DEAD MAN DOWNจัดจำหน่ายโดย เอ็ม พิคเจอร์สชื่อภาษาไทย แค้นได้ตายไม่เป็นภาพยนตร์แนว แอ็คชั่น -ทริลเลอร์จากประเทศ สหรัฐอเมริกากำหนดฉาย 16 พฤษภาคม 2556ณ โรงภาพยนตร์ โรงภาพยนตร์ในเครือเมเจอร์ซีนีเพล็กซ์ผู้กำกับ Niels Arden Oplev (นีลส์ อาร์เดน ออพเลฟ)อำนวยการสร้าง Neal H. Moritz (นีล เอช.มอรีทส์)นักแสดง
Colin Farrell (โคลิน ฟาร์เรล) รับบทเป็น Victor (วิคเตอร์)
จากภาพยนตร์เรื่อง Total Recall , Miami Vice , Alexander
Noomi Rapace (นูมี ราเพซ) รับบทเป็น Beatrice (เบียทริซ)
จากภาพยนตร์เรื่อง Prometheus , Sherlock Holmes: A Game of Shadows , Passion
Terrence Howard (เทอร์เรนซ์ โฮเวิร์ด) รับบทเป็น Alphonse (อัลฟองซ์)
จากภาพยนตร์เรื่อง Iron Man , The Brave One , The Ledge , Movie 43
Dominic Cooper (โดมินิค คูเปอร์) รับบทเป็น Darcy (ดาร์ซี)
จากภาพยนตร์เรื่อง My Week with Marilyn,Mamma Mia!,Captain America:The First Avenger
Isabelle Huppert (อิซาเบล ฮัพเพิร์ท) รับบทเป็น Valentine (วาเลนไทน์)
จากภาพยนตร์เรื่อง Amour , La pianiste , 8 femmesเลือดต้องล้างด้วยเลือด!!!
ล้างแค้นครั้งนี้ต้องอัดแค้นให้สาสม
Dead Man Down แค้นได้ตายไม่เป็น
16 พฤษภาคม สาดความแค้นสุดระหำ
เรื่องย่อ DEAD MAN DOWN เป็นแอ็คชั่นทริลเลอร์ระทึกขวัญที่มีเรื่องราวความรักเป็นศูนย์กลาง เกิดขึ้นในโลกอาชญากรรมของนิวยอร์ก ซิตี้ วิคเตอร์ (รับบทโดย โคลิน ฟาร์เรล) ซึ่งเป็นมือขวาของอัลฟองซ์ (รับบทโดยเทอร์เรนซ์ โฮเวิร์ด) เจ้าพ่ออาชญากรรมตัวเอ้ ที่กำลังโดนลบเหลี่ยมจากแกงค์ศัตรู ส่งมือดีมาปลิดชีพสมาชิกแก๊งของเขาทีละคนๆ แถมยังส่งคำขู่และคำเย้ยหยันมาถึงอัลฟองซ์ งานนนี้ ดาร์ซี (โดมินิค คูเปอร์) เพื่อนของวิคเตอร์ ลูกน้องอีกคนของอัลฟองซ์เริ่มหมกมุ่นกับการหาตัวฆาตกร เพื่อหวังจะเลียแข้งเลียขาอัลฟองซ์และถีบตัวเองขึ้นสู่ตำแหน่งที่สูงขึ้นในองค์กร ระหว่างนี้ วิคเตอร์ได้พบกับเบียทริซ (นูมี ราเพซ) สาวหญิงฝรั่งเศสลึกลับ ที่อาศัยอยู่กับวาเลนไทน์ (อิซาเบล ฮัพเพิร์ท) แม่ของเธอ ใน อพาร์ทเมนต์หรูฝั่งตรงข้ามกับห้องพักของวิคเตอร์ และเมื่อวิคเตอร์เริ่มหลงใหลเธอ ไม่นานนักเขาก็ได้ค้นพบว่าเบียทริซไม่ได้เป็นคนอย่างที่เขาเห็น แต่เธอเป็นเหยื่ออาชญากรรมที่ต้องการแก้แค้น และเธอก็ต้องการความช่วยเหลือจากวิคเตอร์ และในขณะเดียวกันเบียทริซก็พบว่าวิคเตอร์ไม่ใช่คนอย่างที่เธอเห็นเช่นกัน แต่เขาคือผู้ต้องการแก้แค้นให้กับการเสียชีวิตของภรรยาและลูกสาวตัวน้อยของเขาที่เกิดขึ้นเมื่อหลายปีก่อน และเมื่อคนสองคนที่มีบาดแผลในใจ ที่ต่างก็หมกมุ่นอยู่กับการแก้แค้นได้มาพบกัน ปฏิกิริยาเคมีและความสัมพันธ์ที่เข้มข้นของทั้งคู่ก็นำไปสู่การวางแผนการแก้แค้นที่รุนแรงและเป็นการชำระล้างจิตใจของพวกเขาด้วยเปิดใจผู้กำกับภาพยนตร์...