KTAMปลื้มยอดจองทริกเกอร์9ล้น จ่อเปิดกองใหม่เป้าหมาย8เดือน8%
นายสมชัย บุญนำศิริ กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กรุงไทย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า บริษัทได้รับการตอบรับที่ดีจากลูกค้ากองทุนเปิดกรุงไทย8%ทริกเกอร์ ฟันด์ 9 (KT-TRIGGER9) ซึ่งเปิดจำหน่ายเมื่อวันที่ 31 มกราคม -11 กุมภาพันธ์ 2556 มูลค่าโครงการ 3,000 ล้านบาท ขณะนี้มียอดจองล้นเกินมูลค่าโครงการที่กำหนดไว้ บริษัทจึงเปิดจำหน่ายกองทุนเปิดกรุงไทย8%ทริกเกอร์ ฟันด์ 10 (KT-TRIGGER10 ) ต่อทันที เพื่อรองรับความต้องการของลูกค้า ในวันที่ 12-18 กุมภาพันธ์ 2556 มูลค่าโครงการ 3,000 ล้านบาท เงินลงทุนขั้นต่ำ 10,000 บาท
โดยกองทุนมีนโยบายการลงทุนแบบผสม ลงทุนทั้งในตราสารทุน ตราสารหนี้และ/หรือ เงินฝาก ตามที่สำนักงานคณะกรรมการ ก.ล.ต.กำหนด โดยผู้จัดการกองทุนสามารถปรับสัดส่วนการลงทุนได้ตามความเหมาะสมกับสถานะการณ์ในแต่ละช่วงเวลา
ทั้งนี้ กองทุนจะมีอายุโครงการประมาณ 8 เดือน นับแต่วันจดทะเบียนกองทรัพย์สินเป็นกองทุนรวม หรืออายุโครงการอาจต่ำกว่า 8 เดือน เมื่อกองทุนมีมูลค่าหน่วยลงทุนตั้งแต่ 11.1000 บาทขึ้นไป ของมูลค่าที่ตราไว้ที่ 10 บาท เป็นเวลา 3 วันทำการติดต่อกัน บริษัทจัดการจะทำการสับเปลี่ยนหน่วยลงทุนโดยอัตโนมัติทั้งจำนวนของผู้ถือหน่วยลงทุนทุกรายไปยังกองทุนเปิดกรุงไทยสะสมทรัพย์ ภายใน 5 วันทำการนับแต่วันที่เกิดเหตุดังกล่าว ทั้งนี้ มูลค่าหน่วยลงทุนที่คืนให้ผู้ถือหน่วยลงทุนต้องไม่ต่ำกว่าร้อยละ 108 ของมูลค่าที่ตราไว้ที่10 บาท
ส่วนในกรณีครบกำหนดอายุกองทุน บริษัทจัดการจะดำเนินการรับซื้อคืนหน่วยลงทุนโดยอัตโนมัติให้ผู้ถือหน่วยลงทุน โดยจะทำการสับเปลี่ยนหน่วยลงทุนโดยอัตโนมัติทั้งจำนวนของผู้ถือหน่วยลงทุนทุกราย ณ วันสิ้นสุดอายุโครงการ ไปยังกองทุนเปิดผสมที่มีนโยบายการลงทุนเหมือนกับกองทุนเปิดกรุงไทย8%ทริกเกอร์ ฟันด์ 9 และเปิดซื้อ-ขายหน่วยลงทุนทุกวันทำการ
สำหรับผลงานการบริหารกองทุนTriggerของบริษัทที่ผ่านมาประสบความสำเร็จทุกกองทุนสามารถคืนเงืนให้กับผู้ถือหน่วยได้ก่อนครบกำหนดอายุโครงการ โดยล่าสุด Trigger8 ใช้ระยะเวลาในการบริหารกองทุนเพียง2เดือนเท่านั้นสามารถคืนเงินให้กับผู้ถือหน่วยลงทุนได้ตามเป้าหมายที่กำหนดไว้
นายสมชัย กล่าวต่อไปว่า สภาวะการลงทุนในตลาดหลักทรัพย์ที่ค่อนข้างร้อนแรงในปี 2555 ที่ผ่านมาต่อเนื่องมาถึงช่วงต้นปี2556 โดยในปี2555 ดัชนีตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET Index) ให้ผลตอบแทนถึง 35.76% และในเดือนมกราคม 2556 ที่ผ่านมา SET Index ก็ให้ผลตอบแทนสูงถึง 5.91% ซึ่งเป็นไปในทิศทางเดียวกันกับตลาดหุ้นในภูมิภาค
