ชื่อไทย จูราสสิค พาร์ค กำเนิดใหม่ไดโนเสาร์
วันที่เข้าฉาย 30 พฤษภาคม 2556
จัดจำหน่าย บริษัท ยูไนเต็ด อินเตอร์เนชั่นแนล พิคเจอร์ส (ฟาร์อีสต์)
ในระบบ 3 มิติ ระบบ 4DX และ ระบบจอยักษ์ IMAX 3D 3D Conversion Production Information
ขอต้อนรับกลับสู่ จูราสสิค พาร์ค
เนื่องในโอกาสครบรอบ 20 ปีของภาพยนตร์ที่เป็นหนึ่งในผลงานฮิตที่คงความนิยมมายาวนานที่สุดของยูนิเวอร์แซล พิคเจอร์ส ทางสตูดิโอตัดสินใจนำภาพยนตร์ดังเรื่องนี้กลับเข้าโรงฉายทั่วโลกอีกครั้ง โดยมีการแปลงภาพยนตร์ผจญภัยซึ่งเป็นที่ชื่นชอบและโปรดปรานของยูนิเวอร์แซลเรื่องนี้ให้กลายเป็นภาพยนตร์ 3D ด้วยความละเอียดและคมชัดของภาพระดับ 4K
ขณะที่เทคโนโลยีปรับปรุงและเปลี่ยนแปลงรูปแบบจนทำให้ผู้สร้างภาพยนตร์สามารถเล่าเรื่องราวต่างๆ ได้ เทคโนโลยี 3D สามารถนำคนดูก้าวเข้าสู่โลกของ Jurassic Park ที่ สตีเว่น สปีลเบิร์ก เคยจินตนาการงานถ่ายทำเอาไว้ในหัว รูปแบบของการออกแบบนี้ไม่เพียงแต่ทำให้คนดูได้ก้าวสู่การเดินทางผจญภัยที่เหมือนหวนรำลึกถึงอดีตอย่างคาดไม่ถึงสำหรับคนที่เคยชมภาพยนตร์เรื่องนี้ในปี 1993 แต่ยังเป็นโอกาสให้คนดูรุ่นใหม่ได้ร่วมผจญภัยเกินคาดฝันไปพร้อมกับเหล่าไดโนเสาร์ที่เหมือนจริงจนสุดมหัศจรรย์ที่เป็นผลงานการสร้างสรรค์ของ สแตน วินสตัน และอินดัสเทรียล ไลท์ แอนด์ เมจิค
ถึงแม้คนรุ่นใหม่อาจเคยได้ดูภาพยนตร์เรื่องนี้ทางจอเล็กๆ ของทีวี เมื่อ เล็กซ์และทิม ต้องหลอกล่อกับเจ้าเวโลซีแร็พเตอร์จอมเจ้าเล่ห์ และเคยต้องนั่งมองด้วยความยำเกรงเมื่อดร.แซ็ทท์เลอร์ และดร.แกรนท์ เดินไปเจอเข้ากับฝูงแบร็คซิโอซอรัสที่ดูงดงามตระการตาอย่างยิ่ง แต่ถึงกระนั้นพวกเขาไม่สามารถที่จะดื่มด่ำไปกับภาพและเสียงของเกาะอิสลา นูบลาร์ที่เต็มไปด้วยอันตรายในแบบที่ ไมเคิล ไครชตัน และเดวิด โค๊ปป์ ได้เคยฝันเอาไว้ จนกระทั่งบัดนี้
เป็นเรื่องสำคัญสำหรับทุกคนที่ต้องแน่ใจว่า Jurassic Park ยังคงสร้างความสนุกสนานให้กับคนทุกวัย อันที่จริงเมื่อถูกสร้างออกมาเป็นอย่างดี เทคนิค 3D ได้นำภาพยนตร์เรื่องนี้เข้าสู่โรงภาพยนตร์อย่างสมบูรณ์แบบ คนดูไม่ควรจะมุ่งหน้ากลับบ้านพร้อมกับพูดว่า “ฉากนั้นมีเอฟเฟ็กต์ 3D ที่ยอดเยี่ยมมาก!” แต่คุณควรได้รับประสบการณ์ที่โอบล้อมความคิดของคุณในจินตนาการที่ทรงพลัง เสียงดนตรีและเสียงสภาพแวดล้อมที่พุ่งทะยาน เพื่อให้แน่ใจว่าสิ่งเหล่านี้จะเกิดขึ้นเมื่อภาพยนตร์ถูกแปลงไปเป็น 3D ทางทีมผู้สร้างได้ตั้งคำถามไว้ข้อหนึ่งว่า มันจะให้ความรู้สึกเช่นไรเมื่อนั่งอยู่ ณ ใจกลางวงออร์เคสตร้า
