นมาคันน์ เอส (Macan S) และรุ่นมาคันน์ เอส ดีเซล (Macan S Diesel) การผสมผสานระหว่างสปริงเหล็กและ PASM นี้ทำให้รถเกิดการเติมเต็มมากขึ้น สร้างมาตรฐานใหม่ที่สูงสำหรับความสะดวกสบายในการวิ่งระยะไกล ประสิทธิภาพที่มากขึ้น และความคล่องตัวที่มากขึ้น ตัวถังที่หลากหลายจะทำให้เกิดการกระจายการสั่นสะเทือนของช่วงล่างได้หลาก หลายมากขึ้นผ่านโปรแกรม PASM 3 โปรแกรมนั่นคือ “Comfort", “Sport" และ “Sport Plus" ซึ่งเรียกใช้งานได้อย่างง่ายได้เพียงแค่กดปุ่มเท่านั้น

          ระบบ PASM (Porsche Active Suspension Management)
          ระบบ PASM จะควบคุมการทำงานด้วยไฟฟ้าและทำการปรับเปลี่ยนระบบ shock absorber system เพื่อเพิ่มความสุนทรีย์ในการขับขี่ ความปลอดภัย และความสะดวกสบายให้มากขึ้น อีกทั้งยังเป็นอุปกรณ์มาตรฐานที่ติดตั้งอยู่ในรุ่นมาคันน์ เทอร์โบ (Macan Turbo) ระบบจะทำการสร้างแรงกดบนเพลาหน้าและหลังอย่างต่อเนื่อง รถจะรับรู้ถึงการทำงานนี้ได้จากการขยับของตัวรถเพื่อการตอบสนองต่อรูปแบบการ ขับขี่ที่คล่องตัวและเกี่ยวข้องกับอัตราเร่งที่ชัดเจนและการเบรกหรือเมื่อ อยู่ในสภาวะการขับขี่แบบออฟโร้ด ระบบ PASM ได้รับการออกแบบให้ลดการสั่นสะเทือนของรถ ขึ้นอยู่กับความต้องการในขณะนั้น ผู้ขับขี่สามารถเลือกระหว่าง 3 โปรแกรมการทำงานได้นั่นคือ “Comfort", “Sport" และ “Sport Plus".

          ระบบช่วงล่างแบบถุงลม Air suspension: โดดเด่นไม่เหมือนใครในกลุ่มตลาดเดียวกัน
          เวอร์ชั่น ที่ 3 ของตัวถังมาคันน์ (Macan) และเป็นครั้งแรกที่รถในกลุ่มตลาดนี้ติดตั้งคือ ระบบช่วงล่างแบบถุงลมที่มาพร้อมกับระบบปรับเปลี่ยนระดับตัวถัง การปรับเปลี่ยนความสูงและ PASM แบบนี้จะให้ความสะดวกสบาย ให้ความเป็นสปอร์ตและประสิทธิภาพสูงสุด รวมไปถึงทำให้รถคันนี้ขึ้นไปยึดครองตำแหน่งผู้นำในตลาดได้อีกด้วย

          เมื่อ เปรียบเทียบกับสปริงเหล็กจะพบว่ามาคันน์ (Macan) ที่มาพร้อมกับช่วงล่างแบบถุงลมจะลดระดับตัวรถให้ต่ำกว่า 15 มิลลิเมตรเมื่ออยู่ในระดับปกติ และเมื่อต้องทำงานร่วมกับจุดศูนย์ถ่วงต่ำ ทำให้รถเพิ่มประสิทธิภาพในการขับขี่ที่คล่องตัว พัฒนาความสะดวกสบายในการขับขี่ได้มากยิ่งขึ้น ระบบช่วงล่างแบบถุงลมจะช่วยรักษาระดับของรถโดยอัตโนมัติ Groud clearance สามารถปรับเปลี่ยนได้ 3 ระดับตามต้องการ นั่นคือ High Level I", “Normal Level" และ “Low Level" เมื่ออยู่ในระดับ “High Level I” ระบบจะทำการตั้งค่าให้รถสูง 40 มิลลิเมตรเหนือกว่าระดับธรรมดา และมี ground clearance มากสุดที่ 230 มิลลิเมตร อุปกรณ์เสริมนี้สามารถเรียกใช้งานได้ผ่านปุ่มอ๊อฟโร้ดและสามารถใช้ได้ในความ เร็วระหว่าง 0-80 กิโลเมตร/ชั่วโมง

          เบรกที่ทรงพลังส่งผลให้ประสิทธิภาพของรถสูง
          เบรก ของปอร์เช่ มาคันน์ (Macan) เหมาะสมกับระดับประสิทธิภาพของรถทุกประการ เหมาะสมและตรงตามมาตรฐานของแบรนด์ที่ตั้งค่าไว้สูง มาคันน์ (Macan) คือผู้นำในเรื่องของระบบเบรกที่เปี่ยมไปด้วยพละกำลัง ด้านหน้าของมาคันน์ (Macan) จะมาพร้อมกับเบรกคาลิปเปอร์ 6 สูบ อลูมิเนียมโมโนบล๊อค ส่วนรุ่นมาคันน์ เอส (Macan S) และมาคันน์ เอส ดีเซล (Macan S Diesel) จะมีเบรกที่มีเส้นผ่าศูนย์กลางขนาด 350 มิลลิเมตร ในขณะที่จานเบรกในรุ่นเทอร์โบจะมีเส้นผ่าศูนย์กลางที่ 360 มิลลิเมตร ส่วนจานเบรกทางด้านหลังสำหรับรุ่น มาคันน์ เอส (Macan S) และมาคันน์ เอส ดีเซล (Macan S Diesel) จะมีเส้นผ่าศูนย์กลางที่ 330 มิลลิเมตร และจานเบรกของรุ่นเทอร์โบจะมีเส้นผ่าศูนย์กลางอยู่ที่ 356 มิลลิเมตรทางด้านหลัง ระบบเบรกเพื่อจอดแบบไฟฟ้า (electric parking brake) จะช่วยให้เกิดความสะดวสบายและปลอดภัยเมื่อทำการจอดรถ ระบบเบรกเพื่อจอดนี้จะปลดออกอัตโนมัติเมื่อรถเคลื่อนตัว

          ยางที่ได้รับการผสมผสาน: เพื่อประโยชน์ในการใช้งานและความสวยงาม
          การ ใช้ยางสำหรับรุ่นมาคันน์ (Macan) จะเน้นความเป็นรถสปอร์ต รถจะได้รับการออกแบบให้ยางมีความแตกต่างกันในเรื่องของสัดส่วนทั้งด้านหน้า และด้านหลัง การผสมผสานกันของยางนี้จะช่วยให้รถมาคันน์ (Macan) ดูสปอร์ตและให้ประโยชน์ในการใช้งานมากขึ้น ทำงานร่วมกับระบบขับเคลื่อนสี่ล้อได้ ยางทางด้านเพลาหลังที่กว้างนี้จะช่วยเพิ่มการยึดเกาะถนน และเพิ่มเสถียรภาพในการขับขี่ให้มากขึ้น ยางทางด้านหน้าที่แคบจะช่วยให้การเข้าโค้งมีความแม่นยำ ทำให้รถทรงตัวได้มากขึ้นด้วยเช่นกัน โดยรวมแล้วการใช้ยางที่มีขนาดที่แตกต่างกันผสมผสานกันได้กลายมาเป็นหน้าที่ หลักในการทำให้รถมีประสิทธิภาพที่เป็นเลิศ ในรุ่นมาคันน์ เอส (Macan S) และมาคันน์ เอส ดีเซล (Macan S Diesel) จะติดตั้งยางขนาด 235/60 R 18 (หน้า) และ 255/55 R 18 (หลัง) มาเป็นขนาดมาตรฐาน ส่วนมาคันน์ เทอร์โบ (Macan turbo) จะติดตั้งยางขนาด 235/55 R 19 (หน้า) และ 255/50 R 19 (หลัง) มาเป็นมาตรฐาน

          ยางที่สามารถเลือกใช้ได้ในปอร์เช่ มาคันน์ (Macan) จะทำให้รถมีคุณลักษณะที่โดดเด่นสมบูรณ์แบบ และสามารถเลือกติดตั้งได้จนถึงขนาด 21 นิ้วและสามารถเลือกติดตั้งได้กับมาคันน์ (Macan) ทุกรุ่น

          พวงมาลัยไฟฟ้า Electromechanical power steering
          ระบบ พวงมาลัยแบบไฟฟ้า electromechanical power steering system จากปอร์เช่คือระบบแรกที่นำไปใช้กับปอร์เช่ SUV และทำให้มาคันน์ (Macan) สามารถขับเคลื่อนได้แม่นยำและตอบสนองต่อการขับขี่ในทุกๆ สภาวะได้มากขึ้นตามแบบฉบับความเป็นปอร์เช่ ไม่เพียงเท่านี้ระบบพวงมาลัยนี้ยังช่วยในเรื่องของการประหยัดน้ำมันเชื้อ เพลิง เมื่อเปรียบเทียบกับระบบพวงมาลัยแบบไฮดรอลิคแล้วนั้นจะพบว่าระบบพวงมาลัย ไฟฟ้า electromechanical steering ประหยัดได้มากกว่าถึง 0.1 ลิตรต่อ 100 กิโลเมตร เพราะระบบต้องการพลังงานในการเลี้ยวเพียงอย่างเดียว อีกหนึ่งประโยชน์ที่ได้รับจากระบบนี้คือมาคันน์ (Macan) สามารถเลือกติดตั้งระบบเตือนในการเปลี่ยนช่องทาง (lane departure warning system) ที่ทำงานร่วมกับระบบพวงมาลัยไฟฟ้า electro-mechanical power steering เพื่อช่วยในการควบคุมพวงมาลัยอีกด้วย

