‘สก๊อต รังนกแท้’ ผนึกกำลังพันธมิตรธุรกิจ ‘เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ กรุ้ป’ ขยายศักยภาพทางการตลาดด้านเอ็นเตอร์เทนเม้นท์เต็มรูปแบบ พร้อมเปิดตัวหนังโฆษณาชุดใหม่ครั้งแรกในโรงภาพยนตร์
‘สก๊อต รังนกแท้’ เครื่องดื่มบำรุงสุขภาพ โดย บริษัท สก๊อต อินดัสเตรียล (ประเทศไทย) จำกัด แถลงข่าวจัดทัพใหม่ผนึกกำลังพันธมิตรยักษ์ใหญ่ ‘บริษัท เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ กรุ้ป จำกัด (มหาชน)’ เพื่อสร้างศักยภาพทางตลาดเครื่องดื่มบำรุงสุขภาพ ผ่านช่องทางของเบอร์หนึ่งด้านไลฟ์สไตล์เอ็นเตอร์เทนเม้นท์อย่างเต็มรูปแบบ พร้อมเปิดตัวภาพยนตร์โฆษณาชุดใหม่ ‘Misunderstand’ ครั้งแรกในโรงภาพยนตร์ ณ โรงภาพยนตร์อีนิกม่า เดอะชาโด้ สกรีน ชั้น 6 พารากอน ซีนีเพล็กซ์
สมโภช ชวาลเวชกุล กรรมการผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด บริษัท สก๊อต อินดัสเตรียล (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวถึงนโยบายการเสริมทัพทางตลาดว่า “เพื่อเป็นการตอกย้ำภาพลักษณ์ของงความเป็นผู้นำในตลาดเครื่องดื่มบำรุงสุขภาพและขยายฐานลูกค้าสู่กลุ่มคนรุ่นใหม่ สก๊อตจึงจับมือกับพาร์ทเนอร์ที่เป็นผู้นำอันดับหนึ่งในธุรกิจ Total Entertainment Lifestyle อย่าง ‘เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ กรุ้ป’ มาช่วยสร้างภาพลักษณ์ให้ชัดเจนยิ่งขึ้น โดยใช้กลยุทธ์การตลาดเชิงรุกด้าน Life Style Marketing เต็มรูปแบบ ซึ่งที่ผ่านมาก็มีการร่วมกันทำแคมเปญช่วงเทศกาลต่างๆ อย่างต่อเนื่อง เริ่มตั้งแต่วันวาเลนไทน์ Valentine Movie Lover : Fly Me to the Moon และที่เพิ่งผ่านพ้นไปคือ Mom & Me : Movie Together ผลปรากฏว่าทุกแคมเปญล้วนได้รับการตอบรับที่ดีมากๆ ล่าสุด สก๊อตได้ลง Screen Ad. กับทาง ‘เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ กรุ้ป’ แบบ Full Scale ทุกรอบ ทุกโรง เพราะเชื่อว่าจะเป็นสื่อที่สามารถเข้าถึงผู้บริโภค รวมทั้งสร้างการจดจำแบรนด์ได้ดี โดยกำหนดวันที่ 17 กันยายนนี้เป็นวันดีเดย์ฉายหนังโฆษณาชุดใหม่ของ สก๊อต 100 ชุด ‘Misunderstand’ ผ่านทางสื่อ Screen Ad. ของโรงภาพยนตร์ในเครือเมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ กรุ้ป ทั้ง 4 แบรนด์ เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์, อีจีวี, พารากอน ซีนีเพล็กซ์ และ เอสพลานาด ซีนีเพล็กซ์ ทั่วประเทศ”
อนวัช องค์วาสิฎฐ์ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ กรุ้ป จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “ทาง เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ กรุ้ป เป็นบริษัทที่มีการทำกิจกรรมการตลาดมาอย่างต่อเนื่องเป็นอันดับต้น ๆ บริษัทหนึ่ง โดยมีแนวทางและนโยบายที่จะผนึกกำลังกับพันธมิตรรายใหญ่ ทำการตลาดในรูปแบบต่าง ๆ เพื่อคืนกำไรและสร้างสีสันให้กับตลาด