นีลส์ อาร์เดน ออพเลฟ
นีลส์ อาร์เดน ออพเลฟ ผู้กำกับชาวเดนิชได้รับการทาบทามจากสตูดิโอฮอลลีวู้ด ที่ส่งบทภาพยนตร์มากมายให้เขาอ่านทันที ออพเลฟไม่ได้เลือกจะผูกมัดตัวเองกับโปรเจ็กต์ไหนเลย แต่แล้วเขาก็ได้อ่าน DEAD MAN DOWN
อย่างที่ออพเลฟเล่าว่า “ประเด็นสำคัญเกี่ยวกับ DEAD MAN DOWN คือมันเป็นบทที่ดี และนั่นก็คือความแตกต่างระหว่างบทหนังเรื่องนี้กับอีก 250 เรื่องที่ผมได้อ่าน ในบรรดาบท 250 เรื่องที่ผมได้อ่านมาประมาณสองปีครึ่ง มีเพียงแค่หยิบมือเดียวที่น่าสนใจ บางเรื่องก็ต้องอาศัยการปรับเปลี่ยนอีกหน่อย ซึ่งผมก็พูดได้ว่ามันอาจเป็นเรื่องที่ผมเลือกแสดง แต่บท DEAD MAN DOWN ก็เข้ามาในลักษณะที่เกือบเพอร์เฟ็กต์เลยครับ”
“แล้วมันก็เป็นเรื่องราวที่น่าสนใจมากๆ ด้วย” ออพเลฟอธิบาย “มันมีอะไรมากมายในเรื่องราวนี้ ตัวละครมีความลึกซึ้ง มันเป็นส่วนผสมที่วิเศษสุดของสิ่งที่น่าจะถูกใจผู้ชมในวงกว้าง แต่ในขณะเดียวกัน มันก็มีแง่มุม ‘อาร์ตๆ’ ที่ดีด้วย ตัวละครของเรื่องมีทั้งอารมณ์และมิติลึกซึ้ง แล้วบทเรื่องนี้ก็มีธีมโปรดของผมด้วย ซึ่งก็คือการไถ่บาปหัวใจ การไถ่บาปโชคชะตาของตัวเอง ในแง่ที่ว่าเมื่อไหร่ก็ตามที่ทุกสิ่งในชีวิตคุณแลดูมืดหม่น สิ้นหวังที่สุด จะมีบางคนหรือบางสิ่งที่จะให้โอกาสที่สองกับคุณเพื่อแก้ตัวและทำให้ชีวิตคุณกลับมาเข้ารูปเข้ารอยอีกครั้ง นั่นเป็นเรื่องราวสำหรับวิคเตอร์และเบียทริซด้วยครับ และที่มันเกิดขึ้นก็เพราะพวกเขาได้พบกันใน ‘ใจกลางแห่งความมืดมิด’ ของทั้งคู่ การพบกันของทั้งคู่และสิ่งวุ่นวายทั้งหลายทั้งปวงที่เกิดขึ้นทำให้พวกเขาสามารถไถ่บาปตัวเอง มาถึงจุดที่พวกเขาได้รับโอกาสครั้งที่สองครับ”
“และสำหรับผมแล้ว นั่นอาจจะเป็นธีมที่งดงามที่สุดก็ได้” ออพเลฟกล่าวต่อ “ธีมที่อยู่ใน `The Girl with the Dragon Tattoo’ สำหรับทั้งลิสเบธ ซาแลนเดอร์และบลอมค์วิสต์ รวมถึงในหนังเรื่องอื่นๆ ของผมอีกหลายเรื่องด้วย”
