ผู้กำกับรางวัลออสการ์ โรเบิร์ต เซเมคคิส (“Forrest Gump” และ “Cast Away” ) กับผลงานภาพยนตร์เรื่องล่าสุดที่ถูกเสนอชื่อเข้าชิง 2 รางวัลออสการ์ “ไฟล์ท ผ่าวิกฤต เที่ยวบินระทึก”
บินตรงสู่เกาหลีเปิดโต๊ะให้สัมภาษณ์สื่อถึงการทำงาน
ภาพยนตร์ทริลเลอร์เรื่องราวเข้มข้นของพาราเม้าต์ พิคเจอร์ส เรื่อง “Flight” นำแสดงโดย เดนเซล วอชิงตัน ในบทกัปตันวิเทเกอร์ นักบินสายการบินผู้มีประสบการณ์ ผู้นำเครื่องบินลงจอดอย่างรุนแรงหลังจากเกิดหายนะกลางอากาศ และช่วยชีวิตได้เกือบทุกคนบนเครื่อง หลังจากนั้น วิปได้รับการยกย่องว่าเป็นฮีโร่ แต่ยิ่งได้รับรู้เรื่องราวมากขึ้นเท่าไหร่ ยิ่งเกิดคำถามมากยิ่งกว่าคำตอบว่าใครหรืออะไรเป็นต้นเหตุความผิด และจริงๆ แล้ว เกิดอะไรขึ้นบนเครื่องบินลำนั้น “Flight” เป็นความร่วมมือครั้งแรกของสองเจ้าของรางวัลออสการ์ เดนเซล วอชิงตัน และผู้กำกับ โรเบิร์ต เซเมคคิส ผู้กลับมาจับงานเล่าเรื่องราวสุดเข้มข้นที่ใช้คนแสดงหลังจากได้รับความสำเร็จมานานหลายปีกับงานกำกับและอำนวยการสร้างภาพยนตร์ที่ใช้เทคโนโลยีโมชั่น แค็ปเจอร์ระดับแถวหน้าของโลก สำหรับเซเมคคิส “Flight” คือการหวนคืนสู่งานกำกับภาพยนตร์ที่ใช้คนแสดง ในช่วงหนึ่งทศวรรษที่ผ่านมา เซเมคคิสได้กำกับและอำนวยการสร้างภาพยนตร์หลายเรื่องที่ใช้เทคโนโลยีโมชั่นแค็ปเจอร์ ซึ่งทำให้เซเมคคิสกลายเป็นผู้บุกเบิกงานสเปเชียลเอฟเฟ็กต์ และวิชวลเอฟเฟ็กต์ในวงการภาพยนตร์ อย่างไรก็ดี ด้วยตัวละครแข็งแกร่งที่มาพร้อมการเดินทางทางอารมณ์อันจับใจ คือสิ่งที่มีให้เห็นในภาพยนตร์ทุกเรื่องของเขา รวมถึง “Flight” ด้วย “สำหรับผม สิ่งที่ทำให้ผมสนใจจริงๆ ก็คือ ตัวละครทุกตัวมีความซับซ้อนอย่างมาก พวกเขาเป็นตัวละครที่เป็นสีเทา พวกเขาไม่ใช่คนดีหรือคนเลวไปเลย ทุกคนในภาพยนตร์เรื่องนี้มีความบกพร่อง และมันได้กลายมาเป็นพลังให้กับภาพยนตร์เรื่องนี้” เซเมคคิสบอก “สิ่งที่น่าสนใจอีกอย่าง ก็คือ ความตื่นเต้นในภาพยนตร์เรื่องนี้เกิดมาจากความไม่แน่นอนว่าตัวละครจะทำอะไร พวกเขาจะตอบสนองเช่นไร มันไม่เหมือนกับการมีระเบิดเวลาหรืออุกกาบาตที่กำลังพุ่งเข้าทำลายโลก การคาดหวังเกิดมาจากการไม่รู้ว่าตัวละครจะทำอะไรฉากแล้วฉากเล่า หาได้ยากมากที่จะพบบทภาพยนตร์ที่มีความลึกและความซับซ้อนเช่นนั้น นั่นคือสิ่งที่ทำให้ผมทึ่ง ผมอยากเห็นว่าเรื่องนี้จะคลี่คลายดำเนินไปเช่นไร จะเกิดอะไรขึ้นกับตัวละครของวิป” สตีฟ สตาร์กี้ ผู้ร่วมทำหน้าที่อำนวยการสร้างกับเซเมคคิสมานาน เข้าใจดีถึงความสนใจที่เขามีต่อโปรเจ็กต์นี้ บอกว่า ในฐานะที่เซเมคคิสเองก็เป็นนักบินเช่นกัน ทำให้เขา “… มีความเข้าใจถึงข้อเรียกร้องของอาชีพนี้ และเขาก็มีความสนใจที่จะนำเสนอความรู้สึกที่เป็นจริงและน่าเชื่อให้เกิดขึ้นกับฉากภายในเครื่องบินในภาพยนตร์เรื่องนี้ อย่างไรก็ดี เหตุเครื่องบินตกคือสิ่งที่ช่วยให้เขาเข้าถึงเรื่องจริงๆ ได้ โดยหัวใจแล้ว มันคือเรื่องราวการค้นหาซึ่งจิตวิญญาณ เกี่ยวกับการดิ้นรนต่อสู้ของชายคนหนึ่งที่จะซื่อสัตย์กับตัวเอง เหตุเครื่องบินตกนำไปสู่เหตุการณ์ต่างๆ มากมายที่ทำให้เขาต้องหันมามองลึกลงไปในตัวเขาเอง และค้นพบความจริงเกี่ยวกับตัวเขาเองด้วย” ตรงกันข้ามกับตารางการถ่ายทำของภาพยนตร์ส่วนมาก เซเมคคิสถ่ายภาพยนตร์เรื่องนี้ตามลำดับเหตุการณ์ เพื่อให้การแสดงเติบโตไปอย่างเป็นธรรมชาติ ทำให้นักแสดงและทีมผู้สร้างได้เรียนรู้และขยายความเป็นตัวละครของพวกเขาเมื่อเรื่องราวพัฒนาไป “ผมไม่คิดว่าจะมีข้อสงสัยใดๆ ที่ใครก็ตามที่ได้ดูภาพยนตร์เรื่องนี้จะไม่ช็อคเมื่อพวกเขาได้เห็นฉากตอนเริ่มต้นเรื่องเมื่อวิปกระทำสิ่งที่เกินจินตนาการและกลับกลายเป็นนักบินที่ไว้ใจได้เมื่อเขาเดินออกนอกประตูไป” สตาร์กี้เล่า “มันคือเรื่องช็อคต่อระบบ มันกลายเป็นจุดหักมุมที่ไม่มีใครคาดถึง และวิธีที่บ็อบถ่ายทำมันก็ออกมายิ่งใหญ่ ที่มาพร้อมอารมณ์ขันที่ชวนช็อค”