happy on June 20, 2018, 05:09:45 PM
ไอเอฟเอส เปิดตัว ไอเอฟเอส แอพพลิเคชั่นส์ 10  ปรับโฉมอินเทอร์เฟสใหม่
พัฒนาจากเทคโนโลยีเอไอ เน้นการมีส่วนร่วมของผู้ใช้ และเพิ่มฟังก์ชันการทำงานมากกว่า 500 รายการ


•   การแสดงผลที่สวยงามและการโต้ตอบรูปแบบใหม่ช่วยเสริมประสิทธิภาพการทำงานและความเพลิดเพลินให้กับผู้ใช้ ไอเอฟเอส แอพพลิเคชั่นส์ 10 (IFS Applications 10) มากยิ่งขึ้น
•   พัฒนาคุณสมบัติใหม่ขึ้นมาหลายรายการ อาทิ แชทบ็อต เอไอ และความสามารถที่เน้นบริการเป็นศูนย์กลาง รวมทั้งปรับเพิ่มประสิทธิภาพให้กับฟังก์ชันการทำงานอีกนับร้อยรายการในทุกส่วนของโซลูชันนี้
•   ไอเอฟเอสยังคงมุ่งมั่นนำเสนอทางเลือกให้กับลูกค้าอย่างต่อเนื่อง กล่าวคือ ไอเอฟเอส แอพพลิเคชั่น 10 (IFS Applications 10) ที่พร้อมรองรับการใช้งานบนระบบคลาวด์ หรือภายในองค์กรโดยตรง



ไอเอฟเอส แถลงทิศทางบริษัทฯ คุณกิตติศักดิ์ (ซ้าย) และคุณศรีดาราน (ขาว)

                        ไอเอฟเอส บริษัทระดับโลกด้านแอพพลิเคชันสำหรับองค์กร เปิดตัว ไอเอฟเอส แอพพลิเคชั่นส์ 10 (IFS Applications™ 10) ชุดแอพพลิเคชันสำหรับองค์กรเวอร์ชันใหม่ภายในงาน IFS World Conference ณ เมืองแอตแลนตา ประเทศสหรัฐอเมริกา โซลูชันนี้สร้างขึ้นเพื่อช่วยให้ลูกค้าสามารถนำแนวโน้มอุตสาหกรรมที่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างมากมาประยุกต์ใช้งานให้เกิดประโยชน์กับองค์กร เช่น ระบบการทำงานอัตโนมัติ อุปกรณ์ที่มีการเชื่อมต่อระหว่างกันผ่านอินเทอร์เน็ต หรือ ไอโอที (IoT) และบริการภิวัตน์ โดยเวอร์ชันใหม่นี้จะช่วยให้บริษัทต่างๆ สามารถเชื่อมต่อธุรกิจของตนเข้ากับแบ็คโบนดิจิทัลได้

สิ่งใหม่ๆ ในไอเอฟเอส แอพพลิเคชั่นส์ (IFS Applications) มีดังนี้


•      ไอเอฟเอส ออรีนา (IFS Aurena): ประสบการณ์การใช้งานรูปแบบใหม่สำหรับผู้ใช้ผ่านเบราว์เซอร์ในรูปของอินเทอร์เฟสที่ใช้งานง่ายและเปี่ยมด้วยมีประสิทธิภาพ ไอเอฟเอส ออรีนา (IFS Aurena) ได้รับการออกแบบให้ตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคเป็นหลักเพื่อกระตุ้นให้พนักงานเข้ามามีส่วนร่วมและเสริมสร้างประสิทธิภาพการทำงานให้เพิ่มมากขึ้น ไอเอฟเอส ออรีนา (IFS Aurena) ได้เปิดตัวเป็นครั้งแรกสำหรับผู้ใช้ในกลุ่มบริษัทแบบบีทูบี (B2B) และผู้ใช้ทั่วไป ซึ่งถูกพัฒนาต่อยอดจากแนวคิดหลักของไอเอฟเอสที่ต้องการสร้างสรรค์แอพพลิเคชันสำหรับองค์กรที่ยืดหยุ่นและมีประสิทธิภาพ