“ผมเชื่อจริงๆ ว่า DEAD MAN DOWN มีองค์ประกอบทุกอย่างของหนังอเมริกันคลาสสิก ในแง่ของความบันเทิงน่ะครับ” ออพเลฟเล่าอย่างกระตือรือร้น “มันมีการแก้แค้น แอ็คชั่น พล็อตลึกลับน่าสนใจ ที่จะคลี่คลายออกมาเรื่อยๆ ระหว่างที่เรื่องราวเดินหน้าไป หนังเรื่องนี้มีตัวละครที่น่าสนใจและมหัศจรรย์ และมีคุณค่าทางด้านการสร้างที่ยอดเยี่ยม อะไรพวกนั้นน่ะครับ แล้วภายในแพ็คเกจทั้งหมดนี้ก็จะมีเรื่องราวความรักพิลึกพิลั่นนี้ เป็นความรักจริงๆ ระหว่างชายและหญิงในแบบที่คุณไม่เคยเห็นมาก่อน และสำหรับผมแล้ว องค์ประกอบพวกนั้นก็เป็นอะไรที่น่าทำงานด้วยจริงๆ ครับ”
“ดังนั้น เมื่อคุณมองที่ตัวละครทั้งสองตัว ทั้งวิคเตอร์ ที่รับบทโดยโคลิน ฟาร์เรลและเบียทริซ ที่รับบทโดยนูมิ ราเพซ” ออพเลฟเล่า “รวมถึงเรื่องรักเรื่องนี้ มันก็ชัดเจนว่านี่ไม่ใช่เรื่องรักที่เริ่มต้นแบบธรรมดาๆ มันเริ่มต้นด้วยสิ่งที่คุณคิดว่าเป็นการเดทระหว่างผู้ชายที่ยังเป็นคนลึกลับในแง่ที่ว่าเขาจะเป็นคนดีหรือคนร้ายก็ยังไม่รู้เพราะตอนเริ่มต้นเรื่อง เขาได้ทำบางอย่างที่เลวร้ายไปแล้วด้วย และผู้หญิงคนนี้ที่ดูแปลกๆ ในแง่ของการใช้ชีวิตของเธอและแม่ แล้วเมื่อพวกเขาไปเดทกันครั้งแรก เดทนั้นก็ไปในทิศทางที่แตกต่างกับที่เราเคยเห็นมาโดยสิ้นเชิงเลย พอผมได้อ่านบทที่วิเศษสุดโดยโจเอล วีแมนเป็นครั้งแรก ผมก็นึกถึงว่าความสามารถของเขาในการทำให้ฉากเดทในหนังมีความแปลกใหม่ขึ้นมาก็เป็นความสำเร็จในตัวมันเองอยู่แล้ว ใครอาจจะบอกว่ามันเป็นไปไม่ได้แต่นั่นคือสิ่งที่เรื่องราวนี้ทำครับ”
“ดังนั้น DEAD MAN DOWN ก็เลยมีการหักมุมจำนวนมหาศาลเลยครับ” ออพเลฟกล่าวต่อ “เมื่อคุณคิดว่าคุณรู้อะไรซักอย่าง ก็มีอีกสิ่งหนึ่งเกิดขึ้น และในแง่นั้นเอง หนังเรื่องนี้จะสนุกมากๆ และน่าตื่นเต้นมากๆ ด้วย มันมีองค์ประกอบตามที่ผมต้องการจริงๆ แหละครับ”
“และ DEAD MAN DOWN ก็เป็นหนังอินดี้ฟอร์มใหญ่ ผมก็เลยมีอิสระที่จะสร้างมันในแบบที่ผมต้องการด้วย” ออพเลฟกล่าวยืนยัน “ผมคิดว่ามันจะต้องเป็นเรื่องยากมากๆ ที่จะสร้างหนังแบบนี้ ที่มีฉากพวกนี้และสิ่งที่คนพวกนี้พูดและทำ ในระบบการสร้างหนังของสตูดิโออเมริกันน่ะครับ”
“โจเอล วีแมนเขียนบทเรื่องนี้มาหกปี และเขาก็พูดคุยกับนีล มอริทซ์และบริษัทออริจินอล ฟิล์มของเขาถึงเรื่องการสร้างหนังเรื่องนี้ขึ้นมา” ออพเลฟเล่า “แล้วตามที่ผมเข้าใจ ตอนที่โจเอลกำลังจะเขียนบทเรื่องนี้เสร็จ เขาก็ได้ดูหนังเรื่อง `The Girl wth the Dragon Tattoo’ ของผม และเขากับนีล มอริทซ์ก็ตัดสินใจที่จะส่งบทเรื่องนี้ให้ผม ในฐานะตัวเลือกแรกที่จะมากำกับหนังเรื่องนี้ ตอนที่ผมได้บทเรื่องนี้มา ก่อนหน้านั้นหนังที่ผมจะต้องสร้างก็ถูกพับไปก่อนพอดี ดังนั้น พอบทเรื่องนี้ถูกส่งมาให้ผม ผมก็อ่านมันอย่างเร็วมากและผมก็ชอบมันมาก ผมได้โทรคุยกับโจเอล ได้พบกับเขา และชื่อของนักแสดงคนแรกที่เราพูดถึงว่าน่าจะมานำแสดงในหนังเรื่องนี้ในบท ‘วิคเตอร์’ ก็คือโคลิน ฟาร์เรลครับ”
