เบื้องหลังการสร้าง
ใน การสร้างภาพลักษณ์ของแวมไพร์ ผู้ดูแลเมคอัพ ลินน์ จอห์นสตัน (Apocalypto, Albert Nobbs) ก็เผยว่านอกจากผิวที่ซีดกว่าและนิ้วที่ยาวกกว่ามนุษย์เล็กน้อยแล้ว พวกเขาก็ไม่ต่างจากมนุษย์มากนัก มีเพียง รูธเวน ที่รับบทโดย จอห์นนี่ ลี มิลเลอร์ เท่านั้นที่ต้องอาศัยการแต่งหน้า โดยเธออธิบายถึงที่มาว่า "รูธเวน เป็นซิฟิลิสรุนแรงก่อนที่จะเปลี่ยนเป็นแวมไพร์ ทำให้เขาต้องมีเหมือนมีตุ่มน้ำหนองทั่วตัว ฟันเหลืองและผุ และผมที่ร่วง มันทำให้เราต้องใช้เวลาในการเปลี่ยนเขามากกว่าการเป็นแวมไพร์ซะอีก"
สำหรับ ชื่อของหนัง Byzantium นั้นมาจากชื่อบทกลอนของ วิลเลี่ยม บัตเลอร์ ยีส โดยผู้เขียนบท บัพฟีนี่ ก็ได้เล่าว่า "แรงบันดาลใจในการเขียนบททั้งละครเวทีและภาพยนตร์จากกลอนของ ยีส ที่เกี่ยวกับการตามหาชีวิตที่เป็นนิรันดร ในหนังเรื่องนี้ Byzantium ก็คือชื่อของโมเต็ลริมทะเลที่ คลาร่า และ เอลินอร์ ใช้เป็นสถานที่พักพิง ที่ซึ่งโลกแห่งความเป็นจริงและเทพนิยายมาผสานเข้าด้วยกัน"
ภาพยนตร์ ถ่ายทำส่วนใหญ่ในเมืองเฮสติ้งส์ ที่อยู่ชายฝั่งทะเลทางใต้ของอังกฤษ ผู้กำกับ นีล จอร์แดน อธิบายว่า "พวกเราต้องการเมืองติดทะเลที่ผ่านยุครุ่งเรืองมาแล้ว โดยเราก็ออกหาโลเคชั่นทั่วทั้งอังกฤษ ทั้งมาร์เกท, โฮฟ และไบรท์ตัน แต่ผมคิดว่าเฮสติ้งส์มอบความรู้สึกหม่นนหมองได้ดีที่สุด มันมีชุมชนประมงเล็กๆที่อาศัยอยู่ในที่แห่งนี้ แต่ก็มีร้านรวงและบ้านตากอากาศที่ปิดตัวไปเป็นจำนวนมาก เราได้พบกับอาคารที่เหมาะที่สุดในการใช้เป็นโมเต็ล Byzantium ผมคิดว่าทั้งเมืองมันให้ความรู้สึกว่าไม่มีทั้งอดีตและอนาคต"
ผู้ ออกแบบงานสร้าง ไซม่อน เอลเลียต (The Iron Lady) เผยว่า โมเต็ลไบแซนเที่ยม เป็นเหมือนกับปัจฉิมโลกของคนเป็นและคนตาย เป็นเหมือนสถานที่เชื่อมระหว่างอดีตและปัจจุบัน นั่นก็คือโลกในสตวรรษที่ 18 ที่ คลาร่า และ เอลินอร์ ถือกำเนิด และโลกในศตวรรษที่ 21 ที่พวกเธอยังคงมีชีวิตอยู่ เขาเล่าว่า "พวกเราต้องทำให้มันดูร่วมสมัย แต่ในขณะเดียวกันก็ให้ความรู้สึกมีอะไรที่แปลกไปจากโลกในปัจจุบัน มันต้องให้ความรู้สึกเฉยชาและดูสิ้นหวัง ซึ่งก็สะท้อนถึงความรู้สึกของแวมไพร์สาวสองคนที่มาอาศัยในที่แห่งนี้"
ทาง ด้านผู้กำกับภาพ ฌอน บ็อบบิตต์ (Shame, Hunger) ก็ได้พูดถึงแนวทางในการถ่ายทำว่า "หลังจากอ่านบทผมก็คิดว่าการถ่ายทอดอย่างเป็นธรรมชาติน่าจะเหมาะกับเรื่อง ราวที่เกิดขึ้นที่สุด เพราะเราต้องการถ่ายทอดมุมมองของสองตัวละครที่ดูสมจริง ที่กลายเป็นแวมไพร์และก็ใช้ชีวิตมานานจนถึงปัจจุบัน การใช้แสงที่ไม่เป็นธรรมชาติหรือย้อมสีจะทำให้ความสมจริงสูญเสียไป พวกเราให้ตัวละครเป็นผู้นำของเฟรม แทนที่จะให้เฟรมบังคับให้ตัวละครเดินตาม"
