fh400 on February 07, 2013, 04:08:41 PM
ฟู้ดสตาร์ทุ่มกว่า 100 ล้าน รีแบรนด์ “ ในรอบ 20 ปี
รีแบรนด์  “ดีโด้”  มั่นใจ!!  แข็งแรงพอพร้อมลุยตลาดอาเซียน
 

       ฟู้ดสตาร์ ก้าวสู่ปีที่ 20 ประกาศ  “เป็นหนึ่งในผู้นำผลิตภัณฑ์น้ำผลไม้ในภูมิภาคอาเซี่ยน”  ตั้งงบประมาณกว่า 100 ล้านบาท ในรอบ 20 ปี ดำเนินกิจกรรมการตลาดและโฆษณาประชาสัมพันธ์  ตั้งเป้าน้ำผลไม้ “ดีโด้” เติบโตกว่า 20% วางแผนลุยตลาดอาเซียนใน พม่า ลาว เวียดนาม และเขมร มั่นใจสำเร็จก่อนปี 2558  พร้อมจัดทำโฆษณาตัวใหม่  เลือก “ไอซ์ ศรัณยู” เป็นพรีเซนเตอร์  ปลื้มภาพลักษณ์สดใส เหมาะกับผลิตภัณฑ์



        นางสาวจันทรา พงศ์ศรี  กรรมการผู้จัดการ  บริษัท ฟู้ดสตาร์ จำกัด ผู้ผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์ภายใต้แบรนด์ “ดีโด้” เปิดเผยว่า   จากจุดเริ่มต้นของธุรกิจ ที่มีแนวคิดอยากให้คนไทยได้ดื่มเครื่องดื่มคุณภาพที่ดีในราคาที่เหมาะสม โดยเริ่มจากการผลิตและจำหน่ายน้ำผลไม้เป็นสินค้ากลุ่มแรก  ตามมาด้วย กลุ่มหวานเย็น (ice lolly) และ เยลลี่ ตามลำดับ เมื่อสินค้าออกสู่ตลาดได้ไม่นานผู้บริโภคก็ยอมรับใน รสชาติที่โดนใจ คุณภาพที่มั่นใจ พร้อมราคาที่เหมาะสมกับทุกเพศทุกวัย ทำให้บริษัทประสบความสำเร็จ ตลอดมา
           ในโอกาสครบรอบ 20 ปี ในปี 2556 นี้ บริษัทมีแผนที่จะดำเนินกิจกรรมการตลาด โดยทุ่มงบประมาณ เกือบ 100 ล้านบาท ในการโฆษณาประชาสัมพันธ์  การออกบูธ การจัดโรดโชว์ทั่วประเทศ และการสร้างการรับรู้ผ่านทุกช่องทางไปยังกลุ่มเป้าหมาย  พร้อมกันนี้ยังได้จัดทำภาพยนตร์โฆษณาชุดใหม่ชื่อ “สิ่งดีๆไม่เคยเปลี่ยน”  เป็นการเปิดตัวพรีเซ็นเตอร์คนใหม่  ที่มีบุคคลิกสดใส ร่าเริง สะท้อนถึงภาพลักษณ์ของแบรนด์ดีโด้ ได้เป็นอย่างดี ซึ่งได้เลือก      “ไอซ์ ศรัณยู”  ผู้ได้รับฉายาว่าเป็น “Prince of Smile”  ที่ไม่ใช่เฉพาะแต่ในประเทศไทยเท่านั้น แต่ยังเป็นที่ยอมรับ ในระดับเอเซียอีกด้วย 

เรื่องราวในภาพยนตร์โฆษณานี้สื่อถึงการผลิตสินค้าคุณภาพที่ทำด้วยใจ โดยครอบครัวคุณไอซ์ นำน้ำผลไม้ตราดีโด้ ใส่บาตรถวายพระอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะผ่านมาแล้วกี่ปี   พร้อมกับสื่อให้เห็นถึง คุณไอซ์ นำความสดชื่น ของผลิตภัณฑ์ ดีโด้ จากฟู้ดสตาร์ไปสู่กลุ่มลูกค้าทุกเพศ ทุกวัย แล้วปิดท้ายด้วย ฟู้ดสตาร์ 20 ปี ตั้งมั่นที่จะผลิตสินค้าดี ๆ ตลอดไป