•   การสื่อสารโต้ตอบระหว่างมนุษย์และเครื่องจักร/ เอไอ ไอเอฟเอส แอพพลิเคชั่นส์ 10 (IFS  Applications 10) พัฒนาขึ้นจากเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ หรือ เอไอ (AI) โดยมาพร้อมกับไอเอฟเอส ออรีนา บอต (IFS Aurena Bot) ที่ช่วยให้ผู้ใช้สามารถโต้ตอบกับระบบผ่านเสียงหรือการป้อนข้อความด้วยวิธีที่มีประสิทธิภาพและใช้งานง่าย พนักงานและผู้จัดการสามารถใช้ ไอเอฟเอส ออรีนา บอต (IFS Aurena Bot) เพื่อถามคำถามในลักษณะที่เป็นภาษาธรรมชาติ รวมถึงทำธุรกรรมต่างๆ เช่น การบันทึกข้อมูลลาหยุดงานหรือการยื่นหนังสือลาออก ไอเอฟเอส ออรีนา บอต (IFS Aurena Bot) สามารถเข้าถึงได้จากเครื่องมือสื่อสารยอดนิยม เช่น สไกป์ (Skype) สไกป์ ฟอร์ บิซิเนส (Skype for Business) และ เฟซบุ๊ก แมสเซนเจอร์ (Facebook Messenger) รวมถึงจากภายในพื้นที่ใช้งานของผู้ใช้ด้วย

•      ความสามารถที่เน้นบริการเป็นศูนย์กลาง ไอเอฟเอส แอพพลิเคชั่นส์ 10 (IFS Applications 10) ได้รับการปรับปรุงครั้งใหญ่เพื่อสนับสนุนองค์กรที่มุ่งเน้นการให้บริการ โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับผู้ผลิตที่มีการให้บริการหรือการดำเนินงานหลังการขาย รวมถึงบริษัทผู้ให้บริการต่างๆ ที่ต้องการชุดแอพพลิเคชันระดับองค์กรแบบครบวงจรที่สามารถปรับแต่งให้เหมาะกับโมเดลการดำเนินธุรกิจของตนได้ การปรับปรุงที่สำคัญดังกล่าว ได้แก่ ความสามารถในการบริหารจัดการงานบริการและใบเสนอราคาตามสัญญาภายในโมดูลซีอาร์เอ็ม (CRM) ได้โดยตรง การสนับสนุนการทำงานที่มีผู้ปฏิบัติงานหลายคนและมีการดำเนินงานหลายอย่างพร้อมกันได้อย่างมีประสิทธิภาพ การพัฒนาอย่างต่อเนื่องใน ไอเอฟเอส โมบาย เวิร์ก ออเดอร์ (IFS Mobile Work Order) การบริหารจัดการและการแสดงให้เห็นภาพของความต้องการและการใช้ประโยชน์ทรัพยากรที่ดียิ่งขึ้น การควบคุมต้นทุนและการบัญชี WIP ตลอดจนความสามารถใหม่ๆ อีกมากมายที่พร้อมรองรับการดำเนินงานของลูกค้าตลอดวงจรชีวิตของบริการและการบริหารจัดการงานที่ว่าจ้างคู่สัญญาภายนอก

•      เอ็มอาร์พี (MRP) ที่ขับเคลื่อนตามความต้องการ (Demand-driven MRP: DDMRP): DDMRP เป็นส่วนขยายของ เอ็มอาร์พี (MRP) แบบดั้งเดิมที่ช่วยให้บริษัทต่างๆ สามารถรับมือกับความท้าทายในปัจจุบันอันเกิดจากวงจรชีวิตผลิตภัณฑ์ที่สั้น ระยะเวลาในการรอคอยการส่งมอบสินค้าที่ยาวนาน และรูปแบบความต้องการที่มีความแตกต่างกันอย่างมาก เมื่อนำกลยุทธ์การสำรองสินค้าอย่างเป็นระบบเข้ามาใช้ภายในองค์กร บริษัทต่างๆ สามารถลดระยะเวลาในการส่งมอบสินค้าและตอบสนองความต้องการได้มากขึ้นกว่าเดิมโดยไม่ต้องตกอยู่ภายใต้สถานการณ์ที่ไม่แน่นอนจากการคาดการณ์ในรูปแบบเดิม โซลูชันแบบฝังตัวในระบบของไอเอฟเอสได้รับการรับรองและอนุมัติจากสถาบันดีมานด์ ดรีฟเวน (Demand Driven Institute) ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความสามารถของไอเอฟเอสในการนำเสนอการดำเนินงานที่มีประสิทธิภาพคุ้มค่าอย่างแท้จริง

