รวบรวมมือดีที่สุดของบอสตัน:
บริดเจส, เรย์โนลด์ส และชเวนท์เก้
มันคือเรื่องราวที่เป็นการมองผ่านสายตาของเจ้าหน้าที่ตำรวจบอสตัน นิค วอล์กเกอร์ ซึ่งเป็นตัวดึงคนดูให้ก้าวเข้าสู่สังคมของผู้พิทักษ์กฎหมายในอีกโลกหนึ่ง นิค ซึ่งเป็นตำรวจที่รู้ดีว่าจะทำงานกับระบบอย่างไร ต้องเสียรู้ราคาแพงเมื่อเขาถูกฆ่าตายในระหว่างปฏิบัติหน้าที่จับยาเสพติด ขณะต้องเผชิญหน้ากับการตัดสินชะตาครั้งสุดท้าย และยังไม่แน่ใจว่าวิญญาณของเขาจะไปลงเอยที่ไหน นิคได้รับข้อเสนอที่เขามิอาจปฏิเสธได้ นั่นก็คือการใช้ความสามารถในการตามล่าผู้ร้ายของเขา รับใช้อยู่ในหน่วยสยบพิฆาตวิญญาณนานหนึ่งร้อยปี หรือไปเผชิญกับการตัดสินที่ผลยังไม่แน่ชัดในชีวิตหลังความตาย นิคที่กระหายอยากหาตัวคนที่ฆ่าเขา และฝันว่าจะได้กลับไปหาภรรยา เลือกที่จะรับใช้หน่วยสยบพิฆาตวิญญาณ และเริ่มต้นการศึกษาชั่วนิรันดร์
ไรอัน เรย์โนลด์ส เข้าร่วมงานกับภาพยนตร์เรื่องนี้ตั้งแต่เริ่มแรก ด้วยการรับบทเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจหนุ่มที่มีเซอร์ไพรส์ใหญ่รอเขาอยู่ในชีวิตหลังความตาย เรย์โนลด์สที่กระตือรือร้นมากกับบทนี้ และยังเตรียมตัวมาเพื่อเผชิญกับงานแอ็กชั่นในการถ่ายทำ ยังเซ็นสัญญาเพื่อร่วมงานกับภาพยนตร์เรื่องนี้ในฐานะผู้อำนวยการสร้างบริหารอีกด้วย “บทภาพยนตร์เรื่องนี้ผ่านการพิจารณาซ้ำแล้วซ้ำอีก และในที่สุดก็ลงเอยที่เวอร์ชั่นปัจจุบัน” เรย์โนลด์สบอก “ผมชอบหนังสือการ์ตูนเรื่องนี้มาก และบทภาพยนตร์ของเราก็ยังคงไว้ซึ่งแก่นแท้ของมันรวมไปถึงโครงเรื่องพื้นฐานต่างๆ และใช้ลักษณะเช่นนั้น มีโศกนาฏกรรมบ้าง กับเรื่องรัก ที่ถูกห่อเอาไว้ในความเป็นภาพยนตร์ตลกที่มีเสน่ห์ ซึ่งเป็นงานที่สร้างได้ยากมาก”
เมื่อได้เรย์โนลด์สมารับบทเด่นหนึ่งในสองบทนำแล้ว โรเบิร์ต ชเวนท์เก้ ซึ่งเมื่อเร็วๆ นี้เป็นผู้กำกับภาพยนตร์บล็อกบัสเตอร์เรื่อง Red ซึ่งเป็นภาพยนตร์ตลกแอ็กชั่นที่สร้างจากหนังสือการ์ตูนเช่นกัน ได้เซ็นสัญญาเข้ามารับหน้าที่กำกับ R.I.P.D. ความสนใจที่ชเวนท์เก้มีต่อเรื่องราวนี้ รวมถึงจินตนาการที่เขามีต่อภาพยนตร์แอ็กชั่นผจญภัยเรื่องนี้ ได้สร้างความประทับใจให้กับมอริทซ์, ริชาร์ดสัน, ฟ็อตเทรลล์ และเรย์โนลด์ส เป็นอย่างมาก