ในส่วนของการลงทุน  ที่ผ่านมาฟู้ดสตาร์มีการลงทุนในแต่ละปีประมาณ 50 ล้านบาท โดยในปี 2556 นี้ ถือว่าเพิ่มการลงทุนมากกว่าที่ผ่านมาเป็นเท่าตัว เพื่อเป็นการเตรียมการรองรับการเติบโตในตลาดอาเซียน โดยได้ทุ่มงบลงทุนเฉพาะในปีนี้ไปกว่า 100 ล้านบาท โดยส่วนของอาคารสถานที่และเครื่องมือใช้งบประมาณกว่า 50 ล้านบาท ถือเป็นการรีแบรนด์ตัวสินค้าใหม่อย่างชัดเจน  ทั้งการพัฒนาผลิตภัณฑ์ การก่อสร้างอาคารศูนย์วิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์แห่งใหม่  โดยเชื่อว่าศูนย์วิจัยนี้จะช่วยยกระดับศักยภาพและขีดความสามารถของบริษัทฯ ให้มีความเป็นสากล มากยิ่งขึ้น  ซึ่งโรงงานแห่งใหม่ที่จะสร้างในบริเวณพื้นที่เดิมของโรงงานจะมีเนื้อที่ประมาณ 140 ไร่  มีกำลังการผลิตที่เพิ่มขึ้นถึง 50% จากเดิมที่ผลิตได้ประมาณ 5 แสนหีบ ต่อเดือน จะเพิ่มเป็น 7.5 แสนหีบ ต่อเดือน และยอดขายน่าจะเพิ่มขึ้นจาก 10% เป็น 15%
   “ปัจจุบันยอดรวมของตลาดน้ำผลไม้อยู่ที่ 4,000 กว่าล้านบาท โดยจากการทำผลรีเสิร์ท ดีโด้มีมาร์เก็ตแชร์อยู่ที่ 37- 40 %  ซึ่งถือว่าแข็งแรงมากในตลาดน้ำผลไม้  โดยในปี 2555  มียอดขายประมาณ 2,000 ล้านบาท ทั้งในและต่างประเทศ โดยมีสัดส่วนในประเทศอยู่ที่ 85% และต่างประเทศ 15%”        นางสาวจันทรา กล่าว
และกล่าวต่ออีกว่า สำหรับทิศทางของตลาดน้ำส้มดีโด้ในภูมิภาคอาเซียน ดีโด้มีวางจำหน่ายแล้วอยู่ในหลายประเทศโดยเฉพาะในกลุ่มภูมิภาคอาเซี่ยน  ปัจจุบันก็อยู่ในช่วงที่กำลังเลือก ที่ตั้งสำหรับศูนย์กระจายสินค้าไปประเทศต่างๆ ในแถบอาซียน  โดยแต่ละที่น่าจะใช้งบประมาณไม่ต่ำกว่า 100 ล้านบาท
         ในปี 2556 บริษัทฯ ได้ตั้งเป้าหมายการเติบโตไว้กว่า 20% จากปีที่ผ่านมา พร้อมทั้งบริษัทจะมีการออกสินค้าใหม่ ในรูปแบบต่างๆเพื่อตอบสนองความต้องการ และไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภคให้ครอบคลุมทุกกลุ่มเป้าหมายมากยิ่งขึ้น เช่น กลุ่มน้ำผลไม้ชนิดผง และ กลุ่มน้ำผลไม้เข้มข้น ซึ่งเราคาดว่ายอดขายสินค้าใหม่ของบริษัทจะทำให้บริษัท เติบโตขึ้นประมาณ 10%