เมื่อสปีลเบิร์กจับมือร่วมงานกับ สเตอริโอ ดี (STEREO D) ทีมที่เคยออกแบบให้กับงานแปลง 3D ของภาพยนตร์ Titanic พวกเขาได้นั่งพิจารณาภาพในภาพยนตร์ Jurassic Park แบบชอตต่อชอต เพื่อหาวิธีที่จะพัฒนาภาพยนตร์เรื่องนี้ และขยายประสาทสัมผัสของคุณออกไปในทิศทางใหม่ บัดนี้ เมื่อคุณได้ยินเสียงผีเท้าของทีเร็กซ์ และได้เห็นแก้วน้ำขยับสั่นกระเพื่อม เฝ้ารอให้ลูกแร็พเตอร์ฝักออกจากไข่ และได้เห็นรถเอ็กซ์พลอเรอร์พลัดตกจากที่กั้น คุณจะรู้สึกราวกับคุณได้ก้าวเข้าสู่ Jurassic Park เป็นครั้งแรก
ยูนิเวอร์แซลหวังว่าคนดูคงจะเพลินเพลินไปกับ Jurassic Park ในรูปแบบ 3D เช่นเดียวกับที่ทีมงานที่ประกอบไปด้วยสมาชิกกว่า 700 คน ได้ทุ่มเทให้กับการปรับปรุงหนังให้เยี่ยมขึ้น สำหรับเพื่อนๆ ผู้รักภาพยนตร์ของเรา เราเฝ้ารอเวลาอย่างใจจดใจจ่อถึงวินาทีที่คุณจะได้ยินงานดนตรีที่ยิ่งใหญ่ของ จอห์น วิลเลี่ยมส์ ที่นำพาเราย้อนกลับคืนสู่จุดที่ทุกอย่างเริ่มต้นขึ้น ในฐานะของผู้แสวงหาการผจญภัยและนักโบราณคดี เราได้ร่วมแบ่งปันความมหัศจรรย์ของการได้เห็นไดโนเสาร์เดินท่องไปบนโลกอีกครั้ง...และในความยำเกรงเมื่อมนุษย์บุกไปที่นั่นเพื่อทักทายพวกมันเบื้องหลังการแปลงภาพยนตร์ให้เป็น 3D
เมื่อตอนที่ สตีเว่น สปีลเบิร์ก ถ่ายทำภาพยนตร์เรื่อง Jurassic Park นั้น ทั้งทีมนักแสดงและทีมงานของเขาต่างโชคดีที่ได้อยู่ท่ามกลางฉากหลังเหล่าไดโนเสาร์ที่เป็นงาน 3D ที่น่าตื่นตาจากฝีมือของ สแตน วินสตัน และพวกมันได้กลายมาเป็นแรงบันดาลใจให้พวกเขาในกองถ่าย ผสมรวมเข้ากับงานซีจีระดับสุดยอดของไอแอลเอ็ม และการแสดงอันสุดเข้มข้นของเหล่านักแสดงที่เป็นมนุษย์ จึงเป็นเรื่องธรรมดาอยู่แล้วที่ Jurassic Park จะกลายเป็นประสบการณ์การแปลงงานให้เป็น 3D ในแบบที่ทุกคนทุ่มเทสุดตัว
