happy on March 22, 2013, 07:35:47 PM

TO THE WONDER

เขียนบทและกำกับโดย เทอร์เรนซ์ มาลิค

นำแสดงโดย
เบน แอฟเฟล็ค
โอลก้า คูรีเลนโก้
ราเชล แม็คอดัมส์
และ
ฮาเวียร์ บาร์เดม






เรื่องย่อ

                TO THE WONDER ที่เขียนบทและกำกับโดยเทอร์เรนซ์ มาลิค เป็นโรแมนติกดรามา เกี่ยวกับนีล ชายผู้เจอปัญหาหนักอกเมื่อเขาต้องเลือกระหว่างหญิงคนรักสองคน มารินา หญิงสาวชาวยุโรป ผู้มาอเมริกาเพื่อใช้ชีวิตร่วมกับเขาและเจน ถ่านไฟเก่าที่คุกรุ่นขึ้นมาอีกครั้งจากบ้านเกิดของเขา ใน TO THE WONDER มาลิคได้ล้วงลึกลงไปว่าความรักและขั้นตอนและฤดูกาลต่างๆ มากมายของความรัก ทั้งความใคร่ ความเห็นใจ ความรับผิดชอบ ความเศร้า ความลังเล สามารถเปลี่ยนแปลง ทำลายและพลิกชีวิตได้อย่างไร

                ในตอนที่ TO THE WONDER เปิดฉากขึ้น นีลและมารินาอยู่ด้วยกันในเกาะมงท์ แซงต์ มิเชล ในฝรั่งเศส ซึ่งเป็นที่รู้จักกันในฝรั่งเศสว่าเป็นสิ่งมหัศจรรย์แห่งโลกตะวันตก (Merveille de l'Occident) และทั้งคู่ก็รู้สึกสดชื่นไปกับความรู้สึกของการตกหลุมรักกันใหม่ๆ นีล นักเขียนไฟแรง โบกมือลาอเมริกาเพื่อค้นหาชีวิตที่ดีกว่าเดิม และทิ้งความรักที่ไม่สมหวังไว้เบื้องหลังมากมาย เมื่อมองลึกลงไปในตาของมารินาขณะที่วิหารตั้งตระหง่านอยู่เบื้องหน้าไกลๆ นีลก็มั่นใจว่าในที่สุด เขาก็ได้พบกับผู้หญิงที่เขาจะรักและลงหลักปักฐานกับเธอได้เสียที เขาสาบานว่าจะซื่อตรงกับผู้หญิงคนนี้เพียงผู้เดียวเท่านั้น

                มารินา หญิงสาวสวยเงียบขรึม ผู้แอบซ่อนอารมณ์ขันซุกซนเอาไว้ เคยผ่านการหย่าร้างมาแล้ว และมีลูกสาววัยสิบขวบหนึ่งคนชื่อทาเทียนา ตอนที่อายุได้ 16 ปี มารินาเดินทางจากยูเครนมายังปารีส โดยไม่มีเงินติดตัวเลยซักเซนต์เดียว ณ ที่นั้น เธอได้แต่งงานกับชาวฝรั่งเศส ผู้ทิ้งเธอไปหลังจากอยู่ด้วยกันได้เพียงสองปี ทำให้เธอต้องใช้ชีวิตอยู่กับทาเทียนาแค่สองคนในอพาร์ทเมนต์สตูดิโอ มารินาจำต้องทำงานชั่วคราวหลายงานเพื่อยังชีพ หลังจากเกือบจะละทิ้งความหวัง มารินาก็รู้สึกปลาบปลื้มยินดีที่ได้รักนีล ผู้ช่วยเธอจากอนาคตที่ไร้สุข

                สองปีให้หลัง นีลและมารินาใช้ชีวิตอยู่ในเมืองเล็กๆ ในโอกลาโฮมา ใกล้กับที่ที่นีลเติบโตมา หลังจากที่ล้มเลิกความหวังในการเป็นนักเขียนแล้ว นีลก็ได้ทำงานเป็นผู้ตรวจสอบทางสิ่งแวดล้อม นีลมีความสุขกับงานของเขา แต่ความรักที่เขามีให้กับมารินาก็ลดความเร่าร้อนลง ในส่วนของมารินาเอง เธอรู้สึกหงุดหงิดกับความรู้สึกเดิมๆ ที่เธอรู้สึกเมื่อเธออยู่กับนีล เธอกลัวว่าความสาวและความสุขของเธอกำลังจะหลุดลอยไป แม้ว่าเธอจะวิตกกังวลเกี่ยวกับนีล ในตอนแรก มารินาก็รู้สึกสบายใจในโอกลาโฮมา ที่โอบอุ้มไปด้วยพื้นที่และท้องฟ้าเปิดกว้าง และปลอบประโลมด้วยเสียงที่มาจากกระดิ่งลมที่แปรเปลี่ยนสายลมให้กลายเป็นบทเพลง