มอริทซ์ ผู้เคยได้ดูผลงานภาพยนตร์เรื่องแรกของชเวนท์เก้ ซึ่งเป็นภาพยนตร์ทริลเลอร์ปี 2002 เรื่อง Tattoo รู้สึกกระตือรือร้นที่จะได้ร่วมงานกับผู้กำกับชาวเยอรมันผู้นี้อย่างมาก “ผมเคยได้พบโรเบิร์ตมาแล้วหลายครั้งซึ่งเกี่ยวกับภาพยนตร์เรื่องอื่นๆ แต่ผมไม่เคยกล่อมให้เขาตกลงมากำกับให้ได้เลย เมื่อ R.I.P.D. ปรากฏตัวขึ้น ผมรู้สึกว่าเราน่าจะได้ตัวเขามาร่วมงานด้วย และผมก็ดีใจที่ได้รับโทรศัพท์จากเขา” มอริทช์เล่า “เขาเป็นผู้กำกับที่น่าทึ่งอย่างมาก แต่สิ่งที่ผมชื่นชมมากที่สุดก็คือ เขารู้ว่าจะทำอย่างไรเพื่อเข้าให้ถึงหัวใจของหนัง เขาให้ทั้งภาพและฉากแอ็กชั่นที่ดูมหัศจรรย์มาก รวมไปถึงความสัมพันธ์อันยอดเยี่ยมระหว่างตัวละครสองตัวนี้ด้วย”
ริชาร์ดสันเห็นด้วยกับเพื่อนผู้อำนวยการสร้างของเขา โดยกล่าวว่า “ผมชอบเรื่อง Red จริงๆ นะ ฉะนั้นตอนที่ชื่อของโรเบิร์ตถูกเอ่ยขึ้นมา เราตื่นเต้นมากที่จะได้พูดคุยกับเขาเกี่ยวกับโปรเจ็กต์นี้ ผมคงต้องบอกว่าจินตนาการที่เขามีต่อภาพยนตร์เรื่องนี้คลิ๊กตรงใจผมเลย เราได้ฟังผู้กำกับหลายคนมาอธิบายงานให้ฟัง และพวกเขาต่างมีจุดแข็งที่เน้นไปยังองค์ประกอบไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง แต่โรเบิร์ตกลับมีวิสัยทัศน์ที่แท้จริงสำหรับภาพยนตร์เรื่องนี้ที่โดนใจพวกเราจริงๆ”
ในไม่ช้า ชเวนท์เก้ก็เริ่มปักหลักทำงานกับเฮย์และแมนเฟรดี้ และเริ่มต้นปรับแต่งตัวละครและการเล่าเรื่อง ซึ่งสำหรับเรื่องราวที่เป็นเรื่องเหนือธรรมชาติ และเดินเรื่องด้วยงานแฟนตาซีแบบนี้ ถือเป็นงานที่ลำบากไม่น้อย เฮย์เล่าว่า “โรเบิร์ต, แม็ตต์ และผมร่วมมือกัน ฉากหลักๆ ในภาพยนตร์เรื่องนี้ ซึ่งเป็นภาพยนตร์ตลกที่เดินเรื่องด้วยตัวละครจริงๆ และเป็นสิ่งที่ทำให้ภาพยนตร์เรื่องนี้แตกต่างจากเรื่องอื่นๆ ก็คือมันยังคงยึดมั่นกับงานที่ถูกเขียนเอาไว้ตั้งแต่แรกเริ่ม แต่เมื่อโรเบิร์ตเดินเข้ามา เขามีภาพจำเพาะที่ช่วยให้เรายกระดับเรื่องนี้ไปสู่อีกระดับหนึ่งได้ เขามีไอเดียที่เยี่ยมยอดมาก และเราก็รวมทุกอย่างเข้าด้วยกัน และสามารถใส่ทุกอย่างลงไปในบทภาพยนตร์ในแบบที่เราต้องการเสมอมาได้”