ไม่ว่าจะเป็นในฉากที่อัดแน่นไปด้วยแอ็กชั่น อย่างเช่นฉากที่เวโลซีแร็พเตอร์ต่อสู้กับทีเร็กซ์อย่างยิ่งใหญ่ หรือจะเป็นฉากเงียบๆ ที่ต้องใช้ความคิด เมื่อดร.แซ็ทท์เลอร์และจอห์น แฮมมอนด์ คุยกันเหนือถ้วยไอศกรีมเกี่ยวกับปัญหาด้านวิสัยทัศน์ของแฮมมอนด์ สปีลเบิร์กได้สร้างเฟรมชอตภาพต้นฉบับเหล่านี้เพื่อทำให้รู้สึกเหมือนเป็นภาพที่มีหลายมิติอยู่แล้ว เมื่อถึงเวลาต้องลงมือแปลงภาพให้เป็น 3D การตัดสินใจเลือกในอดีตของสปีลเบิร์ก ได้พิสูจน์แล้วว่าเป็นองค์ประกอบที่ช่วยทาง สเตอริโอ ดี ได้มาก เมื่อทางสตูดิโอได้แปลงเนื้อหาของ Jurassic Park ให้กลายเป็นภาพ 3D อันยิ่งใหญ่
เพื่อพัฒนาภาพยนตร์แอ็กชั่นผจญภัยที่ยิ่งใหญ่เรื่องนี้ ต้องใช้ศิลปินกว่า 700 ชีวิตเพื่อจัดการกับรายละเอียดเล็กๆ แต่ละอย่างภายในทุกเฟรมภาพ เพิ่มความลึกให้กับชอตภาพ จากนั้นก็สร้างมิติให้กลายเป็นงาน 3D เพื่อขยายจอภาพ.
งานนี้เดินหน้าลุยกันแบบไม่กลัวเกรงใดๆ ในระหว่างการแปลงภาพ สปีลเบิร์กคอยระมัดระวังที่จะไม่ปรับเปลี่ยนความหมายของฉากต่างๆ หรือเพิ่มซาวน์เอฟเฟ็กต์ให้กับตัวภาพยนตร์ต้นฉบับ เป้าหมายของเขาคือการปรับฟอร์แม็ตภาพให้ดียิ่งขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการเพิ่มเม็ดฝนเข้าไปในส่วนของโฟร์กราวน์เมื่อเราได้เห็นทีเร็กซ์ครั้งแรก หรือการเพิ่มความเร็วเข้าหาดวงตาของเราเมื่อรถเอ็กซ์พลอเรอร์ไถลตกไปตามต้นไม้ เป้าประสงค์ของสปีลเบิร์กก็เพื่อทำให้เรามุ่งความสนใจไปที่สิ่งที่อยู่ตรงหน้าและหลังกล้อง
การแปลง Jurassic Park ให้กลายเป็นภาพยนตร์ 3D ใช้เวลาทำงานนานกว่าเก้าเดือน ทีมงานต้องทำงานกันเช่นไร สเตอริโอ ดี ได้รับงานมาในรูปแบบของภาพยนตร์สองมิติ และได้ใส่ข้อมูลเข้าไปในงานและระบบจัดการ
หลังจากกระบวนการเสร็จสิ้นลง ทีมโรโตสโคปปิ้งและทีมสร้างความลึกของ สเตอริโอ ดี เริ่มต้นทำงานของพวกเขา โดยได้วิเคราะห์องค์ประกอบที่อยู่ภายในแต่ละเฟรมภาพของภาพยนตร์เรื่องนี้ ทีมสร้างความลึกของภาพได้ใช้ซอฟต์แวร์ของ สเตอริโอ ดี ที่เรียกว่า วีดีเอ็กซ์ จากนั้น ถ้าชอตไหนมีความจำเป็น ทีมวิชวลเอฟเฟ็กต์ภายในของบริษัทจะเพิ่มกำลังขยายของปัจจัยต่างๆ อาทิเช่น (แต่ไม่จำกัด) ควัน ประกายไฟ ฝน หรือแม้แต่เศษธุลีเล็กๆ
สุดท้าย แต่ไม่ท้ายสุด ทีมสีของ สเตอริโอ ดี ได้ขัดสีฉวีวรรณชอตภาพเป็นครั้งสุดท้ายเพื่อใหแน่ใจว่าจะได้ผลลัพธ์สุดท้ายที่มีความสวยงาม โดยได้ใส่รายละเอียดที่หายไปที่ถูกเผยให้เห็นด้วยการทำให้ชอตภาพนั้นๆ เป็น 3D