•      ฟังก์ชันการผลิต เวอร์ชันใหม่นี้ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพที่สำคัญในด้านการสนับสนุนกระบวนการผลิต รวมถึงความสามารถใหม่ๆ ด้านการตรวจสอบย้อนกลับ การจัดการคุณภาพ การจัดการสูตรการผลิต การสร้างสมดุลให้กับรอบการผลิตแต่ละล็อต การยกเครื่องรูปแบบการทำงาน และการจัดการด้านการค้า คุณสมบัติที่เพิ่มเติมเข้ามานี้ช่วยให้ผู้ผลิตสามารถใช้ประโยชน์จากกระบวนการดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชันได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น

•      เพิ่มประสิทธิภาพให้กับธุรกิจทั่วโลก ไอเอฟเอส แอพพลิเคชั่นส์ 10 (IFS Applications 10) พร้อมช่วยสนับสนุนธุรกิจทั่วโลกด้วยเครื่องมือที่สร้างขึ้นใหม่สำหรับการบริหารจัดการภาษีที่ครอบคลุมทั่วโลก ความสามารถในการรองรับการดำเนินงานของบริษัทหลายแห่งพร้อมกัน รวมถึง การสนับสนุนบัญชีแยกประเภทในลักษณะคู่ขนานกันอย่าางเป็นระบบ

•      เอพีไอ (API) ที่ทันสมัยและรองรับระบบคลาวด์ เอพีไอ (API) แบบเปิดที่พร้อมรองรับบริการขนาดเล็ก ซึ่งพัฒนาขึ้นตามหลักการ RESTful ล่าสุดและมาตรฐาน OASIS oData เพื่อผสานรวมข้อมูลและกระบวนการต่างๆใน ไอเอฟเอส แอพพลิเคชั่นส์ (IFS Applications) เข้ากับเทคโนโลยีไอโอที และ เอไอ ไมโครซอฟท์ ออฟฟิศ 365 รวมถึงเทคโนโลยีระบบคลาวด์ที่ทันสมัยอื่นๆ และโซลูชัน แซส (SaaS)




                        "เรารู้สึกยินดีอย่างยิ่งที่ได้เปิดตัว ไอเอฟเอส แอพพลิเคชั่นส์ 10 (IFS Applications 10) ซึ่งพร้อมช่วยลูกค้าให้สามารถใช้ประโยชน์จากแนวโน้มเทคโนโลยีที่สำคัญๆ เช่น ระบบการทำงานอัตโนมัติ อุปกรณ์ที่เชื่อมต่อระหว่างกันผ่านอินเทอร์เน็ต และบริการภิวัฒน์" นายดาร์เรน รอส ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายบริหาร (ซีอีโอ) ของบริษัท ไอเอฟเอส กล่าวและว่า "เวอร์ชันใหม่นี้ได้รับการพัฒนาขึ้นภายใต้ความร่วมมือกันอย่างใกล้ชิดกับลูกค้าของเรา และพร้อมนำเสนอนวัตกรรมมากมายออกสู่ตลาดเพื่อสร้างมูลค่าสูงสุดให้กับธุรกิจได้ตั้งแต่วันแรกที่มีการปรับใช้

