ไม่ว่าจะเป็นการแต่งหน้า ทาครีม สารพันที่คุณทำเพื่อความสวยความงามอยู่ สิ่งที่หวังว่าจะดูดีขึ้นสวยขึ้น อาจกลับทำให้แย่ลง ...คุณกำลังทำสิ่งเหล่านี้อยู่หรือไม่
1. ลงรองพื้นทันทีหลังทาครีมบำรุงผิว
ความชุ่มชื่นในมอยส์เจอไรเซอร์ จะทำให้แต่งหน้าติดไม่ทน ถ้าไม่รอให้มอยส์เจอไรเซอร์ซึมลงสู่ผิวเสียก่อน ดังนั้นหลังทาครีมบำรุงผิวแล้วควรรอประมาณ 60 วินาที ก่อนลงรองพื้น หรือหากไม่มีเวลาก็ให้ใช้กระดาษทิชชูซับหน้าเบา ๆ แล้วจึงลงรองพื้น
2. ฉีดน้ำหอมหลังสวมเสื้อผ้าเสร็จแล้ว
น้ำหอมอาจทำให้ผ้าเป็นรอยด่างดวง และเส้นใยผ้าก็อาจทำให้น้ำหอมมีกลิ่นแปลกออกไป เพราะน้ำหอมถูกผลิตขึ้นมาเพื่อใช้กับผิวหนัง ความร้อนของร่างกายจะส่งผลให้น้ำหอมส่งกลิ่นหอมรวยรินตลอดทั้งวัน จึงควรฉีดหรือแต้มน้ำหอมบนร่างกายก่อนแต่งตัวบริเวณจุดชีพจร เช่น ข้อพับหัว เข่า ซอกคอ หลังใบหู และข้อมือ ที่สำคัญไม่ต้องถูข้อมือทั้งสองข้างเข้าด้วยกัน หลังจากฉีดน้ำหอมเสร็จ เพราะจะเป็นการทำลายโครงสร้างโมเลกุลของน้ำหอม
3. ไม่ต้องใส่ใจลำคอ
เมื่อทาครีมบำรุงผิวหน้า อย่าหยุดแค่ที่คาง เพราะผิวหนังบริเวณลำคอ บอบบางกว่าผิวบริเวณหน้าเสียอีก ดังนั้นจึงเกิดริ้วรอยง่าย ทางที่ดีควรดูแลผิวที่ลำคอให้เหมือนกับใบหน้า หากทาครีมกันแดด ก็เลื่อนมือลงมาบริเวณลำคอด้วย ไม่จำเป็นต้องใช้ครีมสำหรับทาคอโดยเฉพาะ ยกเว้นถ้าครีมที่ใช้มีส่วนผสมของกรดอัลฟ่าไฮดร็อกซี่หรือเรตินอล ให้ลองทดสอบก่อนว่าจะไม่ทำให้เกิดอาการแพ้บริเวณลำคอ
4. ทามอยส์เจอไรเซอร์รอบดวงตาลดอาการบวม
ความชุ่มชื้นในครีมจะเพิ่มน้ำให้ผิว ดังนั้น การทามอยส์เจอไรเซอร์อาจทำให้รอบดวงตาบวมยิ่งกว่าเดิม ถ้ารอบดวงตาบวมแต่ไม่แดงหรือระคายเคือง ให้ใช้น้ำแข็งประคบเป็นเวลา 10-15 นาที หรือใช้อายเจลที่มีส่วนผสมของคาเฟอีน แต่ถ้ารอบดวงตาบวมแดงและคัน สันนิษฐานได้ว่าเกิดจากการแพ้อะไรสักอย่าง
5. ชโลมครีมนวดผมตั้งแต่โคนจรดปลาย
โดยปกติเวลาสระผม เรามักจะชโลมครีมนวดผมตั้งแต่โคนจรดปลาย เหมือนเวลาใช้แชมพูสระผม แต่แท้จริงแล้วบริเวณโคนผมจะแข็งแรงเนื่องจากเพิ่งงอกใหม่ ส่วนปลายผมต่างหากที่ต้องการการดูแล เพราะงอกออกมานานแล้ว ทั้งเป็นส่วนที่ได้รับความเสียหาย การชโลมครีมนวดผมตั้งแต่โคนผมจะทำให้ผมมันและดูลีบแบน ทางที่ดีควรชโลมครีมนวดผมบริเวณหูลงไปจรดปลายผม จะทำให้ผมมีน้ำหนักและไม่มันง่าย จึงไม่ต้องสระผมบ่อย