                ด้วยความต้องการคำปรึกษา มารินาได้หันไปหาบุคคลสันโดษอีกคนหนึ่งในชุมชน ซึ่งก็คือนักบวชคาธอลิคที่ชื่อควินทานา เราได้รู้ว่าบาทหลวงควินทานามาที่นี่เพื่อจัดการกับปัญหาหนักใจของตัวเอง เพราะเขาเกิดความเคลือบแคลงในศรัทธาของตัวเอง เขาไม่รู้สึกถึงความกระตือรือร้นอย่างวันเก่าๆ ที่เขาเริ่มต้นอีกต่อไปแล้ว และก็สงสัยว่าเขาจะเกิดความรู้สึกแบบนั้นอีกหรือไม่

                หน้าที่การงานก็ทำให้นีลเกิดความขัดแย้งในใจด้วยเช่นกัน เมื่อเขาค้นพบว่าธุรกิจถลุงแร่ในเมืองกำลังทำให้ดินและน้ำเกิดมลพิษและทำให้สุขภาพของคนรุ่นต่อๆ ไปย่ำแย่ ความกังวลของเขาไม่อาจเปลี่ยนใจเพื่อนบ้านของเขา ผู้ต้องพึ่งพาโรงงานถลุงแร่สำหรับงานของพวกเขา ภายใต้ความกดดันที่จะปิดปากเงียบ นีลจะต้องชั่งใจผลลัพธ์ของการกระทำของเขาอีกครั้งหนึ่ง

                ความลังเลของนีลที่มีต่อมารินารุนแรงมากขึ้น บวกกับการที่วีซาของมารินากำลังจะหมดอายุในไม่ช้านี้ ทำให้เธอต้องกลับฝรั่งเศสไปพร้อมกับลูกสาวของเธอ เมื่อเธอไม่อยู่ นีลก็ได้ติดต่อกับเจน เพื่อนเก่าของเขาอีกครั้ง ขณะที่ทั้งคู่ตกหลุมรักกัน นีลก็พบว่าความสัมพันธ์ใหม่นี้ซับซ้อนน้อยลงเยอะ แต่เมื่อเขารู้ว่ามารินากำลังลำบากและลูกสาวของเธอไปอยู่กับพ่อเธอ โดยปฏิเสธที่จะติดต่อกับเธออีก เขาก็รู้สึกถึงความรับผิดชอบที่มีต่อเธอและจัดแจงให้เธอกลับมาอเมริกา

                สายใยผูกพันระหว่างนีลและผู้หญิงสองคนในชีวิตของเขา และความเคลือบแคลงที่บาทหลวงควินทานามีต่อศรัทธาของตัวเอง บีบให้ทั้งคู่ต้องพิจารณาความรักในรูปแบบที่ต่างออกไป สิ่งที่พวกเขาทำลงไปควรจะถูกมองว่าเป็นหน้าที่ ซึ่งบางครั้งเต็มไปด้วยความพยายามรึเปล่า หรือเราควรจะยอมรับว่า ความรักมักจะเปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ และไม่ยั่งยืน หรือความเศร้าจะสามารถโยงใยคู่รักเข้าหากันได้แน่นหนากว่าความสุขกันแน่ล่ะ








