Movie Guide: คำลาครั้งสุดท้าย การรวมตัวครั้งสุดท้าย “The Hobbit: The Battle of the Five Armies”
The Hobbit: The Battle Of The Five Armies - Billy Boyd: The Last Goodbye - Official Music Video
สำหรับภาพยนตร์เรื่อง “The Hobbit: The Battle of the Five Armies” พลังความสร้างสรรค์ของแจ็คสันที่ทำให้ทุกอย่างกลมกลืนสู่การมิกซ์เสียงที่เขาร่วมงานกับผู้ควบคุมการตัดต่อเสียง เบร็นต์ เบิร์ก และ เจสัน คาโนวาส ตั้งแต่ลมหายใจไฟของสม็อกไปจนถึงการแสดง spectral light ของกาลาเดรียล ภาพยนตร์ได้ถ่ายทอดจินตนาการออกมาอย่างครบถ้วนด้วยการรวมหลายมิติเข้าหากัน
ไม่ว่าจะเป็นสภาพแวดล้อมของการบันทึกเสียงในฉากหรือการบันทึกเสียงของนกนิวซีแลนด์หรือสัตว์ป่าจากทั่วโลก ผู้ออกแบบซาวด์เดวิด ฟาร์เมอร์ และ เดฟ ไวท์เฮด ได้สร้างเสียงภายในคลอไปกับตัวละคร วัฒนธรรม และสนามรบแห่งความซื่อสัตย์อันน่าตื่นเต้น “ภาพยนตร์มิดเดิ้ล-เอิร์ธมีเสียงที่สมบูรณ์และเต็ม และไม่สนับสนุนการใช้เสียงที่ประดิษฐ์ขึ้นมา” ฟาร์เมอร์กล่าว “เราไม่อยากได้ยินเสียงดาบกระทบกันโดยตรงหรอก เราอยากได้ยินเสียงดินและก้อนกรวดหรือดาบฟาดไปบนหินมากกว่า”
“มันทั้งกล้าหาญและชวนสับสน” ไวท์เฮดกล่าว เขาเป็นคนถ่ายทอดเสียงคำรามของสิงโตในช่วงที่ครอบครัวเดินทางไปสวนสัตว์ จนกลายเป็นจุดเริ่มต้นของเสียงอันทรงพลังของวอร์กที่พวกออร์คขี่ในการต่อสู้ ต่อมาไวท์เฮดได้ปรับระดับเสียงคำรามเพื่อสร้าง “สิ่งที่ไม่มีอยู่ในธรรมชาติ” ขึ้นมา
ในการผสมผสานขั้นสุดท้าย ทีมงานด้านซาวด์ได้ร่วมมือกับแจ็คสันทำการบาลานซ์ภาพกับไดอะล็อก ซาวด์เอ็ฟเฟ็กต์ สภาพแวดล้อม และที่ขาดไม่ได้คือดนตรีของภาพยนตร์ เพื่อให้ได้สิ่งที่แจ็คสันเรียกว่า “เสียงหัวใจของภาพยนตร์” ภาพยนตร์ได้กำหนดชื่อผู้ประพันธ์ดนตรีที่เขาชอบเรียกว่า “สมาชิกคนที่ 16 ของคณะนี้” “ตลอดช่วงเวลา 14 ปีที่ผ่านมา ผมโชคดีที่ได้ใช้เวลาหลายชั่วโมงในการฟัง แสดงความเห็น และปล่อยตัวเองให้เคลิ้มไปกับดนตรีจาก Howard Shore ของมิดเดิ้ล-เอิร์ธ” ผู้กำกับฯ กล่าว