          ตัวรถ: พัฒนาขึ้นมาเพื่อความเป็นรถสปอร์ตที่อยู่ในกลุ่มตลาดรถสปอร์ตเอนกประสงค์แบบกระทัดรัด
          ปัจจัย หลักที่ใช้ในการพัฒนาตัวรถมาคันน์ (Macan) คือความต้องการที่จะทำให้มาคันน์ (Macan) ได้กลายมาเป็นปอร์เช่ที่โดดเด่นในกลุ่มตลาดสปอร์ตเอนกประสงค์แบบกระทัดรัด และเข้าไปในกลุ่มตลาดใหม่นี้ ความต้องการนี้ได้บรรลุผลแล้วด้วยการแสดงให้เห็นถึงประโยชน์และจุดเด่นของรถ หลายอย่าง อาทิเช่น ฝากระโปรงที่อยู่เหนือฐานล้อ และไฟหน้าหลัก ทำให้ด้านหน้าของรถมีความกว้างและดูทันสมัย การออกแบบเส้นสายบนฝากระโปรงเน้นให้เห็นถึงความกว้างขวางของรถ ตัวรถทำจากอลูมิเนียม ทำให้น้ำหนักของรถลดลงและส่งผลให้ประหยัดน้ำมันเชื้อเพลิงมากขึ้นและคล่อง ตัวมากยิ้งขึ้นอีกด้วย

          ภายในห้องโดยสารและอุปกรณ์ติดตั้ง: เหนือชั้น และเต็มไปด้วยคุณภาพ
          ห้อง โดยสารของปอร์เช่ มาคันน์ (Macan) นำแนวคิดการออกแบบมาจากรถสปอร์ตของปอร์เช่รุ่นอื่นๆ เพื่อให้รูปลักษณ์ออกมาดูดี ไม่เพียงแค่นี้ยังสามารถเลือกติดตั้งระบบเครื่องเสียงชั้นนำอย่าง High-End Surround Sound system ซึ่งถือเป็นครั้งแรกสำหรับรถในคลาสรุ่นนี้ อีกหนึ่งอุปกรณ์ที่มาใหม่คือระบบสัญญาณเตือนการเปลี่ยนเลนส์ lane departure warning system ระบบ Adaptive Cruise Control (ACC) และระบบ Porsche Active Safe (PAS) ซึ่งล้วนแล้วแต่มีส่วนในการเพิ่มความสะดวกสบายและความปลอดภัยให้มากขึ้น

          การ ขับขี่แบบสปอร์ตที่ให้ความสมดุลตามหลักการยศาสตร์คือหัวใจหลักในการพัฒนา คอนโซลกลางได้รับการลาดเอียงไปข้างหน้ามากขึ้นและที่นั่งของผู้ขับขี่จะอยู่ ห่างจากพวงมาลัยและก้านเกียร์เพียงเล็กน้อย ในขณะที่ผู้ขับขี่จะมีส่วนร่วมไปกับรถมากขึ้นเพราะการนำหลักการติดตั้งก้าน เกียร์ในรถแข่งมาใช้นั่นเอง การควบคุมการทำงานหลักๆ และการตั้งค่าต่างๆ จะอยู่รวมกลุ่มกันในคอนโซลกลาง ปุ่มจะได้รับการติดตั้งให้ง่ายต่อการกดและตอบสนองที่รวดเร็วและง่ายต่อการ เรียกใช้งาน ที่สตาร์ทจะอยู่ทางด้านซ้ายของพวงมาลัยเช่นเคย เหมือนกับปอร์เช่รุ่นอื่น ซึ่งเป็นเอกลักษณ์ที่โดดเด่นของปอร์เช่มาอย่างยาวนาน

          แผง หน้าปัดมีความเฉพาะตามแบบฉบับปอร์เช่ มาพร้อมกับหน้าปัด 3 วงและตรงกลางเป็นTachometer สัญญาณระดับเกียร์และ Tachometer จะแสดงผลให้ผู้ขับขี่ทราบถึงระดับเกียร์ในขณะนั้น หน้าจอมีความละเอียดสูงและมีขนาด 4.8 นิ้วแบบสี นอกเหนือจากฟังก์ชั่นคอมพิวเตอร์บนรถที่สำคัญแล้ว ฟังก์ชั่นนี้ยังแสดงแผนที่สำหรับระบบค้นหาเส้นทางอีกด้วย

          วิสัยทัศน์และสัญญาณที่สมบูรณ์แบบ: ระบบไฟในมาคันน์ (Macan)
          การ ออกแบบระบบไฟให้กับปอร์เช่ มาคันน์ (Macan) จะเน้นเรื่องการใช้งานเป็นสำคัญ และการสร้างความแตกต่างจากทางด้านหน้าให้กับมาคันน์ (Macan) โดยการใช้ไฟหน้า ไฟกลางวัน และไฟตัดหมอกที่สวยงาม ไฟท้ายได้รับการออกแบบให้มีความโฉบเฉี่ยมตามแบบฉบับรถสปอร์ตและทำให้มาคันน์ (Macan) มีความโดดเด่นอย่างสมบูรณ์แบบแม้อยู่ในที่มืด

          ไฟ หน้าจะติดตั้งระบบไฟฮาโลเจนแบบ Projector-beam halogen มาเป็นไฟมาตรฐานให้กับรุ่นมาคันน์ (Macan) ส่วนระบบไฟหน้าแบบไบซีนอลสามารถเลือกติดตั้งเป็นอุปกรณ์เสริมได้ (ติดตั้งเป็นระบบไฟมาตรฐานให้กับรุ่นมาคันน์ เทอร์โบ (Macan Turbo) อีกทั้งการส่องแสงยังใช้เทคโนโลยีใหม่อีกด้วย เพื่อให้ไฟมีความมั่นคง ช่วยในเรื่องของความคล่องตัวในยามเข้าโค้ง (Porsche Dynamic Light System [PDLS]).

          มาคันน์ เอส (Macan S) และมาคันน์ เอส ดีเซล (Macan S Diesel) ติดตั้งระบบไฟที่ใช้วิ่งกลางวันแบบฮาโลเจนมาเป็นมาตรฐานให้กับรถ ในขณะที่มาคันน์ เทอร์โบ (Macan Turbo) ติดตั้งเทคโนโลยีไฟ LED 4 จุด ไฟตัดหมอกได้รับการติดตั้งให้กับมาคันน์ (Macan) ทุกรุ่นเพื่อความปลอดภัยในการขับขี่แม้ต้องอยู่ภายใต้สภาวะอากาศที่ไม่อำนวย มาคันน์ เอส (Macan S) และมาคันน์ เอส ดีเซล (Macan S Diesel) ติดตั้งไฟตัดหมอกแบบฮาโลเจนทรงกลมรวมเข้ากับทางด้านหน้า ส่วนไฟเหล่านี้ในมาคันน์ เทอร์โบ (Macan Turbo) จะเป็น LED

          ไฟ ท้ายใช้เทคโนโลยีไฟแบบ LED และเหมือนกับระบบไฟในปอร์เช่ 918 สไปเดอร์ (918 Spyder) ระบบไฟนี้จะช่วยทำให้มองเห็นกว้างขึ้น เพิ่มความคล่องตัวในการขับขี่แบบสปอร์ตให้กับมาคันน์ (Macan) มากขึ้น การออกแบบ 3D นี้ช่วยให้มาคันน์ (Macan) มีความโดดเด่นทั้งเวลากลางวันและกลางคืน ไฟเบรกจะเสริมรายละเอียดให้กับไฟท้าย และเป็นระบบไฟแบบ 3D ด้วยเช่นกัน และพร้อมจะสร้างความประทับใจทั้งกลางวันและกลางคืน เพื่อให้ง่ายต่อการสังเกตรถอีกด้วย

          (1) มาคันน์ เอส (Macan S) *: อัตราการบริโภคน้ำมันเชื้อเพลิงแบบขับขี่ในเมือง 11.6 – 11.3 ลิตร/100 กิโลเมตร; อัตราการบริโภคน้ำมันเชื้อเพลิงแบบขับขี่นอกเมือง 7.6 – 7.3 ลิตร/100 กิโลเมตร; อัตราการบริโภคน้ำมันเชื้อเพลิงแบบขับขี่ผสมผสานทั้งสองรูปแบบ 9.0 – 8.7 ลิตร/100 กิโลเมตร; อัตราการปล่อยก๊าซ CO2 212 – 204 กรัม/กิโลเมตร
          (2) มาคันน์ เอส ดีเซล (Macan S Diesel)*: อัตราการบริโภคน้ำมันเชื้อเพลิงแบบขับขี่ในเมือง 6.9 – 6.7 ลิตร/100 กิโลเมตร; อัตราการบริโภคน้ำมันเชื้อเพลิงแบบขับขี่นอกเมือง 5.9 – 5.7 ลิตร/100 กิโลเมตร; อัตราการบริโภคน้ำมันเชื้อเพลิงแบบขับขี่ผสมผสานทั้งสองรูปแบบ 6.3 – 6.1 ลิตร/100 กิโลเมตร; อัตราการปล่อยก๊าซ CO2 164 – 159 กรัม/กิโลเมตร
          (3) มาคันน์ เทอร์โบ (Macan Turbo)*: อัตราการบริโภคน้ำมันเชื้อเพลิงแบบขับขี่ในเมือง 11.8 – 11.5 ลิตร/100 กิโลเมตร อัตราการบริโภคน้ำมันเชื้อเพลิงแบบขับขี่นอกเมือง 7.8 – 7.5 ลิตร/100 กิโลเมตร; อัตราการบริโภคน้ำมันเชื้อเพลิงแบบขับขี่ผสมผสานทั้งสองรูปแบบ 9.2 – 8.9 ลิตร/100 กิโลเมตร; อัตราการปล่อยก๊าซ CO2 216 – 208 กรัม/กิโลเมตร
          *แตกต่างไปตามประเภทยางที่ใช้

MSN on December 02, 2013, 05:33:03 PM
World premiere for the compact SUV from Porsche The Macan is a Porsche through and through







          Porsche is expanding its range to include a whole new class of vehicle. The Macan is the first Porsche model to break into the compact SUV segment and is poised to set new standards in the field of driving dynamics and enjoyment – on both paved streets uneven terrain. The Macan combines the typical handling characteristics that Porsche has represented right from the outset: maximum acceleration and braking values, vast engine power, extreme agility and optimum steering precision. What's more, all of these features are teamed with a high level of comfort and everyday suitability. The sporty DNA of the Macan, as with all Porsche vehicles, is also immediately recognisable in the design. The Sports Utility Vehicle is unrivalled in its flat and broad profile on the road. The wraparound bonnet and gently sloping roof line accentuate the overall impression of sporty elegance and powerful dynamics. Many of the design elements have been taken from other Porsche sportscars and enhanced for the Macan, making it clear to see from the very first glance that the Porsche Macan heralds the first sportscar in the compact SUV segment. The Macan is “Made in Germany", produced at the Leipzig plant. Porsche has invested 500 million euro in the plant and has established an entire production line there. The line is set up to produce around 50,000 vehicles per year – all manufactured with the utmost precision and to the highest level of quality. Just what you would expect from Porsche.