ช่วงเวลานี้กลับกลายเป็นเสมือนรางวัลสูงสุดสำหรับทีมงาน เมื่อทิศทางของภาพยนตร์เรื่องนี้มีความมั่นคง โดยเฉพาะเมื่อทางผู้สร้างพบว่าพวกเขาได้ตัวแฟนพันธุ์แท้อย่าง เจฟฟ์ บริดเจส นักแสดงเจ้าของรางวัลออสการ์ มาร่วมงานด้วยในบทนายอำเภอ รอยเซฟัส “รอย” พัลไซเฟอร์ หลังจากผ่านงานในหน่วยนี้มาอย่างโชกโชน รอยเริ่มรู้สึกเหนื่อยหน่าย จำเจ ด้วยสไตล์แบบฉายเดี่ยวและท่าทางเย่อหยิ่ง ผู้รักษากฎหมายแห่งหน่วย R.I.P.D ผู้นี้คือมือดีที่สุดในปฐพี และรู้จักกลเม็ดทุกรูปแบบในจักรวาลนี้
บริดเจสได้พบแฟนพันธุ์แท้ของเขาในตัวผู้อำนวยการสร้างมอริทซ์ ผู้ให้ความเห็นไว้ว่า “เจฟฟ์คือหนึ่งในนักแสดงที่ผมชื่นชอบที่สุดตลอดกาล เมื่อตอนที่ผมรู้ว่าเราจะได้ร่วมงานกัน มันเป็นหนึ่งในไฮไลท์ของอาชีพในวงการหนังของผมเลยนะ R.I.P.D. เกือบจะได้ขึ้นจอมาหลายรอบแล้ว และมีนักแสดงหลายคนที่เกือบจะได้เล่นบทนี้ แต่เมื่อเราอยู่ในกองถ่ายและนั่งดูการแสดงของเขาอยู่นั้น ผมเกิดความคิดว่า ‘จะมีใครอีกที่เราจะให้มาเล่นเป็นรอยได้’ เขาเดินเข้ามาและหลอมรวมตัวละครตัวนี้เข้ากับลักษณะเจ้าคารม ช่างเยาะเย้ยถากถาง และน่ารักเป็นที่สุด”
บริดเจสที่เพิ่งจะได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลออสการ์มาหมาดๆ จากภาพยนตร์เรื่อง True Grit ไม่ได้คิดจะมารับบทเป็นคาวบอยบนจอภาพยนตร์อีก อย่างไรก็ดี ท่าทางอวดดีแต่ขำๆ ของรอย ซึ่งชวนให้นึกถึงบท เดอะ ดู้ด ที่บริดเจสแสดงเอาไว้ในภาพยนตร์คัลท์คลาสสิกเรื่อง The Big Lebowski ได้กระตุ้นความอยากรู้อยากเห็นของเขา บริดเจสและตัวแทนของเขารู้ว่ามีบทภาพยนตร์เรื่อง R.I.P.D. จากนั้นพวกเขาก็คอยตามข่าวความคืบหน้ามาตลอดจนกระทั่งเขารู้สึกว่าถึงเวลาเหมาะแล้วที่จะลองติดต่อมาหาทีมผู้สร้าง เขาเล่าว่า “ผมลองติดต่อเข้าไป และผมก็โชคดีที่ได้งานนี้ ผมสนุกมากเลยครับ”
บริดเจสและชเวนท์เก้ได้พูดคุยกันแบบมาราธอน เมื่อพวกเขาได้สร้างบุคลิกที่ชัดเจนให้กับรอย บริดเจสไม่รู้สึกผิดหวังกับข้อมูลที่ผู้กำกับให้มาเลย เขากล่าวว่า “ผมสนุกกับการทำงานกับโรเบิร์ตมาก เป็นการทำงานที่สนุกสนาน แต่เมื่อผมเตรียมตัวเพื่อมาแสดงบทนี้ ผมพบว่าผมมองเห็นทุกสิ่งผ่านตัวกรองของบทนี้ ขณะที่ผมทำงาน ผมเก็บผสมแรงบันดาลใจที่ได้จากทุกอย่างรอบๆ ตัวผม ตั้งแต่ลักษณะที่ชายคนหนึ่งนั่งอยู่ที่เก้าอี้ จนถึงหนังสือที่ผมอ่านอยู่ หนึ่งในหลายๆ สิ่งที่โรเบิร์ตทำให้ผมสนใจ ก็คือศิลปินที่ชื่อว่า จิม วู้ดริง (เขาเป็นนักเขียนการ์ตูน และเป็นนักเขียนให้กับดาร์ก ฮอร์ส คอมิคส์) ผู้สร้างหนังสือการ์ตูนแนวคัลด์อย่าง ‘Frank’ มันเหนือจริงและส่งอิทธิพลต่อตัวละครของผมมาก”