                        นายแดน แมทธิวส์ ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายเทคโนโลยี (ซีทีโอ) บริษัท ไอเอฟเอส กล่าวว่า "เวอร์ชันใหม่นี้มีความสามารถใหม่ๆ เพิ่มมากกว่า 500 รายการ ซึ่งรวมถึงอินเทอร์เฟสใช้งานสำหรับผู้ใช้ที่สมบูรณ์แบบและคุณสมบัติที่เปี่ยมประสิทธิภาพสำหรับองค์กรที่เน้นบริการเป็นศูนย์กลาง ซึ่งออกแบบมาเพื่อช่วยให้ผู้ใช้เข้ามามีส่วนร่วมกับธุรกิจและเชื่อมต่อผู้คนและกระบวนการต่างๆ เข้ากับแบ็คโบนดิจิทัล อันทันสมัยได้อย่างสมบูรณ์แบบ การผสานรวมคุณสมบัติใหม่ของไอเอฟเอส แอพพลิเคชั่น 10 (IFS Applications 10) เข้ากับนวัตกรรมล่าสุด เช่น ไอโอทีและสถาปัตยกรรมแอพพลิเคชันแบบเลเยอร์ ทำให้เราสามารถนำเสนอโซลูชันทางธุรกิจที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวได้อย่างแท้จริง

                        ขณะนี้มีลูกค้ากลุ่มแรกจำนวน 5 รายที่ได้ปรับใช้ไอเอฟเอส แอพพลิเคชั่น 10 ( IFS Applications 10) เรียบร้อยแล้วและมีความคิดเห็นมากมายเกี่ยวกับเวอร์ชันนี้ โดยบริษัทดังกล่าว ได้แก่ บริษัท ชีฟ อินดัสตรีส์ อิงค์ (Chief Industries, Inc.) (สหรัฐอเมริกา) บริษัท แฮ็กโพล (Hexpol) (สวีเดน) บริษัท พอร์ตสเม้าท์ เอเวียชั่น (Portsmouth Aviation) (สหราชอาณาจักร) บริษัท โวแลก ( Volac) (สหราชอาณาจักร) และ บริษัท วอลมอนต์ อินดัสตรีส์ (Valmont Industries) (สหรัฐอเมริกา)                       

                        นายเนวิลล์ แชปแมน ผู้อำนวยการฝ่ายพัฒนาธุรกิจบริษัท โวแลก (Volac) กล่าวว่า "ข้อดีที่สำคัญประการหนึ่งของ ไอเอฟเอส แอพพลิชั่นส์ 10 คือประสบการณ์การใช้งานแบบใหม่ที่ชื่อว่า ไอเอฟเอส ออรีนา สิ่งนี้ช่วยให้ผู้ใช้สามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพบนอุปกรณ์เครื่องใดก็ได้ตลอดเวลา เรารู้สึกตื่นเต้นอย่างมากที่มีโอกาสได้ใช้คุณสมบัตินี้ร่วมกับฟังก์ชัน ไอเอฟเอส ล๊อบบี้ (IFS Lobby) ที่ช่วยให้ผู้ใช้สามารถเข้าถึงข้อมูลที่สำคัญในการทำงานได้อย่างง่ายดาย ขณะนี้เรากำลังพัฒนาแดชบอร์ด เคพีไอ (KPI) เชิงกลยุทธ์แบบกราฟิกที่จะช่วยดึงข้อมูลจาก ไอเอฟเอส โดยตรงและสามารถเจาะลึกข้อมูลที่เกี่ยวข้องได้อย่างละเอียดด้วย การใช้แดชบอร์ดดังกล่าวร่วมกับ ล๊อบบี้ ที่นำเสนอข้อมูลการปฏิบัติงานและข้อมูลประสิทธิภาพที่เกี่ยวข้องได้อย่างรวดเร็ว ทำให้เชื่อได้ว่าเราจะสามารถสร้างมูลค่าอันแท้จริงได้จากการลงทุนในระบบของเรา การทำงานกับไอเอฟเอสผ่านโครงการ เออรี อะด็อบเตอร์ โปรแกรม (Early Adopter Program) และการมีส่วนร่วมในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ในครั้งนี้ถือเป็นประสบการณ์ที่ดีเยี่ยมและเราหวังว่าจะได้ทำงานร่วมกันต่อไปอีก

                        นอกจากนี้ ไอเอฟเอส แอพพลิเคชั่น 10 ยังประสบความสำเร็จในตลาดด้วยการบรรลุข้อตกลงด้านการขายที่สำคัญกับบริษัทหลายแห่ง ได้แก่ ลา โพสต์ (La Poste) ธุรกิจไปรษณีย์ในประเทศฝรั่งเศส ซาบ (Saab) บริษัทรักษาความปลอดภัยและความมั่นคงระดับโลก ลอฟเบิร์กส์ ลิลา (Löfbergs Lila) ผู้ผลิตกาแฟชั้นนำสัญชาติสวีเดน  แมกซอน มอเตอร์ (maxon motor) ผู้ผลิตไมโครมอเตอร์จากสวิตเซอร์แลนด์ และ Bergene Holm AS บริษัทด้านป่าไม้ในนอร์เวย์ เป็นต้น

