MSN on October 15, 2013, 07:15:31 AM
KTAMขายกองทุนอายุ5ปีจ่ายทุก6เดือนลงทุนหุ้นกู้บริษัทชั้นนำชูยิลด์4.25%ต่อปี

นายสมชัย  บุญนำศิริ   กรรมการผู้จัดการ   บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กรุงไทย จำกัด (มหาชน)   เปิดเผยว่า   บริษัทเปิดจำหน่ายกองทุนเปิดกรุงไทยตราสารหนี้   เอฟไอเอฟ 37   (KTFF37  )  เสนอขาย 14 -21  ตุลาคม  2556    อายุโครงการ 5  ปี   มูลค่า 500  ล้านบาท    โดยกองทุนจะเน้นลงทุนในตราสารหนี้สกุลเงิน USD  ออกโดย   ธนาคารกรุงเทพ   ธนาคารกรุงไทย   บมจ.ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม  ธนาคารกสิกรไทย   Woori Bank   ในสัดส่วน 90% ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน  ส่วนที่เหลือลงทุนในตราสารหนี้สกุลเงินTHB ออกโดย บจ.น้ำตาลมิตรผล    ผู้ลงทุนจะได้รับผลตอบแทนประมาณ 4.25%ต่อปี พร้อมจ่ายผลตอบแทนคืนอัตโนมัติทุก 6 เดือน

ทั้งนี้   ตราสารเป้าหมายของธนาคารกรุงเทพ (BBL)  ที่กองทุนจะลงทุนเป็นหุ้นกู้ประเภท Global Note  สกุล  USD  ออกผ่านสาขาฮ่องกง  ประเภทไม่ด้อยสิทธิไม่มีหลักประกัน     โดยเครดิตเรตติ้ง จาก Moody  /S&P/ Fitch   อยู่ที่ A3e/BBB+/BBB+    ธนาคารกรุงไทย(KTB)   ตราสารเป้าหมายที่บริษัทจะลงทุนเป็นหุ้นกู้ประเภท  Euro MTN  สกุล USD  ออกผ่านสาขาเคย์แมน ประเภทไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน    โดยเครดิตเรตติ้งจาก Moody  /S&P/ Fitch  อยู่ที่  Baa1/BBB/BBB   บมจ.ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม  (PTTEP )      ตราสารเป้าหมายที่กองทุนจะลงทุนเป็นหุ้นกู้ทั่วไปประเภท   Euro   Dollar   สกุล  USD  ประเภทไม่ด้อยสิทธิ  ไม่มีหลักประกัน โดยเครดิตเรตติ้ง จาก Moody  /S&P/ Fitch   อยู่ที่ Baa1/BBB+/BBB+

ธนาคารกสิกรไทย ( KBANK )    ตราสารเป้าหมายที่กองทุนจะลงทุนเป็นหุ้นกู้ทั่วไปประเภท Euro  MTN สกุลUSD  ออกผ่านสาขาฮ่องกง  ประเภทไม่ด้อยสิทธิไม่มีหลักประกัน   โดยเครดิตเรตติ้ง จาก Moody  /S&P/ Fitch   อยู่ที่ A3/BBB+/BBB+    Woori  Bank  (WOORIB )  ตราสารเป้าหมายที่กองทุนจะลงทุนเป็นหุ้นกู้ทั่วไปประเภท  Euro  MTN  สกุล  USD  ประเภทไม่ด้อยสิทธิ  ไม่มีหลักประกัน  โดยเครดิตเรตติ้ง จาก Moody /S&P  อยู่ที่ A1 /A-  และบจ.น้ำตาลมิตรผล  (MPSC )  ตราสารเป้าหมายที่กองทุนจะลงทุนเป็นหุ้นกู้ทั่วไป สกุลเงินบาทประเภทไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน   โดยเครดิตเรตติ้งจาก  TRIS  อยู่ที่  A+

สำหรับแนวโน้ม ภาวะตลาดตราสารหนี้ไทยในช่วงที่ผ่านมา มีแนวโน้มที่อัตราผลตอบแทนจะปรับลดลงจากปริมาณพันธบัตรออกประมูลใหม่มีน้อยกว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้ ขณะที่เริ่มมีแรงซื้อสะสมของนักลงทุนสถาบันในประเทศและนักลงทุนต่างประเทศ โดยมีปัจจัยสนับสนุนจากตัวเลขเศรษฐกิจของไทยและอัตราเงินเฟ้อที่ยังมีทิศทางชะลอตัวต่อเนื่อง ขณะที่ปัญหาการเมืองในสหรัฐอเมริกา และตัวเลขชี้นำเศรษฐกิจของประเทศที่พัฒนาแล้ว รวมถึงจีน ส่งสัญญาณชะลอตัวและมีความไม่แน่นอนสูง  ทำให้นักลงทุนหันมาลงทุนในตราสารหนี้เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะตราสารหนี้ระยะกลางถึงยาว

สำหรับตราสารหนี้ภาคเอกชน ในช่วง 1-2 เดือนนี้จะมีการทยอยขายในตลาดแรก ซึ่งจะให้ผลตอบแทนส่วนเพิ่มประมาณ 100 – 120 bp เมื่อเทียบกับพันธบัตรรัฐบาลรุ่นอายุเดียวกัน เช่น ตราสารเอกชนรุ่นอายุ 5 ปี  ที่มีอันดับเครดิตในประเทศ A จะได้ให้ผลตอบแทนประมาณ 4.50 – 4.70% ต่อปี    ก่อนหักภาษี  ณ ที่จ่าย  ในขณะที่ พันธบัตรรัฐบาลรุ่นอายุ 5 ปี  ปัจจุบันให้ผลตอบแทนประมาณ 3.5% ต่อปี   
« Last Edit: October 15, 2013, 07:25:59 AM by MSN »