KTAMขายกองทุนอายุ5ปีจ่ายทุก6เดือนลงทุนหุ้นกู้บริษัทชั้นนำชูยิลด์4.25%ต่อปี
นายสมชัย บุญนำศิริ กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กรุงไทย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า บริษัทเปิดจำหน่ายกองทุนเปิดกรุงไทยตราสารหนี้ เอฟไอเอฟ 37 (KTFF37 ) เสนอขาย 14 -21 ตุลาคม 2556 อายุโครงการ 5 ปี มูลค่า 500 ล้านบาท โดยกองทุนจะเน้นลงทุนในตราสารหนี้สกุลเงิน USD ออกโดย ธนาคารกรุงเทพ ธนาคารกรุงไทย บมจ.ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม ธนาคารกสิกรไทย Woori Bank ในสัดส่วน 90% ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน ส่วนที่เหลือลงทุนในตราสารหนี้สกุลเงินTHB ออกโดย บจ.น้ำตาลมิตรผล ผู้ลงทุนจะได้รับผลตอบแทนประมาณ 4.25%ต่อปี พร้อมจ่ายผลตอบแทนคืนอัตโนมัติทุก 6 เดือน
ทั้งนี้ ตราสารเป้าหมายของธนาคารกรุงเทพ (BBL) ที่กองทุนจะลงทุนเป็นหุ้นกู้ประเภท Global Note สกุล USD ออกผ่านสาขาฮ่องกง ประเภทไม่ด้อยสิทธิไม่มีหลักประกัน โดยเครดิตเรตติ้ง จาก Moody /S&P/ Fitch อยู่ที่ A3e/BBB+/BBB+ ธนาคารกรุงไทย(KTB) ตราสารเป้าหมายที่บริษัทจะลงทุนเป็นหุ้นกู้ประเภท Euro MTN สกุล USD ออกผ่านสาขาเคย์แมน ประเภทไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน โดยเครดิตเรตติ้งจาก Moody /S&P/ Fitch อยู่ที่ Baa1/BBB/BBB บมจ.ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม (PTTEP ) ตราสารเป้าหมายที่กองทุนจะลงทุนเป็นหุ้นกู้ทั่วไปประเภท Euro Dollar สกุล USD ประเภทไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน โดยเครดิตเรตติ้ง จาก Moody /S&P/ Fitch อยู่ที่ Baa1/BBB+/BBB+
ธนาคารกสิกรไทย ( KBANK ) ตราสารเป้าหมายที่กองทุนจะลงทุนเป็นหุ้นกู้ทั่วไปประเภท Euro MTN สกุลUSD ออกผ่านสาขาฮ่องกง ประเภทไม่ด้อยสิทธิไม่มีหลักประกัน โดยเครดิตเรตติ้ง จาก Moody /S&P/ Fitch อยู่ที่ A3/BBB+/BBB+ Woori Bank (WOORIB ) ตราสารเป้าหมายที่กองทุนจะลงทุนเป็นหุ้นกู้ทั่วไปประเภท Euro MTN สกุล USD ประเภทไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน โดยเครดิตเรตติ้ง จาก Moody /S&P อยู่ที่ A1 /A- และบจ.น้ำตาลมิตรผล (MPSC ) ตราสารเป้าหมายที่กองทุนจะลงทุนเป็นหุ้นกู้ทั่วไป สกุลเงินบาทประเภทไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน โดยเครดิตเรตติ้งจาก TRIS อยู่ที่ A+
สำหรับแนวโน้ม ภาวะตลาดตราสารหนี้ไทยในช่วงที่ผ่านมา มีแนวโน้มที่อัตราผลตอบแทนจะปรับลดลงจากปริมาณพันธบัตรออกประมูลใหม่มีน้อยกว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้ ขณะที่เริ่มมีแรงซื้อสะสมของนักลงทุนสถาบันในประเทศและนักลงทุนต่างประเทศ โดยมีปัจจัยสนับสนุนจากตัวเลขเศรษฐกิจของไทยและอัตราเงินเฟ้อที่ยังมีทิศทางชะลอตัวต่อเนื่อง ขณะที่ปัญหาการเมืองในสหรัฐอเมริกา และตัวเลขชี้นำเศรษฐกิจของประเทศที่พัฒนาแล้ว รวมถึงจีน ส่งสัญญาณชะลอตัวและมีความไม่แน่นอนสูง ทำให้นักลงทุนหันมาลงทุนในตราสารหนี้เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะตราสารหนี้ระยะกลางถึงยาว
สำหรับตราสารหนี้ภาคเอกชน ในช่วง 1-2 เดือนนี้จะมีการทยอยขายในตลาดแรก ซึ่งจะให้ผลตอบแทนส่วนเพิ่มประมาณ 100 – 120 bp เมื่อเทียบกับพันธบัตรรัฐบาลรุ่นอายุเดียวกัน เช่น ตราสารเอกชนรุ่นอายุ 5 ปี ที่มีอันดับเครดิตในประเทศ A จะได้ให้ผลตอบแทนประมาณ 4.50 – 4.70% ต่อปี ก่อนหักภาษี ณ ที่จ่าย ในขณะที่ พันธบัตรรัฐบาลรุ่นอายุ 5 ปี ปัจจุบันให้ผลตอบแทนประมาณ 3.5% ต่อปี