MSN on February 23, 2013, 04:49:00 PM
UAC โชว์กำไรสุทธิปี 55 โต 44 % เร่งต่อยอดธุรกิจตั้งเป้ารายได้ปี 58 แตะ3,000 ล้านบาท
   


           บมจ.ยูนิเวอร์แซล แอดซอร์บเบ้นท์ แอนด์ เคมิคัลส์ (UAC) โชว์กำไรงวดปี 2555 เพิ่มขึ้น 44% อยู่ที่ 115 ล้านบาท เมื่อเทียบกับปีก่อน เหตุบริษัทฯสามารถรักษาการบริหารในการจัดการต้นทุนค่าใช้จ่ายได้ลงตัว ขณะที่ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการ “ กิตติ ชีวะเกตุ ” เร่งต่อยอดธุรกิจพลังงานทดแทน เพื่อเพิ่มศักยภาพและมูลค่าเพิ่มให้บริษัทฯ ระบุ หากการขยายการลงทุนเป็นไปตามแผน มั่นใจรายได้ปี 2558 แตะ 3,000 ล้านบาท

          นายกิตติ ชีวะเกตุ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการ บริษัทยูนิเวอร์แซล แอดซอร์บเบ้นท์ แอนด์ เคมิคัลส์ (UAC) เปิดเผยถึงผลการดำเนินงานปี 2555 ว่า บริษัทฯมีกำไรสุทธิ 115 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 44% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ขณะที่รายได้อยู่ที่ 812 ล้านบาท ทั้งนี้สาเหตุที่บริษัทฯมีอัตราการทำกำไรเพิ่มขึ้นส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากราคา สินค้าเคมีภัณฑ์ได้มีการปรับตัวเพิ่มขึ้นในช่วงก่อนหน้านี้ นอกจากนี้บริษัทฯยังสามารถบริหารต้นทุนค่าใช้จ่ายอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น รวมไปถึงการรับรู้จากการบันทึกกำไรจากโครงการไบโอดีเซล ซึ่งเป็นการลงทุนร่วมระหว่าง บมจ. บางจาก และ UAC ภายใต้โครงการ บางจากไบโอฟูเอล จำกัด (BBF) และบริษัทฯ ยังได้รับค่าบริหารจัดการกรณีการเข้าไปเป็นที่ปรึกษาการออกแบบด้านปิโตรเคมี ซึ่งจากปัจจัยทั้งหมดดังกล่าวส่งผลให้บริษัทฯมีอัตราการทำกำไรเพิ่มสูงขึ้น อย่างเห็นได้ชัด

          “ ไตรมาส 4/55 บริษัทฯมีรายได้ 187 ล้านบาท ขณะที่กำไรสุทธิอยู่ที่ 12 ล้านบาท ทั้งนี้ ยอมรับว่ารายได้ในปี 55 ไม่เป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้ เนื่องจากเกิดปัญหาความล่าช้าในการส่งสินค้าจากต่างประเทศ จนส่งผลให้ต้องเลื่อนการส่งมอบงาน หรือผลิตภัณฑ์ออกไปเป็นปี 2556 แทน “ นายกิตติ กล่าว

          ส่วนแผนการดำเนินงานในปี 2556 นั้น นายกิตติ กล่าวว่า บริษัทฯ ประมาณการอัตราการเติบโตของรายได้ในปีนี้เพิ่มขึ้น 20-30% เมื่อเทียบกับปี 2555 โดยสัดส่วนรายได้จะมาจาก ธุรกิจเทรดดิ้ง, การเริ่มรับรู้รายได้จากโครงการผลิตผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียม (Petroleum Production Project หรือ PPP) ที่จังหวัดสุโขทัย คาดว่าจะมีรายได้เข้ามา 150 -200 ล้านบาท และ โรงงานผลิตก๊าซชีวภาพอัดความดันสูง (Compressed Bio-Methane Gas หรือ CBG) ซึ่งคาดว่าจะมีรายได้เข้ามาไม่ต่ำกว่า 60 ล้านบาท

          นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังประมาณการรับรู้รายได้จากการร่วมลงทุน กับบมจ.ไฮโดรเท็ค ( HYDRO) ภายใต้การจัดตั้งบริษัทย่อย ในโครงการเกี่ยวกับการผลิตน้ำเพื่อจำหน่าย โดยเบื้องต้นคาดว่าจะรับรู้รายได้ เฉลี่ยปีละ 100 – 150 ล้านบาท