“ชื่อของโคลินปรากฏขึ้นเป็นเรื่องปกติเพราะนีล มอริทซ์กำลังทำงานใน ‘Total Recall’ ร่วมกับเขาอยู่ครับ” ออพเลฟเล่า “แล้วผมก็คิดว่ามันฟังดูเป็นไอเดียที่เจ๋งและน่าสนใจจริงๆ ผมกับโคลินเลยนัดพบกันและผมก็ได้ไปพบเขาที่นิวยอร์ก ผมรู้สึกถึงความมุ่งมั่นที่จะทำในสิ่งที่แตกต่างและการสวมบทตัวละครตัวนี้ ที่มีองค์ประกอบคลาสสิก แต่ในขณะเดียวกัน ก็มีมิติด้านอารมณ์ที่ลึกซึ้งและมีความอ่อนไหวแปลกประหลาดอย่างที่ผมต้องการ จากตัวเขา ดังนั้น มันก็เลยเป็นการพบกันที่เยี่ยมมากๆ”
“ในแบบเดียวกับที่โจเอลไม่เคยนึกถึงผู้กำกับคนอื่น” ออพเลฟกล่าว “โจเอล,นีลกับผมก็ไม่เคยนึกถึงนักแสดงคนอื่นเหมือนกัน มันก็เลยเป็นสิ่งที่แน่นอนตั้งแต่ต้น และโชคดีที่โคลินชอบบทเรื่องนี้และตอบ ‘ตกลง’ นั่นเป็นจุดเริ่มต้นโปรเจ็กต์ที่เยี่ยมจริงๆ เมื่อคุณเริ่มต้นได้สวยแบบนั้น คุณก็มีชัยไปกว่าครึ่งแล้วล่ะครับ”
“สำหรับโคลินในบทวิคเตอร์” ออพเลฟเล่า “ผมคิดว่าสิ่งแรกที่สำคัญจริงๆ สำหรับผม ซึ่งผมก็คุยเรื่องนี้กับโคลินตั้งแต่ที่เราพบกันครั้งแรก คือเราจะนำเสนอภาพเขาเป็นคนจริงๆ ไม่ได้เหมือนกับแอ็คชั่นฮีโร่ และพอผมได้เห็นโคลินในบทนั้น ผมก็กล้าพูดได้เลยว่าเขาถ่ายทอดความอ่อนไหวในตัวละครตัวนี้ออกมาอย่างมืดหม่นจริงๆ การเปลี่ยนแปลงของเขาในฐานะตัวละครได้ก้าวจากความมืดมิดไปสู่แสงสว่าง”
“และตรงนี้นี่เองที่เบียทริซเข้ามาและช่วยฟื้นฟูหัวใจของเขา” ออพเลฟกล่าว “วิคเตอร์ได้กลายเป็นมนุษย์อีกครั้ง ความรู้สึกของเขากลับคืนมา ระหว่างการดำเนินเรื่องราว หัวใจเขาเริ่มกลับมาเต้นอีกครั้ง และเขาก็เริ่มกลับมามีความรู้สึกแบบมนุษย์ธรรมดาอีกครั้ง ซึ่งคล้ายกับการเปลี่ยนแปลงของลิสเบธ ซาแลนเดอร์ใน ‘The Girl with the Dragon Tattoo’”
“วิคเตอร์เป็นคนที่สามารถฆ่าคนได้” ออพเลฟอธิบาย “แต่การติดต่อกับเบียทริซและความรักที่แปลกประหลาดที่เธอทำให้เขารู้สึกนั้น ทำให้อารมณ์แบบมนุษย์ของเขาค่อยๆ กลับคืนมา ทีละน้อยๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในองก์ที่สามของเรื่อง และเขาก็กลายเป็นสิ่งที่ผมก็ไม่อาจเรียกว่ามนุษย์ปกติได้ซะทีเดียว แต่เป็นคนที่ผ่านสิ่งเลวร้ายมาก่อนและเริ่มมองเห็นแสงสว่างที่ปลายอุโมงค์น่ะครับ”