ซึ่งสก๊อตก็เป็นอันดับหนึ่งที่มีกิจกรรมการตลาดอย่างต่อเนื่อง มีแรงขับเคลื่อนตลอดเวลา หากสก๊อตจะทำตลาดโดยเน้นด้านบันเทิงเพื่อขยายฐานลูกค้าที่เป็นกลุ่มคนรุ่นใหม่ ทาง เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ กรุ้ป ยินดีซัพพอร์ตเต็มที่ทุกแคมเปญ และพร้อมที่จะมอบสิทธิพิเศษให้มากมายเช่นกัน เรียกได้ว่าลูกค้าสก๊อตมาใช้บริการที่ เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ กรุ้ป จะต้องคุ้มสุด ๆ
สำหรับความร่วมมือระหว่าง เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ กรุ้ป และ สก๊อต รังนกแท้ ในการทำกิจกรรมการตลาดเพื่อให้เข้าถึงกลุ่มลูกค้าซึ่งเป็นคนรุ่นใหม่ เช่น การลงโฆษณาในโรงภาพยนตร์ หรือ Screen Ad. ของสก๊อต เราเชื่อมั่นว่าจะทำให้ลูกค้าจดจำแบรนด์ของสก๊อตได้ดี และรู้สึกอินกับโฆษณามากกว่าการชมผ่านโทรทัศน์อย่างแน่นอน เพราะข้อดีของสื่อโฆษณาในโรงภาพยนตร์ที่แตกต่างจากการชมผ่านโทรทัศน์คือการเข้าถึงตัวผู้บริโภคโดยตรง มีภาพและการจำจดที่ดีกว่า อีกทั้งจุดเด่นของเมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ กรุ้ป ที่มีรอบและโรงภาพยนตร์ที่มากที่สุด และแบรนด์ที่มากถึง 4 แบรนด์ คือ เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์, อีจีวี, พารากอน ซีนีเพล็กซ์ และ เอสพลานาด ซีนีเพล็กซ์ ทำให้เข้าถึงลูกค้าได้หลากหลายกลุ่มไม่ว่าจะเป็นกลุ่มคนรุ่นใหม่ วัยรุ่น คนทำงาน และกลุ่มครอบครัว ทำให้สินค้าที่ลง Screen Ad ประสบผลสำเร็จเข้าถึงกลุ่มลูกค้าและได้รับการตอบรับที่ดีกว่า
นอกจากนี้ กิจกรรมการตลาดที่ เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ กรุ้ป และ สก๊อต รังนกแท้ ได้จัดร่วมกันในช่วงเทศกาล หรือ Seasonal Campaign ได้แก่ เทศกาลวาเลนไทน์, สงกรานต์, วันแม่ และปีใหม่ จะช่วยสร้างสีสันและคืนกำไรให้กับลูกค้าได้เป็นอย่างดี เพราะที่ผ่านมากิจกรรม Seasonal Campaign อย่างเช่นกิจกรรมวันแม่ กับแคมเปญ Mom&Me : Movie Together ได้รับการตอบรับจากลูกค้าสก๊อตเป็นอย่างดี มีการตอบรับโดยนำเซลสลิปจากการซื้อสินค้าเข้ามาแลกบัตรชมภาพยนตร์เป็นจำนวนมาก หรือจะเป็นเมื่อต้นปี คือ Valentine Movie Lover : Fly Me to the Moon ก็ได้รับการตอบรับที่ดีเช่นเดียวกัน เพราะทั้ง 2 กิจกรรมเป็นกิจกรรมที่ง่ายและเข้าถึงได้ไม่ต้องสะสมแต้มหรืออะไรที่ยุ่งยาก
นอกจากนี้ ‘สก๊อต รังนกแท้’ ยังเพิ่มช่องทางการขายใหม่ ณ เคาน์เตอร์จำหน่ายเครื่องดื่มและป๊อปคอร์น (Concession) ทุกสาขาของ ‘เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ กรุ้ป’ อีกด้วย โดยให้สิทธิ์พิเศษ
สำหรับลูกค้าที่มาชมภาพยนตร์รับสิทธิ์ในการซื้อ ‘สก๊อต 100’ ได้ในราคาเพียง 29 บาทเท่านั้น!! เริ่มตั้งแต่วันที่ 17 กันยายน ถึง 31 ตุลาคม 2552 นี้ โดยทั้งหมดนี้จะช่วยเสริมภาพลักษณ์ของกันและกันได้ รวมทั้งขยายตลาดให้เติบโตร่วมกันมากยิ่งขึ้น