happy on April 16, 2013, 06:35:40 PM
จัดจำหน่ายโดย เอ็ม พิคเจอร์ส
ภาพยนตร์เรื่อง Promised Land
ชื่อภาษาไทย สวรรค์แห่งนี้...ไม่สิ้นหวัง
ภาพยนตร์แนว ดราม่า
จากประเทศ สหรัฐอเมริกา
กำหนดฉาย 16 พฤษภาคม 2556
ณ โรงภาพยนตร์ โรงภาพยนตร์ในเครือเอเพ็กซ์
ผู้กำกับ Gus Van Sant (กัส แวน แซงต์)
เขียนบทโดย Matt Damon (แมทท์ เดม่อน) John Krasinski (จอห์น คราซินสกี้)
อำนวยการสร้าง Chris Moore (คริส มัวร์)
ลิงค์ตัวอย่างภาพยนตร์ http://www.youtube.com/watch?v=Ll3e6uWhteY
นักแสดง Matt Damon (แมทท์ เดม่อน) รับบทเป็น Steve Butler (สตีฟ บัตเลอร์)
จากภาพยนตร์เรื่อง The Bourne Ultimatum , Ocean's Thirteen , The Departed
Frances McDormand (ฟรานซิส แม็คดอร์มานด์) รับบทเป็น Sue Thomason (ซู โธมาสัน)
จากภาพยนตร์เรื่อง Moonrise Kingdom , Transformers: Dark of the Moon This Must Be the Place
John Krasinski (จอห์น คราซินสกี้) รับบทเป็น Dustin Noble (ดัสติน โนเบิล)
จากภาพยนตร์เรื่อง It's Complicated , Away We Go , Leatherheads
Rosemarie DeWitt (โรสแมรี เดอวิทท์) รับบทเป็น Alice (อลิซ)
จากภาพยนตร์เรื่อง The Odd Life of Timothy Green , United States of Tara , Margaret
Hal Holbrook (ฮัล ฮอลบรู๊ค) รับบทเป็น Frank Yates (แฟรงค์ เยทส์)
จากภาพยนตร์เรื่อง Into the Wild , Lincoln , Wall Street เรื่องย่อ สตีฟ บัตเลอร์ (รับบทโดย แมทท์ เดม่อน) เซลส์แมนบริษัท ผู้ซึ่งการเปลี่ยนแปลงจากหนุ่มบ้านไร่ไปเป็นเซลส์แมนมือทองต้องเจอกับอุปสรรคที่ไม่คาดฝันเมื่อเขาจับพลัดจับผลูไปอยู่ในเมืองเล็กๆ ที่ซึ่งเขาเจอกับหัวใจที่เปิดกว้างและประตูที่ปิดสนิทอย่างน่าแปลกใจ กัส แวน แซงต์ กำกับภาพยนตร์เรื่องนี้ จากบทภาพยนตร์ดั้งเดิมที่เขียนโดยจอห์น คราซินสกี้และแมทท์ เดม่อน จากเรื่องราวโดยเดฟ เอ็กเกอร์ส สตีฟถูกส่งตัวไปยังเมืองชนบทที่มีชื่อว่าแม็คคินลีย์ กับซู โธมาสัน (รับบทโดย ฟรานซิส แม็คดอร์มานด์) คู่หูการขายของเขา เมืองนี้เจอกับภาวะเศรษฐกิจเสื่อมถอยอย่างหนักมาหลายปีแล้ว และพนักงานขายไฟแรงทั้งสองคนก็มองชาวเมืองแม็คคินลีย์ว่าน่าจะยอมรับข้อเสนอของบริษัทพวกเขา ในเรื่องการขอสิทธิในการขุดเจาะที่ดินของพวกเขา ว่าเป็นสิ่งที่จะมาช่วยเหลือพวกเขา สิ่งที่ดูเหมือนเป็นงานง่ายๆ และไม่น่าจะใช้เวลานานสำหรับทั้งคู่กลายเป็นเรื่องซับซ้อน ทั้งทางอาชีพ เมื่อมีการเรียกร้องให้มีการทำประชาคมเรื่องข้อเสนอนี้ในชุมชน โดยครูที่ได้รับการนับหน้าถือตาอย่าง แฟรงค์ เยทส์ (รับบทโดยฮัล ฮอลบรู๊ค) และทางส่วนตัวด้วยการที่สตีฟได้พบกับอลิซ (รับบทโดย โรสแมรี เดอวิทท์) เมื่อดัสติน โนเบิล(รับบทโดยจอห์น คราซินสกี้) นักเคลื่อนไหวเพื่อสิทธิมนุษยชนตัวเอ้เดินทางมาถึง ทันใดนั้นเองความเสี่ยงทั้งในแง่ของอาชีพการงานและส่วนตัวของเขา ก็พุ่งขึ้นถึงขีดสุดเกี่ยวกับงานสร้าง
นักแสดงและมือเขียนบท แมทท์ เดม่อนกล่าวว่า...
