MSN on October 31, 2013, 06:37:49 AM
ปลุกเด็กไทยสู่ความเป็นไทย ผ่านอาหารไทยในโครงการ ‘กิน เล่น เห็น เล่า โลกสดใส วิถีไทยวัยเด็ก’







เมื่อเร็วๆนี้ (22 - 27 ตุลาคม 2556) สถาบันอาหาร (National Food Institute – NFI ) สังกัดกระทรวงอุตสาหกรรม ร่วมกับสำนักงานอุทยานการเรียนรู้ (TK park) และองค์กรภาคีเครือข่าย จัดมหกรรมเพื่อความสนุกและความสุขของเด็กไทย ผ่านอาหารไทย กับกิจกรรมพิเศษ ในโครงการ ‘กิน เล่น เห็น เล่า โลกสดใส วิถีไทยวัยเด็ก’ ณ อุทยานการเรียนรู้ (TK park) ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์ ชั้น 8 กรุงเทพมหานคร

ดร.เพ็ชร ชินบุตร ผู้อำนวยการสถาบันอาหาร กล่าวถึงบทบาทของสถาบันอาหารในการพัฒนาอาหารของไทยให้เป็นครัวคุณภาพของโลก ว่า “สถาบันอาหาร เริ่มดำเนินการโครงการครัวไทยสู่ครัวโลกโดยได้กำหนดวิสัยทัศน์ของโครงการประเทศไทยเป็นครัวอาหารปลอดภัยที่มีคุณค่าทางโภชนาการ และมีคุณภาพของโลก โดยมีเป้าหมายสำคัญคือ มีมูลค่าการส่งออกอาหารของไทยเพิ่มขึ้นไม่น้อยกว่าร้อยละ 10 ต่อปี สถานประกอบการด้านอาหารได้รับมาตรฐานความปลอดภัยในการผลิตเพิ่มขึ้นร้อยละ 5 ต่อปี อาหารของประเทศไทยมีภาพลักษณ์เป็นอาหารที่รสชาติดี มีคุณภาพและดีต่อสุขภาพเพิ่มขึ้นปีละ 5 ชนิด และประเทศไทยมีศูนย์ One Stop Service เพื่ออำนวยความสะดวกต่อผู้ประกอบการ

ขณะนี้สถาบันอาหาร ได้ดำเนินงานตามภารกิจ และนโยบายครัวไทยสู่ครัวโลกทั้งด้านการสร้างอัตลักษณ์ให้กับอาหารไทยด้วยการประชาสัมพันธ์เรื่องราว และคุณค่าของอาหารไทย ตลอดจนการสร้างระบบมาตรฐานให้กับอาหารไทย ซึ่งผู้บริโภคทั่วโลกได้รับทราบและรับรู้ในเรื่องราวของอาหารไทย ตลอดจนรับรู้ว่าประเทศไทยเป็นแหล่งที่ผลิตอาหารปลอดภัยชั้นนำของโลก ซึ่งสอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาลในการสนับสนุนและส่งเสริมให้ไทยเป็นครัวของโลก

ดร. เพ็ชร กล่าวต่อถึงวัตถุประสงค์ของการจัดงานในครั้งนี้ว่า “การจัดงาน กิน เล่น เห็น เล่า ครั้งนี้ เป็นกิจกรรมที่จัดขึ้นเพื่อกระตุ้นให้เด็กไทยรู้จัก และเข้าถึงอาหารไทย ตลอดจนวัฒนธรรมไทย ซึ่งปัจจุบันจะถูกกลืนหายไปกับวัฒนธรรมตะวันตก ตลอดจนเป็นการเผยแพร่บทบาทภารกิจของสถาบันอาหาร และโครงการครัวไทยสู่ครัวโลก ระบบคุณภาพที่สำคัญในอาหาร เพื่อป้องกัน และควบคุมการผลิตอาหารให้มีความปลอดภัย นอกจากนี้ยังมีวัตถุประสงค์เพื่อสร้างจิตสำนึกที่ดีให้กับผู้ประกอบการที่ผลิตอาหารในเรื่องของความปลอดภัยด้วย”