ทั้งนี้ หากจะกล่าวถึงภาวะการลงทุนในช่วงถัดจากนี้ไป แนวโน้มและสภาวะการลงทุนในตลาดหุ้นไทยยังคงมีแนวโน้มที่ค่อนข้างสดใสอยู่มาก แม้ว่าดัชนีจะมีการปรับตัวขึ้นมาในระดับหนึ่งแล้วก็ตาม ซึ่งปัจจัยการลงทุนที่จะช่วยสนับสนุนการลงทุนในตลาดหุ้นให้สามารถปรับตัวขึ้นได้ต่อไปนั้น ได้แก่ สภาพคล่องที่มีอยู่สูงในตลาดการเงิน ผ่านการใช้นโยบายอัตราดอกเบี้ยต่ำและการอัดฉีดสภาพคล่องเข้าสู่ระบบของธนาคารกลางสำคัญๆ ภาวะทางเศรษฐกิจของกลุ่มประเทศพัฒนาแล้วเช่น สหรัฐอเมริกาและจีน ที่น่าจะผ่านพ้นจุดต่ำสุดไปแล้วและเริ่มมีแนวโน้มว่าจะฟื้นตัวได้อย่างต่อเนื่อง หรือแม้กระทั่งสถานการณ์การแก้ไขปัญหาวิกฤตหนี้ยูโรโซน ก็เริ่มมีความชัดเจนและเป็นรูปธรรมมากยิ่งขึ้นกว่าปีก่อนหน้า ซึ่งน่าจะช่วยลดความกังวลของนักลงทุนและสนับสนุนให้เม็ดเงินลงทุนไหลเข้าลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยงมากยิ่งขึ้น นอกจากนี้ ปัจจัยภายในประเทศเองก็มีส่วนสนับสนุนที่สำคัญโดยเฉพาะการเข้าสู่วัฎจักรการลงทุนรอบใหม่ของประเทศทั้งจากภาครัฐและเอกชน โดยเฉพาะการลงทุนตามนโยบายของรัฐบาลผ่านแผนการลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน 2.2 ล้านล้านบาท ซึ่งจะเป็นการลงทุนเพื่อวางรากฐานที่สำคัญในระบบโลจิสติกส์เพื่อเพิ่มขีดความสามารถทางการแข่งขันของประเทศในระยะยาว โครงการบริหารจัดการน้ำ โครงการรถไฟฟ้าสายสีต่างๆ และการเพิ่มขึ้นอย่างมากของการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (FDI) เป็นต้น
ด้วยเหตุปัจจัยสนับสนุนทั้งจากภายนอกและภายในประเทศตามที่กล่าวมาข้างต้น ซึ่งเป็นส่วนสำคัญที่ทำให้การเลือกลงทุนในตลาดหลักทรัพย์ในปีนี้ ยังคงมีความน่าสนใจอยู่มากไม่แพ้ช่วงปี 2555 ที่ผ่านมา บริษัท จึงได้เล็งเห็นโอกาสในการลงทุน อีกทั้งมีความเป็นไปได้สูงที่เป้าหมายดัชนีตลาดหลักทรัพย์จะถูกปรับประมาณการขึ้นต่อไปได้อีก กองทุน Trigger10 จึงนับว่าเป็นกองทุนที่น่าสนใจ และ มีแนวทางการบริหารกองทุนโดยใช้กลยุทธ์ในการคัดสรรหลักทรัพย์ที่มีราคาต่ำกว่ามูลค่าที่แท้จริงตามปัจจัยพื้นฐาน มีศักยภาพในการเติบโตที่มั่นคงและสามารถสร้างอัตราการเติบโตของกำไร ท่ามกลางสภาวะเศรษฐกิจที่มีความผันผวน โดยร่วมมือกับฝ่ายวิจัยของบริษัทอย่างใกล้ชิดเพื่อให้ผลการดำเนินงานของกองทุนถึงเป้าหมายเป็นไปตามที่ได้คาดการณ์ไว้ โดยประมาณการไว้ที่8เดือน8%