“และสำหรับผม หลังจากได้คุยกับโคลินแล้ว ผมก็รู้สึกว่าเขาอยู่ใจจังหวะที่เขาสามารถถ่ายทอดบทวิคเตอร์ในฐานะคนที่เข้มแข็ง แต่ในขณะเดียวกัน ก็มีระดับความอ่อนไหวและมีมิติอารมณ์ลึกซึ้ง ที่สำคัญอย่างยิ่งต่อการสร้างตัวละครที่เป็นมนุษย์ แต่เป็นคนที่ไม่แสดงอารมณ์แบบมนุษย์ออกมาน่ะครับ นี่เป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งต่อตัวละครตัวนี้ ไม่อย่างนั้น ตัวละครตัวนี้ก็จะแบนราบ มืดหม่นอย่างเดียวเลย ตัวละครตัวนี้มีคุณสมบัติแบบนั้น แต่ในขณะเดียวกัน เขาก็มีมิติลึกซึ้ง ที่เรารู้สึกว่าภายในตัวเขาคือปริศนาของทุกสิ่งที่เกิดขึ้นกับเขาและปริศนาชะตากรรมของเขา และปริศนาของอารมณ์เขาที่เป็นแรงผลักดันให้เขาก้าวไปข้างหน้าครับ”
“ผมไม่สามารถทำงานกับตัวละครที่ไม่มีชะตากรรมได้หรอกครับ” ออพเลฟสารภาพ สำหรับออพเลฟ ตัวละครผู้มีชะตากรรมจะเป็น “พวกยอมเสี่ยงหรือตัวละครภายใต้สถานการณ์พิเศษในชีวิต ที่จะมอบชะตากรรมและทิศทางให้กับพวกเขา นั่นเป็นเครื่องมือที่น่าค้นหา น่าสนใจและน่าทึ่ง ถ้าคุณรู้สึกถึงชะตากรรมบางอย่างในตัวละครนั้นๆ คุณก็จะรู้สึกถึงความลึกลับ และจุดหมายปลายทางของการเดินทางนั้น และสำหรับเราในฐานะผู้ชมที่มีชีวิตที่ปกติธรรมดากว่า แรงขับที่เรารู้สึกจากตัวพวกเขานี่เองที่ทำให้เราอยากจะเห็นว่าการเดินทางของพวกเขาจะไปถึงไหนและทำให้เราอยากจะไปกับพวกเขา พอเรารู้สึกเห็นใจตัวละครและเหตุผลของเขาและเธอแล้ว แม้ว่าตัวละครจะต้องการทำในสิ่งที่เกินเลยไป เราก็จะรู้สึกถึงความต้องการให้ตัวละครทำสิ่งต่างๆ เหล่านั้น และเราจะยอมรับว่านั่นคือตัวตนของตัวละครตัวนั้น ถ้าเราไม่รู้สึกเห็นใจพวกเขา เราก็จะไม่อยากอยู่ในการเดินทางนั้นครับ ดังนั้น ความเห็นใจและการเอาตัวเองไปแทนตัวละครก็เป็นสิ่งที่สำคัญมากๆ”
“และผมก็รู้สึกว่าโคลินจะสามารถให้ชีวิต ความมีมิติและความอ่อนไหวกับวิคเตอร์ ในแบบที่จะทำให้ความมืดหม่นของการเดินทางของเขาน่าสนใจและทำให้เรารู้สึกเห็นใจเขาและอยากจะช่วยเหลือเขา” ออพเลฟอธิบาย “เราอยากให้เขาทำในสิ่งที่ถูกต้อง และโคลินก็แสดงได้อย่างยอดเยี่ยมในหนังเรื่องนี้ มันมีระดับอารมณ์หลากหลายในสิ่งที่โคลินได้ทำในหลายๆ ฉากของเขาและนั่นคือสิ่งที่ทำให้อารมณ์พวกนั้นทั้งซับซ้อนและน่าติดตาม”