เกี่ยวกับงานสร้าง

                ผู้กำกับผู้ได้รับการเสนอชื่อชิงอคาเดมี อวอร์ด เทอร์เรนซ์ มาลิค โด่งดังจากการสร้างภาพยนตร์ที่ยอดเยี่ยม ไม่เหมือนใคร ด้วยการใช้วิธีที่ไม่ธรรมดา และ TO THE WONDER ภาพยนตร์เรื่องล่าสุดของเขา ก็ไม่ใช่ข้อยกเว้น ภาพยนตร์เรื่องนี้ได้นำเสนอสิ่งที่เป็นมากกว่าเรื่องราวให้กับผู้ชม มันเป็นการเดินทางที่ถ่ายทอดความลึกซึ้งด้านอารมณ์และจิตวิญญาณของตัวละครขณะที่พวกเขาเปลี่ยนแปลงและเติบโตขึ้น ใน TO THE WONDER เขากระตุ้นทีมงานและนักแสดงของเขาให้ตอบรับต่อสิ่งที่เกิดขึ้นอย่างฉับพลันและเปิดกว้างต่อการอิมโพรไวส์ นักแสดงผู้ได้ร่วมแสดงใน TO THE WONDER ได้ทำการค้นคว้าอารมณ์ที่เร้นลึกของตัวละคร เพื่อถ่ายทอดความลึกซึ้งและความสมจริงของตัวละครได้มากยิ่งขึ้น

                ทีมผู้สร้างเลือกเมืองบาร์เทิลส์วิลล์ รัฐโอกลาโฮมา มาเป็นฉากหลังสำคัญสำหรับเรื่องราวความรัก ความปรารถนาและการตั้งคำถามทางจิตวิญญาณ ลักษณะส่วนของใหญ่ของเมืองยังคงเหมือนเดิมด้วยอาคารที่ได้รับการอนุรักษ์ส่วนใหญ่ ที่มีอายุยืนยาวตั้งแต่ต้นศตวรรษที่ 20 ซึ่งรวมถึงหอคอยไพรซ์อันลือชื่อ ที่ออกแบบโดยแฟรงค์ ลอยด์ ไรท์ในปี 1956 ด้วย “เทอร์รีเป็นนักปรัชญาครับ ภาพเปรียบเปรยจำนวนมากก็เลยมาจากไอเดียของเขา และผมก็คิดว่าเขาพบบางอย่างที่สำคัญในความแข็งทื่อของบ้านพวกนั้นครับ” แจ็ค ฟิสค์ ผู้ออกแบบงานสร้างผู้ได้รับการเสนอชื่อชิงอคาเดมี อวอร์ดกล่าว

                “เมืองนี้กลายเป็นตัวละครตัวหนึ่งในเรื่องครับ” นิค กอนดา ผู้อำนวยการสร้างอธิบาย “ด้วยความโอบอ้อมอารีของชาวบาร์เทิลส์วิลล์ เทอร์รีเลยสามารถมีปฏิสัมพันธ์กับสิ่งแวดล้อมของเขาได้เหมือนกับที่เขาทำงานร่วมกับนักแสดง และปล่อยให้คุณสมบัติเนื้อแท้ของมันปรากฏออกมา ผลที่ได้ก็คือเราสามารถทำงานได้ในแบบที่เทอร์รีใฝ่ฝันถึงมานานหลายปีมากๆ แล้วน่ะครับ”

                พ้นจากขอบเขตของเมืองไป พื้นที่เปิดกว้างและความงดงามตามธรรมชาติของดินแดนตะวันตกก็เป็นเครื่องย้ำเตือนถึงท่วงทำนองและวงจร ซึ่งทำให้ความดิ้นรนหรือความใฝ่ฝันของมนุษย์อาจจดูเป็นเพียงแค่ฝุ่นละอองในผืนผ้าใบที่กว้างใหญ่ก็ได้ “สีสันมันเยี่ยมไปเลยครับ” จอห์น แพทเทอร์สัน ผู้จัดการฝ่ายสถานที่ ในชนบทของโอกลาโฮมากล่าว “มันดูเหมือนจะถูกสร้างขึ้นมาเพื่อหนังเรื่องนี้ มันมีสีน้ำตาลและเหลืองเป็นหลัก มีท้องฟ้าที่งดงามและพื้นที่เปิดกว้างที่กว้างใหญ่ไพศาลครับ”