“ Promised Land เป็น เรื่องราวที่เข้าถึงได้ที่มีตัวละครที่เราทุกคนต่างก็รู้สึกได้ว่าเป็นคนที่เรารู้จัก มันเป็นเรื่องราวสะเทือนอารมณ์เกี่ยวกับสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อคนจริงๆ และเงินจริงๆ มาชนกัน และวิธีการน่าประหลาดใจที่คนตอบสนองในตอนที่การตัดสินใจเร่งด่วนผ่านเข้ามาครับ”
ผู้อำนวยการสร้างคริส มัวร์กล่าวเสริมว่า…
“Promised Land เป็นภาพสะท้อนที่เป็นส่วนตัวมากๆ ของตัวละครที่มีความสมจริงบางคน แต่มันก็ยังพูดถึงประเด็นใหญ่โตที่เราต่างก็เผชิญหน้ากันอยู่ตอนนี้ นั่นคือคุณค่าของเราคืออะไร อะไรที่สำคัญสำหรับเรา เราจะรับมือกับความขัดแย้งจริงๆ ที่เกิดขึ้นในชุมชนของเราได้อย่างไร”
ผู้กำกับกัส แวน แซงต์เล่าว่า...
“อเมริกาเป็นสถานที่กว้างใหญ่และเราทุกคนต่างก็เป็นส่วนหนึ่งของมัน ดังนั้น บางครั้ง การแยกแยะความเป็นตัวของเราเองก็เป็นเรื่องยากครับ สิ่งที่ผมชื่นชอบเกี่ยวกับบทของจอห์นและแมทท์คือพวกเขาตรงเข้าจัดการกับประเด็นใหญ่โต ด้วยอามณ์ขันและความถ่อมตนครับ มันเป็นเรื่องราวเกี่ยวกับคนจริงๆ ที่มีทั้งจุดอ่อนและจุดแข็งครับ”
แมทท์ เดม่อน พูดถึงคาแร็กเตอร์ของ สตีฟ บัตเลอร์...
“สตีฟ บัตเลอร์ ตัวละครของผม เป็นคนธรรมดาทั่วๆ ไปครับ เขาเติบโตมาจากชุมชนเกษตรกร แต่ในขณะนั้นเมืองกำลังจะตาย เขาจึงย้ายไปเมืองใหญ่ อย่างที่หลายคนทำ เพื่อหาโอกาสที่มากขึ้น เขาได้งานดีๆ ทำและทำรายได้เป็นกอบเป็นกำ สตีฟเป็นพนักงานบริษัท ที่คิดว่าสิ่งที่ตัวเองทำเป็นสิ่งที่ถูกและไม่รู้สึกแย่กับการพยายามแซงหน้าคนอื่น เขาเป็นเซลส์แมนมาได้ซักพักแล้วและตอนนี้ เขาก็มีโอกาสที่จะไต่ไปสู่ระดับผู้บริหารกับเขาเสียที เมื่อสตีฟเดินทางมายังแม็คคินลีย์กับคู่หูของเขา ซู โธมาสัน และเป้าหมายของพวกเขาที่จะกอบกู้เมืองให้รอดพ้นจากการถดถอยทางเศรษฐกิจและความเสื่อมโทรม พร้อมกับเพิ่มรายได้ให้กับบริษัทไปด้วย เขาคิดว่าทุกอย่างจะไปได้สวยเพราะเขาก็มาจากชนบทเหมือนกัน และเขาก็พูดภาษาเดียวกับคนพวกนี้ กลายเป็นว่านั่นเป็นทั้งจุดแข็งและจุดอ่อนของเขา ท้ายที่สุด เขาก็ต้องพิจารณาตัวตนของตัวเองและสิ่งที่เขาอยากให้ชีวิตเขาเป็นน่ะครับ”
ฮัล ฮอลบรู๊ค ผู้รับบท แฟรงค์ เยทส์ ครูสอนวิทยาศาสตร์ชั้นไฮสคูลของแม็คคินลีย์ กล่าวว่า ...