เช่นเดียวกับภาพยนตร์ “Hobbit” เรื่องก่อนที่ฮาเวิร์ด ชอร์ประพันธ์เพลงประกอบภาพยนตร์ “The Hobbit: The Battle of the Five Armies” จากบ้านของเขาที่ Tuxedo เมืองนิวยอร์ค ขณะเดียวกันแจ็คสันจะเข้าร่วมการประพันธ์ดนตรีร่วมกับคอนราด โพป วาทยากรวง New Zealand Symphony Orchestra ซึ่งเป็นอีกครั้งที่อาศัยบรรยกาศในการบันทึกเสียงมิดเดิ้ล-เอิร์ธช่วงสำคัญที่ Wellington Town Hall อายุ 100 ปี ร่วมกับแอ็บบีย์ โรด ซาวด์เอ็นจิเนียร์แห่งตำนาน ปีเตอร์ คอบบิน และ คริสตี้ วอลลีย์ ควบคุมการมิกซ์เสียง
ธีมดนตรีของผู้ประพันธ์ประกอบด้วยเสียงร้องประสานที่บันทึกเสียงที่ Abbey Road และ AIR Studios โดยคณะประสานเสียง London Voices ภายใต้การควบคุมของเทอร์รี่ เอ็ดเวิร์ดส และ เบ็น พาร์รี่ แต่น่าจะมากกว่าหนังทุกเรื่องที่เป็นภาพยนตร์ไตรภาค แจ็คสันและเพื่อนร่วมงานของเขาอยยากกล่าวคำลาด้วยเพลงปิดท้ายที่ถ่ายทอดความรู้สึกหลายๆ อย่างจากบทสรุปการผจญภัยครั้งสุดท้ายของพวกเขา
ในการสร้างความฝันให้เป็นจริง ฟราน วอลช์ได้เรียกตัว บิลลี่ บอยด์ นักแสดงที่ให้เสียงพากย์ Hobbit Peregrin Took หรือ พิพพิน ในภาพยนตร์ไตรภาค “The Lord of the Rings” หลังจากนั้นไม่นานแจ็คสัน วอลช์ และฟิลลิปป้า โบเยนส์ได้ใส่ชื่อบอยด์ให้มาแต่งเพลงที่มีความหมายเพื่อปิดฉากภาพยนตร์ไตรภาค ผลลัพธ์ที่ได้จากความร่วมมือของพวกเขาคือเพลง “The Last Goodbye”
“ผมอยากให้เพลงกล่าวลาแฟนๆ ทุกคนที่มีส่วนร่วมในการผจญภัยสุดอัศจรรย์นี้ และโลกทั้งใบของโทลคีนที่ถ่ายทอดสู่โรงภาพยนตร์ในยุคของเรา” บอยด์กล่าว “ผมรู้สึกประทับใจและเป็นเกียรติมากที่ได้รับเชิญให้มาแต่งและร้องเพลงนี้ ได้มีส่วนร่วมในการเริ่มต้นและจุดจบของเรื่องราวอันงดงามแห่งประวัติศาสตร์เหล่านี้”
“เพลง ‘The Last Goodbye’ ที่ร้องโดยบิลลี่เป็นทั้งการอำลามิดเดิ้ล-เอิร์ธและผู้ชม” แจ็คสันกล่าว “เรานึกภาพของน้ำเสียงที่เหมาะสมกว่านี้ในการพาเราออกจากชายฝั่งมิดเดิ้ล-เอิร์ธ... ครั้งสุดท้ายไม่ได้แล้ว”
สำหรับแจ็คสัน วอลช์ โบเยนส์ ทีมผู้สร้างฯ ของพวกเขา สำหรับนักแสดงที่ใช้เวลาหลายปีในมิดเดิ้ล-เอิร์ธและผู้ที่อยู่ที่นั่นมานานกว่า 10 ปี จุดจบของการเดินทางนี้คือช่วงเวลาที่มีพลังไม่แพ้กัน “ช่วงเวลาที่สะเทือนใจสุดสำหรับผมคือตอนที่เราปิดกล้องโดยมีบรรดานักแสดงในฉาก” แจ็คสันจดจำได้ดี “มันสะเทือนใจมากครับ เพราะถึงแม้เรายังเป็นเพื่อนกับพวกเขา แต่เราจะไม่ได้เห็นตัวละครเหล่านี้บนหน้าจออีกแล้ว”