                ความรู้สึกแบบเมืองเล็กๆ ในโอกลาโฮมายิ่งชัดเจนขึ้นไปอีกด้วยภาพที่ขัดแย้งกันของฉากยุโรป (ที่งดงาม) ของมองท์ แซงต์ มิเชล ซึ่งเป็นเกาะที่อยู่นอกชายฝั่งของแคว้นนอร์มังดี ประเทศฝรั่งเศส ในตอนที่เรื่องราวเริ่มต้น นีลและมารินากำลังรักกันหวานชื่น พวกเขาอาบแดดอยู่บนโขดหินที่งดงามบนเกาะมองท์ แซงต์ มิเชล ซึ่งเป็นที่รู้จักในฝรั่งเศสว่าเป็น เมอร์วิลล์ หรือ “ความมหัศจรรย์” เมอร์วิลล์ ซึ่งเป็นจุดหมายปลายทางสำคัญของผู้แสวงบุญและนักท่องเที่ยว มีชื่อเสียงจากวิหารและอารามของมัน นักบวชใช้ชีวิตอยู่บนเกาะแห่งนี้ด้วยความต้องการความสันโดษนับตั้งแต่ศตวรรษที่หก วิหารที่สวยงามและสูงเสียดฟ้าแสดงให้เห็นถึงสถานที่ที่อยู่ตรงกลางระหว่างสวรรค์และโลกมนุษย์ ความจริงและความฝัน ซึ่งเป็นสถานที่ที่เหมาะสมอย่างยิ่งที่จะเริ่มต้นเรื่องราวของมารินาและนีล

                “สำหรับผม หนังเรื่องนี้ให้ความรู้สึกเหมือนเป็นความทรงจำของชีวิตมากกว่าจะเป็นเรื่องราวที่เกิดขึ้นชั่วขณะนั้นของชีวิตใครซักคน อย่างที่หนังมักจะดำเนินไปตามปกติ” เบน แอฟเฟล็ค ผู้รับบท นีล พระเอกของ TO THE WONDER กล่าว “สำหรับผม การผสมผสานช่วงเวลาที่เปี่ยมด้วยความรู้สึก ในช่วงชีวิตของตัวละครและขยับเคลื่อนไหวในแบบที่ไม่เป็นไปตามลำดับสอดคล้องกับลักษณะที่คนเราจำชีวิตของตัวเอง มันเหมือนเป็นการสะกดจิตหน่อยๆ และคุณก็จะรู้สึกมึนงงนิดๆ มันจะไหลลื่นมากกว่าชีวิตจริงอีกครับ”

                เพื่อให้ได้คุณลักษณะเช่นนั้น แอฟเฟล็คและเพื่อนนักแสดงของเขาได้ดำดิ่งลงไปในโลกที่มาลิคจินตนาการขึ้นมา ผู้กำกับได้นำทางพวกเขาไปสู่ผลงานคลาสสิกของนวนิยาย ศิลปะ ดนตรีและภาพยนตร์ เพื่อบ่มเพาะความคิดอ่านและความเข้าใจของตัวละครของพวกเขา หลายคนไม่รู้ว่าท้ายที่สุดแล้ว ภาพยนตร์เรื่องนี้จะเกี่ยวกับอะไรหรือผลงานฉบับสมบูรณ์จะออกมาเป็นอย่างไร เพราะมาลิคได้ทิ้งพื้นที่ว่างให้กับตัวเองในการตอกย้ำธีมสำคัญของเรื่องระหว่างช่วงโพสต์โปรดักชัน นักแสดงของมาลิคเองบอกว่าพวกเขาคงจะนึกถึงประสบการณ์นี้ในตอนที่พวกเขาไปทำงานในโปรเจ็กต์ที่เป็นไปตามแบบฉบับมากกว่านี้

                “เขามักจะเหลือที่ว่างให้คุณตัดสินใจด้วยตัวเอง ซึ่งเป็นเรื่องน่ารักจริงๆ ค่ะ” ราเชล แม็คอดัมส์ ผู้รับบท เจน หญิงสาวผู้ยั่วเย้านีลด้วยความรักอีกรูปแบบหนึ่ง กล่าว

                มาลิคและเบน แอฟเฟล็ค นักแสดงนำชายของเขา รู้จักกันมานานหลายปีแล้ว และแอฟเฟล็คก็บอกว่า มาลิคได้ร้อยเรียงเรื่องราวที่ท้ายที่สุดกลายมาเป็น TO THE WONDER มามากกว่าสิบปีแล้ว แอฟเฟล็คมักจะขอคำแนะนำและคำชี้แนะจากผู้กำกับผู้มากประสบการณ์กว่าผู้นี้ ซึ่งรวมถึงเมื่อเร็วๆ นี้ ที่ทั้งคู่อยู่ระหว่างการทำงานโพสต์โปรดักชันของตัวเองอยู่ด้วย