“ผมอายุ87 ปี และผมก็คิดว่าเรากำลังใช้ชีวิตอยู่ในช่วงเวลาสำคัญอย่างพิเศษสุด ไอเดียของประชาธิปไตยขึ้นอยู่กับการที่คนทำงานร่วมกัน และถ้าไม่มีการประนีประนอมกัน มันก็ไม่มีประชาธิปไตยครับ”
ฟรานซิส แม็คดอร์มานด์ ผู้รับบท ซู เล่าว่า…
“จนกว่าเราจะตั้งคำถามทุกอย่างเท่าที่เราสามารถทำได้ เราก็จะมองไม่เห็นทุกความเป็นไปได้ของอนาคต ที่อยู่ภายในการควบคุมของเราค่ะ ความเสี่ยงมันสูงพอๆ กับความเสี่ยงสำหรับเราทุกคน พ่อแม่ของเราหรือปู่ย่าตายายของเราจะรับมือกับสิ่งที่เราเผชิญหน้าในยุคสมัยของเราได้ยังไง? ลูกหลานของเราจะเป็นยังไง? มันเป็นคำถามที่ตอบยากสำหรับเราทุกคนครับ Promised Land ได้กลั่นกรองคำถามที่ว่า คุณค่าของชาวอเมริกันได้พัฒนาขึ้นอย่างไร การสำรวจเหล่านั้นส่วนหนึ่งเกิดขึ้นผ่านการตัดสินใจของเมืองเล็กๆ ในตอนที่บริษัทก๊าซธรรมชาติต้องการจะสกัดก๊าซจากชั้นหิน ผ่านทางกระบวนการที่เรียกว่า ไฮดรอลิค แฟร็คเชอริง หรือ “แฟร็คกิ้ง”
เดม่อนอธิบายว่า...
“พล็อตติดตามเรื่องราวของสตีฟและซูขณะที่พวกเขาพยายามเกลี้ยกล่อมให้ชุมชนแม็คคินลีย์ยอมให้บริษัท โกลบอล ครอสพาวเวอร์ โซลูชันส์ ซึ่งเป็นบริษัทที่สตีฟและซูทำงานอยู่ และเป็นหนึ่งในบริษัทพลังงานที่ใหญ่ที่สุดในประเทศด้วยมูลค่าสินทรัพย์ 9 พันล้านเหรียญ เช่าสิทธิการขุดเจาะพื้นที่นาของพวกเขา ชาวเมืองมีความเห็นที่แตกต่างกันไปว่านี่เป็นเรื่องดีรึเปล่า ในหลายๆ กรณี สัญญาให้เช่าพวกนี้เป็นสิ่งเดียวที่ทำให้ไร่นาของครอบครัวไม่ต้องถูกยึดน่ะครับ”
เดอวิทท์กล่าวเสริมว่า…
“ชาวแม็คคินลีย์กังวลเรื่องการหาเลี้ยงลูกๆ ของพวกเขาและพัฒนาระบบโรงเรียนของพวกเขาค่ะ มันเป็นประเด็นซับซ้อนที่ทำให้หลายๆ ชุมชนแบ่งแยกกันอยู่ในตอนนี้ ฉากแบบไหนที่จะดีไปกว่านี้สำหรับเราในฐานะนักเล่าเรื่องที่จะตั้งคำถามเกี่ยวกับว่าพวกเราเป็นใครในฐานะชาวอเมริกัน สตีฟเชื่อในสิ่งที่เขาทำอยู่ และชักจูงให้คนให้เช่าที่ดินของพวกเขาเผื่อว่ามันจะเป็นแหล่งก๊าซธรรมชาติ เพราะเขาอยากให้ชุมชนอยู่ต่อไป”
สกู๊ต แม็คแนรี ผู้ได้รับบทชาวนา เจฟฟ์ เดนนอน เล่าว่า
“ผมรู้สึกว่านี่เป็นเรื่องราวสำคัญที่ต้องบอกเล่าเพราะมันไม่ได้เป็นการสนับสนุนหรือต่อต้านบางสิ่งบางอย่าง แต่มันมีมุมมองที่หลากหลาย และก็ไม่มีใครชอบให้มีคนยัดเยียดความคิดอะไรให้กับพวกเขาหรอกครับ พลังงานเป็นเรื่องใหญ่ที่คนถกเถียงกันอยู่”
คราซินสกี้กล่าวว่า...