          Three models comprise the Macan product range at market launch. The (1)Macan S is equipped with a 3.0-litre V6 biturbo engine delivering 340 bhp (250 kW) and also features an active all-wheel drive with an electronically controlled, map-controlled multi-plate clutch. This all-wheel drive is fitted on all Macan models. A seven-speed double-clutch transmission transfers power as required and almost without any interruption in tractive force, enabling the vehicle to accelerate from 0 to 100 km/h in 5.4 seconds (or 5.2 seconds with the optional Sport Chrono package fitted). The vehicle reaches a top speed of 254 km/h, and its NEDC* fuel consumption figures are between 9.0 and 8.7 litres/100 km, which corresponds to a CO2 emissions level of between 212 and 204 g/km.

          The (2)Macan S Diesel is the economical long-distance runner of the three Macan models. Its 3.0-litre V6 turbo diesel engine achieves NEDC* fuel consumption figures of between just 6.3 and 6.1 litres/100 km, which corresponds to a CO2 value of between 164 and 159 g/km. Nevertheless, the Macan S Diesel accelerates from 0 to 100 km in just 6.3 seconds (or 6.1 seconds with the Sport Chrono package fitted) thanks to its 258-bhp (190-kW) engine, and achieves a top speed of 230 km/h.

          As the top model in the Macan model line, the (3)Macan Turbo is set to be the most powerful vehicle in the compact SUV segment. The 3.6-litre V6 biturbo engine, which is being used in a Porsche model for the very first time, achieves an unrivalled 400 bhp (294 kW) and catapults the vehicle from 0 to 100 km/h in 4.8 seconds. With the Sport Chrono package fitted, it is even possible to achieve such a speed in 4.6 seconds. Although the top speed is 266 km/h, the Macan Turbo delivers NEDC* fuel consumption figures of between just 9.2 and 8.9 litres/100 km, which equates to a CO2 value of between 216 and 208 g/km.

          Its name comes from the Indonesian word for tiger. And the Macan really does live up to its name: powerful and ready to pounce at any time, yet light-footed and tenacious on off-road terrain. The latest stage of evolution of the all-wheel drive – known as Porsche Traction Management (PTM) – has produced one of the world's most powerful drive systems. In launching the Macan, Porsche now offers sporty all-wheel-drive vehicles across an unprecedented range.

          A glance at the performance specifications reveals that the Macan has been designed with agility in mind. Further unmistakable hallmarks of the vehicle include its proportions, de sign and the mixed tyres on large wheels. The engines, drive systems and seven-speed Porsche Doppelkupplung (PDK) bring the vehicle's characteristics to bear in dynamic and efficient fashion both on and off road, making for a true Porsche driving experience. The driver and passenger seats feature the low position typical of sportscars.

          The range of equipment fitted on the Macan as standard is extensive, and includes the all-wheel drive, PDK, multi-function sport steering wheel with shift paddles, large wheels, high-performance audio system and an electrically operated tailgate. The list of optional special equipment offers further highlights, such as the air suspension system, which the Macan features as the only vehicle in its segment. There is also the Porsche Torque Vectoring Plus (PTV Plus) system, which has been specially tailored to the Macan. This system distributes varying levels of drive torque to the rear wheels and works in conjunction with an electronically controlled rear-axle differential lock. The list of Porsche options includes the much sought-after dynamic high beam forming part of the Porsche Dynamic Light System Plus (PDLS Plus), which continuously adjusts the headlight level in keeping with the traffic ahead and any oncoming traffic.

          Design: Deeply rooted in Porsche's legacy of sportscars
          The sportscar heritage of the Macan is evident in many details of its design. The designers have pulled out all the stops to ensure the model's proportions and lines live up to this claim. The result can be summarised in two words typical of a sportscar: broad and low. The de sign embodies sportiness, dynamism and precision, together with elegance and lightweight construction. Round lines are combined with strategically positioned precision edges. With its harmonious proportions, the Macan appears compact, powerful and close to the road.

          Even when stationary, design details taken from Porsche sportscars highlight what the Macan has to offer in terms of performance. For instance, the side view window graphics and the sloping roof line at the rear end, known at Porsche as the flyline, are a clear nod to the 911. The rear wings also have the soft profile of the 911.

          The 918 Spyder is already regarded as a vehicle that propelled the Porsche design DNA further forward. The Macan adopts this current DNA, for instance the basic shape of its main headlights is based on that of the 918 Spyder, while the sideblades at the bottom of the front and rear doors are reminiscent of the lower door seams on the hybrid super sports car inside, the Macan is fitted with a multi-function sports steering wheel as standard, the design of which is completely new and based on the 918 Spyder.

          The side view with its sporty sloping roof line creates a sharp profile and emphasises the dynamic nature of the vehicle, while the design lines running to the rear of the vehicle accentuate the broad, sculpted wings. Together with what are known as the window graphics – the edges of all lateral glass surfaces – and the shape of the D-pillar, these design lines are a nod to the design of the 911.

          A further design highlight of the side view, and another means of customising the vehicle, are the sideblades at the bottom of the front and rear doors – dynamically formed inserts that are available in different materials as an option. The design of these sideblades is reminiscent of the lower door seams on the 918 Spyder, as is the front door entry guard. Combined with the sophisticated door handles, this makes the doors appear narrower and the sides significantly more sporty and streamlined.

          On the Macan S and Macan S Diesel, the sideblades are painted in Lava Black as standard. The Macan Turbo features sideblades painted in the same colour as the exterior (optional for Macan S and Macan S Diesel), adding to the classic elegance of its look. Sideblades in Genuine Carbon, available for all models as an option, add extra emphasis to the Macan's sporty character.

          A further striking design detail of the Macan is its continuous side sill. Together with the long black roof spoiler, this feature adds to the vehicle's flowing design. The mixed tyres are up to 265 mm wide on the front axle and 295 mm wide on the rear axle. Alongside wheels of up to 21 inches, the tyres also under line the Macan's sporty intentions.

          With its subtle lines and harmonious curves, the rear end is a fusion of sportiness and elegance. It has been consciously designed as a large, mainly undisturbed area to give the vehicle a broader look. To maintain this clean look, the switch for the powerlift tailgate has been concealed at the foot of the windscreen wiper arm, and the numberplate is located in the lower rear area.

          The rear lights on the Macan are another striking feature, boasting an extremely compact three-dimensional design and LED technology – a further reference to the 918 Spyder. On all models, the rear diffuser is flanked on both sides by twin tailpipes – round on the Macan S and Macan S Diesel and square on the Turbo. All models are available with sport tailpipes made from chrome-plated stainless steel as an option.

          Sporty and high-quality interior
          The focus on agility and breadth continues into the Porsche Macan's interior. Sophisticated lines, precise transitions and high-quality workmanship create a harmonious fusion of sportiness, quality and elegance.

          From the low front seats, the sloping centre console and the display and operation concept through to the extensive range of customisation options, the interior offers both a sense of familiarity and striking new features, such as the new multi-function sports steering wheel.

          The cockpit features all the character familiar from a sportscar. The eye is immediately drawn to the standard multi-function sports steering wheel, the design of which is completely new and based on the 918 Spyder. Additional multi-function buttons fitted as standard for the telephone, radio and on-board computer, together with the ergonomically positioned shift paddles, ensure that drivers' hands are free to stay on the steering wheel and their concentration remains on the road.

          Three round dials with a centrally positioned tachometer combine to form the instrument cluster. The right-hand tube is home to the high-resolution, 4.8-inch colour display. As you would expect, the ignition lock is positioned to the left of the steering wheel – as is customary on Porsche models. The forward-sloping centre console with the high-set gear selector typical of racing cars draws the driver even further into the cockpit. The buttons for the most important functions are clustered in logical groups on the centre console, allowing for simple and intuitive operation of individual functions.

          Porsche Doppelkupplung (PDK) as standard
          For the first time in a new Porsche model range, all variants of the Macan feature the high- performance seven-speed Porsche Doppelkupplung (PDK) as standard. The advantages of this transmission design include excellent start-up performance, extremely fast gear changes without any interruption in tractive force, short reaction times, low fuel consumption and outstanding shift comfort. As in virtually all Porsche vehicles that feature the PDK, there are two shifting gates: On the right, the required switching level is engaged via a typical Porsche gear selector, while the left-hand gate can be engaged manually, or with the standard shift paddles on the steering wheel.

          Active all-wheel drive and Porsche Traction Management (PTM)
          Active all-wheel drive is part of the Porsche Traction Management (PTM) system and comes as standard for all Macan models. Together with the other elements of the system – the electronically controlled, map-controlled multi-plate clutch, the Automatic Brake Differential (ABD) and Anti-Slip Regulation (ASR) – the all-wheel drive looks after traction and safety.

          The all-wheel drive system is one of the systems with the fastest response times on the market and its design underpins the sportscar characteristics of the Macan. The rear axle is always driven, the front axle receives its drive torque from the rear axle, and the torque is dependent on the locking ratio of the electronically controlled multi-plate clutch.

          Off-road mode at the touch of a button
          Off-road mode comes as standard in the Macan, and the function is activated by pressing a button in the centre console at a speed of between 0 and 80 km/h. This function switches all the relevant systems to a traction-oriented off-road programme: For example, the shift revolutions and speeds are geared towards a greater level of traction, the clutch is pre-tensioned to a greater degree in order to provide the front axle with the appropriate drive torque more rapidly, and the standard torque split between the front and rear axle as well as the accelerator pedal response are adapted to off-road conditions. What's more, the ground clearance can be increased by 40 millimetres above its normal level thanks to the optional air suspension chassis, which gives a maximum ground clearance of 230 millimetres.