6. อาบน้ำและสระผมจนกว่าจะรู้สึกสะอาด
การขัดถูร่างกายหรืออาบน้ำนานจนเกินไป อาจทำให้รู้สึกสะอาดและสดชื่นก็จริง แต่ก็จะเป็นการทำลายน้ำมันตามธรรมชาติที่จะช่วยปกป้องผิวและทำให้ผิวชุ่มชื่นด้วย ถ้าใช้ผลิตภัณฑ์อาบน้ำพวกใยขัดตัวหรือแชมพูยา ก็ยิ่งมีโอกาสที่จะทำลายน้ำมันบนผิวมาก ไม่ควรอาบน้ำนานกว่าสิบนาที และใช้เวลาน้อยกว่านี้ถ้าอาบน้ำอุ่น
7. ประโคมยารักษาสิวเต็มที่
ถ้าสิวผุดขึ้นมาบนใบหน้า ไม่ว่าเม็ดเล็กหรือใหญ่ สิ่งที่คนทั่วไปมักจะทำคือ โปะยารักษาสิวให้มากและบ่อยเข้าไว้ ด้วยหวังว่าสิวเม็ดนั้นจะยุบลงโดยเร็ว แท้จริงแล้วยารักษาสิวมีกรด ซึ่งจะค่อย ๆ ซึมลงสู่ผิวทั้งหมดใช้เวลาเป็นชั่วโมง การทายามากเกินไป จึงอาจทำให้สิวปะทุมากขึ้น และเกิดอาการแพ้ ผิวหนังแห้ง และระคายเคือง ควรปฏิบัติตามวิธีใช้อย่างเคร่งครัด โดยส่วนใหญ่จะให้ทาแค่วันละหนึ่งหรือสองครั้งเพื่อป้องกันผิวแห้ง
8. ครีมนวดลดเซลลูไลท์ขจัดผิวเปลือกส้มได้
ไม่ว่าผลิตภัณฑ์ประเภทนี้ จะอ้างสรรพคุณจากการทดลองใช้จากผู้ใช้กี่คนก็ตาม ความเป็นจริงก็คือ ยังไม่มีครีมหรือเจลตัวใดที่สามารถสลายเซลลูไลท์ หรือช่วยลดกระชับบริเวณที่มีผิวเปลือกส้มนี้ได้อย่างถาวร
9. ใช้ครีมกันแดดแค่วันที่มีแดดก็พอ
ในแสงแดดมีทั้งรังสี UVA และ UVB โดยรังสี UVB มาในรูปของความร้อน ทำให้เกิดอาการผิวแสบไหม้ ยิ่งแดดจ้ามากเท่าไหร่ รังสี UVB ก็ยิ่งเข้มข้นและทำให้ผิวไหม้ได้มากเท่านั้น ส่วน UVA นั้นไม่ว่าจะแดดจัดหรืเมฆครึ้ม รังสีตัวนี้ก็ยังสามารถแทรกลงมาทำลายผิวได้ทุกเมื่อ แม้ว่าคุณจะนั่งอยู่ในห้องที่กระจกติดฟิล์มกรองแสงก็ตาม UVA นี้แหละเป็นสาเหตุสำคัญประการหนึ่งที่ทำให้เกิดริ้วรอย ความเหี่ยวย่น และฝ้ากระจุดด่างดำต่าง ๆ บนผิว เพราะฉะนั้นหากคุณคิดว่าใช้ครีมกันแดดเฉพาะวันที่มีแดดหรือออกนอกบ้านละก็ คิดผิดถนัด
10. ใช้ผลิตภัณฑ์ดูแลผิวชนิดเดิมไม่เปลี่ยน
บางคนใช้ผลิตภัณฑ์ดูแลผิวประเภทเดิมต่อเนื่องตลอดทั้งปี ความจริงไม่ควรทำเช่นนี้ สภาพผิวหน้าของเรามีการเปลี่ยนแปลงต่าง ๆ กันไป ตามอายุ อากาศ ความชื้น มลภาวะ ฯลฯ ในช่วงฤดูร้อนและฤดูหนาวผิวเราย่อมมีสภาพผิวที่แตกต่างกัน ต้องการการบำรุงผิวที่แตกต่างกัน จึงต้องเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่เหมาะสมกับสภาพผิวหน้าในแต่ละช่วงเวลาของปีด้วย
