MSN on June 08, 2013, 02:10:50 PM
บลจ.กรุงไทยขายทริกเกอร์เป้าหมาย6เดือน5%

              นายสมชัย  บุญนำศิริ  กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน  กรุงไทย จำกัด (มหาชน)   เปิดเผยว่า  จากการปรับตัวลงของตลาดหุ้นไทยที่ค่อนข้างแรงในช่วงที่ผ่านมา     จากราคาดัชนีสูงสุดอยู่ที่ 1,643.40  จุดในช่วงเดือนเมษายน  และ ปรับตัวลดลงต่ำสุดเมื่อวันที่ 6 มิถุนายน 2556  อยู่ที่ 1,490.21 จุด  หรือปรับตัวลดลงประมาณ 10%    ในโอกาสนี้  บริษัทจึงเปิดจำหน่าย กองทุนเปิดกรุงไทย5%ทริกเกอร์ ฟันด์  ( KRIG5%)   เสนอขายตั้งแต่วันที่ 7-11 มิถุนายน   2556   อายุประมาณ 6 เดือน  มูลค่าโครงการ 1,000 ล้านบาท  เงินลงทุนขั้นต่ำ 10,000 บาท
   
              กองทุนจะเน้นลงทุนในตราสารทุน - ตราสารหนี้ โดยผู้จัดการกองทุนสามารถปรับสัดส่วนการลงทุนได้ตั้งแต่ 0 ถึง100% ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน เพื่อให้เหมาะสมกับสภาวะการณ์ในแต่ละช่วงเวลา ผู้ลงทุนมีโอกาสรับผลตอบแทน 5%ภายใน6เดือน

              ทั้งนี้  กองทุนจะมีอายุโครงการประมาณ 6  เดือน นับแต่วันจดทะเบียนกองทรัพย์สินเป็นกองทุนรวม หรืออายุโครงการอาจต่ำกว่า 6 เดือน เมื่อกองทุนมีมูลค่าหน่วยลงทุนตั้งแต่ 10.80  บาทขึ้นไป ของมูลค่าที่ตราไว้ที่ 10 บาท  เป็นเวลา 3 วันทำการติดต่อกัน  บริษัทจัดการจะทำการสับเปลี่ยนหน่วยลงทุนโดยอัตโนมัติทั้งจำนวนของผู้ถือหน่วยลงทุนทุกรายไปยังกองทุนเปิดกรุงไทยสะสมทรัพย์ ภายใน 5 วันทำการนับแต่วันที่เกิดเหตุดังกล่าว ทั้งนี้ มูลค่าหน่วยลงทุนที่คืนให้ผู้ถือหน่วยลงทุนต้องไม่ต่ำกว่า 10.50 บาทต่อหน่วย ของมูลค่าที่ตราไว้ที่10 บาท

              ส่วนในกรณีครบกำหนดอายุกองทุน บริษัทจัดการจะดำเนินการรับซื้อคืนหน่วยลงทุนโดยอัตโนมัติให้ผู้ถือหน่วยลงทุน โดยจะทำการสับเปลี่ยนหน่วยลงทุนโดยอัตโนมัติทั้งจำนวนของผู้ถือหน่วยลงทุนทุกราย  ณ  วันสิ้นสุดอายุโครงการ ไปยังกองทุนเปิดผสมที่มีนโยบายการลงทุนเหมือนกับกองทุนเปิดกรุงไทย5%ทริกเกอร์ ฟันด์  และเปิดซื้อ-ขายหน่วยลงทุนทุกวันทำการ

             โดยกลยุทธ์ในการบริหารกองทุนนี้ บริษัทจะคัดสรรหลักทรัพย์ที่มีราคาต่ำกว่ามูลค่าที่แท้จริงตามปัจจัยพื้นฐาน มีศักยภาพในการเติบโตที่มั่นคงและสามารถสร้างอัตราการเติบโตของกำไร ท่ามกลางสภาวะเศรษฐกิจที่มีความผันผวน เพื่อให้ผลการดำเนินงานของกองทุนถึงเป้าหมายตามที่ได้คาดการณ์ไว้

             ทั้งนี้  ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ที่ปรับตัวลง เกิดจากความกังวลของนักลงทุนต่อเฟด  ว่าอาจจะตัดสินใจชะลอการใช้มาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) ในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า หลังตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐปรับตัวดีขึ้นกว่าที่คาดการณ์  ทั้งราคาที่อยู่อาศัย   ตัวเลขการจ้างงาน  และดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภค ขณะที่ผลตอบแทนของพันธบัตรรัฐบาลก็ปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างมากจากกระแสความกังวลกับมาตรการของเฟด ส่งผลให้นักลงทุนต่างชาติขายหุ้นทั่วเอเซียรวมทั้งไทย ทั้งนี้  ในช่วงเวลานี้  ถือเป็นจังหวะที่ดี ที่บริษัทเปิดจำหน่ายกองทุนดังกล่าว  เพื่อลงทุนในตลาดหุ้นไทย  เนื่องจากปัจจัยพื้นฐานของบริษัทจดทะเบียนต่าง ๆ ในตลาดหลักทรัพย์ไม่ได้มีการเปลี่ยนแปลงโดย บริษัทมองเป้าหมายดัชนีสิ้นปีนี้อยู่ที่ 1,750 จุด