กับภาพยนตร์ในปัจจุบัน บ่อยครั้งที่การแปลงภาพยนตร์ให้เป็น 3D จะเกิดขึ้นในช่วงหลังการถ่ายทำ และสเตอดิโอ ดีจะได้รับองค์ประกอบต่างๆ ในทุกชั่วโมงหรือทุกวัน กับภาพยนตร์ที่ยิ่งใหญ่อย่าง Jurassic Park ความยาวนานของเวลาในการดัดแปลง ขึ้นอยู่กับปัจจัยมากมาย อาทิ สภาพของฟิล์มเนกาทีฟต้นฉบับ ความยาวของภาพยนตร์ และความยากหรือรายละเอียดในเนื้อหา
เพราะองค์ประกอบด้านธรรมชาติ อย่างเช่น ฝนและใบไม้ในป่า ถูกมองว่าเป็นงานที่ยากที่สุดที่จะสร้างขึ้นในการแปลงให้เป็นภาพ 3D Jurassic Park ในเวอร์ชั่น 3D จึงกลายเป็นแบบฝึกหัดที่น่าสนใจสำหรับสมาชิกในทีมหลายร้อยคน อันที่จริง เม็ดฝนที่ถูกแปลงให้เป็น 3D ในภาพยนตร์เรื่องนี้มีมากกว่าที่เคยถูกสร้างกันมาในงาน 3D เพื่อให้แน่ใจว่าคนดูจะรู้สึกเหมือนพวกเขาย่ำไปในการผจญภัยนี้พร้อมกับเหล่าฮีโร่ของเราจริงๆ
การเพิ่มภาพแนวระนาบให้กับภาพโฟร์กราวน์ มิดเดิลกราวน์ และแบ็คกราวน์ ให้กับภาพยนตร์ Jurassic Park ในเวอร์ชั่น 3D จะทำให้คุณรู้สึกเหมือนคุณอยู่ในรถกับทิมและเล็กซ์ เมื่อทีเร็กซ์โจมตีรถของพวกเขา อันที่จริง การแปลงภาพเป็น 3D กลับทำให้ขนาดรายละเอียดของไดโนเสาร์ดีขึ้นจนถึงจุดที่คุณรู้สึกราวกับว่าคุณอาจเอื้อมมือออกไปและสัมผัสตัวของพวกมันได้เลยทีเดียว
การนำคนดูบุกเข้าไปใน Jurassic Park เสียงมีความสำคัญมากพอๆ กับภาพ เสียงฝีเท้าของทีเร็กซ์ขณะวิ่งเข้าหาคนดูในภาพยนตร์เวอร์ชั่นสามมิตินี้ จะให้เสียงที่อลังการมากกว่าในเวอร์ชั่นสองมิติ ดังนั้น ทีมออกแบบเสียงจึงใช้ประโยชน์ของเทคโนโลยีในปัจจุบัน และโรงภาพยนตร์สมัยใหม่เพื่อให้เสียงมีความลึกและมีความแตกต่างของระดับเสียงมากขึ้น
สำหรับคนดู ไม่เพียงแต่เสียงร้องระดับต่ำของแบร็คชิโอซอว์รัสจะฟังดูระรื่นหูมากขึ้นเท่านั้น แต่เสียงคำรามก้องของทีเร็กซ์ที่กำลังโกรธ ก็ฟังดูน่าสยดสยองมากขึ้นด้วย สำหรับเสียงคำรามของทีเร็กซ์ ผู้ออกแบบเสียงได้ทำการปรับแต่งการบันทึกเสียงร้องของลูกช้าง เมื่อนำมาตัดต่อ เปิดถอยหลังกลับและยืดเสียงออก เสียงที่ได้ก็คือการสร้างมิติของเสียงให้กับไดโนเสาร์ตัวเอกของเรา และเพื่อกระชากคนดูให้เข้าไปอยู่กลางฉาก 3D เสียงจะพุ่งเข้าหาคนดูมากขึ้นกว่าเดิม
บัดนี้ ขอพาทุกคนย้อนกลับไปในเวลาที่ทุกอย่างเริ่มต้นขึ้นเบื้องหลังงานสร้าง Jurassic Park ต้นฉบับ: วันที่ 7 พฤษภาคม 1993“นี่ไม่ใช่นิยายวิทยาศาสตร์ แต่มันคือเรื่องราวผลของวิทยาศาสตร์”