11. จังก์ฟู้ด อาหารมันและช็อกโกแลตทำให้เกิดสิว
ข้อนี้คาดว่าหลาย ๆ คน น่าจะเคยได้ยินและเชื่อกันมานานว่า อาหารแป้ง ของมันๆ และช็อกโกแลตเป็นสาเหตุของการเกิดสิว แต่ความจริงแล้วกระทั่งบัดนี้ ก็ยังไม่มีหลักฐานใดหนักแน่นเพียงพอที่จะชี้ชัดได้ว่า พวกมันคือตัวการก่อนให้เกิดสิวจริง ๆ
12. ผิวมันไม่ต้องการความชุ่มชื้น
ผิดถนัด! ความชุ่มชื้นเป็นสิ่งที่จำเป็นในการรักษาให้เซลล์ผิวมีสุขภาพดี เซลล์ผิวที่ขาดน้ำนอกจากจะแห้งกร้านแล้ว บางครั้งยังหลั่งน้ำมันออกมาหล่อเลี้ยงผิวด้วย ดังนั้นคนที่มีผิวหน้ามัน จึงไม่ได้หมายความว่าผิวไม่ต้องการความชุ่มชื้น สำหรับสาวผิวมันควรหลีกเลี่ยงครีมบำรุง หรือผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของน้ำมัน หากแต่เลือกใช้ครีมที่เติมความชุ่มชื้นแบบออยล์ฟรีแทน
13. ครีมบำรุง เนื้อยิ่งขันยิ่งดี
สาว ๆ หลายคนมีความเชื่อเรื่องครีมบำรุงผิวว่า ยิ่งเนื้อผลิตภัณฑ์เข้มข้นเท่าไหร่ก็ยิ่งบำรุงผิวได้ล้ำลึกเท่านั้น แต่ในความเป็นจริงแล้ว ผิวของเรามีขีดความสามารถจำกัดในการดูดซับความชุ่มชื่น ไม่ว่าเนื้อครีมจะเข้มข้นแค่ไหน ผิวหนังของเราก็ดูดซึมความชุ่มชื่นไปแค่เท่าที่ต้องการเท่านั้น แล้วก็ปล่อยครีมส่วนที่เหลือไว้ให้เหนอะหนะอยู่ด้านบนนั่นเอง
14. เครื่องสำอางที่ระบุว่าออร์แกนิก (Organic) ปลอดภัย
สารที่ผสมในเครื่องสำอางออร์แกนิกหมายถึง สารที่มาจากธรรมชาติ ถูกเลี้ยงมาโดยปราศจากยากำจัดศัตรูพืช เลี้ยงในที่สะอาด และไม่ทำลายสิ่งแวดล้อม อีกทั้งสามารถย่อยสลายได้ด้วย จริง ๆ แล้ว ก็ไม่ถูกเสียทั้งหมด เพราะในเครื่องสำอางมีส่วนผสมของสารสกัดจากธรรมชาติมานานแล้ว แต่จุดที่น่ากังวลคือแอลกอฮอล์ (Alcohol Denatured) ก็จัดเป็นสารออร์แกนิกด้วย เช่นกัน ทั้งยังมีผสมในเครื่องสำอางมานานแล้ว ถ้าหากมีมากเกินไปก็อาจส่งผลให้เกิดอนุมูลอิสระกับผิวในระยะยาวได้ อีกทั้งผิวที่บอบบางแพ้ง่าย ใช้แล้วก็จะลอกและแสบ ควรลองมองหาตำรับที่ปราศจากสารตัวนี้
และสุดท้ายสำหรับผู้ที่มีผิวแพ้ง่ายก็คือ น้ำมันจากดอกลาเวนเดอร์ น้ำมันจากยูคาลิปตัส น้ำมันจากมินต์ หรือแม้กระทั่งน้ำมันจากผิวส้มและเลมอน ซึ่งจัดเป็นน้ำหอมธรรมชาติทางออร์แกนิก ก็อาจทำให้ผิวผู้ที่แพ้ง่ายระคายเคืองได้เช่นกัน