ผู้อำนวยการสร้างริชาร์ดสันรู้สึกพอใจที่ได้เห็นว่าสองโลกที่เขาพากเพียรสร้างขึ้นมานั้น กลายเป็นจุดตัดที่น่าสนใจแค่ไหน เขาเล่าถึงแรงบันดาลใจว่า “อันที่จริง เจฟฟ์ได้วาดภาพตัวการ์ตูนของจิมขึ้นมาในระหว่างที่เขานั่งอยู่ในกองถ่าย ผมชอบมาก และขอให้จิมสร้างภาพศิลปะเป็นรูป ‘แฟรงก์’ ขึ้นมา และผมก็นำภาพวาดนั้นให้กับเจฟฟ์ในกองถ่าย เจฟฟ์ก็เลยตอบแทนด้วยการเซ็นชื่อลงในผลงานภาพ ‘แฟรงก์’ ให้กับจิม”
แม้จะมาอยู่ในฝั่งของชีวิตหลังความตายแล้วก็ตาม แต่รอยก็ยังคงพกพาสิ่งชั่วร้ายมาด้วย เมื่อเขาแบกเอาความเคียดแค้นและปัญหาจากอดีตของเขามานานหลายร้อยปี โดยเฉพาะอย่างยิ่งความแค้นที่เขามีต่อหมาป่าไคโยตี้ที่แทะกระดูกของเขาซะเรียบหลังจากเขาโดนยิง ถึงแม้เขายึดมั่นความเที่ยงธรรมแบบเซน และพยายามที่จะปล่อยวางทุกอย่าง แต่รอยรับมือกับอดีตของเขาได้ไม่ดีนัก...ถึงแม้ว่าเขาจะเชื่อว่าเขาสามารถทำใจให้สงบกับทุกเรื่องได้แล้วก็ตาม
การปะทะกันระหว่างสองตำรวจที่เหมือนจับคู่ผิดตัว เป็นตัวผลักดันมุขฮาตลอดเรื่อง R.I.P.D. แม้แต่เมื่อรอยสอนนิคในเรื่องกฎของการสู้รบ หรือท่วงทำนองของชีวิต, ความรักและการตามล่าเดดดู (วิญญาณที่ท้าทายกฎธรรมชาติ ผู้ปฏิเสธที่จะก้าวข้ามไปยังโลกหน้า) ฝ่ายตาเฒ่าผู้นี้ก็ยังให้ความเข้าใจอย่างถ่องแท้ที่หาได้ยาก ซึ่งประสานสอดคล้องไปกับตำรวจใหม่ผู้นี้ “ในบางครั้งบางครา รอยก็ให้ภูมิปัญญาที่มีคุณค่าอย่างแท้จริง แต่ส่วนใหญ่แล้วเขาจะปล่อยให้ลองผิดลองถูกมากกว่า” เรย์โนลด์สเล่าพร้อมเสียงหัวเราะ “เขามีประสบการณ์ทำงานอยู่ในโลกนี้มานานกว่า 200 ปี และเขารู้ดีว่าไม่มีทางที่จะเอื้อมถึงคนที่รักที่ถูกทิ้งไว้เบื้องหลังได้ เมื่อมีรอยเป็นผู้ชี้แนะ นิคค้นพบว่าเขายังคงตามหลอกหลอนเมียของเขาอยู่ และไม่อาจติดต่อกับเธอได้”
เมื่อบริดเจสและเรย์โนลด์สเริ่มทำการซักซ้อมบทกันในบอสตัน มิตรภาพนอกจอของพวกเขาได้ส่งอิทธิพลถึงสายสัมพันธ์บนจอด้วย บริดเจสเป็นฝ่ายเล่าว่า “ไรอันคือแมวเหมียวที่น่ารัก เขายิงโดนเป้าทั้งหมด และทำให้ทุกอย่างประสานเข้าด้วยกัน และนั่นคือความสามารถพิเศษโดยแท้ เราเติมเต็มกันในหลายระดับ การแสดงเป็นเรื่องของการสร้างภาพมายา แต่ถ้าคุณมีมิตรภาพที่ดีนอกเหนือจากการถ่ายทำหนังแล้วละก็ คุณก็สามารถนำความสัมพันธ์นั้นมาใส่เอาไว้ในงานได้ ไรอันกับผมสนุกด้วยกันมากเมื่ออยู่นอกกองถ่าย”พร็อคเตอร์และร่างอวตาร:
