ส่องทัศน์ สะท้อนไทย โลกแห่งความรู้ในทศวรรษหน้ากับการก้าวสู่ปีที่ 31 กระจกหกด้าน
กระจกหกด้าน ก้าวเข้าสู่ปีที่ 31 จัดงานแสดงนิทรรศการ “ส่องทัศน์ สะท้อนไทย” คืนกำไรสู่สังคมถ่ายทอดเรื่องราวความเป็นมาผู้ผลิตรายการสารคดีน้ำดีในสังคมไทยสู่ผู้ชม โดยเฉพาะเยาวชนคนรุ่นใหม่พร้อมเดินหน้าสานต่อการผลิตเรื่องราวดีๆ ต่อไปอย่างไม่หยุดยั้ง ณ แกรนด์ฮอลล์ชั้น 1 สยามดิสคัฟเวอรี่
โดยภายในงานได้รับเกียรติจาก ดร.อักขราทร จุฬารัตน อดีตประธานศาลปกครองสูงสุด ร่วม พิธีเปิดงานนิทรรศการอย่างเป็นทางการ โดยมี สุชาดี มณีวงศ์ กรรมการผู้จัดการ และผู้ก่อตั้งบริษัท ทริลเลี่ยนส์ แอนด์ ทรีไลอ้อนส์ จำกัด และเจ้าของเสียงเอกลักษณ์ที่อยู่เคียงคู่กันมาตลอดของรายการกระจกหกด้าน ให้การต้อนรับ
ภายในจัดแสดงนิทรรศการประวัติความเป็นมาของการผลิตรายการ รวมทั้งกิจกรรมต่างๆ ที่น่าสนใจ อาทิ อบรมการพับกระดาษโอริกามิ,เพ้นท์ถุงผ้าลดโลกร้อน,จำหน่ายสินค้าราคาพิเศษ และ ร่วมถ่ายภาพจำลองชาวเขาเผ่าต่างๆ นอกจากนี้ยังมีเสวนาภายใต้หัวข้อ “ส่องทัศน์สะท้อนไทย โลกแห่งความรู้ในทศวรรษหน้า” โดยได้รับเกียรติจาก อาจารย์เผ่าทอง ทองเจือ คุณหมึก โรจ ควันธรรม และดีเจแมพ-คุณวงศธร ควันธรรม ร่วมกันบนเวที
อาจารย์เผ่าทอง ทองเจือ นักประวัติศาสตร์ และนักโบราณคดี กล่าวว่า “กระจกหกด้าน ถือเป็นรายการที่สำคัญ และเป็นตัวแทนของสารคดีอีกหลายๆ รายการ นอกจากภาพสวย เพลงไพเราะ บทดีสคริปท์ก็ถือเป็นเอกลักษณ์ของรายการกระจกหกด้านเรื่องภาษาไทยถูกต้องและกระชับรัดกุมถูกใจผู้ชมทุกยุคสมัยเลยทีเดียว โดยเฉพาะอย่างยิ่งในปัจจุบัน คนดูต้องการอะไรที่รวดเร็วและเข้าใจทันที”
มุมมองของ หมึก – โรจน์ ควันธรรม นักจัดรายการวิทยุ นักพากษ์ และพิธีกร กล่าวว่า "นอกจาก บทดีภาพสวย เนื้อหาสนุกน่าติดตามและเห็นจริงแล้วยังมีดนตรีประกอบเยี่ยมร่วมสมัย ดนตรีสำคัญที่สุดช่วยร้อยอารยธรรมในยุคต่างๆ จากรุ่นสู่รุ่นจะเล่าเรื่องเก่าจะต้องเล่าด้วยวิธีใหม่ๆ สรุปแล้วกระจกหกด้านเป็นสารคดีที่ดีมากเหมาะสำหรับทุกคน"
ตัวแทนคนรุ่นใหม่ ดีเจแมพ – วงศธร ควันธรรม นักจัดรายการวิทยุ พิธีกร และคอลัมน์นิสต์ กล่าวว่า "เมโลดี้ประจำรายการผมได้ยินมาตั้งแต่เด็กๆ ถือเป็นความโชคดีของผมด้วยที่อยู่ในช่วงคาบเกี่ยวของกระจกหกด้าน ได้โต ได้เห็นมา ถึงแม้จะไม่ได้ดูครบทุกตอน แต่ได้ดูย้อนหลังในสื่ออิเล็กทรอนิคส์ เสียงพากษ์ที่เป็นเอกลักษณ์ก็เป็นเสียงที่คุ้นเคย ผมว่าเป็นเสียงของการเล่าเรื่อง เพราะมีเนื้อหามีข้อความเรียงร้อยไปกับจังหวะดนตรี เป็นศาสตร์ๆ หนึ่งที่เข้าไปสู่ผู้คน คุณพ่อสอนผมมาตลอดตั้งแต่ตอนเริ่มทำงานใหม่ๆ ให้เก็บเรื่องราวต่างๆนำมารวบรวมแล้วเล่าออกไป ผมต้องดูกระจกหกด้าน ตั้งแต่วิธีการนำเสนอการเล่าเรื่อง บทสรุป กระจกหกด้านเป็นเหมือนคัมภีร์ไบเบิลของผมและเป็นแบบแผนที่ดีของการทำสารคดี"
"ท้ายที่สุดคงต้องขอฝากกับทางสถานีโทรทัศน์สีกองทัพบกช่อง 7 รายการจะอยู่ไม่ได้ถ้าไม่มีช่อง สิ่งที่เป็นห่วงคือช่อง 7กับกระจกหกด้านจะเสียประโยชน์ในเรื่องของการโฆษณา เพราะรายการไปอยู่ในสื่อย้อนหลังแล้วจะถูกตัดโฆษณาออกไปบางรายการใช้วิธีแอบแฝง แต่สำหรับกระจกหกด้านจะอยู่นิ่งๆ เลยคิดว่า น่าจะอยู่ตัวแล้ว เป็นรายการที่รู้จักประมาณตนเป็นรายการที่อยู่ยงคงกระพัน ผมขอฝากรายการกระจกหกด้านไว้ให้เป็นรายการสารคดีของคนไทย ช่วยกันดูแล ช่วยกันสนับสนุนต่อไป" อาจารย์เผ่าทอง กล่าวทิ้งท้าย