บลจ.กรุงไทยตอกย้ำความเป็นผู้นำ ปล่อยอีทีเอฟกลุ่มอุตสาหกรรม “พลังงาน-อาหาร” เดือนนี้
บลจ.กรุง ไทยมั่นใจตลาดการลงทุนใน ETF เปิดขายอีทีเอฟกลุ่มพลังงาน “ENY” 1-8 มีนาคม และกลุ่มอาหาร “EFOOD” ประมาณปลายเดือนมีนาคม นี้
นายสม ชัย บุญนำศิริ กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กรุงไทย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า บริษัทพร้อมเปิดจำหน่ายกองทุนรวมอีทีเอฟ 2 กองทุนในเดือนมีนาคมนี้ เล็งมีปัจจัยหนุนทั้งในอุตสาหกรรมพลังงานและอาหาร โดยเริ่มประเดิมส่งกองทุนเปิด KTAM SET Energy ETF Tracker ภายใต้รหัส “ENY” ซึ่งเป็นกองทุนรวมอีทีเอฟที่อ้างอิงกับดัชนีหมวดธุรกิจพลังงานและ สาธารณูปโภค หรือ SET Energy & Utilities Sector Index โดยมีช่วงการเสนอขายแก่นักลงทุนทั่วไปครั้งแรก (IPO) ระหว่างวันที่ 1-8 มีนาคม 2556 และตามมาด้วยกองทุนเปิด KTAM SET Food and Beverage ETF Tracker ภายใต้รหัส “EFOOD” ซึ่งเป็นกองทุนรวมอีทีเอฟที่อ้างอิงกับดัชนีหมวดธุรกิจอาหารและเครื่องดื่ม หรือ SET Food and Beverage Sector Index กองแรกของไทย โดยคาดว่ามีช่วง IPO ปลายเดือนมีนาคม 2556
ปัจจุบันหมวดธุรกิจพลังงานและ สาธารณูปโภค มีมูลค่าตลาดสูงสุดในดัชนีตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย โดยคิดเป็นสัดส่วนประมาณ 20.52% ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2555 ประกอบด้วยบริษัทที่ดำเนินธุรกิจเป็นผู้ผลิต สำรวจ ขุดเจาะ กลั่นและตัวแทนจำหน่ายพลังงานธรรมชาติในรูปแบบต่างๆ เช่น น้ำมัน ก๊าซธรรมชาติ ถ่านหิน รวมถึงบริษัทที่เป็นผู้ให้บริการสาธารณูปโภคต่างๆ เช่น ไฟฟ้า ประปาและแก๊ส ซึ่งจากการที่เศรษฐกิจโลกมีการฟื้นตัวในเชิงภาพรวม การกระตุ้นเศรษฐกิจของจีน รวมถึงผลของสภาพคล่องที่ล้นระบบ จะเป็นปัจจัยหนุนให้นักลงทุนกลับมาให้ความสนใจในหุ้นกลุ่มพลังงานเพิ่มมาก ขึ้น นอกจากนี้ หากพิจารณาในด้านราคาแล้วจะพบว่าหุ้นกลุ่มพลังงานค่อนข้างจะปรับตัวขึ้นน้อย กว่าตลาดพอสมควรในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา ซึ่งทำให้ระดับราคามีความน่าสนใจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเทียบกับการคาดการณ์ผลประกอบการที่อยู่ที่ประมาณ 12% ในปีนี้
สำหรับดัชนีหมวดธุรกิจอาหารและเครื่องดื่ม ซึ่งประกอบด้วย 4 กลุ่มธุรกิจหลักๆ คือ กลุ่มเกษตรและการแปรรูปอาหาร กลุ่มผู้ผลิตน้ำตาล กลุ่มผู้ผลิตเครื่องดื่ม และกลุ่มธุรกิจร้านอาหาร มีสัดส่วนประมาณ 5.76% ของมูลค่าตลาดในสิ้นปี 2555 โดยหุ้นในกลุ่มนี้เป็นที่ทราบกันว่ามีความสามารถในการทำกำไรได้อย่างต่อ เนื่อง มีความหวือหวาของผลประกอบการน้อยกว่าหุ้นกลุ่มอื่นๆ และมีศักยภาพในการแข่งขันได้ในระดับนานาชาติ
โดยจุดเด่นของ ทั้งกองทุน ENY และ EFOOD คือ การที่ผู้ลงทุนมีโอกาสรับผลตอบแทนเคลื่อนไหวตามดัชนีอ้างอิง หลังหักค่าใช้จ่ายของกองทุน โดยให้ความคล่องตัวในการซื้อขายแบบ Real Time ตามราคาในกระดานของตลาดหลักทรัพย์ฯ ลงทุนขั้นต่ำเพียง 5,000 บาท (เพิ่มขึ้นเป็นทวีคูณของ 1,000 บาท) ด้วยราคาต่อหน่วยคิดเป็นเงินเพียงประมาณ 5 บาท และสามารถทราบราคาซื้อขายได้ทันทีโดยไม่ต้องรอราคาปิดสิ้นวันเหมือนกองทุน รวมอื่นๆ นอกจากนี้ กองทุนยังมีนโยบายจ่ายเงินปันผลไม่เกิน 4 ครั้งต่อปี และมีบล.เอเซีย พลัส จำกัด (มหาชน) เป็นผู้ดูแลสภาพคล่อง โดยกองทุน ENY จะเข้าจดทะเบียนซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยในวันที่ 19 มีนาคม และ EFOOD ช่วงต้นเดือน เมษายน 2556 ตามลำดับ
ผู้สนใจลงทุน สามารถติดต่อขอรับหนังสือชี้ชวนได้ที่ธนาคารกรุงไทย ทุกสาขาทั่วประเทศ หรือที่ผู้ร่วมค้าหน่วยลงทุนที่ได้รับการแต่งตั้ง ได้แก่ บล.เอเซีย พลัส จำกัด (มหาชน) บล.เคที ซิมิโก้ จำกัด (มหาชน) และผู้ขายหน่วยลงทุนอีก 12 แห่งได้แก่ บล.ไอร่า จำกัด (มหาชน) บล. บัวหลวง จำกัด (มหาชน) บล.ซีไอเอ็มบี (ประเทศไทย) จำกัด บล.คันทรี่ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) บล.ฟินันเซีย ไซรัส จำกัด (มหาชน) บล.โกลเบล็ก จำกัด (มหาชน) บล.เคจีไอ (ประเทศไทย) จำกัด บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) จำกัด บล.ไทยพาณิชย์ จำกัด บล.ทรีนีตี้ จำกัด (มหาชน) บล.ยูโอบี เคย์เฮียน ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) บล.ไอ วี โกลบอล จำกัด (มหาชน) หรือสอบถามเพิ่มเติมได้ที่บลจ.กรุงไทย โทร 02-670-4900 กด 9