ทีมนักแสดงสมทบ
เมื่อได้บริดเจสและเรย์โนลด์สมารับบท รอยและนิค แล้ว การกระเซ้าเย้าแหย่ระหว่างทั้งคู่ ได้สร้างโทนให้กับตัวบทภาพยนตร์ และได้สร้างสีสันให้กับส่วนอื่นๆ ของการเล่าเรื่อง ในไม่ช้า ทางทีมผู้สร้างก็เริ่มรวบรวมรายชื่อนักแสดงที่จะมารับบทเป็นตัวละครต่างๆ ทั้งในโลกคนเป็นและโลกวิญญาณ
เควิน เบคอน เจ้าของรางวัลลูกโลกทองคำ ผู้เซ็นสัญญารับบทเป็นนักสืบบ็อบบี้ เฮย์ส คู่หูของนิคในกรมตำรวจบอสตันก่อนที่เขาจะตาย เล่าถึงความประทับใจแรกที่เขามีต่อเรื่องราวนี้ และมิตรภาพระหว่างบริดเจสและเรย์โนลด์ส “การที่ได้รู้ว่าไรอันและเจฟฟ์จะมารับบทนำใน R.I.P.D. ทำให้บทภาพยนตร์เรื่องนี้ดูน่าตื่นเต้นมาก พวกเขาคือผู้ชายสองคนที่มาฟอร์มเหนือที่สุด ผมนึกภาพตัวละครสองตัวนี้พยายามที่จะผูกพันกันได้เลย ซึ่งผมรู้สึกว่ามันคือแกนกลางของภาพยนตร์เรื่องนี้ พวกเขาทั้งคู่ต่างมีจังหวะในการปล่อยมุข และเมื่อเราเริ่มต้นถ่ายทำกัน คุณจะเห็นทุกอย่างนี้ถูกเผยออกมา”
การค้นหาตัวฆาตกรของนิค นำเขาไปพบกับเรื่องที่คาดไม่ถึง เมื่อเขาถูกหักหลังโดยเพื่อนรักผู้เป็นคู่หูของเขามานาน อย่างไรก็ดี ชเวนท์เก้ยืนกรานตั้งแต่แรกเริ่มว่าเฮย์สจะต้องรักษาองค์ประกอบความตลกเอาไว้ และจะต้องไม่ใช่ผู้ร้ายที่ชอบลูบหนวดในแบบที่ดูซ้ำซาก ทางทีมผู้สร้างพบลักษณะที่พวกเขาต้องการในตัวเบคอน นักแสดงหนุ่มใหญ่ที่สามารถเล่นบทผู้ร้ายที่ไร้ศีลธรรม ในขณะที่แสดงความตลกออกมาได้ด้วย
เบคอนรู้สึกพอใจในลักษณะสองด้านของบทที่เขารับแสดง และยังพอใจที่นายตำรวจชั่วคนนี้ซ่อนทีเด็ดเอาไว้มากมาย “เฮย์สเป็นผู้ชายที่มีความน่าสงสัยในเรื่องของศีลธรรม” เบคอนบอก “การยึดถือตัวเองเป็นหลักของเขายังต้องพ่ายให้กับความโลภของเขาเอง แต่สิ่งที่คุณไม่รู้ก็คือความโลภของเขามันอยู่ในระดับที่เกินปกติ ผมอยากให้เขาดูเป็นตำรวจบอสตันที่ขยันขันแข็ง ผู้ซึ่งอีกด้านหนึ่งเป็นติดดิน แต่มันยังทำให้เขามีลักษณะที่ดูแปลกประหลาดด้วย”