“ตอนที่ผมได้เห็นโคลินรับบท ‘วิคเตอร์’ ในหนังเรื่องนี้” ออพเลฟกล่าว “มันมีความหยาบกระด้างในตัวเขา มีคุณสมบัติ ‘วายร้าย’ ในตัวเขา ที่ทำให้เรารู้สึกว่าผู้ชายคนนี้ เมื่อพิจารณาจากพื้นเพของเขา ได้เปลี่ยนตัวเองตามความจำเป็นกลายเป็นคนรุนแรง ไม่ใช่เพราะความต้องการของตัวเองที่อยากจะเป็นคนรุนแรง แต่เพราะเหตุผลที่เข้าใจได้ แม้ว่าในตอนที่คุณแก้แค้นหรือตั้งศาลเตี้ยด้วยตัวเอง มันก็มีค่าตอบแทนที่เกิดขึ้นตามมา และเขาก็จ่ายค่าตอบแทนนั้นด้วยอารมณ์ของตัวเอง ดังนั้น ทั้งหมดนี้ก็ช่วยเสริมสร้างความซับซ้อนของตัวละครตัวนี้มากขึ้นไปอีกครับ”
“และสำหรับนูมิ แน่นอนครับว่าผมกับเธอรู้จักกัน เราเคยผ่านงานหนักระหว่างการถ่ายทำ `The Girl with the Dragon Tattoo’ มาก่อน” ออพเลฟเล่า “ก่อนอื่นเราก็ต้องดูก่อนว่าโคลินต้องการแสดงเรื่องนี้มั้ย แล้วพอโคลินอยากแสดงเรื่องนี้ แล้วเราก็ค่อยคุยได้ว่าใครจะมารับบทเบียทริซ แต่สิ่งที่แปลกก็คือนูมิได้อ่านบทหนังเรื่องนี้เรียบร้อยแล้วตอนที่เรื่องนั้นเกิดขึ้น กลายเป็นว่าเธออ่านบทเรื่องนี้และชอบมันจริงๆ ผมก็เลยบอกว่า ‘ว้าว มันคงเป็นไอเดียเจ๋งน่าดูที่จะเลือกเธอ’ แล้วเธอก็ได้พบกับโจเอลและนีลในลอสแองเจลิส และแน่นอนว่าเธอทำให้พวกเขาหลงใหลจนพวกเขาพูดอะไรไม่ออกเลย ซึ่งเป็นเรื่องเยี่ยมมากครับ”
“แต่สำหรับผม สิ่งที่น่าสนใจจริงๆ เกี่ยวกับมันคือ แน่นอนครับผมรู้อยู่แล้วว่านูมิจะนำเอาอารมณ์และมิติมาสู่บทนี้ในแบบที่เธอกับบทลิสเบธใน `The Girl With the Dragon Tattoo’” ออพเลฟเล่า “แต่สิ่งที่น่าสนใจจริงๆ สำหรับผมคือการพยายามใช้นูมิในฐานะนักแสดงในบทที่ห่างไกลจากลิสเบธ ซาแลนเดอร์ที่สุดเท่าที่คุณจะสามารถคิดออก ผมหมายถึง ใน DEAD MAN DOWN นูมิรับบทเด็กสาวชาวฝรั่งเศส/อเมริกัน ที่เป็นผู้หญิงจ๋า สวมส้นสูง ทำเล็บ ทำผมอย่างดี ดัดขนตางอน อะไรทำนองนั้น เธอเป็นคนร่างเล็ก ดูเปราะบาง แต่ในขณะเดียวกัน หัวใจเธอก็เต็มไปด้วยความขึ้งโกรธและความมืดหม่น ที่ทำให้เธอสามารถดึงเบรคมือรถของโคลิน เพื่อให้มันหมุนคว้างได้ และเธอก็ไม่กลัวตายด้วย ดังนั้น นี่คือเด็กสาวเปราะบาง ที่มีความเป็นผู้หญิงสูง ผู้มีพลังภายในและผมก็คิดว่ามันเป็นวิธีมองเธอที่เจ๋งจริงๆ และบางทีบทที่เธอแสดงใน DEAD MAN DOWN แม้ว่าเธอจะได้แสดงหนังฟอร์มยักษ์หลายเรื่องตั้งแต่ `The Girl with the Dragon Tattoo’ ก็ตาม แต่นี่อาจจะเป็นบทที่ห่างไกลจากลิสเบธมากกว่าบทอื่นๆ ก็ได้ และผมก็คิดว่ามันเป็นเรื่องที่มีเสน่ห์มากๆ และแน่นอนครับ” ออพเลฟกล่าวต่อ “ผมตั้งตารอที่จะได้ร่วมงานกับเธออีกครั้ง และมันก็เป็นประสบการณ์ที่พิเศษสุดจริงๆ”