ทางด้าน ดร.ทัศนัย วงศ์พิเศษกุล รองผู้อำนวยการสำนักงานบริหารและพัฒนาองค์ความรู้  และผู้อำนวยการสำนักงานอุทยานการเรียนรู้ กล่าวบทบาทของสำนักงานอุทยานการเรียนรู้ กับการสนับสนุนการจัดโครงการ กิน เล่น เห็น เล่าฯ ในครั้งนี้ ว่า “สำหรับ สำนักงานอุทยานการเรียนรู้ ทีเค ปาร์ค ซึ่งเป็นหนึ่งในภาคีจัดงานครั้งนี้ ก็มีความยินดีเป็นอย่างยิ่ง ที่ได้ร่วมเป็นส่วนหนึ่งในโครงการดีๆ แบบนี้ เพราะทางสำนักงานอุทยานการเรียนรู้ มีพัทธกิจสำคัญในการร่วมสร้างสรรค์สังคมไทยให้เป็นสังคมแห่งการเรียนรู้ สำหรับโครงการนี้ ซึ่งมีทั้งกิจกรรมที่ส่งเสริมการเรียนรู้ในเรื่องของอาหารไทย ขนมไทย สำหรับเด็กและเยาวชน ในรูปแบบต่างๆ ที่สร้างสรรค์และหลากหลาย ก็นับว่าสอดคล้องกับเป้าหมายของสำนักงานอุทยานการเรียนรู้ สร้างเด็กไทยของเราให้เติบโตอย่างมีคุณภาพ และพัฒนาสังคมไทยให้เติบโตอย่างยั่งยืน”

โครงการ ‘กิน เล่น เห็น เล่า โลกสดใส วิถีไทยวัยเด็ก’ ภายในงานได้รังสรรค์กับสุดยอดมหกรรมเพื่อความสนุก และความสุขของเด็กไทยผ่านอาหารไทย ในหลากหลายกิจกรรมที่คัดสรรมาเพื่อเด็กทุกคน ในรูปแบบต่างๆ อาทิ
•   กิน พบกับการเปิดบูธอาหารไทยให้เด็กลองลิ้มชิมรสด้วยเมนูหลากหลาย
•   เล่น กิจกรรมเวิร์คช็อปสุดพิเศษ สาธิตการทำอาหารไทย ขนมไทย ผ่านเชฟมืออาชีพ
•   เห็น ภาพยนตร์เกี่ยวกับอาหารไทย และวิถีการกินของคนไทย
•   เล่า ฟังนิทานแสนสนุก เกี่ยวกับอาหารไทย และขนมไทย

พิเศษ!!..กับการสรรหา ‘หนูน้อยนักเล่านิทานอาหาร’ และ ‘หนูน้อยนักสร้างสรรค์อาหาร’ ไปตะลุยแดนสิงคโปร์ ฟรี!  โดย ด.ญ.ศุภิสรา แซ่เฮา (น้องหนูนา) คว้าแชมป์หนูน้อยนักเล่านิทานอาหาร นำนิทานเรื่อง “ขนมของยาย” มาวาดลวดลาย อวยความสามารถ ความน่ารัก สดใส คว้าใจคณะกรรมการไปครอง  ส่วนแชมป์หนูน้อยนักสร้างสรรค์อาหาร อายุ 6 - 9 ปี ได้แก่ ด.ญ.ฆฤษวี ศิวาวุธ (น้องต้นน้ำ) และ แชมป์หนูน้อยนักสร้างสรรค์อาหาร อายุ 9 - 12 ปี ได้แก่ ด.ญ.ปัณณ์วรา ลือพงษ์ (น้องปัณณ์) ซึ่งทั้งสองคนได้รังสรรค์ผลงานออกมาอย่างงดงามถูกใจคณะกรรมการ นอกจากนี้ยังมีหนูน้อยที่ได้รับเลือกเป็นตัวแทนร่วมเดินทางไปตะลุยแดนสิงคโปร์ “ประเภทหนูน้อย นักเล่านิทานอาหาร” ได้แก่ ด.ช.รุ่งฤทธิ์ พิพิธพัฒนากร (อั่งเปา), ด.ญ.ธัญลักษณ์ ตันติสุธนารมย์ (ออม), ด.ญ.นิจจารีย์ ดุสิตสุนทรกุล (นิชชี่), ด.ช.ภาสวิชญ์ สุจารีรัตน์ (ชาญ)  “ประเภทหนูน้อยนักสร้างสรรค์อาหาร อายุ 6 - 9 ปี” ได้แก่ ด.ช.ธีรุต เกียรติภิญโญพร (โชกุน), ด.ญ.พิมพ์พัสตา ศรีสถาพรพัฒน์ (พิม), ด.ญ.วรัชญา เวียงคำ (ข้าว)  และ “ประเภทหนูน้อยนักสร้างสรรค์อาหาร อายุ 9 - 12 ปี” ได้แก่ ด.ช.มณฑล ดวงแก้ว (ต้นกล้า), ด.ญ.วันทา โลหะวัฒนกุล (เอมี่)
 