ผู้ กำกับ จอร์แดน ก็เห็นด้วยกับแนวทางของผู้กำกับภาพ เขาเผยว่า "ความงามในงานสร้างและเครื่องแต่งกายไม่ควรถูกปรุงแต่งด้วยอะไรทั้งสิ้น การย้อมภาพหรือใส่เอฟเฟ็คเข้าไปทำให้ความรู้สึกที่เป็นธรรมชาติสูญเสียไป พวกเราทำหนังกันตามสภาพแวดล้อมที่เกิดขึ้นตามชายทะเลจริงๆ ท้องฟ้าที่มืดครึ้มและบรรยากาศสีเทาๆช่วยส่งเสริมให้กับหนังของเรา"
จอร์แดน เผยว่าถึงสาเหตุที่ทำให้เขาสนใจเรื่องราวของแวมไพร์ว่า "ผมชอบสิ่งมีชีวิตที่มนุษย์คิดค้นขึ้นมา สิ่งมีชีวิตและโลกที่ทุกคนจินตนาการขึ้น มันเป็นเหมือนการเติมเต็มความต้องการของมุษย์ แวมไพร์ก็คือความต้องการที่จะเยาว์วัยไปตลอดกาล และมันก็ยังสะท้อนให้เห็นถึงความสูญเสียในความเชื่อของตัวเอง หรือแม้กระทั่งสิ่งมีชีวิตในเทพนิยายอื่นๆ อย่างเช่น มิโนทอร์ หรือ แพน ทุกตัวก็มาจากความต้องการเดียวกัน นั่นก็คือความรู้สึกไม่พอใจกับชีวิตในโลกแห่งความจริง ผมเชื่อว่าทุกคนต่างก็คงอยากหนีออกจากโลกแห่งความจริงบ้างในบางครั้ง"
สำหรับ ผู้อำนวยการสร้าง สตีเฟ่น วูลลี่ เขาก็รอนานกว่าทศวรรษก่อนที่จะกลับมากับหนังแวมไพร์อีกครั้ง ซึ่งเขาก็รู้สึกภูมิใจกับการได้ทำ Byzantium “สำหรับใครก็ตามที่ชอบหนังแวมไพร์ คุณก็จะต้องพอใจกับหนังเรื่องนี้ และสำหรับคอหนังสยองขวัญ คุณก็จะไม่ผิดหวังเช่นกัน เพราะเรื่องราวจะทำให้คุณทั้งรู้สึกกลัวและตกใจ และมันก็ยังมีอะไรไปมากกว่าการทำให้รู้สึกกลัวอีกด้วย นี่คือองค์ประกอบที่น่าสนใจของเรื่องนี้"
วูลลี่ ก็เผยว่า Byzantium จะมีความมืดหม่นและน่ากลัวกว่าหนังแวมไพร์ในยุคปัจจุบัน อย่างไรก็ตามเขาก็เชื่อว่าแฟนหนังอย่าง Twilight ก็จะพบบางอย่างที่พวกเขาชื่นชอบในเรื่องนี้เช่นกัน "ผมคิดว่านี่มันก็เหมือนกับ Twilight ในมุมมองที่เติบโตมากขึ้น มันมีเรื่องราวความรักของวัยรุ่น เพียงแต่ทุกอย่างก็ไม่ได้ลงเอยง่ายดายแบบนั้น และการที่เรื่องราวขับเคลื่อนด้วยแวมไพร์ผู้หญิง ผมก็คิดว่านี่คือมุมมองที่ไม่เคยมีใครทำมาก่อนกับหนังแวมไพร์"
ประวัตินักแสดง
เซียร์ชา โรแนน (รับบทเป็น เอลินอร์)