                        ทั้งนี้ ไอเอฟเอส แอพพลิเคชั่นส์ 10 มีพร้อมให้บริการในรูปของการบริการที่มีการจัดการในระบบคลาวด์เช่นเดียวกับซอฟต์แวร์ในรูปแบบบริการ (SaaS) และการใช้งานภายในองค์กร

###

เกี่ยวกับไอเอฟเอส

                         ไอเอฟเอส (IFS™) เป็นผู้พัฒนาและนำเสนอซอฟต์แวร์สำหรับองค์กรเพื่อลูกค้าทั่วโลกที่ดำเนินธุรกิจด้านการผลิตและจัดจำหน่ายสินค้า ตลอดจนให้การสนับสนุนด้านการดูแลสินทรัพย์ รวมถึงการดำเนินงานที่ให้ความสำคัญกับการบริการเป็นหลัก ด้วยโซลูชันและบุคลากรที่มีความเชี่ยวชาญอย่างมากในอุตสาหกรรม ประกอบกับความมุ่งมั่นในการตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้า ทำให้ไอเอฟเอสกลายเป็นผู้นำตลาดและซัพพลายเออร์ที่ได้รับการแนะนำบอกต่อมากที่สุดในภาคส่วนอุตสาหกรรมที่เรากำลังทำตลาดอยู่ ทั้งนี้ บริษัทมีพนักงาน 3,500 คนที่พร้อมให้บริการผู้ใช้ทั่วโลกที่มีจำนวนมากกว่า 1 ล้านรายผ่านเครือข่ายสำนักงานสาขาในเขตพื้นที่ต่างๆ และผ่านระบบเครือข่ายพันธมิตรที่กำลังขยายตัวอย่างต่อเนื่อง สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม โปรดไปที่เว็บไซต์: IFSworld.com

ติดตามเราทาง Twitter: @ifsworld

เยี่ยมชมบล็อกของไอเอฟเอสเกี่ยวกับเทคโนโลยี นวัตกรรม และผลงานสร้างสรรค์ต่างๆ: http://blog.ifsworld.com/




IFS Applications 10 launches with new, engaging user-experience and 500+ functional updates

•   Stunning visuals and new interaction patterns empower users to be more productive however they prefer to access IFS Applications 10
•   Innovative new features—including AI chatbot and enhanced service-centric capabilities—plus hundreds of functional improvements across all solution areas
•   IFS remains committed to customer choice: IFS Applications 10 available in the cloud or on-premise



ไอเอฟเอส แถลงทิศทางบริษัทฯ คุณกิตติศักดิ์ (ซ้าย) และคุณศรีดาราน (ขาว)

                        IFS, the global enterprise applications company, today launched IFS Applications™ 10, the new version of its enterprise applications suite at the IFS World Conference in Atlanta. Built to help customers capitalize on disruptive industry trends such as automation, connected devices (IoT), and servitization, the new version helps companies connect their business to a digital backbone.

New to IFS Applications 10 are:


•      IFS Aurena: A state-of-the-art browser-based user experience that offer users an intuitive interface. IFS Aurena employs a consumer-first design to drive employee engagement and productivity. Introduced first for business-to-business and casual users, IFS Aurena will continue to evolve at a high pace using IFS’s concept for evergreen enterprise applications.

•      AI/human-machine interaction: Drawing on artificial intelligence (AI) technology, IFS Applications 10 features the IFS Aurena Bot that empowers users to interact with the system via voice or textual input in an intuitive and efficient way. IFS Aurena Bot can be used by employees and managers to ask questions in natural language, as well as perform transactions such as registering absence or applying for leave. IFS Aurena Bot can be accessed from popular communications tools such as Skype, Skype for Business, and Facebook Messenger, as well as from within the IFS Aurena user experience.