MSN on December 02, 2013, 05:34:34 PM
         Option: Sport Chrono package
          The optional Sport Chrono package offers improved performance at the push of a button. The Sport Chrono package enables the chassis, engine and transmission to be tuned to an even sportier level, accompanied by a sound that is even more emotive. The Sport Chrono package is characterised by the analogue and digital stopwatch on the dashboard, as well as the additional Sport Plus button in the centre console. Another element of the package is the performance display on the optional Porsche Communication Management (PCM) system, which provides information on the total driving time, distance travelled around the current lap or the time taken for each lap, for instance. “Launch Control" is also included – this function enables a level of acceleration similar to that required in a race when moving off. The time advantage gained in a standard sprint from 0 to 100 km/h is 0.2 seconds for all models. “Launch Control" enables improved lap times and a better spread between comfort and sportiness when it comes to the vehicle handling to achieve a significant boost in driving pleasure.

          Three chassis versions for the Macan
          There are three chassis versions available for the Macan. The steel spring design fulfills the very highest of standards for performance, driving pleasure, off-roading capabilities and comfort. The consistent lightweight construction philosophy embodied by the aluminium axles and chassis components contributes to driving dynamics and comfort. The front axle is based on a five-link design while the rear axle is formed by a trapezoidal-link design. At the rear axle, the separate arrangement of the springs and dampers on the wheel carrier improves ride comfort and the handling response of the dampers. This arrangement is also responsible for the large loading width of luggage compartment.

          The second version of the Macan chassis is a combination of the steel spring design and the PASM system, which comes as standard in the Macan Turbo top model. The PASM can be selected as an option for the Macan S and the Macan S Diesel. Combining the steel spring design and PASM allows the vehicle to fulfill high standards for long-distance comfort, performance and agility even more successfully. This chassis variant also offers a considerably better spread of the suspension damping across the three PASM programmes of “Comfort", “Sport" and “Sport Plus" at the touch of a button.

          PASM (Porsche Active Suspension Management)
          The electronically controlled PASM adjustable shock absorber system increases driving pleasure, safety and comfort and is part of the standard equipment for the Macan Turbo. The system actively and continuously regulates the damper force on the front and rear axles. Vehicles normally demonstrate noticeable body movement in response to a very dynamic driving style involving sharp acceleration and brake phases or when off-roading. The PASM is designed to intervenes and reduce body movement. Depending on their preferences and requirements, drivers can choose between three programmes: “Comfort", “Sport" and “Sport Plus".

          Air suspension: Unique in the market segment
          The third version of the Porsche Macan chassis, and exclusive in this vehicle segment, is the optional air suspension including leveling system, height adjustment and PASM. This chassis variant also satisfies the highest demands for comfort, sportiness and performance, and puts the vehicle in pole position in comparison to every other chassis design.

          In comparison to the steel spring design, the Macan with air suspension sits 15 millimetres lower at Normal Level and, due to the associated lower centre of gravity, it offers both increased driving dynamics and improved comfort. The air suspension maintains a consistent vehicle position automatically, regardless of the load distribution. The ground clearance can be adjusted to three different levels as required: “High Level I", “Normal Level" and “Low Level". In “High Level I”, the vehicle sits 40 millimetres above “Normal Level", with a maximum ground clearance of 230 millimetres. This option is activated via the off-road button and can be used at speeds between 0 and 80 km/h.

          Powerful brakes offering a top-class performance level
          The brakes of the Porsche Macan match the vehicle's exceptional performance level. In line with the usual high standard set by the brand, the Macan is leading the way with the most powerful braking system in its market segment. The Macan relies on six-piston fixed-calliper front brakes with aluminium monobloc brake callipers. In the Macan S and the Macan S Diesel, the brake callipers press on brake discs with a diameter of 350 millimetres, while the brake discs in the Turbo have a diameter of 360 millimetres. In all models, the braking action at the rear is provided by combined floating calliper brakes with an integrated electric parking brake. The rear brake discs for the Macan S and Macan S Diesel have a diameter of 330 millimetres and the rear brake discs of the Turbo have a diameter of 356 millimetres. The electric parking brake offers greater comfort and safety when parking the vehicle. The parking brake is released automatically when moving off. Another feature making its debut is the hold function.

          Mixed tyres: Functional and visual benefits
          The use of tyres on the Macan is typical of a sportscar: The vehicle is designed to use mixed tyres with different dimensions at the front and rear axle. The mixed tyres emphasise the sportscar look of the Porsche Macan and also offer some functional advantages: In combination with the all-wheel drive system designed for tail-heavy vehicles, the wide tyres on the rear axle increase traction and enhance driving stability. The narrower front tyres enable sporty yet precise steering manoeuvres, thereby contributing to the agility of the vehicle, too. Overall, the mixed tyres play a key role in the excellent driving performance of the Macan. 235/60 R 18 (front) and 255/55 R 18 (rear) tyres are standard equipment for the Macan S and Macan S Diesel, while the Macan Turbo features 235/55 R 19 (front) and 255/50 R 19 (rear) tyres.

          The wheels available for the Porsche Macan perfectly capture its character. And on the road. There is a vast range of wheels in attractive designs to choose from. The range includes wheels of up to 21 inches in size, which are available for all Macan models.

          Electromechanical power steering
          The electromechanical power steering system – the first to be found in a Porsche SUV – allows the Macan to be driven precisely and more directly with the responsiveness typical of the Porsche brand in all driving situations. The steering system also offers a number of fuel consumption benefits: In comparison to conventional hydraulic steering systems, electro- mechanical steering saves up to 0.1 litres of fuel per 100 kilometres because the system only requires energy for steering. An important effect of the system is the fact that the Macan can be fitted with a lane departure warning system that works with the electro-mechanical power steering and controls the active steering interventions when they are necessary.

          Body: Developed for the sportscar within the compact SUV segment
          A key consideration for the development of the Macan body was the aim to create a vehicle that immediately stood out as a Porsche in comparison to other compact SUVs, i.e. to create a sportscar for this market segment. This aim has certainly been achievedas demonstrated by several of the vehicle's features: For example, the bonnet covers the wheel arches and encloses the main headlights, making the front of the car look broad and robust. The crisp design lines on the bonnet that ex tend forwards emphasise the width of the vehicle even further. The body is manufactured completely from aluminium, leading to a reduction in weight and therefore contributing to efficiency and dynamism.

          Interior and equipment: Outstanding, high-quality equipment
          The passenger compartment of the Porsche Macan picks up on the current Porsche sports car design, delivering a premium look. Among the equipment on offer in the interior is the Burmester High-End Surround Sound system, available for the first time in a vehicle of this class. Other new equipment options include the lane departure warning system and lane change assist system. Features such as the Adaptive Cruise Control (ACC) with Porsche Active Safe (PAS) deliver a further boost to comfort and safety.

          Ergonomics support sporty driving: The forward-sloping centre console and the driver's seat position ensure a very short distance between the steering wheel and gear selector, while the driver is now even more closely integrated within the interior thanks to the high-set gear selector typical of racing cars. Controls for all the key functions and settings are clustered in logical groups on the centre console, with buttons located within easy reach to ensure quick, intuitive operation. As with all Porsche models, the ignition lock is positioned to the left of the steering wheel.

          The instrumentation is also typically Porsche, offering three conventional round dials with a centrally positioned tachometer. A gear indicator within the tachometer tells the driver which gear has been engaged by the Porsche Doppelkupplungsgetriebe (PDK). A high-resolution, 4.8-inch colour display is contained in the right-hand dial. In addition to the most important on-board computer functions, this feature also displays the maps for the optional Porsche Communication Management (PCM) system with navigation module.

          Perfect vision and signals: lighting systems in the Macan
          The lighting systems and design of the Porsche Macan form a unified whole, delivering exceptional functionality. The distinctive features at the front of the Macan include the generously proportioned main headlight modules, the daytime running lights and the arrangement of the fog lights. The tail lights with their slim design underscore the vehicle's sports car character, making the Macan unmistakable even in the dark.

          Projector-beam halogen main headlights are fitted as standard on the Porsche Macan. Bi-Xenon main headlights are also available as an option (fitted as standard in the Macan Turbo). Also featuring projector type technology, these lights include static and dynamic cornering lights (Porsche Dynamic Light System [PDLS]).

          The Macan S and Macan S Diesel feature halogen daytime running lights, while the Macan Turbo is equipped with 4-point LED technology. Fog lights are also included as standard for all Macan models to ensure safety on the road, even in poor weather conditions. The Macan S and Macan S Diesel have round halogen fog lights integrated in the front end. On the Macan Turbo, these lights are draw on LED technology.

          The tail lights are implemented in full using LED technology, and are similar in design to those in the Porsche 918 Spyder. The lights give a highly sophisticated and broad appearance, further reinforcing the sportscar characteristics of the Macan. The 3D design is particularly striking and makes the Macan unmistakable – by day and by night: The circular brake light emphasises the slender details of the horizontal tail light, simultaneously accentuating the direction the 3D light effect, which is just as impressive by day as it is by night, ensures that the vehicle is easily recognisable.