โร แนน นักแสดงชาวไอริช-อเมริกัน เกิดเมื่อวันที่ 12 เมษายน ค.ศ. 1994 ที่นิวยอร์ก ซิตี้ สหรัฐอเมริกา เธอเริ่มต้นเส้นทางการแสดงในซีรี่ย์และภาพยนตร์โทรทัศน์ ก่อนที่จะเข้ามาแสดงในเรื่อง Atonement ผลงานของผู้กำกับ โจ ไรท์ โดยรับบท ไบรโอนี่ ทาลลิส เด็กสาววัย 13 ขวบที่เป็นต้นเหตุให้พี่สาวต้องพรากจากคนรักไปตลอดกาล ซึ่งจากการแสดงอันยอดเยี่ยม ก็ทำให้เธอได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลบาฟต้าครั้งที่ 61, รางวัลลูกโลกทองคำครั้งที่ 65 รวมถึงรางวัลออสการ์ครั้งที่ 80 ในสาขานักแสดงสมทบหญิงยอดเยี่ยม
หลังจากแจ้งเกิดกับหนังพี เรียดเรื่องเยี่ยม โรแนน ก็ได้รับบทนำใน City of Ember หนังผจญภัย-ไซไฟที่สร้างจากวรรณกรรมเบาวชนเรื่องเยี่ยม, The Lovely Bones ผลงานหนังดราม่าของ ปีเตอร์ แจ็คสัน ผู้กำกับ Lord of The Rings ที่สร้างจากนิยายเรื่องเยี่ยมของ อลิส เซโบล รวมถึง The Way Back ของผู้กำกับ ปีเตอร์ เวียร์ ที่เธอแสดงร่วมกับ โคลิน ฟาร์เรล, จิม สเตอร์เจส และ เอ็ด แฮร์ริส
ในปี 2011 โรแนน ก็ได้กลับไปร่วมงานกับผู้กำกับ โจ ไรท์ อีกครั้งในหนังทริลเลอร์ Hanna ที่เธอร่วมแสดงกับ เอริค บาน่า และ เคท แบลนเช็ตต์ โดยในปี 2013 นอกจากการรับบทนำใน The Host เธอก็ยังมีผลงานการแสดงเป็นแวมไพร์ในเรื่อง Byzantium ของผู้กำกับ นีล จอร์แดน และ How I Live Now หนังดราม่าสงคราม ที่เธอร่วมแสดงกับ ทอม ฮอลแลนด์ นักแสดงดาวรุ่งจาก The Impossible
เกมมา อาร์เตอร์ตัน (รับบทเป็น คลาร่า)
นับ แต่สำเร็จการศึกษาจาก RADA ในปี 2007 เกมมา อาร์เตอร์ตัน ได้รับรางวัล Empire Films สาขานักแสดงหน้าใหม่ยอดเยี่ยม และได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัล Orange Rising Star ที่งานแจกรางวัลแบฟต้าปี 2011 โดยเมื่อต้นปีที่ผ่านมา เธอก็รับบทนำเป็น “เกรเทล” ในภาพยนตร์แอ็คชั่นเรื่อง Hansel and Gretel: Witch Hunters คู่กับ เจเรมี เรนเนอร์ และแสดงนำในภาพยนตร์ฟีลกู้ดเรื่อง Song for Marion ร่วมกับ วาเนสซ่า เร็ดเกรฟ และ เทอเรนซ์ สแตมป์
ก่อนหน้านี้ เกมมา แสดงนำในภาพยนตร์เรื่อง Tamara Drewe กำกับโดย สตีเฟ่น เฟรียร์ส ที่เธอได้ประกบบทกับ โดมินิค คูเปอร์, ลุค อีแวนส์ และ แทมซิน เกร็ก โดยในปี 2010 เธอก็ยังร่วมแสดงกับ แซม เวิร์ธทิงตัน ในหนังแอ็คชั่นบล็อคบัสเตอร์ของ หลุยส์ เล็ทเทอริเย่ เรื่อง Clash of the Titans โดยเธอยังรับบทเป็น “เจ้าหญิงทามิน่า” ในหนังมหากาพย์ของดิสนีย์ เรื่อง Prince of Persia: The Sands of Time ร่วมกับ เจค จิลเลนฮาล และ เบน คิงสลี่ย์