—สตีเว่น สปีลเบิร์ก
“คุณตัดสินใจจะควบคุมธรรมชาติ นับจากวินาทีนั้น
คุณถลำลึกสู่ปัญหา เพราะคุณไม่มีทางทำได้
คุณสร้างเรือได้ แต่คุณสร้างทะเลไม่ได้
คุณสร้างเครื่องบินได้ แต่คุณสร้างท้องฟ้าไม่ได้
อำนาจของคุณมีน้อยกว่าที่ความฝันทำให้คุณเชื่อนัก”
—ไมเคิล ไครชตัน
ลองจินตนาการว่าคุณคือหนึ่งในแขกกลุ่มแรกที่ได้มาเยือน Jurassic Park ซึ่งเป็นการผสมรวมการค้นพบทางวิทยาศาสตร์เข้ากับจินตภาพ คุณมาถึงในสภาพที่ไม่ต่างไปจากเด็ก หลุดพ้นจากอคติใดๆ และพร้อมที่จะเผชิญกับทุกอย่าง การผจญภัยของคุณกำลังจะเริ่มต้น
เมื่อก้าวผ่านประตูของพาร์ค ประสาทสัมผัสของคุณรู้สึกเต็มตื้นเพราะโลกรอบตัว เสียง กลิ่น แม้แต่ความรู้สึกของพื้นดินก็ต่างออกไปจนชวนให้อยากรู้อยากเห็น ในบางแห่งระยะไกลๆ คุณได้ยินการเคลื่อนไหวของสัตว์ขนาดใหญ่ พื้นสั่นสะเทือนเมื่อพวกมันเดินผ่าน คุณคือคนแปลกหน้าในโลกที่แสนประหลาด
คุณมองดูท้องฟ้ามืดมิด มองดูดวงดาวที่ก่อกำเนิดแสงขึ้นนานก่อนมนุษย์จะมีตัวตน เมื่อเผ่าพันธุ์สิ่งมีชีวิตเดินอยู่บนโลก เป็นสัตว์ที่ทรงพลัง เป็นผู้ปกครองโลกมานานกว่า 160 ล้านปี เช่นเดียวกับดวงดาวที่แสนเก่าแก่เหล่านี้ จูราสสิคเหลือทิ้งไว้เพียงร่องรอย ในซากฟอสซิล รอยเท้า เซลล์เลือดที่ติดค้างอยู่ในอำพัน แคปซูลกาลเวลาที่ยังคงเหลืออยู่มานานเป็นพันปี
บัดนี้ แคปซูลกาลเวลาถูกเปิดออก มนุษย์และไดโนเสาร์ สองผู้ปกครองโลก จะได้มาเผชิญหน้ากันเป็นครั้งแรก
แหล่งข้อมูลทางวิทยาศาสตร์ทั้งหมดของเราอุทิศให้กับการนำ Jurassic Park มาสู่ความเป็นจริง จินตนาการในวัยเด็กเป็นจริง สถานที่ที่ความมหัศจรรย์มีชีวิต มันถูกสร้างขึ้นเพื่อให้เป็นสวนสนุกสุดอัศจรรย์ แต่ใครบางคนหลงลืมที่จะบอกพวกไดโนเสาร์
การเผชิญหน้ากับไดโนเสาร์ในสภาพแวดล้อมของพวกมัน เรารู้ดีว่าพวกมันไม่ใช่สัตว์ประหลาด แต่เป็นสัตว์ที่มีความว่องไวมีความเฉลียวฉลาด และมีอันตรายเกินกว่าที่เราคาดคิด เราสามารถให้กำเนิดไดโนเสาร์ได้ แต่ไม่มีสิ่งใดเตรียมเราให้พร้อมรับมือกับสิ่งที่จะเกิดขึ้นเมื่อไข่ไดโนเสาร์ฟักตัว
Jurassic Park คือที่ที่วิทยาศาสตร์สิ้นสุด และสิ่งที่คาดเดาไม่ได้เริ่มต้นขึ้น
