EARTH ไม่ธรรมดางบครึ่งปีโตต่อเนื่องกำไรแตะ 676.41 ลบ.ส่วนรายได้ทะยาน 7,179 พันล.
บมจ.เอ็นเนอร์ยี่ เอิร์ธ หรือ EARTH เดินมาครึ่งทางแล้ว โชว์งบครึ่งแรกปี 56 กำไรพุ่งกระฉูดอยู่ที่ 676.41 ล้านบาท เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 584.15 ล้านบาท ส่วนรายได้โตเกินกว่าเป้าคิดเป็นจำนวน 7,179.29 ล้านบาท หรือมีอัตราการเพิ่มขึ้น 66.87% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้รวมอยู่ที่ 4,302.17 ล้านบาท "ขจรพงศ์ คำดี" ระบุเทรนด์ธุรกิจถ่านหินต่อจากนี้ยังขยายตัวได้อย่างต่อเนื่อง มั่นใจทำผลงานปีนี้โตตามเป้า 14,000 ล้านบาท
นายขจรพงศ์ คำดี กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอ็นเนอร์ยี่ เอิร์ธ จำกัด (มหาชน) หรือ EARTH เปิดเผยถึง ผลประกอบการงวด 6 เดือน สิ้นสุด ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2556 บริษัทและบริษัทย่อยมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 676.41 ล้านบาท เทียบจากงวดเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 584.15 ล้านบาท คิดเป็นอัตราการขยายตัวเพิ่มขึ้น 15.79 % ขณะที่รายได้รวมปรากฎว่าเพิ่มขึ้นเป็นจำนวน 7,179.29 ล้านบาท หรือคิดเป็นอัตราการเพิ่มขึ้น 66.87% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้รวมอยู่ที่ 4,302.17 ล้านบาท
สำหรับสาเหตุที่ผลประกอบการงวด 6 เดือนแรกของปีนี้มีการเติบโตอย่างมาก เนื่องจากบริษัทประสบความสำเร็จในการจัดจำหน่ายถ่านหินทั้งตลาดในและต่างประเทศ อีกทั้งบริษัทยังมีขีดความสามารถในการจัดส่งถ่านหินได้ตามคำสั่งซื้อจากลูกค้า เนื่องจากมีเหมืองถ่านหินของตัวเอง ส่งผลให้บริษัทมียอดขายเพิ่มสูงขึ้นอย่างมีนัยสาคัญ
"รายได้รวมงวดครึ่งแรกปี 2556 ของ EARTH ถือว่าเติบโตอย่างโดดเด่น ซึ่งเกินกว่าเป้าที่ตั้งไว้มาก โดยปีนี้เราตั้งไว้รายได้รวมไว้ที่ 14,000 ล้านบาท จากปี 2555 ที่มีรายได้จำนวน 10,400 ล้านบาท แต่เพียงครึ่งปีแรกเราก็ทำรายได้ได้เกินกว่าครึ่งของทั้งปีที่ตั้งไว้ และไตรมาสที่เหลือของปีนี้ผลการดำเนินงานของบริษัทจะสามารถเติบโตได้อย่างต่อเนื่องเช่นกัน และทำให้มั่นใจว่ารายได้รวมในปีนี้จะเป็นไปตามเป้าที่ 14,000 ล้านบาท ขณะที่ปริมาณการจำหน่ายถ่านหินปีนี้คาดว่าน่าจะอยู่ที่ 8 ล้านตันต่อปีตามเป้าหมายที่วางไว้ได้เช่นกัน"
สำหรับแนวโน้มของธุรกิจพลังงานถ่านหินยังมีศักยภาพที่จะเติบโตได้อีกมาก เนื่องจากปัจจุบันผู้ประกอบการในหลายอุตสาหกรรมต้องการที่จะลดต้นทุนทางการผลิตลงซึ่งถ่านหินจึงเป็นทางเลือกที่น่าสนใจ โดยประเมินว่าราคาถ่านหิน ณ ปัจจุบันน่าจะใกล้ถึงจุดต่ำสุดแล้ว และเชื่อว่าในปี 2557 จะเป็นปีทองของธุรกิจถ่านหิน ซึ่งราคามีแนวโน้มปรับตัวเพิ่มขึ้นแบบค่อยเป็นค่อยไป เพราะเชื่อว่าถ่านหินยังเป็นเชื้อเพลิงที่แข่งขันได้ดีในตลาด และต้นทุนถูกกว่าเชื้อเพลิงประเภทอื่น
ปัจจุบันบริษัทมีปริมาณสำรองถ่านหินประมาณ 45.0 ล้านตัน แบ่งเป็นเหมืองที่ประเทศอินโดเนียเซียเหลือ 5.0 ล้านตัน เหมืองที่ประเทศพม่า 40.0 ล้านตัน และเหมือง Hary ซึ่งอยู่ระหว่างสำรวจพื้นที่เพื่อจัดทำ JORC คาดว่าจะมีปริมาณสำรอง 30-40 ล้านตัน ซึ่งถือว่าเพียงพอที่จะขายได้ในอีก 10 ปีข้างหน้า อย่างไรก็ตามบริษัทยังคงมองหาเหมืองแห่งใหม่เพิ่มมากขึ้น เพื่อให้เป็นไปตามแผน 5 ปีข้างหน้าจะมีปริมาณสำรองถ่านหินที่ 200 ล้านตัน