ผลงานเรื่องอื่นๆของเธอก็ยังมีหนังของ ริชาร์ด เคอร์ติส เรื่อง The Boat that Rocked ที่เธอร่วมแสดงกับ ฟิลิป ซีมัวร์ ฮอฟฟ์แมน, เคนเนธ บรานาห์, บิลล์ ไนฮีย์ และ เอ็มม่า ธอมป์สัน และในปี 2008 เธอรับบทเป็นสาวบอนด์ “สตรอว์เบอร์รี่ ฟิลด์ส” ใน Quantum of Solace ที่กำกับโดย มาร์ค ฟอร์สเตอร์ และนำแสดงโดย แดเนียล เคร็ก และ เดม จูดี้ เดนช์ ผลงานภาพยนตร์เรื่องอื่นๆของเธอก็ยังมีหนังแก๊งสเตอร์ของ กาย ริทชี่ เรื่อง RocknRolla, รวมถึง St Trinian’s ที่ทำให้เธอได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลเอ็มไพร์ และได้รับรางวัลเนชั่นแนล มูฟวี่ อวอร์ด
แซม ไรลี่ย์ (รับบทเป็น ดาร์เวลล์)
ผลงาน >>> On The Road, Brighton Rock, Control
จอห์นนี่ ลี มิลเลอร์ (รับบทเป็น รูธเวน)
ผลงาน >>> Trainspotting, Dark Shadows, ซีรี่ย์ Elementary
คาเล็บ แลนดรี้ โจนส์ (รับบทเป็น แฟรงค์)
ผลงาน >>> X-Men: First Class, No Country For Old Men, Antiviral
ทีมผู้สร้าง
นีล จอร์แดน (ผู้กำกับ)
เขา คือผู้กำกับและเขียนบทที่มีผลงานคุณภาพมาเกือบ 4 ทศวรรษ โดยนักแสดงชื่อดังมากมายก็เคยร่วมงานกับเขามาแล้ว ไม่ว่าจะเป็น ทอม ครูซ, แบรด พิทท์, ไมเคิล เคน, โรเบิร์ต เดอนิโร, เลียม นีสัน, ปีเตอร์ โอทูล, เจเรมี่ ไอร่อน, โจดี้ ฟอสเตอร์ รวมถึง จูเลีย โรเบิร์ตส
ผลงานที่ผ่านมา ของเขาล้วนประสบความสำเร็จและได้รับเสียงชื่นชมจากทั้งคนดูและนักวิจารณ์ ไม่ว่าจะเป็น Mona Lisa ที่ถูกเสนอชื่อเข้าชิงรางวัล Palme D’or จากเทศกาลหนังเมืองคานส์ รวมถึงรางวัลแบฟต้าและลูกโลกทองคำ สาขาภาพยนตร์ยอดเยี่ยม หรือ The Crying Game ที่เข้าชิงถึง 6 รางวัลออสการ์ รวมถึงภาพยนตร์ยอดเยี่ยม และเขาเองก็ได้รับรางวัลออสการ์มาครอง ในสาขาบทภาพยนร์ดั้งเดิมยอดเยี่ยม
ผลงานเรื่องอื่นๆของ จอร์แดน ก็ยังมี The End of the Affair นำแสดงโดย จูลี่แอนน์ มัวร์ ที่ได้รับรางวัลบทภาพยนตร์ดัดแปลงยอดเยี่ยมจากแบฟต้า, Interview with the Vampire ที่นำแสดงโดย ทอม ครูซ และ แบรด พิทท์ ซึ่งก็เป็นหนังที่ทำรายได้สูงสุดในอาชีพของเขา, Breakfast on Pluto ที่นำแสดงโดย คิลเลี่ยน เมอร์ฟี่ย์ และ The Brave One ที่นำแสดงโดย โจดี้ ฟอสเตอร์
มอยร่า บัพฟีนี่ (ผู้เขียนบท)
ผลงาน >>> Tamara Drewe, Jane Eyre, Loveplay
สตีเฟ่น วูลลี่ (ผู้อำนวยการสร้าง)
ผลงาน >>> Interview With The Vampire, The Crying Game, Great Expectations
ฌอน บ็อบบิตต์ (ผู้กำกับภาพ)
ผลงาน >>> Shame, Hunger, Sense And Sensibility
โทนี่ ลอว์สัน (ผู้ตัดต่อภาพ)
ผลงาน >>> Interview With The Vampire, The End of the Affair, The Crying Game
ไซม่อน เอลเลียต (ผู้ออกแบบงานสร้าง)
ผลงาน >>> The Iron Lady, Nanny McPhee and the Big Bang, Burke and Hare