          (1) Macan S*: urban fuel consumption 11.6 – 11.3 litres/100 km; extra-urban fuel consumption 7.6 – 7.3 litres/100 km; combined fuel consumption 9.0 – 8.7 litres/100 km; CO2 emissions 212 – 204 g/km
          (2) Macan S Diesel*: urban fuel consumption 6.9 – 6.7 litres/100 km; extra-urban fuel consumption 5.9 – 5.7 litres/100 km; combined fuel consumption 6.3 – 6.1 litres/100 km; CO2 emissions 164 – 159 g/km
          (3) Macan Turbo*: urban fuel consumption 11.8 – 11.5 litres/100 km; extra-urban fuel consumption 7.8 – 7.5 litres/100 km; combined fuel consumption 9.2 – 8.9 litres/100 km; CO2emissions 216 – 208 g/km

          *Versatility depending on the tyre set used

          More information please contact AAS Auto Service Co.,Ltd. 02-522-6655 ext.101-103 or visit us at www.porsche.co.th

MSN on December 02, 2013, 05:38:27 PM
ดูคาติเขย่าวงการซุปเปอร์ไบค์ เซอร์ไพรส์ด้วยรถที่เบาที่สุด และเร็วที่สุด ในงานมอเตอร์เอ็กซ์โป 2013

          ดูคาติไทยแลนด์ เผยโฉม “Superleggera” สุดยอดยนตรกรรมตระกูลซุปเปอร์ไบค์ที่เบาที่สุด และเร็วที่สุดคันแรกของโลก เอาใจคนรักความแรงไปกับ “899 Panigale” เทคโนโลยีย่อส่วนจากสนามแข่ง สู่ความคล่องแคล่วปราดเปรียวบนท้องถนน และโดดเด่นอย่างมีเอกลักษณ์ไปกับสปอร์ตเน็คเก็ต “Monster796 ABS Corse Stripe” ดีไซน์ใหม่ โฉบเฉี่ยว ร้อนแรง ทุกมุมมอง พร้อมมอบแคมเปญพิเศษสุดส่งท้ายปีในงานมอเตอร์เอ็กซ์โป 2013

          มร.ปิแอร์ ฟรานเชสโค สคาลโซ่ ผู้จัดการทั่วไปประจำภูมิภาคเอเชีย บริษัท ดูคาติ มอเตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวถึงการมีส่วนร่วมในงานมอเตอร์เอ็กซ์โป ครั้งนี้ว่า “การที่ดูคาติไทยแลนด์ได้เข้าร่วมงานมอเตอร์เอ็กซ์โปครั้งนี้ เป็นสิ่งที่ตอบโจทย์องค์กรทั้งในด้านการสร้างการรับรู้ในแบรนด์และเรื่องของการตลาด เนื่องจากงานนี้เป็นงานใหญ่ที่ทำให้เราเข้าถึงลูกค้าจำนวนหลักแสนหลักล้านได้ง่ายขึ้น และที่สำคัญการนำรถดูคาติโมเดลใหม่มาเปิดตัวในงานมอเตอร์เอ็กซ์โปของเมืองไทย นับว่าเป็นการนำผลิตภัณฑ์มาตอบสนอง ความต้องการที่หลากหลายของกลุ่มลูกค้าคนไทยที่หันมานิยมการขับขี่บิ๊กไบค์ และเป็นการรองรับการขยายตัวของฐานลูกค้ากลุ่มดังกล่าว ซึ่งมีแนวโน้มที่จะเพิ่มมากยิ่งขึ้นในปีหน้าอีกด้วย”

          นายอภิชาติ ลีนุตพงษ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ดูคาทิสติ จำกัด กล่าวต่อว่า “ในงานมอเตอร์เอ็กซ์โปครั้งนี้ ทางบริษัทฯ ได้มีการนำรถดูคาติหลากหลายรุ่นมาจัดแสดงโชว์ในงาน เพื่อนำประสบการณ์ด้านรถจักรยานยนต์ ไปถ่ายทอดให้แก่ผู้ที่มาชมงานได้รู้จัก รู้ถึงประวัติศาสตร์อันยาวนานที่มีมากว่า 80 ปี ของดูคาติ และเอกลักษณ์อันโดดเด่นของการดีไซน์ นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังได้นำรถดูคาติโมเดลใหม่มาเปิดตัวในงานถึง 3 รุ่น พร้อมแคมเปญสุดพิเศษ ซึ่งสามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้ครบทุกไลฟ์สไตล์”

          รถจักรยานยนต์ดูคาติที่นำมาเปิดตัวในงานได้แก่
          1. Ducati Monster796 ABS Corse Stripe จุดเริ่มต้นแห่งไลฟ์สไตล์สู่ความเป็นเน็คเก็ตไบค์อย่างแท้จริง ด้วยความสมบูรณ์แบบแห่งดีไซน์รูปโฉมใหม่ที่โดดเด่นด้วยลายขาวคาดกลางและความคล่องแคล่วปราดเปรียวแบบสปอร์ตของเครื่องยนต์ 803 CC. 87 แรงม้า มาพร้อมสวิงอาร์มเดี่ยว ล้อแม็ก 10 ก้าน ให้คุณขับขี่อย่างมีสไตล์ได้ทุกวัน เปิดตัวด้วยราคาสุดร้อนแรง 449,500 บาท
          2. Ducati 899 Panigale ปฏิวัติวงการซุปเปอร์ไบค์ด้วยการหยิบยกเทคโนโลยีของ Panigale จากสนามแข่ง สู่ท้องถนนที่ให้อัตราเร่งและความคล่องตัวอย่างเหลือเชื่อ ด้วยสุดยอดขุมพลัง Superquadro 148 แรงม้า ในราคาพิเศษสำหรับช่วงมอเตอร์เอ็กซ์โป 939,000 บาท จากปกติ 999,000 บาท และสำหรับผู้ที่จองในงานเฉพาะวันที่ 29 พ.ย.56 จะได้รับสิทธิพิเศษในการครอบครอง Ducati 899 Panigale ในราคาพิเศษสุด 899,000 บาท
          3. Ducati 1199 Superleggera สุดยอดยนตรกรรมซึ่งถือเป็นไฮไลท์ของงาน ซึ่งเป็นรถสปอร์ตคันแรกของโลกที่มีน้ำหนักเบาที่สุดเพียง 155 กิโลกรัม เมื่อเทียบกับพละกำลังหมาศาลกว่า 200 แรงม้า และทำเวลาได้ดีที่สุดในสนามแข่ง Misano ซึ่ง Ducati 1199 Superleggera มีเพียง 500 คันทั่วโลก โดยนำเข้ามาจำหน่ายในประเทศไทยเพียง 10 คันเท่านั้น ในราคา 4,099,000 บาท

          ทั้งนี้ ดูคาติไทยแลนด์ได้นำรถที่ได้รับการตอบรับอย่างล้นหลามอย่าง Ducati Monster795 มาจัดแสดงโชว์ในงาน โดยมาในรูปโฉมปี 2014 ด้วยราคา 399,990 บาท พร้อมข้อเสนอพิเศษ Premium Pack (Balloon) นอกจากนี้ ยังมีแคมเปญสุดพิเศษสำหรับรถรุ่นอื่นๆ อาทิเช่น ดาวน์ต่ำเพียง 20% ทุกรุ่น, ผ่อน 0% 4 ปี, สิทธิพิเศษต่างๆ อีกมากมาย เป็นต้น

          นอกจากรถจักรยานยนต์ดูคาติแล้ว ยังมีสินค้าไลฟ์สไตล์อย่างเสื้อผ้าเครื่องแต่งกาย หมวกกันน็อค และอุปกรณ์ต่างๆ สไตล์ดูคาทิสต้าที่นำมาโชว์และจัดจำหน่ายในงานมอเตอร์ เอ็กซ์โปครั้งนี้ในราคาพิเศษอีกด้วย

          ปัจจุบัน บริษัทฯ ได้มีการขยายศูนย์บริการดูคาติให้ครอบคลุมทั้งในกรุงเทพฯ และหัวเมืองสำคัญของไทยทั้งหมด 10 แห่ง ได้แก่ ดูคาติทองหล่อ, ดูคาติพระราม 3, ดูคาติ สยามพารากอน, ดูคาติราชพฤกษ์, ดูคาติภูเก็ต, ดูคาติอุดรธานี, ดูคาติพัทยา, ดูคาติเชียงใหม่ ดูคาตินครราชสีมา และดูคาติ วิภาวดี ซึ่งเป็นศูนย์บริการแบบครบวงจรแห่งที่ 10 บนพื้นที่กว่า 5,000 ตารางเมตร จึงถือได้ว่าเป็นศูนย์บริการดูคาติที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในเอเชีย โดยมีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน คือ มีศูนย์ฝึกอบรม มีห้องทดสอบสมรรถนะรถ และมีศูนย์ซ่อมที่สามารถรองรับปริมาณรถได้กว่า 600 คันต่อเดือน นอกเหนือจากนี้ ในพื้นที่ด้านหลังของศูนย์บริการ ยังมีสนามฝึกสอนสำหรับผู้ขับขี่เบื้องต้น เพื่อให้สอดคล้องกับการรณรงค์ การขับขี่ปลอดภัยของดูคาติไทยแลนด์ ตามแนวคิดว่า Be Safe, Be Cool ที่บริษัทฯ ได้จัดกิจกรรมมาตลอดทั้งปี

          สำหรับแผนการตลาดในปี 2557 นั้น ทางบริษัทฯ ยังมีหลักสูตร DREหรือ Ducati Riding Experience โดยทีมครูฝึกของดูคาติไทยแลนด์ที่ได้ผ่านการอบรมจากหลักสูตร Ducati Riding Experience หรือ DRE ของประเทศอิตาลี โดยหลักสูตร DRE แบ่งออกเป็น 3 ระดับ ได้แก่ (1) Basic Course (2) Intermediate Course และ (3) Advance Course ซึ่งแต่ละหลักสูตรจะพัฒนาให้ผู้ขับขี่มีทักษะที่สูงขึ้น จากผู้ที่เพิ่งเริ่มต้น ให้ขับขี่อย่างปลอดภัยจนไปสู่การขับขี่ในสนามได้อย่างมืออาชีพ เพื่อเสริมทักษะให้ลูกค้าได้ฝึกขับขี่ได้อย่าง ถูกต้อง และรณรงค์เรื่องความปลอดภัย เพื่อลดการเกิดอุบัติเหตุบนท้องถนน ถือเป็นการรับผิดชอบต่อสังคม ที่เราใส่ใจและทำมาโดยตลอด ไม่ว่าจะเป็นการเพิ่มจำนวนคอร์สอบรมการขับขี่ DRE ให้มากขึ้น โดยจะมีการจัดอบรมหลักสูตร DRE-Beginner สำหรับผู้ที่สนใจเป็นประจำทุกสัปดาห์ และการจัดกิจกรรม Ducati Travel Experience เป็นประจำทุกๆ เดือน ประกอบกับการมุ่งมั่นในการปรับปรุงผลิตภัณฑ์ให้มีความทันสมัยมากขึ้น เพื่อรองรับความต้องการที่หลากหลายของลูกค้า อีกทั้งยังคงมุ่งเน้นพัฒนาศักยภาพด้านการให้บริการ โดยจะมีการอบรมพัฒนาบุคลากรทุกส่วนอย่างต่อเนื่อง พร้อมที่จะมอบการบริการหลังการขายที่มีประสิทธิภาพแก่ผู้บริโภค สามารถแก้ปัญหาได้อย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อตอกย้ำความเชื่อมั่นในเรื่องการบริหารและการบริการที่ดีเสมอมา รวมถึงการมุ่งมั่นในการมอบสิ่งดีๆ ให้แก่ลูกค้าตลอดไป
« Last Edit: December 02, 2013, 05:42:41 PM by MSN »