“ผู้ชมจะตัดสินใจเองเกี่ยวกับประเด็นนี้ แต่เป้าหมายของเราคือการสร้างผลกระทบต่อผู้ชม ด้วยอารมณ์และอารมณ์ขัน ในการขับเน้นการที่ตัวละครเหล่านี้ทำการตัดสินใจและเผชิญหน้ากับความท้าทายทั้งภายในและภายนอก ตอนที่ดัสติน โนเบิล ตัวละครของผม ปรากฏตัวขึ้น เขาก็กลายเป็นปรปักษ์กับสตีฟในทันที ปฏิกิริยาระหว่างพวกเขาไม่ได้ห่างไกลจากสมัยเรียนซักเท่าไหร่ สิ่งที่ตลกก็คือการที่ประเด็นที่ยิ่งใหญ่กว่ากลายมาเป็นเรื่องที่ว่าใครจะได้เครื่องเล่นที่ใหญ่กว่าในสนามเด็กเล่น สำหรับพวกเขาครับ ผมอยากจะสำรวจพลังของชุมชนในอเมริกา ผ่านทางตัวละครพวกนี้ครับ ผมจำเรื่องเล่าที่พ่อผมเคยเล่าให้ผมฟังเกี่ยวกับการเติบโตขึ้นในเมืองเล็กๆ ได้ มันมีความเชื่อในกันและกันที่ผมคิดว่าเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งยวด ในปัจจุบันนี้ เกิดอะไรขึ้นกับเมืองแบบนั้น ที่เผชิญหน้ากับความเปลี่ยนแปลงใหญ่หลวงท่ามกลางมรสุมทางเศรษฐกิจ และเผชิญหน้ากับคำถามที่ว่า เราจะรับมือกับประเด็นเหล่านี้ด้วกันได้ยังไง ผมได้นำคอนเซ็ปต์ดั้งเดิมไปเสนอ [นักเขียนนิยาย/มือเขียนบท] เดฟ เอ็กเกอร์ส ผู้ซึ่งคำนึงประเด็นเหล่านี้ ผมกับเขาเริ่มคิดไอเดียต่างๆ ด้วยกันและเรื่องราวก็ก่อร่างสร้างตัวด้วยกัน”
แวน แซงต์เล่าว่า
“ในตอนอ่านบท ผมสังเกตว่ามันคล้ายกับเรื่องอื่นๆ ที่แมทท์เคยเขียนมาในฐานะมือเขียนบท และผมก็รู้สึกว่าเขากับจอห์นได้ร่วมกันเขียนงานที่ดีเยี่ยมขึ้นมาด้วยกัน สำหรับผม การตอบว่า ‘ตกลง’ เป็นอะไรที่ง่ายมากๆ ครับ”
แม็คดอร์มานด์ให้ความเห็นว่า...
“การเขียนบทหนังก็เป็นงานฝีมืออย่างหนึ่ง เหมือนกับการเขียนเรื่องสั้นหรือบทกวีและจอห์นกับแมทท์ก็รู้เรื่องงานเขียนบทเป็นอย่างดี ฉันประทับใจกับความเฉลียวฉลาดของพวกเขา นอกจากนี้ พวกเขายังรู้ตัวดีพอที่จะไม่พยายามทำให้ทุกคนเห็นพ้องไปกับความคิดเห็นของพวกเขาด้วยค่ะ เช่นเดียวกับสมาชิกหลายคนของทีมงานสร้างสรรค์ แม็คดอร์มานด์เองก็เข้าใจดีถึงความท้าทายที่แม็คคินลีย์และชาวเมืองที่อาศัยอยู่ในนั้นหรือได้ไปเยือนต้องเผชิญในเรื่องราวนี้ ฉันเคยไปเรียนไฮสคลูลในเมืองถลุงเหล็กในเพนซิลวาเนีย ตอนนี้ เมืองนี้เจอปัญหาอย่างหนัก แม้ว่าเพื่อนบางคนของฉันจะยังคงใช้ชีวิตอยู่ที่นั่นอย่างมีความสุขเพราะมันเป็นชุมชนของพวกเขาและพวกเขาก็เป็นสมาชิกของชุมชนโบสถ์ที่สำคัญที่นั่นค่ะ”
ใน Promised Land สิ่งจำเป็นต่อสังคมเป็นสิ่งที่อยู่ในห้วงความคิดของแฟรงค์ เยทส์ ผู้ใช้ชีวิตอย่างเป็นสุขในบ้านนาของครอบครัว และผู้ที่เข้าใจดีถึงความขัดแย้งในใจของสตีฟ เดม่อนตั้งข้อสังเกตว่า...