                แอฟเฟล็ครู้สึกยินดีเมื่อมาลิคทาบทามเขาให้ร่วมแสดงใน TO THE WONDER “ผมชื่นชมเทอร์รี เหมือนกับคนอื่นๆ นั่นแหละครับ” เขากล่าว แอฟเฟล็ควางแผนที่จะพักผ่อนอยู่กับครอบครัวหลังจากเสร็จงานภาพยนตร์ของตัวเอง แต่เขาก็ไม่อาจบอกปัดโอกาสที่จะร่วมงานกับมาลิคได้

                “ผมได้เรียนรู้จากการทำงานเจ็ดสัปดาห์ในหนังเรื่องนี้มากกว่าที่ผมได้เรียนรู้จากการทำงานร่วมกับผู้กำกับคนอื่นๆ มาทั้งชีวิตเลยล่ะครับ” แอฟเฟล็คกล่าว “[มาลิค] เข้าใจถึงสิ่งที่ตอนนี้ผมรู้แล้วจากการได้ร่วมงานกับเขา นั่นคือสิ่งที่สำคัญที่สุดคือการทำความเข้าใจ ซึ่งไม่เพียงแต่คุณจะสามารถท้าทายความรู้แบบดั้งเดิมได้แล้ว คุณยังต้องทำให้มันน่าสนใจด้วย และคุณก็จะต้องแหวกความคิดดั้งเดิมและสิ่งที่คุณคิดว่าคนอื่นๆ คาดหวังเพื่อสร้างสิ่งที่แปลกใหม่และน่าสนใจขึ้นมาครับ”

                ในการเตรียมพร้อม แอฟเฟล็คได้อ่านผลงานโดยโทลสตอย, ดอสโทฟสกี้และเอฟ. สก็อต ฟิทซ์เจอรัลด์ นอกจากนี้ เขายังได้ดูภาพยนตร์ที่นำแสดงโดยแกรี คูเปอร์ เพื่อสร้างตัวละครที่จริงจังและช่างคิดอย่างนีล ผู้ซึ่งแอฟเฟล็คพูดถึงว่าเป็น “ศูนย์กลางที่เงียบงัน” ของ TO THE WONDER ด้วย

                “สิ่งที่วิเศษสุดเกี่ยวกับการทำหนังกับเทอร์รีคือเขามีความคิดที่มากล้น และมีข้อมูลอ้างอิงมากมายเหลือเกิน จนบทสนทนาจะไหลผ่านหัวข้อต่างๆ มากมาย อย่างเช่นดนตรี ปรัชญา ศาสนา ศิลปะ ละคร ประวัติศาสตร์ หนังเรื่องอื่นๆ นิยาย โดยเฉพาะอย่างยิ่ง วรรณกรรมน่ะครับ” แอฟเฟล็ค “นี่เป็นคนที่มีวิธีการสร้างหนัง ที่หยั่งรากลึกที่สุดลงไปในงานศิลปะครับ”

                สำหรับแอฟเฟล็ค ตัวละครตัวนี้มีอะไรหลายๆ อย่างเหมือนแฮมเล็ทของเชคสเปียร์ด้วย เพราะความลังเลของเขาในการตัดสินใจที่จะลงมือทำอะไรซักอย่างอาจส่งผลให้เขาพบเจอกับหายนะก็เป็นได้ ในมุมมองของแอฟเฟล็ค TO THE WONDER ได้เล่าถึงนีลขณะที่เขาค้นพบตัวตนที่แท้จริงของตัวเอง และภาพยนตร์เรื่องนี้ก็ขอให้ผู้ชมพิจารณาถึงภาระที่พวกเขามีต่อกันและกันและต่อโลก ที่นอกเหนือจากผลประโยชน์ส่วนตัว

                “ในหลายๆ แง่มุม เรื่องราวนี้ครุ่นคำนึงและสำรวจถึงแง่มุมต่างๆ ของความรัก ที่ผมไม่เคยเห็นในหนังมาก่อน มันไม่ได้เป็นแค่ช่วงเวลาสูงสุดหรือต่ำสุด แต่เป็นช่วงเวลาระหว่างนั้นที่ทั้งเป็นจริงและตรงไปตรงมาเหลือเกินด้วยครับ” ผู้อำนวยการสร้างนิโคลัส กอนดากล่าว