•      Service-centric capabilities: IFS Applications 10 includes major investments to support service-focused organizations, especially for manufacturers with service or aftermarket operations as well as service companies that need an integrated enterprise applications suite tailored to their business model. Among the major updates in this area are the ability to manage service work and contract quotations directly in the CRM module, enhanced support for multi-person and multi-occurrence work execution, continued investment in IFS Mobile Work Order, better management and visualization of resource demand and utilization, cost control and WIP accounting along with new capabilities to engage with customers across the service lifecycle and manage work outsourced to contractors.

•      Demand-driven MRP (DDMRP): DDMRP is an extension of traditional MRP that helps companies deal with today’s challenges caused by short product lifecycles, long lead times and high demand variability. By introducing strategic inventory buffers, companies can reduce lead times and become increasingly demand-driven instead of having to rely on uncertain forecasts. IFS’s embedded solution has been validated and approved by the Demand Driven Institute, which demonstrates IFS’s ability to offer cost-efficient implementations.

•      Manufacturing functionality: The new version boasts major enhancements to support process manufacturing, including new and extended capabilities for traceability, quality management, recipe and formula management, batch balancing, rework, and trade management. The extended features empower manufacturers leverage digital transformation into increased efficiency.

•      Enhancements for global business: To offer extended support for globalized businesses, IFS Applications 10 features a completely rebuilt engine for global tax management, more multi-company capabilities, as well as robust support for parallel ledgers.

•      Modern and cloud-friendly APIs: Open micro-service organized APIs, built according to the latest RESTful principles and the OASIS oData standard, ensure easy integration of data and processes in IFS Applications with IoT and AI technologies, Microsoft Office365, and most other modern cloud technologies and SaaS solutions.




“We are thrilled to launch IFS Applications 10, which has been built to help customers capitalize on major trends such as automation, connected devices, and servitization,” IFS CEO Darren Roos said. “The new core version has been developed in close collaboration with our customers and brings to market a vast amount of innovation that will ensure maximum business value from day one.”

IFS CTO Dan Matthews added, “The new version contains more than 500 new capabilities, including a completely reimagined user experience and powerful features for service-centric organizations, all designed to help users engage with the business and connect people and processes to a modern digital backbone. By combining the new features of IFS Applications 10 with recent innovations like IoT and layered application architecture, we are able to offer a truly unique business solution.”

IFS Applications 10 has already been implemented by five early adopter customers who have also provided feedback on the system. Representing a range of different industries and geographies, the early adopters are Chief Industries, Inc. (USA), Hexpol (Sweden), Portsmouth Aviation (UK), Volac (UK), and Valmont Industries (USA).

Volac Business Development Director Neville Chapman said, “One of the major benefits of IFS Applications 10 has been the new user experience IFS Aurena, which empowers users to work efficiently on any device and at any time.  We are excited to use this, together with the IFS Lobby functionality, to enable users to easily access the information they need to do their jobs. We are developing visual strategic KPI dashboards that pull information direct from IFS and allow drill down through to the relevant data. Using these dashboards, together with relevant operational and performance information Lobbies we expect to drive real value out of our system investment. Working with IFS through the Early Adopter Program and being able to influence the development of the product has been a very positive experience and we look forward to continuing our collaboration.”

IFS Applications 10 has also garnered early commercial success through major sales agreements with French postal service company La Poste, global defense and security company Saab, leading Swedish coffee producer Löfbergs Lila, Swiss micromotor producer maxon motor, and Norwegian timber corporation Bergene Holm AS to name a few.

IFS Applications 10 is available as a managed service in the cloud, as Software as a Service (SaaS) and on premise.
                       
                       
###

About IFS

                         IFS™ develops and delivers enterprise software for customers around the world who manufacture and distribute goods, maintain assets, and manage service-focused operations. The industry expertise of our people and solutions, together with commitment to our customers, has made us a recognized leader and the most recommended supplier in our sector. Our team of 3,500 employees supports more than ten thousand customers worldwide from a network of local offices and through our growing ecosystem of partners. For more information, visit: IFSworld.com
Follow us on Twitter: @ifsworld

Visit the IFS Blog on technology, innovation and creativity: http://blog.ifsworld.com/
« Last Edit: June 20, 2018, 05:22:55 PM by happy »