“ซัมซุงแล็ปฟิต-ซีรีส์” ครั้งแรกของโลกกับมอนิเตอร์หน้าจอที่สองสำหรับโน้ตบุ๊ค เสริมประสิทธิภาพการทำงานถึงขีดสุด
เทรนด์การใช้หน้าจอที่สองเพื่อทำงานควบคู่กับเครื่องคอมพิวเตอร์เดสก์ท็อปและโน้ตบุ๊คเริ่มเป็นกระแสที่ได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นเรื่อยๆในประเทศไทย โดยในต่างประเทศการใช้หน้าจอที่สองหรือที่เรียกว่า Second Display นั้นถือเป็นเรื่องปกติในการทำงานเพื่อให้เกิดความสะดวกสบายและเกิดประสิทธิผลมากขึ้น หลายๆ คนอาจจะสงสัยว่าการใช้หน้าจอที่สองจะทำให้เกิดประโยชน์ต่อการทำงานจริงหรือไม่ ลองมาดูเหตุผลต่างๆ และเทคโนโลยีล่าสุดในปัจจุบันที่ช่วยให้การใช้งานหน้าจอที่สองเป็นไปได้อย่างง่ายดาย
ผลการวิจัยจากมหาวิทยาลัยแห่งรัฐยูทาห์ ประเทศสหรัฐอเมริกา เมื่อปี 2003 พบว่าการใช้มอนิเตอร์หน้าจอที่สองช่วยเพิ่มประสิทธิผลในการทำงานมากขึ้น 10% และช่วยลดความผิดพลาดในการทำงานได้ 33% เนื่องจากมีพื้นที่หน้าจอที่ใหญ่ขึ้นทำให้สามารถขนาดการมองเห็นได้อย่างมีประสิทธิภาพ ในขณะเดียวกันก็สามารถทำงานหลายๆ อย่างพร้อมกันได้บนหน้าจอโดยไม่ต้องเสียเวลาปิดไฟล์ต่างๆ นอกจากนี้ ผลการวิจัยจากไมโครซอฟท์ระบุว่า ผู้ใช้จะสามารถเพิ่มประสิทธิผลในการทำงานด้วยคอมพิวเตอร์ได้ 9 – 50% ด้วยการเพิ่มมอนิเตอร์ตัวที่สองเข้าไปเพื่อเป็นการเพิ่มพื้นที่แสดงผลหน้าจอ ซึ่งแม่แต่เจ้าพ่อวงการคอมพิวเตอร์อย่างบิลล์ เกตส์ เองยังเคยให้สัมภาษณ์ในนิตยสารฟอร์จูน เมื่อปี 2006 ว่า “บนโต๊ะทำงานของผมมีจอภาพ 3 ตัวที่เชื่อมต่อกันบนคอมพิวเตอร์เครื่องเดียวเพื่อใช้ในการดิสเพลย์ เมื่อคุณมีพื้นที่ในการทำงานบนหน้าจอมากขนาดนั้นคุณจะไม่หวนกลับไปสู่การใช้งานบนมอนิเตอร์ตัวเดียวแบบเดิมอีกต่อไป เพราะคุณจะรู้สึกถึงประสิทธิผลในการทำงานที่เพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด”
สองจอ สนุกกว่า...ได้งานมากกว่า
ลองจินตนาการดูเล่นๆ สมมติว่าตอนอยู่ที่ทำงาน คุณใช้มอนิเตอร์ 2 ตัวโดยท่องอินเตอร์เน็ตเพื่อค้นหาข้อมูลที่ต้องการบนหน้าจอหนึ่ง ในขณะที่อีกหน้าจอหนึ่งก็สามารถใช้พิมพ์ข้อมูลนั้นได้ทันที หรือถ้าคุณเป็นเกมเมอร์ การใช้มอนิเตอร์ 2 ตัวก็จะทำให้คุณเห็นฉากของเกมที่กว้างกว่า ให้คุณสร้างสถิติการเล่นได้ดีขึ้นและเกิดความมันส์ที่ทวีคูณขึ้นจากอรรถรสในการเล่นเกม ถ้าคุณเป็นคุณครูคุณก็สามารถป้อนคะแนนเข้าไปในโปรแกรมบนหน้าจอหนึ่ง ขณะที่อีกหน้าจอหนึ่งเปิดอีเมล์การบ้านของเด็กๆ เพื่อตรวจให้คะแนน และคราวนี้คุณลองนึกถึงคนทำงานด้านงานกราฟฟิคต่างๆ เช่น ตกแต่งแก้ไขภาพถ่ายดิจิตอล ตัดต่อวิดีโอหรือไฟล์เสียง พวกเขาสามารถทำงานด้วยโปรแกรมได้บนหน้าจอหนึ่ง ในขณะที่อีกหน้าจอหนึ่งแสดงผลลัพธ์เต็มหน้าจอ (ไม่ต้องแบ่งหน้าจอผลลัพธ์กับหน้าจอทำงานบนพื้นที่แสดงผล มอนิเตอร์ตัวเดียวอีกต่อไป) จะเห็นได้ว่า การเพิ่มมอนิเตอร์ตัวที่สองเข้าไปช่วยให้ทำงานได้มากกว่า เกิดประสิทธิผลที่ดีกว่าและเล่นเกมส์ได้สนุกกว่าจริงๆ