“พอแก่ตัวลง แฟรงค์ก็มีความรู้สึกแบบผู้ดูแล เขาเชื่อในอุตสาหกรรม เขาเป็นวิศวกรโบอิ้งเกษียณ ที่ตอนนี้มาสอนวิทยาศาสตร์ไฮสคูลเพราะเขาอยากจะให้ความรู้กับเด็กๆ รุ่นใหม่ในชุมชนของเขา เขาตระหนักถึงที่ทางของตัวเองในเมืองแห่งนี้และในโลกใบนี้อย่างดี เขาท้าทายสตีฟเพื่อที่คนอื่นๆ จะได้ตั้งคำถาม ก่อนจะผ่านกระบวนการดีๆ ของการทำการตัดสินใจร่วมกัน ในฐานะชุมชนครับ สำหรับแฟรงค์ มันเป็นเรื่องของการหาเวลาเพื่อการศึกษา สำหรับเรา มันเป็นเรื่องของการหาเวลาให้ฮอลบรู๊คมาสวมบทนี้ครับ”
โรสแมรี่ เดอวิทท์กล่าวชื่นชมว่า...
“ในฐานะนักแสดง ฮัล ฮอลบรู๊คได้ถ่ายทอดทั้งความแข็งแกร่งอย่างเหลือเชื่อและความเปราะบางในเวลาเดียวกัน ซึ่งเพอร์เฟ็กต์สำหรับเรื่องราวนี้ แค่ฉันดูเขา ฉันก็ขนลุกแล้วค่ะ แล้วเขาก็ไม่เคยพูดบทผิดเลย พวกเราทุกคนก็เป็นแบบนั้นนะคะ เพียงแต่เขาพูดบทไม่ผิดเพี้ยนแม้ซักตัวอักษรเดียวทุกครั้ง! ฉันคิดว่านักแสดงทุกคนต่างก็มองหาบทหนังแบบนี้ ที่ทั้งงดงาม เขียนขึ้นมาได้อย่างดีเยี่ยม”
มัวร์เล่าว่า...
“อลิซเป็นตัวแทนของอนาคต เธอเป็นคนที่ตัดสินใจที่จะกลับบ้านเพื่อสร้างความเปลี่ยนแปลง ซึ่งเป็นองค์ประกอบสำคัญในเรื่องราวของเรา เธอเป็นคนที่อายุรุ่นราวคราวเดียวกับคนจำนวนมากในปัจจุบันที่บอกว่า ‘ก็นี่ชีวิตฉันนี่ มันเปลี่ยนแปลงอะไรไม่ได้แล้วตอนนี้น่ะครับ เสน่ห์ ความมีชีวิตชีวาและความน่าหลงใหลของโรสแมรีเนรมิตชีวิตให้กับบทนี้ และมันก็ทำให้เธออยู่ระหว่างกลางความขัดแย้งระหว่างสตีฟและดัสติน เพราะทั้งคู่ต่างก็หลงเสน่ห์เธอน่ะครับ”
ทีทัส เวลลิเวอร์ ผู้รับบท เจ้าของร็อบส์ กันส์, โกรเซอรีส์, กีตาร์ส แอนด์ แก๊ส ที่อยู่บ้านใกล้เรือนเคียง เล่าว่า...
“แมทท์กับจอห์นเขียนบทเรื่องนี้ได้อย่างดีเยี่ยมชนิดที่เชื้อเชิญให้คุณมามีส่วนร่วมกับกระบวนการนี้ด้วยน่ะครับ”
เดอวิทท์เล่าว่า...
“ดูเหมือนว่าแมทท์กับจอห์นจะมีสมองเดียวกันกับกัสเลยค่ะ! ตอนที่พวกเขาไม่ได้แสดงหน้ากล้อง คุณจะเห็นว่าพวกเขาคุยอยู่กับกัสเพื่อแก้ไขบทหรือปรับรายละเอียดของฉากค่ะ แต่ในตอนที่พวกเขาสวมบทตัวละครเข้าฉาก พวกเขาก็จะกลายเป็นดัสตินและสตีฟอย่างสมบูรณ์ค่ะ”
« Last Edit: April 28, 2013, 04:04:16 PM by happy »
Logged