ภาพยนตร์เรื่องนี้กำกับโดย สตีเว่น สปีลเบิร์ก จากหนังสือเบสต์เซลเลอร์ของ ไมเคิล ไครชตัน Jurassic Park นำแสดงโดย แซม นีลล์ ในบท ดร.อลัน แกรนท์ นักโบราณคดีชื่อดังที่ได้รับการขอร้องให้มาเป็นผู้สำรวจตรวจสอบสวนสนุกอันน่าตื่นตา ลอร่า เดิร์น รับบทเพื่อนร่วมงานของเขา ดร.เอลลี่ แซ็ทท์เลอร์, เจฟฟ์ โกลด์บลัม รับบทเป็นนักคณิตศาสตร์ผู้เก่งกาจแต่นิสัยแปลกประหลาด เจ้าของทฤษฎีความวุ่นวายที่อธิบายถึงอันตรายที่สุ่มซ่อนอยู่ในโครงการนี้ และเซอร์ ริชาร์ด แอ็ทเทนเบอโรห์ ในบท จอห์น แฮมมอนด์ ผู้สร้างสุดทะเยอทะยานของสวนสนุกแห่งนี้, อาเรียน่า ริชาร์ดส์ และโจเซฟ มาซเซลโล่ รับบทหลานชายและหลานสาวของแฮมมอนด์ ที่ร่วมแสดงในภาพยนตร์เรื่องนี้ด้วย ก็คือ บ็อบ เพ็ค, มาร์ติน เฟอร์เรโร่, บีดี หว่อง, ซามวล แอล แจ็คสัน และเวย์น ไนท์
แคธลีน เคนเนดี้ และเจอรัลด์ อาร์ โมเลน อำนวยการสร้างภาพยนตร์เรื่องนี้ที่เป็นผลงานของแอมบลิน เอนเตอร์เทนเม้นต์ ที่สร้างให้กับยูนิเวอร์แซล พิคเจอร์ส ลาทา ไรอันคือแอสโซซิเอท โปรดิวเซอร์ ไมเคิล ไครชตัน และเดวิด โค๊ปป์รับหน้าที่เขียนบทภาพยนตร์ งานหลังกล้องประกอบไปด้วย ผู้กำกับภาพ ดีน คันดี้, โปรดักชั่น ดีไซเนอร์ ริค คาร์เตอร์ และผู้ลำดับภาพ ไมเคิล คาห์น
นอกเหนือจากทีมนักแสดงที่มีความสามารถแล้ว Jurassic Park ยังเต็มไปด้วยดาราผู้ยิ่งใหญ่ต่างกันไป เป็นเวลานานมากกว่า 18 เดือนก่อนหน้าการถ่ายทำจะเริ่มต้นขึ้น ทีมออกแบบระดับคว้ารางวัล ได้คิดสร้างสรรค์และลงมือสร้างไดโนเสาร์ที่จะอาศัยอยู่ในสวนสนุกแห่งนี้ขึ้นมา ตั้งแต่ไทแรนโนซอว์รัสตัวใหญ่ยักษ์ จนถึงเวโลซีแร็พเตอร์ที่แสนดุร้าย Jurassic Park มีทั้งระดับความสมจริงและการคิดประดิษฐ์เชิงเทคนิคในแบบที่ไม่เคยเห็นกันมาก่อนในภาพยนตร์
ทีมออกแบบที่มีพรสวรรค์ ซึ่งรวมถึง สแตน วินสตัน ที่ได้รับคำชมอย่างสูงที่รับผิดชอบดูแลงานสร้างไดโนเสาร์ที่มีตัวตนสัมผัสได้จริงๆ, เดนนิส มูเรน จากไอแอลเอ็ม ที่รับผิดชอบสร้างไดโนเสาร์ที่เคลื่อนที่ได้, ฟิล ทิปเป็ตต์ ซูเปอร์ไวเซอร์ที่ดูแลงานสร้างไดโนเสาร์, ไมเคิล แลนเทียรี่ ผู้ดูแลสเปเชียลเอฟเฟ็กต์ไดโนเสาร์ และงานวิชวลเอฟเฟ็กต์โดย อินดัสเทรียล ไลท์ แอนด์ เมจิค ความสำเร็จของพวกเขาทั้งแต่ละคนและโดยส่วนรวม ยังรวมถึงความสำเร็จทางด้านรายได้อย่างมหาศาลจากภาพยนตร์อย่าง Star Wars จนถึง Terminator 2: Judgment Day