          พร้อม กันนี้ บริษัทฯ เตรียมที่จะเข้าไปลงทุนโครงการดังกล่าว ในประเทศพม่า เช่นเดียวกันซึ่งคาดจะสรุปความชัดเจนได้ภายในไตรมาส 2/2556 นี้

          “ บริษัท ฯ ประมาณอัตราการเติบโต ปี 2556 ว่าจะปรับตัวเพิ่มขึ้น 20-30% โดยจะแบ่งเป็นสัดส่วนรายได้ จากธุรกิจเทรดดิ้ง (ซึ่งเป็นธุรกิจหลัก) ประมาณ 75% และ อีก 25% จะเป็นรายได้ของธุรกิจโรงแยกก๊าซ PPP และ โครงการ CBG ที่เข้ามาสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับบริษัทฯหลักจากนี้เป็นต้นไป “ นายกิตติ กล่าว

          นายกิตติ ยังได้กล่าว ถึงความคืบหน้าในโครงการ PPP ว่า ในเบื้องต้นคาดว่าการก่อสร้างโรงงาน จะแล้วเสร็จเดือนภายในเดือนมีนาคม 2556 และคาดว่าจะดำเนินการผลิตก๊าซธรรมชาติทั้ง CNG, LPG และ NGL ในเชิงพาณิชย์ และส่งมอบให้กับ บมจ.ปตท.(PTT) และลูกค้าอื่น ๆ ได้ภายในเดือน พฤษภาคม 2556 โดยมีกำลังการผลิต รวมประมาณ 19,681 ตันต่อปี โดยบริษัทฯจะรับรู้รายได้ จากโครงการดังกล่าวเฉลี่ย 250 ล้านบาทต่อปี ตั้งแต่ปี 2557 เป็นต้นไป

          ส่วนโครงการ CBG นั้น นายกิตติ กล่าวว่า บริษัทฯได้รับการส่งเสริมจากกระทรวงพลังงาน ในการขยายเพิ่มอีก 20 โครงการ ซึ่งเป็นโครงการที่ ลงทุนเอง 10 โครงการ อาทิ จ.เชียงใหม่ 3 โครงการ , ลำปาง 3 โครงการ , เชียงราย 2 โครงการ, ลำพูน 1 โครงการ และอยู่ระหว่างการพิจารณาอีก 1แห่ง ส่วนอีก 10 โครงการ จะเป็นการร่วมลงทุนกับพันธมิตร โดยคาดว่าจะลงทุน ที่ จ.ขอนแก่น 6 โครงการ และ จ.เลย 4 โครงการ โดยโครงการดังกล่าวจะแล้วเสร็จภายในปี2558 ซึ่งก็จะส่งผลให้บริษัทฯรับรู้รายได้เข้ามาเฉลี่ยประมาณ 1,200 ล้านบาทต่อปี

          ในขณะที่ โครงการบางจากไบโอฟูเอล จำกัด (BBF)นั้น มีแนวโน้มที่จะขยายโรงงาน เพิ่มอีก 1 แห่ง ภายใน 2 ปีข้างหน้า เพื่อเป็นการเพิ่มศักยภาพในกำลังการผลิต อีก 3 แสนลิตร /วัน จากโรงงาน ปัจจุบัน มีกำลังผลิตอยู่ที่ 3.6 แสนลิตร/วัน
 
          “ หากแผนการขยายการลงทุนสำเร็จ จะส่งผลให้ UAC มีอัตราการเติบโตตาม ตั้งเป้าหมายที่วางไว้ว่า ภายในระยะ 3 ปีข้างหน้าบริษัทฯจะเติบโตเฉลี่ยปีละ 30% ซึ่งจะทำให้รายได้ของบริษัทฯในปี2558 แตะ 3,000 ล้านบาท โดยจากการปรับสัดส่วนรายได้ของธุรกิจ จากเดิมที่เน้นหนักไปทางเทรดดิ้ง(ธุรกิจหลัก) มาเป็นรายได้จากธุรกิจพลังงานทดแทน 60% และอีก 40% จากมาจากธุรกิจหลักเดิม ” นายกิตติ กล่าว