นกแอร์กำหนดราคาเสนอขายหุ้น IPO 26 บาท พร้อมแต่งตั้งผู้จัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่าย
10 มิถุนายน 2556 – บริษัท สายการบินนกแอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ NOK ผู้นำในธุรกิจสายการบินราคาประหยัด เคาะราคาเสนอขายหุ้นให้ประชาชนทั่วไป (IPO) จำนวน 187.5 ล้านหุ้น ราคาหุ้นละ 26 บาท ทั้งนี้ จากการสำรวจความต้องการของนักลงทุนสถาบัน (Book Building) พบว่า ที่ราคาสูงสุด 28 บาท มียอดจองท่วมท้นมากกว่า 5 เท่าของจำนวนหุ้นที่เสนอขาย อย่างไรก็ตาม ด้วยสภาวะตลาดหุ้นที่ผันผวน และเพื่อต้องการให้ผลตอบแทนที่ดีกับทั้งผู้ลงทุนสถาบันและรายย่อย บริษัทจึงตัดสินใจกำหนดราคาขายที่ 26 บาทต่อหุ้น ซึ่งที่ระดับราคานี้มียอดความต้องการ สูงขึ้นถึง 6 เท่าของจำนวนหุ้นที่เสนอขาย โดยมีอัตราส่วนราคาต่อกำไร (P/E) ประมาณ 11.5 เท่า หากคิดจากค่าเฉลี่ยประมาณการกำไรของนักวิเคราะห์ ปี 2556
อนึ่ง การเสนอขายหุ้นสามัญครั้งนี้ บริษัทฯ แต่งตั้งธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) เป็นที่ปรึกษาทางการเงิน พร้อมลงนามแต่งตั้ง บริษัทหลักทรัพย์ ไทยพาณิชย์ จำกัด เป็นผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่าย (Lead Underwriter) และแต่งตั้งผู้ร่วมจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่าย (Co-underwriter) อีก 6 แห่ง ได้แก่ บล. ฟินันเซีย ไซรัส บล. เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) บล. คันทรี่ กรุ๊ป บล. ธนชาต บล. กสิกรไทย และ บล.อาร์เอชบี โอเอสเค (ประเทศไทย) โดยเปิดให้จองซื้อหุ้น NOK ได้ระหว่างวันที่ 12 – 14 มิถุนายน นี้ และคาดว่าจะเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ฯ หมวดบริการ/ขนส่งและโลจิสติกส์ ประมาณวันที่ 20 มิถุนายน นี้
นายพาที สารสิน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร สายการบินนกแอร์ กล่าวว่า “เราเชื่อว่าแผนการระดมทุนครั้งนี้จะประสบความสำเร็จอย่างดี โดยบริษัทเสนอขายให้กับประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก (IPO) จำนวน 187.5 ล้านหุ้น แบ่งเป็นหุ้นสามัญเพิ่มทุนจำนวน 125 ล้านหุ้น ซึ่งคิดเป็นมูลค่าระดมทุน 3,250 ล้านบาท โดยเงินส่วนใหญ่ที่ได้จากการระดมทุนครั้งนี้จะนำไปเป็นใช้เป็นเงินทุนในการจัดหาเครื่องบิน และเงินทุนหมุนเวียนในการขยายกิจการ และหุ้นสามัญเดิมเสนอขายโดยบริษัท เอวิเอชั่น อินเวสต์เม้นท์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด อีกจำนวน 62.5 ล้านหุ้น คิดเป็นมูลค่าเสนอขาย 1,625 ล้านบาท”
“จุดเด่นทางการลงทุนของบริษัทมาจากการสร้าง Market Positioning ที่ชัดเจน และการให้บริการที่แตกต่างเพื่อตอบสนองความต้องการของผู้โดยสารที่ส่วนใหญ่เป็นคนไทย เส้นทางบินครอบคลุมทั่วประเทศและความถี่ของเที่ยวบินที่อำนวยความสะดวกในการเดินทางแก่ผู้โดยสาร รวมถึงฝูงบินที่หลากหลายของนกแอร์ ทำให้สายการบินนกแอร์มีความยืดหยุ่นในการให้บริการที่เหมาะสมกับปริมาณผู้โดยสารในแต่ละเส้นทางการบิน ที่สำคัญสายการบินนกแอร์ยังให้ความสำคัญกับความปลอดภัยด้านการบินโดยได้ร่วมมือกับ Lufthansa Technik ในการซ่อมบำรุงรักษาเครื่องบิน ทั้งนี้ กลยุทธ์การเติบโตในอนาคตของสายการบินนกแอร์ จะมุ่งเน้นในการขยายเส้นทางบินและเพิ่มเที่ยวบินภายในประเทศเป็นหลัก เพื่อรองรับการขยายตัวอย่างรวดเร็วของหัวเมืองต่างๆ (Urbanization) ตลอดจนความต้องการการเดินทางที่สะดวก รวดเร็ว และความคุ้มค่าในด้านราคาสำหรับผู้โดยสาร ในขณะเดียวกัน เราก็มีแผนในการเปิดเส้นทางบินสู่ประเทศเพื่อนบ้านเช่นกัน ในเบื้องต้นจะเปิดเส้นทางบินไปยังประเทศพม่าก่อน และจะศึกษาโอกาสในการขยายเส้นทางบินสู่ประเทศจีน โดยเราเชื่อว่าประเทศไทยจะสามารถก้าวขึ้นมา