นอกจากจะเป็นเพื่อนทรยศแล้ว เฮย์สยังมีความลับสุดอันตรายที่ยิ่งใหญ่กว่า เป็นความลับที่นิคหยั่งไม่ถึง จนกระทั่งเขาได้พบกับเหล่าเจ้าหน้าที่ในหน่วยสยบพิฆาตวิญญาณ ผู้หญิงที่เป็นคนดูแลบริหารงานของหน่วย ก็คือ พร็อคเตอร์ หัวหน้าคณะเจ้าหน้าที่ของหน่วยอาร์ไอพีดีประจำบอสตัน ที่มาในชุดแฟชั่นม็อดจากยุค 1960 เธอคือผู้ติดต่อคนแรกระหว่างนิคกับหน่วยสยบพิฆาตวิญญาณ และเธอเป็นผู้อธิบายถึงสภาพแวดล้อมใหม่และงานใหม่ให้เขาฟัง รวมถึงยังแนะนำให้เขาได้รู้จักกับ รอย บุคคลที่เธอรู้สึกตึงเครียดด้วยมานาน และสุดท้ายพร็อคเตอร์นี่เองที่เป็นคนให้คำแนะนำนิคเกี่ยวกับวันพิพากษา และเธอต้องใช้เวลานานถึง 100 ปีในการทำหน้าที่ผู้เกลี้ยกล่อมจนกว่าเธอจะหมดหน้าที่
ในการสนทนาช่วงแรกๆ กับชเวนท์เก้และผู้ออกแบบเครื่องแต่งกาย ซูซาน ไลออลล์ ตัวพร็อคเตอร์เอง ซึ่งก็คือนักแสดงสาวเจ้าของสองรางวัลลูกโลกทองคำ แมรี่-หลุยส์ พาร์คเกอร์ มีไอเดียเฉพาะสำหรับตัวละครของเธออยู่แล้ว โดยเธอก็คือตำรวจที่ชอบใส่รองเท้าบู้ทส์สีขาวที่เป็นส่วนเติมเต็มชุดมินิเดรสสไตล์ม็อด สำหรับพาร์คเกอร์ การได้กำหนดภาพลักษณ์ และสุดท้ายยังเป็นผู้กำหนดความเป็นมาของหัวหน้าสถานีตำรวจที่ใหญ่เป็นอันดับ 3 ของหน่วยงานนี้ ถือเป็นความร่วมมือที่คุ้มค่าอย่างมาก
พาร์คเกอร์กล่าวว่า “ภาพลักษณ์ของพร็อตเตอร์และชุดที่เธอสวมใส่ ควรบ่งบอกถึงอดีตของเธอ เพราะคุณจะได้เห็นเธอในชุดเดียวเท่านั้น ดังนั้นคุณจึงมีโอกาสเพียงครั้งเดียวที่จะทำเช่นนั้นได้ ในจุดหนึ่ง ฉันเกิดไอเดียที่แตกต่างกันมากมาย จากนั้น ฉันเริ่มพุ่งความสนใจไปที่ภาพของเจ้าหน้าที่ป่าไม้จากปี 1968” พาร์คเกอร์กล่าวพร้อมเสียงหัวเราะว่า “รูปถ่ายนั้นกลายมาเป็นแรงบันดาลใจให้กับตัวละครตัวนี้”
นักแสดงสาวชาวฝรั่งเศส สเตฟานี่ โซสตาก ผู้เคยประเดิมงานแสดงภาพยนตร์ภาษาอังกฤษเรื่องแรกในเรื่อง The Devil Wears Prada และเมื่อเร็วๆ นี้ ยังไปรับบทเป็นทหารที่ชื่อ แบรนด์ท ใน Iron Man 3 มารับบทเป็น จูเลีย ภรรยาที่เศร้าสร้อยของนิค ผู้ซึ่งต่อมาต้องติดร่างแหการสืบสวนของรอยและนิคไปด้วย เมื่อนิคพยายามเผยตัวกับจูเลีย และในที่สุด เขาก็ได้ไถ่ถอนบาป ทั้งหมดที่จูเลียมองเห็นและได้ยินก็คือร่างอวตารของนิค ซึ่งคือผู้ตรวจสอบสุขอนามัยของรัฐ เจอร์รี่ เฉิน ชายชราผู้แสนสุภาพจากโครงการคุ้มครองพยานระดับจักรวาล