                แอฟเฟล็คกล่าวว่า “สิ่งที่ผมพบว่าเข้าถึงได้ในเรื่องของธีมในหนังนั้นเกี่ยวกับตัวละครที่เปลี่ยนแปลงไป และต้องรับมือกับความเปลี่ยนแปลงและหลักการนั้น และต้องใช้ชีวิตอยู่กับผลลัพธ์ของความเปลี่ยนแปลงนั้น ไม่ว่าจะดีหรือร้าย คนที่พยายามจะอยู่ตรงกลางระหว่างเจ็บปวดที่คุณสามารถก่อให้เกิดกับคนอื่นได้และความสำคัญของการดูแลเอาใจใส่พวกเขา คุณจำเป็นต้องทำเพื่อผู้อื่น โดยส่งผลเสียต่อตัวคุณเองมากแค่ไหน เราต้องเสียสละตัวเองมากแค่ไหนเพื่อหลักการของตัวเอง ผมคิดว่านั่นเป็นเรื่องน่าสนใจจริงๆ ครับ”

                “คุณสามารถรักใครบางคนได้มากกว่าคนอื่นๆ และคุณก็อาจจะใช้ชีวิตโดยไม่มีคนที่คุณรักมากกว่านั้นไม่ได้” โอลก้า คูรีเลนโก้ ผู้รับบท มารินา คนรักที่ทำให้นีลเกิดความขัดแย้งในใจ กล่าว

                TO THE WONDER ยังต้องให้นักแสดงบางคนก้าวข้ามวิธีการแสดงตามปกติของตัวเองด้วยการสร้างเส้นแบ่งที่ลางเลือนระหว่างความจริงและเรื่องแต่ง ฮาเวียร์ บาร์เดมรับบทนักบวชผู้ดิ้นรนกับการใช้ชีวิตตามความคาดหวังที่มีต่อความยึดมั่นของตัวเอง ในการเตรียมเขาให้พร้อมสำหรับบทนี้ มาลิคได้จับคู่เขากับยูจีน ริชาร์ดส์ ช่างภาพผู้ได้รับการนับถือ ให้ได้พูดคุยกับนักโทษ นักบวชจริงๆ และชาวบาร์เทิลส์วิลล์ ซึ่งบางคนได้เล่าเรื่องราวชีวิตที่สะเทือนใจให้พวกเขาฟัง “เรื่องราวพวกนี้ ลักษณะที่พวกเขาคุยกับผม มันทรงพลังอย่างน่าทึ่งครับ” บาร์เดมกล่าว

                กระบวนการนี้เป็นอะไรที่ประทับใจอย่างเหลือเชื่อ สำหรับทุกคนที่เกี่ยวข้อง “เราได้รู้จักผู้คนที่พิเศษสุดมากมายระหว่างการถ่ายทำหนังเรื่องนี้” ผู้อำนวยการสร้างซาราห์ กรีนกล่าว “ผู้ที่เคยติดยาบ้า คว้าโอกาสในการเล่าเรื่องของเขาต่อหน้าลูกชายตัวเอง ผู้หญิงที่เผชิญหน้ากับความตายพูดถึงความกังวลที่เธอมีต่ออนาคตของลูก นักโทษเล่าเรื่องราวของพวกเขา เราต่างก็จากมาด้วยการเป็นคนใหม่ค่ะ”

                แม้ว่าประสบการณ์แบบนั้นมักจะสร้างความเหนื่อยล้า แต่บาร์เด็มก็เหมือนกับเพื่อนนักแสดงหลายคนของเขา ที่บอกว่า การทำงานใน TO THE WONDER เป็นประสบการณ์ที่เปิดโลกทัศน์ใหม่และน่าตื่นตะลึง ซึ่งเขาจะรำลึกเอาไว้อีกนาน “ผมคงลำบากกับการกลับไปทำงานในกองถ่ายแบบเดิมๆ” บาร์เด็มกล่าว “มันวุ่นวายในทางดีเพราะคุณจะมีชีวิตชีวาตลอดเวลา เหมือนคุณกำลังค้นพบโลกใบนี้ ค้นพบอีกคนหนึ่งผ่านทางสายตาของคุณเพราะคุณไม่รู้เลยว่าจะเกิดอะไรขึ้นต่อไป และนั่นก็เป็นสิ่งที่งดงามครับ มันเป็นหนึ่งในเป้าหมายหลักของการแสดงเลยล่ะ”
« Last Edit: March 22, 2013, 07:37:34 PM by happy »