ครั้งแรกของมอนิเตอร์หน้าจอที่สองสำหรับโน้ตบุ๊ค
ซัมซุงในฐานะผู้นำด้านนวัตกรรมและเทคโนโลยีระดับโลก ได้พัฒนาอีกก้าวของมอนิเตอร์หน้าจอที่สองสำหรับโน้ตบุ๊คเป็นครั้งแรก เพื่อเพิ่มศักยภาพการทำงานหน้าจอในขีดสุด กับแอลซีดีมอนิเตอร์ “แล็ปฟิต-ซีรีส์” 2 รุ่น ได้แก่ “ซัมซุง LD 190G” ขนาด 18.5 นิ้ว และ “ซัมซุง LD 220G” ขนาด 21.5 นิ้ว ที่ออกแบบมาโดยเฉพาะเพื่อเป็นได้ทั้งหน้าจอที่สองสำหรับการทำงานทั้งกับคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊คคู่ใจหรือบนเดสก์ท็อป โดย “ซัมซุงแล็ปฟิต-ซีรีส์” มาพร้อมดีไซน์โฉบเฉียวสีดำกลอซซี่ทันสมัย และขาตั้งที่ออกแบบมาให้อยู่ด้านหลังแบบกรอบรูปตั้งโต๊ะเพื่ออำนวยความสะดวกให้กับการใช้งานอย่างสูงสุด สามารถปรับระดับมุมเงยหน้าจอขึ้นได้ 10-30 องศาให้อยู่ในระดับการมองเห็นเดียวกับโน้ตบุ๊ค คมชัดสูงสุดด้วยจอแสดงภาพแบบไวด์สกรีน 16:9 และอัตราตอบสนองความเร็ว 5 มิลลิวินาที รองรับการแสดงภาพสีถึง 16.7 ล้านสี และแถบปุ่มควบคุมเอกสิทธิ์จากซัมซุง Starlight Touch Control ที่ซ่อนอยู่บนหน้าจอระบบสัมผัสอย่างกลมกลืนโดยไฟจะกระพริบแสงขึ้นเฉพาะเวลาที่กดใช้งาน
จอมอนิเตอร์ซีรีส์นี้เป็นซีรีส์แรกของโลกที่ออกแบบมาเพื่อเป็น Second Display โดยเฉพาะด้วยความโดดเด่นไม่เหมือนใครในด้านการเชื่อมต่อที่ง่ายดายในขั้นตอนเดียว ด้วยโซลูชันอัจฉริยะ “UbiSyncTM” เทคโนโลยีจากซัมซุงที่ช่วยให้การแสดงผลแบบหลายหน้าจอเป็นไปได้อย่างง่ายดายโดยไม่จำเป็นต้องใช้กราฟิกการ์ดหรือซอฟท์แวร์ที่ซับซ้อน ประหยัดเวลาจากการเซ็ทอัพเครื่องคอมพิวเตอร์ที่ยุ่งยาก เพียงแค่ต่อเชื่อมด้วยสายยูเอสบีที่มาพร้อมจอก็สามารถใช้งานอย่างอิสระและรวดเร็วได้ทันทีในแบบปลั๊คแอนด์เพลย์ (Plug and Play) เทคโนโลยีนี้มีประโยชน์เป็นอย่างยิ่งสำหรับผู้ใช้ที่ต้องการพื้นที่การทำงานบนหน้าจอที่ใหญ่ขึ้นจากโน้ตบุ๊คและมินิโน้ตบุ๊คเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสิทธิผลสูงสุดสำหรับการทำงานนอกออฟฟิศหรือระหว่างการเดินทางในทริปธุรกิจต่างๆ
ฉีกกฎความจำเจจากการทำงานบนจอเดียว
นอกจากจะช่วยให้การเชื่อมต่อหน้าจอที่สองเป็นไปได้อย่างง่ายดายแล้ว “แล็ปฟิต-ซีรีส์” ยังมีฟีเจอร์ที่ช่วยปรับความสว่างหน้าจอให้ใกล้เคียงกันระหว่าง 2 จอด้วย Hot Key Control เพียงปุ่มเดียวที่ช่วยให้การมองเห็นดีขึ้น ให้ภาพคมชัดคุณภาพสูงด้วย Magic Clear ลดความเบลอของภาพและให้ภาพเคลื่อนไหวสมจริงเป็นธรรมชาติ ใครที่ไม่อยากตกเทรนด์และกำลังมองหาวิธีที่จะช่วยเสริมประสิทธิภาพในการทำงาน สามรถรีบไปซื้อหากันได้แล้ว โดยแอลซีดีมอนิเตอร์ ”ซัมซุง แล็ปฟิต ซีรีส์” วางจำหน่ายที่ราคา 5,990 บาทสำหรับรุ่น LD 190Gและ 8,550 บาท สำหรับรุ่น LD 220G ที่ตัวแทนจำหน่ายสินค้าซัมซุงไอทีทั่วประเทศ