MSN on December 02, 2013, 05:43:13 PM
ภาพข่าว: ดูคาติเขย่าวงการซุปเปอร์ไบค์ เซอร์ไพรส์ด้วยรถที่เบาที่สุด เร็วที่สุด ในงานมอเตอร์เอ็กซ์โป 2013



          มร.ปิแอร์ ฟรานเชสโค สคาลโซ่ ผู้จัดการทั่วไปประจำภูมิภาคเอเชีย บริษัท ดูคาติ มอเตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด (ที่สองจากขวา) อภิชาติ ลีนุตพงษ์ กรรมการผู้จัดการ (ขวา) และ ม.ล. ณัฐสิทธิ์ ดิศกุล ผู้อำนวยการฝ่ายขายและการตลาด บริษัท ดูคาทิสติ จำกัด ร่วมเปิดตัวรถ 1199 Superleggera สุดยอดยนตรกรรมซึ่งถือเป็นไฮไลท์ของงาน ซึ่งเป็นรถสปอร์ตคันแรกของโลกที่มีน้ำหนักเบาที่สุดเพียง 155 กิโลกรัม เมื่อเทียบกับพละกำลังหมาศาลกว่า 200 แรงม้า และทำเวลาได้ดีที่สุดในสนามแข่ง Misano มีเพียง 500 คันทั่วโลก โดยนำเข้ามาจำหน่ายในประเทศไทยเพียง 10 คันเท่านั้น นอกจากนี้ ยังมีการเปิดตัวรถใหม่อีก 2 รุ่น ได้แก่ Monster796 Corse Stripe เน็คเก็ตไบค์รูปโฉมใหม่ที่โดดเด่นด้วยลายขาวคาดกลาง คล่องแคล่วปราดเปรียวแบบสปอร์ตของเครื่องยนต์ 803 CC. 87 แรงม้า มาพร้อมสวิงอาร์มเดี่ยว ล้อแม็ก 10 ก้าน และ 899 Panigale ปฏิวัติวงการซุปเปอร์ไบค์ด้วยการหยิบยกเทคโนโลยีของ Panigale จากสนามแข่ง สู่ท้องถนนที่ให้อัตราเร่งและความคล่องตัวอย่างเหลือเชื่อ ด้วยสุดยอดขุมพลัง Superquadro 148 แรงม้า ในงานมอเตอร์เอ็กซ์โป 2013 ณ ชาเลนเจอร์ฮอลล์ อิมแพ็ค เมืองทองธานี
« Last Edit: December 02, 2013, 05:47:45 PM by MSN »

MSN on December 02, 2013, 05:44:28 PM
“MOTOR EXPO” ชวนโหวทพริททีชิงทอง











          งาน “มหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 30” ชวนผู้ชมร่วมสนุกกับแคมเปญโหวทพริททีชิงรางวัล รวมมูลค่ากว่า 100,000 บาท พลาดไม่ได้... เพียงส่ง SMS โหวท 19 พริทตี้สาวสวยโดนใจ ได้ตั้งแต่วันนี้ - 31 ธันวาคม 2556

          อัครเรศ เตชะบูรณะเทพาภรณ์ รองผู้อำนวยการฝ่ายพัฒนาธุรกิจและการตลาด บริษัท สื่อสากล จำกัด หัวหน้าโครงการประกวด “Motor Expo Smart Pretty Vote 2013” เปิดเผยว่า ปีนี้เรายังคงได้รับความสนใจจากค่ายรถส่งพริททีร่วมประกวดถึง 19 ท่าน ซึ่งล้วนมีความโดดเด่นทั้งความสวย ความสง่างาม รวมถึงมีปฏิภาณไหวพริบดี โดยผู้จัดเปิดช่องทางให้ร่วมสนุกผ่าน 2 ช่องทาง ได้แก่

          1) โหวททางแผ่นพับในงาน ลุ้นรับรางวัลที่ 1 ทองคำหนัก 1 บาท จำนวน 1 รางวัล รวมมูลค่าประมาณ 21,000 บาท รางวัลที่ 2 ทองคำหนัก 2 สลึง จำนวน 2 รางวัล รวมมูลค่าประมาณ 21,000 บาท รางวัลที่ 3 ลำโพงติดรถยนต์ ยี่ห้อ ROCKFORD FOSGATE รุ่น P1692C มูลค่า 12,000 บาท จำนวน 2 รางวัล รวมมูลค่า 24,000 บาท
          2) โหวทผ่าน SMS (สิทธิพิเศษเฉพาะลูกค้า truemove และ truemove H 3G+ เท่านั้น) ด้วยกติกาง่ายๆ เพียงพิมพ์ P ตามด้วยหมายเลขของ PRETTY ที่ต้องการโหวท เช่น P01
          แล้วส่ง SMS ไปยังหมายเลข 4677306 เพื่อการโหวท 1 ครั้ง ค่าบริการครั้งละ 3 บาท
          แล้วส่ง SMS ไปยังหมายเลข 4677307 เพื่อการโหวท 5 ครั้ง ค่าบริการครั้งละ 15 บาท
          แล้วส่ง SMS ไปยังหมายเลข 4677308 เพื่อการโหวท 10 ครั้ง ค่าบริการครั้งละ 30 บาท
          แล้วส่ง SMS ไปยังหมายเลข 4677309 เพื่อการโหวท 20 ครั้ง ค่าบริการครั้งละ 60 บาท
          แล้วส่ง SMS ไปยังหมายเลข 4677310 เพื่อการโหวท 50 ครั้ง ค่าบริการครั้งละ 150 บาท
          ลุ้นรางวัล รางวัลที่ 1 TABLET ยี่ห้อ OE รุ่น FUNPAD 7 ขนาด 7 นิ้ว มูลค่า 3,450 บาท
          จำนวน1 รางวัล และรางวัลที่ 2 น้ำมันเครื่อง ปตท.ขนาด 4.0 ลิตร จำนวน 10 รางวัล

          สำหรับพริททีที่ได้รับการโหวทสูงสุด จะได้รับของรางวัลดังนี้ รางวัลที่ 1 ทองคำหนัก 3 บาท จำนวน 1 รางวัล รวมมูลค่าประมาณ 63,000 บาท รางวัลรองชนะเลิศอันดับ 1 ทองคำหนัก 1 บาท จำนวน 1 รางวัล รวมมูลค่าประมาณ 21,000 บาท รางวัลรองชนะเลิศอันดับ 2 ทองคำหนัก 2 สลึง จำนวน 1 รางวัล รวมมูลค่าประมาณ 10,500 บาท สำหรับขวัญใจ SOCIAL NETWORK จากคะแนนโหวทสูงสุด จะได้รับทองคำหนัก 1 บาท จำนวน 1 รางวัล รวมมูลค่าประมาณ 21,000 บาท

          ในปีที่ผ่านมา พริททีจากบริษัท มิตซูบิชิ มอเตอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด คว้ารางวัลชนะเลิศด้วยคะแนนโหวทสูงสุด ส่วนปีนี้รางวัล “Motor Expo Smart Pretty Vote 2013” จะตกเป็นของสาวสวยมากความ สามารถจากบริษัทรถยนต์รายใดต้องติดตาม

          ผู้จัดจะรวบรวมคูปองทั้งหมด พร้อมจับคูปองรายชื่อผู้โชคดีจากการโหวทผ่านข้อความ (SMS) ในวันที่ 30 มกราคม 2557 ต่อหน้าสักขีพยาน สื่อมวลชน และคณะกรรมการผู้ทรงเกียรติ โดยจะประกาศรายชื่อในนิตยสาร "ฟอร์มูลา", คาร์ สเตอริโอ, 4 WHEELS ฉบับประจำเดือนเมษายน 2557 และwww.motorexpo.co.th
ตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ 2557
« Last Edit: December 02, 2013, 06:03:26 PM by MSN »

MSN on December 02, 2013, 05:57:37 PM
โอเวอร์ฮอร์น ซาวด์ ร่วมงาน Motor Expo 2013 อิมแพค 29/11-10/12









          เริ่มแล้ววันนี้ งาน Motor Expo 2013 อิมแพค เมืองทองธานี Challenger 3 พลาดไม่ได้ กับ งานใหญ่ ด้านยานยนต์ ปลายปี พบกับ เครื่องเสียงรถยนต์ หลากหลายค่าย และ ตื่นตาตื่นใจ กับ นวัตกรรม เครื่องเสียงรถยนต์ ใหม่ๆ เทคนิคการติดตั้งเครื่องเสียงรถยนต์ เชิญแวะมเยี่ยมชมที่ โอเวอร์ฮอร์น ซาวด์ Challenger 3 ในงาน มีของแถมมากมาย และ ชุดโปรโมชั่น พิเศษ อีกมากมาย
http://www.overhornsound-ratchaphruek.com/about.php
email: info@overhornsound-ratchaphruek.com

MSN on December 04, 2013, 10:09:57 AM
MAXXMA ยกขบวนสินค้าร่วมงาน MOTOR EXPO 2013 ชู ฟิล์มใสป้องกันรอย (Clear Guard) ดันยอดช่วงโค้งสุดท้าย




 
          ฟิล์มประหยัดพลังงานแม็กซ์ม่า (MAXXMA ECO FILM) นำสินค้าเข้าร่วมงาน “มหกรรมยานยนต์”ครั้งที่ 30 หรือ THE 30th THAILAND INTERNATIONAL MOTOR EXPO 2013 อาคารชาเลนเจอร์ 1-3 อิมแพ็ค เมืองทองธานี ตั้งแต่วันที่ 29 พฤศจิกายน -10 ธันวาคม 2556 เตรียมกวาดยอดขายทิ้งทวนปี 2013 พร้อมอัดโปรโมชั่นพิเศษ 20-30% ตลอดงาน นำขบวนด้วยสินค้ายอดฮิตฟิล์มใสป้องกันรอย (Clear Guard)

