ทอท. และ ททท.ลงนามในบันทึกข้อตกลงความร่วมมือเป็นพันธมิตรธุรกิจ
บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ ทอท. จัดพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงว่า ด้วยความร่วมมือระหว่าง ทอท.กับการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) โดยมี นายพงศ์ศักติฐ์ เสมสันต์ รองประธานกรรมการ ทอท.รักษาการผู้อำนวยการใหญ่ และ นายสุรพล เศวตเศรนี ผู้ว่าการ ททท.เป็นผู้ลงนาม ในวันศุกร์ที่ 23 สิงหาคม 2556 ณ โรงแรมคอนราด กรุงเทพมหานคร
นายพงศ์ศักติฐ์ เสมสันต์ รองประธานกรรมการ ทอท.รักษาการผู้อำนวยการใหญ่ เปิดเผยว่า ทอท. ได้ดำเนินกิจการท่าอากาศยานเพื่อให้เป็นโครงสร้างพื้นฐานสนับสนุนธุรกิจสาขาต่างๆ ของประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการท่องเที่ยว ดังนั้น ทอท.จึงได้พัฒนากายภาพของท่าอากาศยาน และสิ่งอำนวยความสะดวกให้เพียงพอต่อความต้องการ และเพื่อความปลอดภัยของผู้ใช้บริการทั้งสายการบินและผู้โดยสาร ในขณะเดียวกัน ทอท.ได้ทำการตลาดเชิงรุก เพื่อเชิญชวนสายการบินให้เพิ่มเที่ยวบินและผู้โดยสารมาใช้บริการ ณ ท่าอากาศยานในความรับผิดชอบของ ทอท.ได้แก่ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ (ทสภ.) ท่าอากาศยานดอนเมือง (ทดม.) ท่าอากาศยานเชียงใหม่ (ทชม.) ท่าอากาศยานแม่ฟ้าหลวง เชียงราย (ทชร.) ท่าอากาศยานภูเก็ต(ทภก.) และท่าอากาศยานหาดใหญ่(ทหญ.)
นายพงศ์ศักติฐ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า ท่าอากาศยานและการท่องเที่ยว จึงเป็นกิจการที่ ส่งเสริมซึ่งกันและกัน อย่างไรก็ตามในปัจจุบันประเทศต่างๆ ได้ให้ความสำคัญต่อกิจการ ขนส่งทางอากาศ และการส่งเสริมการท่องเที่ยว ซึ่งมี ท่าอากาศยานเป็นองค์ประกอบหลัก เนื่องจากสามารถสร้างรายได้เป็นจำนวนมากให้กับประเทศ ประกอบกับประเทศไทยจะเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนในปี พ.ศ.2558 ซึ่งประเทศไทยได้รับมอบหมายให้ดูแลสาขาท่องเที่ยวและสาขาการบิน ดังนั้น การทำงานร่วมกันระหว่าง ทอท.กับ ททท. จึงต้องมีกรอบแนวทางที่ชัดเจนโดยเฉพาะความร่วมมือด้านการตลาด เพื่อหาแนวทางในการเพิ่มจำนวนนักท่องเที่ยวและเพิ่มปริมาณเที่ยวบินจากต่างประเทศมายังสถานที่ท่องเที่ยวเป้าหมาย จึงได้มีการลงนามบันทึกข้อตกลงว่าด้วยความร่วมมือระหว่าง ทอท.กับ ททท. เพื่อเป็นพันธมิตรธุรกิจ โดยมีแนวทางการดำเนินงานหลักคือ การร่วมกันกำหนดยุทธศาสตร์ ในการเจาะกลุ่มเป้าหมายที่มีศักยภาพและส่งเสริมการท่องเที่ยวตลอดจนการเตรียมความพร้อมในการรองรับ ปริมาณนักท่องเที่ยวที่เพิ่มมากขึ้น และการเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจ อาเซียน (AEC) ของประเทศไทยในปี พ.ศ.2558 ทั้งนี้ บันทึกข้อตกลงนี้มีผลใช้บังคับเป็นระยะเวลา 3 ปี ตั้งแต่วันที่ 1 กันยายน 2556 ถึงวันที่ 31 สิงหาคม 2559 ทอท.เชื่อมั่นว่า บันทึกข้อตกลงว่าด้วยความร่วมมือฯ ดังกล่าว จะมีประโยชน์ต่อทุกฝ่าย ไม่ว่าจะเป็น สายการบินและนักท่องเที่ยว ที่ได้รับประโยชน์จากการส่งเสริมทางการตลาด สำหรับชุมชนและภาคเอกชน ที่ได้รับประโยชน์จากการที่มีนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้น ซึ่งจะส่งผลดีต่อเศรษฐกิจของประเทศโดยรวม