ภายในงานยังมีการเสวนา ซึ่งได้รับเกียรติจากเชฟฝีมือทอง และผู้เชี่ยวชาญชั้นนำของประเทศไทย ที่มาร่วมเป็นวิทยากร ในหัวข้อ “กิน เล่น เล่า ย้อนวิถีไทยวัยเด็ก” และ “จับเข่าเล่าหนัง” เห็น “อาหาร เด็ก และความรัก” โดยวิทยากรได้ให้ประเด็นไว้อย่างน่าสนใจ... เริ่มจาก

คุณพล ตัณฑเสถียร พิธีกรและเชฟรายการอาหารชื่อดัง กล่าวว่า “อาหารดีๆ ทำให้เราห่างไกลจากหมอ ไม่ต้องทานยา และหนึ่งในวิธีการเรียนรู้ที่จะทานอาหารดีๆ เด็กๆ ต้องรู้ว่าอาหารที่ตนรับประทานนั้น มาจากไหน หรือทำอย่างไร”

ด้าน คุณเรืองศักดิ์ ปิ่นประทีป กรรมการผู้จัดการมูลนิธิหนังสือเพื่อเด็ก และเป็นหนึ่งในภาคีเครือข่ายจัดงานครั้งนี้ ให้ข้อคิดดีๆว่า นิทานกับอาหาร มีความเกี่ยวข้องกันอย่างไร?...”นิทาน คือ อาหารสมอง อาหารใจ และอาหารธรรมะของเด็ก ที่แม้เป็นอาหารเสริม แต่ก็เป็นอาหารเสริมมื้อสำคัญที่เด็กต้องได้รับทุกวันนอกจากอาหารกายที่มีคุณค่าครบ 5 หมู่และการเล่นที่ทำให้เด็กได้เคลื่อนไหวร่างการ และใช้สติปัญญา”

ด้าน ด.ญ.ศุภิสรา แซ่เฮา (น้องหนูนา) หนูน้อยคนเก่ง ดีกรีแชมป์หนูน้อยนักเล่านิทาน จากโครงการลับสมองประลองปัญญา สรรหาหนูน้อยนักเล่านิทาน ครั้งที่ 6 กล่าวว่า ในสายตาของเด็ก นิทานกับอาหารมีความเกี่ยวข้องกันเพราะ เดี๋ยวนี้มีนิทานที่เกี่ยวกับอาหารและขนมมากมาย เนื้อหาในนิทานก็จะสอดแทรกความรู้ ตรงที่บอกว่า “เรื่องนี้สอนให้รู้ว่า” เด็กจะได้รับความรู้โดยไม่รู้ตัว เด็กได้ฟังแล้วก็เกิดความคิดสร้างสรรค์และอยากจะทดลองทำตามแบบในนิทาน..เด็กๆชอบฟังนิทาน เพราะนิทานมีเนื้อหาที่สนุก และมีภาพประกอบสวยงาม มีเกร็ดความรู้ และส่วนมากนิทานกับเด็กก็เป็นของคู่กันค่ะ

ปิดท้ายด้วย คุณเอิร์ธ - ศัลย์ อิทธิสุขนันท์ พิธีกร และเจ้าของร้านอาหาร ‘ชั้นขนมหวาน’ หนึ่งในคณะกรรมการตัดสินเพื่อเฟ้นหา “หนูน้อยนักเล่านิทานอาหาร” กล่าวว่า “การทำอาหาร การทำขนม จะช่วยส่งเสริมทางด้านทักษะ เพราะเด็กๆ ต้องเรียนรู้การใช้มีด การจุดเตาแก๊ส ความร้อนจากน้ำมัน และอื่นๆ รวมทั้งเรียนรู้ถึงอาหารรสมือแม่ เรียนรู้ภูมิปัญญาเบื้องต้นในครัวบวกกับคุณค่าสารอาหารที่ผู้ใหญ่สอดแทรก ทักษะเหล่านี้จะทำให้เด็กๆ สามารถนำมาใช้ในการดำเนินชีวิต รวมถึงสร้างความสัมพันธ์ในครอบครัวให้อบอุ่นแน่นแฟ้น ถึงแม่เป็นสถาบันที่เล็กที่สุด แต่มีพลังที่ยิ่งใหญ่ที่สุด”
« Last Edit: October 31, 2013, 06:52:20 AM by MSN »

MSN on October 31, 2013, 06:53:01 AM