MSN on April 24, 2013, 04:58:59 PM
KTAMเปิดขาย2กองทุนตราสารหนี้ชู6เดือน3%ต่อปี

              นายสมชัย  บุญนำศิริ  กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กรุงไทย จำกัด  (มหาชน)   เปิดเผยว่า   ในสัปดาห์นี้  บริษัทเปิดจำหน่าย 2  กองทุน  ได้แก่  กองทุนเปิดกรุงไทยธนทรัพย์ บี 80 ( KTSUPB80 )   เสนอขายตั้งแต่วันนี้  ถึงวันที่ 29 เมษายน 2556   อายุโครงการ 6 เดือน  มูลค่า 7,000 ล้านบาท    เน้นลงทุนตราสารหนี้ทั้งในและต่างประเทศ  ได้แก่ เงินฝากประจำ  Bank of  China  , Unoin   National  Bank ,  MTN ออกโดย  Itau Uniobanco  S.A.    และ Banco  BTG   Pactual  S.A.  ในสัดส่วน 70% ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน   ส่วนที่เหลือลงทุนในหุ้นกู้  /ตั๋วแลกเงิน  สถาบันการเงิน /บริษัทเอกชนในประเทศ  ผู้ลงทุนจะได้รับผลตอบแทนประมาณ 3.00%ต่อปี 

             นอกจากนี้  ยังอยู่ในระหว่างการเปิดจำหน่ายกองทุนเปิดกรุงไทยประจำ 3เดือน คุ้มครองเงินต้น 2 ( KTFIX3M2 ) ถึงวันที่ 26 เมษายน 2556  เป็นกองทุนประเภท Roll  Over    อายุโครงการ 3 เดือน   เน้นลงทุนตราสารหนี้ในประเทศ   ได้แก่ พันธบัตรภาครัฐในประเทศ  57% ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน  ส่วนที่เหลือลงทุนในเงินฝากธนาคารธนชาติ    ธนาคารทิสโก้  และธนาคารออมสิน   ผู้ลงทุนจะได้รับผลตอบแทนประมาณ 2.55% ต่อปี

            สำหรับภาพรวม ของตลาดตราสารหนี้ไทยในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา อัตราผลตอบแทนทรงตัว รุ่นอายุ 1 เดือน – 1 ปี  มีการเคลื่อนไหวระหว่าง 0 ถึง +1 bps  ซึ่งระดับที่ซื้อในปัจจุบันอยู่ในอัตราระหว่าง 2.71 – 2.75%  หลังจากยังไม่มีปัจจัยใหม่ๆ เข้ามามีผลกระทบต่อตลาด   อัตราผลตอบแทนที่ปรับตัวลดลงส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากการปรับตัวลดลงตามผลตอบแทนของพันธบัตรสหรัฐฯ (US Treasury) ตามแรงซื้อที่เข้าสู่สินทรัพย์ความเสี่ยงต่ำ (Safe Haven)

            สำหรับภาวะตลาดอัตราแลกเปลี่ยน เงินบาทอยู่ในกรอบแคบๆ และล่าสุดแกว่งในช่วง 28.95 – 29.04 บาท/ดอลล่าร์สหรัฐฯ โดยเงินบาทแข็งค่าขึ้นในช่วงสัปดาห์ที่แล้ว ธนาคารแห่งประเทศไทยได้ให้เหตุผลของแข็งค่าอย่างรวดเร็วว่ามีสาเหตุมาจาก มาตรการผ่อนคลายทางการเงินของธนาคารกลางญี่ปุ่น ที่อัดฉีดเงินเข้าระบบ 7 ล้านล้านเยนต่อเดือน ส่งผลให้เงินเยนอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก และ เงินทุนจากต่างประเทศที่ไหลเข้ามาลงทุนในกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐาน (BTSGIF) ซึ่ง ธปท. ได้ทำการติดตามและเฝ้าระวังการเปลี่ยนแปลงชองค่าเงินบาทอย่างใกล้ชิด และมีมาตรการเตรียมพร้อมรับมืออย่างเหมาะสม