แม็คเคลเลนเล่าว่า “ผมไม่รู้สึกว่าได้กล่าวคำลาต่อแกนดัล์ฟ เพราะทุกคนที่สนุกกับภาพยนตร์จะคอยเตือนผมเสมอว่าแกนดัล์ฟยังมีชีวิตอยู่ดี ไม่ว่าตอนนี้เขาจะอยู่ที่ไหนก็ตาม ผมก็ไม่รู้เหมือนกัน เขาอาจไปก่อปัญหาอยู่ที่ไหนสักแห่งแน่ๆ” เขายิ้มและกล่าวเสริมว่า “ภาระที่ปีเตอร์ต้องแบกรับไว้ในหนังเหล่านี้เกินกว่าที่ผมจะนึกภาพได้ แต่ภายใต้แรงกดดันต่างๆ ผมไม่เคยเห็นเขาพูดจาทำร้ายจิตใจใครเลย แม้ว่าเขาจะอายุน้อยกว่าผม แต่เขาทำให้ผมรู้สึกเหมือนเขาเป็นพ่อได้เลย และผมรู้เสมอว่าเราร่วมทางไปด้วยกัน เขาจะเห็นได้จากความสุภาพเช่นเดียวกับตัวเขา”
“ผมหวังว่าหนังเรื่องนี้จะเป็นที่พอใจของแฟนๆ โลกใบนี้” ฟรีแมนกล่าว “และผมยังหวังว่าผู้ที่ไม่คุ้นเคยกับเนื้อเรื่องจะสนุกไปกับเรื่องราวได้ และมันจะเปิดโอกาสให้พวกเขาอยากอ่านหนังสือและชมภาพยนตร์เรื่อง ‘The Lord of the Rings’ มันมีความเป็นไปได้แบบนี้ นี่เป็นการสร้างหนังที่ค่อนข้างยิ่งใหญ่ ผมคิดว่ามันต้องตื่นเต้นมาก มีความน่ากลัว และหวังว่าจะตื่นเต้นสุดๆ ด้วย”
“หนังเหล่านี้ถูกสร้างขึ้นโดยแฟนจำนวนมากของโทลคีนที่ยังมีตัวตนอยู่และแฟนภาพยนตร์จำนวนมาก” ริชาร์ด อาร์มิเทจ เล่าต่อว่า “ทุกที่ๆ ผมไป ผมจะได้ยินว่าทุกคนเฝ้ารอที่จะได้ชมเรื่องนี้ไปสู่ตอนจบอย่างไร ในส่วนของผลงานครั้งนี้ถือว่าเสร็จสิ้นสมบูรณ์แล้ว”
มองย้อนกลับไปเมื่อ 16 ปีที่แล้วที่เขาสำรวจมิดเดิ้ล-เอิร์ธและตำนานสุดพิเศษที่เขาได้ฝากเอาไว้ แจ็คสันกล่าวสรุปว่า“จากครั้งแรกที่เราสร้างผลงานในภาพยนตร์เรื่อง ‘The Hobbit’ เป็นเวลาเกือบ 7 ปีมาแล้ว มีความรู้สึกเหมือนสิ่งที่กำลังจะสิ้นสุดซึ่งทำให้ผมสะท้าน อาจเป็นอย่างที่บิลโบบอกแกนดัล์ฟว่ามันคือถนนสายสุดท้าย โอกาสที่ได้กลับมาและเล่าเรื่องราวที่เหลือเป็นเกียรติสำหรับเราทุกคนมากครับ ตอนนี้เราขอมอบภาพยนตร์เหล่านี้ให้กับทุกคนที่เราสร้างขึ้นมาเพื่อพวกเขาครับ”
ทุกสิ่งที่ข้าทำ ข้าทำเพื่อพวกเขา
—ธอริน