          นายชัยรัตน์ ชูประภาวรรณ กรรมการผู้จัดการ บริษัท วงศ์บราเดอร์ อินเตอร์เทรด จำกัด ผู้นำเข้าและจัดจำหน่ายฟิล์มประหยัดพลังงานภายใต้แบรนด์ “ MAXXMA” (แม็กซ์ม่า) เปิดเผยว่า บริษัทได้ไปร่วมออกบูธในงาน MOTOR EXPO 2013 ซึ่งการไปร่วมงานครั้งนี้ ได้นำสินค้าต่างๆของบริษัท เช่น ฟิล์มประหยัดพลังงานรถยนต์-อาคาร ไปแนะนำและจัดโปรโมชั่นลดราคาพิเศษ โดยไฮไลท์ของบูธก็คือ ฟิล์มใสป้องกันรอย (Clear Guard)

          โดยเป็นฟิล์มใสป้องกันรอย 3 จุด คือบริเวณมือจับประตู (Maxxma Clear Guard) เป็นฟิล์มที่สามารถปกป้องผิวรถยนต์ได้ 100% จากรอยขีดข่วนมือจับที่เปิดประตูที่อาจเกิดขึ้นได้จากรอยเล็บมือ แหวน กุญแจรถหรือการขูดขีดจากของมีคม Maxxma Clear Guard ทำจากวัสดุสังเคราะห์ชนิดพิเศษใสที่มีคุณภาพสูง ทำจากโพลียูรีเทน หนา 200 ไมครอน ให้ความทนทานและมีความยืดหยุ่นสูงต่อการรับแรงกระทบจากเศษวัสดุต่าง ๆ ที่อาจจะเกิดขึ้นในระหว่างการใช้งาน และยังมีคุณสมบัติพิเศษด้วยเนื้อยูริเทนใสทำให้ง่ายต่อการยึดติดกับสารอคริลิคที่มีความละเอียดอ่อน ช่วยให้การยึดติดของเนื้อฟิล์มเนียนเรียบไปกับมือจับประตูได้อย่างสวยงาม โดยไม่เปลี่ยนภาพลักษณ์ของรถ

          ล่าสุดบริษัทได้คิดค้นฟิล์มใสป้องกันรอยเพิ่มขึ้นอีก 2 จุดคือฟิล์มใสปกป้องขอบประตู(Door Edges)และกาบประตู(Door Sill or Trunk Sill)ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์แผ่นฟิล์มใสสำเร็จรูป เหมาะสำหรับผู้ที่รักรถยนต์ รวมถึงต้องการดูแลและปกป้องรถยนต์ จะเน้นการปกป้องและดูแลรักษาบริเวณที่เปิดขอบประตู ซึ่งจะช่วยป้องกันรอยขีดข่วน รอยกระแทก ที่ตำแหน่งขอบประตู และกาบประตูซึ่งอาจจะเกิดขึ้นได้ระหว่างการเปิดประตูและการขึ้นลงรถ

          นอกจากนี้ ยังได้นำฟิล์มประหยัดพลังงานแม็กซ์ม่า ไปร่วมออกบูธครั้งนี้เช่นเดียวกัน โดยจัดโปรโมชั่นลดราคาพิเศษ พร้อมของแจก ของแถมมากมายภายในบูธ และที่พิเศษสามารถเข้าร่วมสนุกรับส่วนลดเพิ่มเติมได้ที่ facebook “maxxma film”

          นายชัยรัตน์ กล่าวว่า ภาพรวมตลาดรถยนต์ในปีนี้ไม่ค่อยดีนัก เนื่องจากได้รับผลกระทบจากโครงการรถยนต์คันแรกที่ลูกค้าทิ้งใบจองจำนวนมาก ภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว กำลังซื้อหดหาย หนี้ครัวเรือนสูงขึ้น จนหลายฝ่ายเริ่มมีความกังวล อีกทั้งสถานการณ์ทางการเมืองที่ยังไม่มีท่าทีที่จะสงบลง แต่บริษัทก็ไม่หยุดนิ่งที่จะคิดค้นนวัตกรรมใหม่เพื่อเข้ามาตอบสนองความต้องการของลูกค้าให้หลากหลายมากขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่ง กลุ่มผู้บริโภครุ่นใหม่ ที่มีไลฟ์สไตล์เป็นของตัวเอง ซึ่งผู้บริโภคกลุ่มนี้เป็นกลุ่มที่มีกำลังซื้อสูง และตัดสินใจซื้อด้วยตัวตนของสินค้าที่ตรงกับไลฟ์สไตล์ของตัวเอง

MSN on December 04, 2013, 10:11:25 AM
Gossip News: แอฟ-ทักษอร ร่วมเปิดตัวรถดูคาติในงานมอเตอร์เอ็กโป 2013


 
          แอบเห็นสาวหวานอย่าง “แอฟ” ทักษอร เตชะณรงค์ มาร่วมงานเปิดตัวรถบิ๊กไบค์สัญชาติอิตาเลียนสุดเท่อย่างดูคาติ ซึ่งดูคาติไทยแลนด์จัดเซอร์ไพรส์มาเอาใจสาวกบิ๊กไบค์ถึง 3 รุ่น ได้แก่ 1199 Superleggera, Monster796 Corse Stripe และ 899 Panigale ในงานมอเตอร์เอ็กซ์โป 2013 ณ ชาเลนเจอร์ฮอลล์ อิมแพ็ค เมืองทองธานี งานนี้ สาวแอฟจะอยากซ้อนท้ายไปกับหนุ่มสงกรานต์ หรือสลัดลุคสาวหวานมาเป็นสาวนักบิด ต้องรีบไปถามสาวแอฟด่วนๆ!

MSN on December 04, 2013, 10:12:54 AM
ภาพข่าว: สามมิตร กรีนพาวเวอร์โชว์ที่สุดยนตรกรรม “รถกระบะเอราวัณ ดีเซล ซีเอ็นจี” แบรนด์ไทยมาตรฐานโลก ในงานMotor Expo 2013


 
          นายสุรยุทธิ์ โพธิ์ศิริสุข(ที่ 4 จากขวา) กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท สามมิตร กรีนพาวเวอร์ จำกัด (SGP)พร้อมด้วย นายวิจิตร แตงน้อย(ที่ 3 จากขวา) ผู้ช่วยกรรมการใหญ่สถาบันวิจัยและเทคโนโลยี และนายบัญชา ชุมชัยเวทย์ (ที่ 3 ที่จากซ้าย) ร่วมเปิดตัวรถยนต์รุ่นใหม่ล่าสุด “กระบะเอราวัณ ดีเซล ซีเอ็นจี”ในงาน Motor Expo 2013โดยชูสมรรถนะ “แรง ทน คุ้มค่า”โดดเด่นด้วยเทคโนโลยีชุดอุปกรณ์ PTT Diesel CNG ซึ่งเป็นระบบการใช้ก๊าซธรรมชาติแบบเชื้อเพลิงร่วมสำหรับรถยนต์ดีเซลขนาดเล็กภายใต้มาตรฐานความปลอดภัยของสถาบันวิจัยและเทคโนโลยี ปตท. เครื่องยนต์ประสิทธิภาพสูงเทียบเท่ารถยนต์ดีเซล ทนทาน ประหยัดเชื้อเพลิงและเพิ่มฟังก์ชั่นออฟโรดตอบสนองผู้ที่ชื่นชอบการผจญภัย โดยผู้สนใจร่วมพิสูจน์สมรรถนะรถกระบะเอราวัณ ดีเซล ซีเอ็นจี ได้ที่บูธสามมิตรกรีนพาวเวอร์ เลขที่ B02 ตั้งแต่วันนี้ถึง – 10 ธันวาคมนี้ ในงาน Motor Expo 2013ที่อาคารชาเลนเจอร์ 1 อิมแพ็ค เมืองทองธานี

MSN on December 04, 2013, 10:13:44 AM
ภาพข่าว: “มหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 30” เปิดยิ่งใหญ่ ชวนชมยนตรกรรม “พลังงานสร้างสรรค์ ยานยนต์เปลี่ยนโลก”
 

 
          พลตำรวจโท ดร.วิเชียรโชติ สุกโชติรัตน์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงพลังงาน (ที่ 4 จากซ้าย) เป็นประธานในพิธีเปิดงาน "มหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 30" โดยมี ขวัญชัย ปภัสร์พงษ์ ประธานจัดงาน ให้การต้อนรับ ณ ห้องรอยัล จูบีลี่ อิมแพค เมืองทองธานี เมื่อวันที่ 29 พฤศจิกายน 2556

MSN on December 04, 2013, 11:11:36 AM
โซนี่ไทย อวดโฉมเครื่องเล่นมัลติมีเดียในรถยนต์รุ่นใหม่ ชูเทคโนโลยี MHL ใช้งานร่วมกับสมาร์ทโฟน ในงานมหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 30 “Motor Expo 2013”
 

 
          บริษัท โซนี่ ไทย จำกัด อวดโฉมสุดยอดนวัตกรรมเครื่องเสียงรถยนต์ พร้อมเปิดตัวเครื่องเล่นมัลติมีเดียในรถยนต์รุ่นใหม่ ชูจุดเด่นอยู่ที่เทคโนโลยี MHL(Mobile High Definition Link) ซึ่งเป็นการถ่ายทอดภาพและเสียงแบบดิจิตอลจากสมาร์ทโฟนสู่จอแสดงผลความคมชัดสูง พร้อมกับการชาร์จแบตเตอรี่ไปด้วยโดยใช้สายเชื่อมต่อ MHL/HDMI เพียงเส้นเดียว ผ่านช่องพอร์ท HDMI แสดงภาพและเสียงจากสมาร์ทโฟนขึ้นสู่หน้าจอเครื่องเล่นอย่างสะดวกและง่ายดาย พร้อมเชิญผู้สนใจร่วมสัมผัสประสบการณ์ใหม่กับนวัตกรรมความบันเทิงในรถยนต์ล่าสุดที่ติดตั้งในรถซูเปอร์คาร์ 7 คัน 7 สไตล์ ที่บูธโซนี่ ภายในงานมหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 30 “Motor Expo 2013” ในระหว่างวันที่ 28 พฤศจิกายน ถึง 10 ธันวาคม 2556 ณ อาคารชาเลนเจอร์ อิมแพค เมืองทองธานี