เรื่องราวความรักของ R.I.P.D. ที่วางแทรกซ้อนไปกับฉากแอ็กชั่นและมุขฮา คือสิ่งที่ดึงดูดความสนใจของโซสตาก เธอเล่าว่า “นิคไม่ยอมรับความจริงที่ว่าเขาตายไปแล้ว และเขายังต้องการที่จะไถ่บาปให้ตัวเอง ดังนั้นเขาจึงยังคงกลับมาหาจูเลีย มันช่วยผลักดันเรื่องราวในส่วนนั้น มันคือเรื่องรักอันน่าประทับใจ ไรอันกับฉันต้องรู้สึกสบายๆ เมื่ออยู่ด้วยกันเพื่อทำให้ฉากของเราออกมาดูเข้าที่เข้าทาง และเราก็ทำได้จริงๆ ความสัมพันธ์ของเราก้าวจากการเป็นคู่แต่งงานไปสู่การต้องพลัดพราก และต้องกล่าวลากัน”
ซูเปอร์โมเดลและนักแสดงหน้าใหม่ที่กำลังมาแรง มาริสา มิลเลอร์ ผู้มีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักดีจากการเป็นนางแบบให้กับหนังสือ Sports Illustrated ฉบับชุดว่ายน้ำ และนักแสดงผู้เป็นตำนาน เจมส์ หง ผู้ทำงานอยู่ในวงการมานานกว่า 7 ทศวรรษ โดยมีผลงานเป็นหนังอย่าง Blade Runner จนถึง Big Trouble in Little China และซีรีส์ทางทีวีเรื่อง Kung Fu จนถึง Dynasty ร่วมแสดงในบทร่างอวตารของรอยและนิค เพราะเจ้าหน้าที่หน่วยอาร์ไอพีดี จะต้องเดินทางไปมาระหว่างสองโลก มนุษย์จะมองเห็นพวกเขาได้ในร่างอวตาร ซึ่งตรงกันข้ามกับหน้าตาเดิมของพวกเขาเมื่อครั้งยังมีชีวิตอยู่
ความเป็นนางแบบสวยจนทำให้ต้องอ้าปากค้างของมิลเลอร์ และความเป็นพลเมืองอาวุโสของหง ช่างทำให้พวกเขากลายเป็นคู่ที่ไม่น่าจะไปด้วยกันได้ และการต่อสู้ที่รอยและนิคต้องเผชิญต่อหน้าคนธรรมดาทั่วไป ก็ยิ่งเพิ่มความสนุกให้กับเรื่องนี้ บางทีมันอาจเป็นอารมณ์ขันที่ถูกบิดเบือนไปของจักรวาล แต่รูปโฉมที่เป็นหญิงสาวที่น่ารักจนชวนตะลึง ซึ่งตรงกันข้ามกับรูปลักษณ์ความเป็นนายอำเภออารมณ์ บ่ จอยของ รอย ขณะที่ร่างอวตารที่เป็นคนชราของนิคก็ดูขัดกับการเป็นตำรวจในวัยฉกรรจ์ในขณะที่เขายังเป็นมนุษย์อยู่บนโลก
ตามสถิติของอาร์ไอพีดี ในแต่ละวันจะมีคนตายบนโลกของเรามากกว่า 150,000 คน และมีดวงวิญญาณจำนวนหนึ่งที่เล็ดรอดผ่านรอยแตก ก่อนที่พวกเขาจะถูกดึงเข้าไปยังประตูมุ่งสู่สวรรค์หรือนรก และเมื่อพวก “เดดดู” เหล่านี้อยู่บนโลกไปนานๆ ดวงวิญญาณจะเริ่มเน่า และเริ่มส่งกลิ่น พวกเดดดูสองสามรายที่รอยและนิคจะต้องจัดการ ก็คือ นาวิคกี้ ซึ่งรับบทโดย โรเบิร์ต เน็ปเปอร์, เอเลียต สายที่คลั่งไคล้ทีมเร็ดซ็อกซ์ ซึ่งรับบทแสดงโดย ไมก์ โอมอลลี่ย์ และพูลาสกี้ ผู้ได้รับแรงบันดาลใจจากเอลวิส ซึ่งรับบทแสดงโดย เดวิน แร็ทเรย์