เป็นศูนย์กลางทางการบินภายในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ได้สำเร็จและครอบคลุมไปถึงประเทศจีน เพราะมีข้อได้เปรียบในแง่ของที่ตั้งทางภูมิศาสตร์ และความพร้อมของท่าอากาศยานนานาชาติดอนเมืองในการต้อนรับผู้โดยสารจำนวนมาก” นายพาทีกล่าวสรุป
ด้านนางสาววรดา ตั้งสืบกุล ผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่ สาย Investment Banking Division 2 ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) กล่าวในฐานะที่ปรึกษาทางการเงินว่า สายการบินนกแอร์ ถือได้ว่าเป็นผู้นำในธุรกิจสายการบินราคาประหยัด ที่มีจุดแข็งทางธุรกิจที่ชัดเจน ไม่ว่าการมีเส้นทางการบินที่ครอบคลุมมากที่สุดในประเทศ และเป็นสายการบินที่มีอัตราการเติบโตสูงสุดในการให้บริการเส้นทางการบินในประเทศ ทั้งในด้านจำนวนเที่ยวบินและปริมาณการขนส่งผู้โดยสาร จึงทำให้สายการบินนกแอร์มีสัดส่วนทางการตลาดที่เติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยเพิ่มขึ้นจากร้อยละ 16.2 ในปี 2553 เป็นร้อยละ 22.3 ในปี 2555 นอกจากนี้ บริษัทฯ มีผลการดำเนินการที่ดีอย่างต่อเนื่อง โดยในปี 2555 มีรายได้หลักรวม 8,217.6 ล้านบาทและมีกำไรสุทธิ 504.7 ล้านบาท และผลประกอบการไตรมาสแรก ปี 2556 แสดงให้เห็นถึงแนวโน้มการเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยมีรายได้หลักรวม 2,811 ล้านบาท และกำไรสุทธิเท่ากับ 425.3 ล้านบาท
ขณะที่ ม.ล.ทองมกุฏ ทองใหญ่ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์ ไทยพาณิชย์ จำกัด ในฐานะแกนนำผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายหุ้น NOK มั่นใจว่าการเสนอขายหุ้น NOK ในครั้งนี้จะได้รับการตอบรับจากนักลงทุนทั่วไปและนักลงทุนสถาบันเป็นอย่างดี ซึ่งมีนักลงทุนสถาบันแสดงความประสงค์จะจองซื้อหุ้นสูงเกินกว่าจำนวนหุ้นที่จะออกจำหน่ายอย่างล้นหลาม โดยมีมูลค่าเสนอขายทั้งหมด 4,875 ล้านบาท แบ่งเป็นมูลค่าระดมทุนของ NOK 3,250 ล้านบาท และมูลค่าระดมทุนของผู้ถือหุ้นเดิม 1,625 ล้านบาท นอกจากนี้ การกำหนดราคาเสนอขายสุดท้ายต่อหุ้นด้วยวิธีการสำรวจความต้องการซื้อหลักทรัพย์จากนักลงทุนสถาบัน หรือ Book Building ทำให้ได้ราคาที่สะท้อนถึงความต้องการของตลาดใกล้เคียงกับช่วงเวลาเสนอขายที่สุด ประกอบกับพื้นฐานทางธุรกิจที่แข็งแกร่งของ NOK ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของเส้นทางบินภายในประเทศที่ครอบคลุมที่สุด มีจำนวนเที่ยวบินที่มากที่สุด การบริหารต้นทุนที่มีประสิทธิภาพ และช่องการจำหน่ายตั๋วโดยสารที่หลากหลาย ผลประกอบการที่เติบโตอย่างต่อเนื่อง ล้วนแต่เป็นปัจจัยสนับสนุนความสำเร็จของการระดมทุนในครั้งนี้ ทั้งนี้ ระยะเวลาจองซื้อคือ วันที่ 12 – 14 มิถุนายน ผ่าน บล.ไทยพาณิชย์ ผู้จัดการการจัดจำหน่าย และ ผู้ร่วมจัดจำหน่ายอีก 6 ราย และคาดว่าจะเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยในวันที่ 20 มิถุนายน ศกนี้