          มร.สเปนเซอร์ โลว์ ผู้จัดการอาวุโส ฝ่ายการตลาดโฮมเอนเตอร์เทนเมนท์แอนด์ซาวด์ โซนี่ อิเลคทรอนิคส์ สิงคโปร์ และมร.จุมเป สุกิโมโต ผู้จัดการแผนกการตลาดผลิตภัณฑ์โฮมเอนเตอร์เทนเมนท์ บริษัท โซนี่ ไทย จำกัด ร่วมกันแนะนำผลิตภัณฑ์ใหม่ พร้อมกล่าวว่า “สำหรับในงานมหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 30 “Motor Expo 2013” ที่จัดขึ้นในระหว่างวันที่ 28 พฤศจิกายน ถึง 10 ธันวาคม 2556 นี้ ทางโซนี่ได้เตรียมสุดยอดนวัตกรรมเครื่องเสียงรถยนต์มาให้ผู้ที่สนใจได้ร่วมทดสอบประสิทธิภาพกันที่บูธโซนี่กันอีกด้วย พร้อมกันนี้ได้ทำการเปิดตัวจอภาพ 4 รุ่นใหม่จากโซนี่ อาทิ เครื่องเล่นมัลติมีเดียในรถยนต์ รุ่น XAV-712BT, XAV-612BT, XAV-602BT และ XAV-65 ที่โดยในรุ่น XAV-712BT, XAV-612BT จะโดดเด่นด้วยเทคโนโลยี MHL(Mobile High Definition Link) ซึ่งเป็นการถ่ายทอดภาพและเสียงแบบดิจิตอลจากสมาร์ทโฟนสู่จอแสดงผลความคมชัดสูง พร้อมกับการชาร์จแบตเตอรี่ไปด้วยโดยใช้สายเชื่อมต่อ MHL/HDMI เพียงเส้นเดียว ผ่านช่องพอร์ท HDMI แสดงภาพและเสียงจากสมาร์ทโฟนขึ้นสู่หน้าจอเครื่องเล่นอย่างสะดวกและง่ายดาย รวมถึงเทคโนโลยี MirrorLink™ ที่จะทำหน้าที่ควบคุมการทำงานของระบบต่างๆภายในรถยนต์ซึ่งจะเชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟนได้โดยตรง มาพร้อมหน้าจอแบบ LED ความละเอียด 1.15 ล้านพิกเซล ที่ให้ภาพคมชัด สีสันสมจริงเทียบเท่าจอทีวีที่บ้าน สามารถใช้งานได้กับแอพพลิเคชั่นที่หลากหลายด้วยการสัมผัสที่หน้าจอของเครื่องเล่นได้โดยตรง อีกทั้งยังเพิ่มอรรถรสในการชมภาพยนตร์ด้วยระบบเสียง Virtual 4.1 multi-channel ที่จำลองเสียงรอบทิศทางและสะดวกสบายไปกับการทำงานของ App Remote Version 2.0 ด้วยการดาวน์โหลดแอพพลิเคชั่นพร้อมเชื่อมต่อบลูทูธเข้ากับเครื่องเล่น โดยสามารถควบคุมความบันเทิงของเครื่องเสียงภายในรถยนต์ผ่านสมาร์ทโฟนของคุณได้อย่างง่ายดาย รวมถึงยังรองรับการสั่งงานด้วยเสียง และหากมีการส่งข้อความ(SMS) เข้ามายังสมาร์ทโฟน ระบบจะทำการอ่านออกเสียงข้อความที่เข้ามาโดยอัตโนมัติอีกด้วย นับเป็นนวัตกรรมที่สามารถตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์และให้คุณได้เต็มอิ่มกับความบันเทิงที่หลากหลายให้กับทุกการเดินทางของคุณ”

          พร้อมกันนี้เครื่องเล่นมัลติมีเดียในรถยนต์รุ่นใหม่ของโซนี่นี้ยังมีการแจ้งเตือนต่างๆในขณะขับรถ เพื่อความสะดวกสบายและปลอดภัยในการเดินทาง และสามารถรองรับการเล่นไฟล์วีดีโอ MP4 720P / AVI / Xvid / WMV และเล่นไฟล์วีดีโอที่เก็บอยู่ใน iPhone 5 / iPhone 5S / iPhone 4 / iPhone 4S / iPod ได้ รวมถึงสามารถเชื่อมต่อกับ Navigation แผนที่นำทางได้เป็นอย่างดี อีกทั้งสามารถอัพเดต Firmware ได้ด้วยตัวเองผ่านทาง USB ได้อีกด้วย

          นอกจากนี้ภายใน งานมหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 30 “Motor Expo 2013” ท่านจะได้สัมผัสประสบการณ์บันเทิงที่หลากหลายจากจากชุดเครื่องเสียงที่โซนี่ได้ติดตั้งในรถยนต์ตั้งแต่ชุดความบันเทิงระดับไฮเอนด์ในรถซูเปอร์คาร์ จนถึงชุดประหยัดในอีโคคาร์ทั้งหมด 7 คัน 7 สไตล์ พิเศษ...พบกับโปรโมชั่นเด็ดๆอีกมากมายที่จัดเตรียมไว้เพื่องานนี้โดยเฉพาะ อาทิ ผ่อน 0% นาน 10 เดือน กับบัตรเครดิตที่ร่วมรายการ พร้อมรับส่วนลด และขอสมนาคุณที่มีมูลค่าสูงถึง 25,000 บาท เมื่อซื้อสินค้าจากบูธโซนี่ภายในงาน เท่านั้นยังไม่พอด้วยข้อเสนอสุดพิเศษกับการเพิ่มระยะเวลาการรับประกันสินค้าเป็น 2 ปีเต็ม รวมถึงกิจกรรมอื่น ๆ ที่น่าสนใจตลอดงาน

          สำหรับเครื่องเล่นมัลติมีเดียในรถยนต์ที่จะวางจำหน่ายมี 4 รุ่น ได้แก่ XAV-712BT, XAV-612BT, XAV-602BT และ XAV-65 โดยจะรองรับการงานของ App Remote Version 2.0 โดยจะเริ่มทยอยวางจำหน่ายตั้งแต่ปลายเดือนพฤศจิกายนเป็นต้นไป ผู้สนใจสามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ศูนย์ข้อมูลโซนี่ โทร. 0-2715-6100

MSN on December 04, 2013, 03:10:02 PM
MOTOR EXPO ชวน “แชะแล้วแชร์!” “Like My Motor Expo 2013” ลุ้นรางวัลกว่า 5 หมื่น



          งานมหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 30 ขอเชิญร่วมสนุกกับกิจกรรม “Like My Motor Expo 2013” ลุ้นรางวัลรวมมูลค่ากว่า 50,000 บาท ด้วยกติกาง่ายๆ เพียงถ่ายภาพบรรยากาศในงาน MOTOR EXPO 2013 พร้อมตราสัญลักษณ์ MOTOR EXPO 2013 หรือ ภาพที่มีกรอบ MOTOR EXPO 2013 โดยสามารถโหลดได้จากแอพพลิเคชั่น “MOTOR EXPO” ผ่าน App Store และ Play Store แล้วโพสต์ไปยัง Facebook, Twitter หรือ Instagram (IG) ของตนเอง พร้อมใส่ hashtag ว่า #motorexpothailand ด่วน! ไม่จำกัดจำนวนภาพ หรือ ID ที่เข้าประกวด

          คณะกรรมการตัดสินจะพิจารณาจากโพสต์ที่ไม่ผิดกติกาและมียอดจำนวน “LIKE” สูงสุด เพื่อชิงรางวัลชนะเลิศ ล้อแม็กยี่ห้อ COSMIS ขนาด 17x8.5 นิ้ว จำนวน 1 รางวัล (4ล้อ) มูลค่ารางวัลละ 26,000 บาท สำหรับรางวัลรองชนะเลิศ รับ TABLET ยี่ห้อ OE รุ่น FUNPAD 8 นิ้ว จำนวน 5 รางวัล มูลค่ารางวัลละ 4,000 บาท

          ห้ามพลาด!! ร่วมสนุกได้ตั้งแต่ วันนี้ -10 ธันวาคม 2556 เท่านั้น ประกาศรายชื่อผู้โชคดีภายในวันที่ 16 ธันวาคม 2556 หน้า Motor expo Fan Page เวลา 18.00 น. เป็นต้นไป ติดตามกติกาและรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ http://www.motorexpo.co.th/2013/

MSN on December 04, 2013, 03:18:34 PM
ภาพข่าว: ซิตี้ ออโต้โมบิล เผยโฉม The All New Range Rover Sport ครั้งแรกในประเทศไทย



          ซิตี้ ออโต้โมบิล เผยโฉม The All New Range Rover Sport ครั้งแรกในประเทศไทย สุดยอดรถสปอร์ต SUV ที่เร็วและแรงที่สุดเพื่อการขับขี่สุดเร้าใจจากแลนด์โรเวอร์

          ยานยนต์สปอร์ตหรูสมรรถนะแรงเหนือระดับพาคุณพุ่งทะยานจาก 0-100 กม./ชม. ในชั่วพริบตาเพียง 5 วินาที! พบกันในงาน ‘มหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 30’

          สรรพงษ์ ชื่นโรจน์ (ซ้าย) กรรมการผู้จัดการ บริษัท ซิตี้ ออโต้โมบิล จำกัด และ ดนัย จันทรงาม (ขวา) ผู้จัดการทั่วไป บริษัท ซิตี้ ออโต้โมบิล จำกัด ผู้แทนจำหน่ายรถยนต์จากัวร์และแลนด์โรเวอร์อย่างเป็นทางการเพียงรายเดียวในประเทศไทย ร่วมเผยโฉม “ดิ ออล-นิว เรนจ์โรเวอร์ สปอร์ต (The All-New Range Rover Sport)” สุดยอดรถสปอร์ตเอนกประสงค์สุดหรูเร็วที่สุดและแรงที่สุดจากแลนด์โรเวอร์ พร้อมนิยาม More Range Rover More Sport เปิดตัวในเมืองไทย 2 รุ่น ได้แก่ เครื่องยนต์ดีเซล SDV6 3.0 และ LR-V8 5.0 ซูเปอร์ชาร์จ ราคาตั้งแต่ 7,750,000 – 10,050,000 บาท ในงาน “มหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 30” พร้อมสิทธิพิเศษ สำหรับ 3 ท่านแรก ที่ซื้อรถ “ดิ ออล-นิว เรนจ์โรเวอร์ สปอร์ต “ภายในงาน รับบัตรเข้าชมการแข่งขัน F1 Singapore Grand Prix 2014