นู สกิน ประเทศไทย เปิดตัวภาพยนตร์โฆษณา “นู สกิน เดอะ รียูเนี่ยน” ย้ำแนวรบสู่แบรนด์ผู้นำต้านชราในไทย ตั้งเป้าโต 20%
บริษัท นู สกิน เอ็นเตอร์ไพร์ส (ประเทศไทย) จำกัด สร้างปรากฏการณ์ใหม่ เปิดตัวภาพยนตร์โฆษณาครั้งแรกในประเทศไทย ภายใต้คอนเซ็ปต์ “เดอะ รียูเนี่ยน” ร่อนกลยุทธ์การตลาดแบบ 360 องศา หวังเข้าถึงผู้บริโภคกลุ่มเป้าหมาย กระตุ้นกำลังซื้อผู้บริโภคและสร้างการรับรู้ในแบรนด์ผู้นำต้านชราเพิ่มขึ้น 50% ภายใน 3 เดือน นอกจากนี้ บริษัทฯ เตรียมส่งผลิตภัณฑ์ใหม่ในตระกูลเอจล็อคออกมากระตุ้นตลาดแอนไทเอจจิ้ง พร้อมตั้งเป้ายอดขายปี 2556 เติบโต 20%
นางภคพรรณ ลีวุฒินันท์ ประธานกรรมการบริหาร นู สกิน เอ็นเตอร์ไพร์ส ประเทศไทย และเวียดนาม กล่าวว่า การเปิดตัวภาพยนตร์โฆษณาชุด “นู สกิน เดอะ รียูเนี่ยน” นับเป็นปรากฎการณ์ครั้งสำคัญของ นู สกิน ประเทศไทย ที่ได้นำกลยุทธ์การเข้าถึงผู้บริโภคโดยดึงจุดแข็งของความเป็นผู้นำด้าน ผลิตภัณฑ์ต่อต้านความเสื่อมชรามาใช้ในการสื่อสารไปยังผู้บริโภค ผ่านภาพยนตร์โฆษณาแบบเต็มรูปแบบ ครั้งแรก โดยมอบหมายให้ บริษัท ทีบี ดับบลิว เอ (ประเทศไทย) จำกัด วางกลยุทธ์โฆษณาและผลิตภาพยนตร์โฆษณาชุด “นู สกิน เดอะ รียูเนี่ยน” เพื่อตอบโจทย์การตลาดและตอกย้ำภาพลักษณ์ของบริษัทฯ ซึ่งภาพยนตร์โฆษณาดังกล่าวจะมุ่งเน้นการสร้างแบรนด์ นู สกิน ให้เป็นที่รู้จักโดยสะท้อนผ่านจุดขายเรื่องผลลัพท์แห่งวิทยาการของการล็อค อายุผิวให้คงความอ่อนเยาว์ไร้ริ้วรอยและมีสุขภาพผิวดี ซึ่งสอดรับกับนวัตกรรมของผลิตภัณฑ์ในกลุ่มเอจล็อคที่ยังคงเป็นปัจจัยในการ สร้างความสำเร็จและส่งเสริมยอดขาย บริษัทฯ คาดการณ์ว่าหลังจากภาพยนตร์โฆษณาชุดนี้ออกอากาศจะได้รับการตอบรับเป็นอย่าง ดีจากผู้บริโภคกลุ่มเป้าหมายที่มีกำลังซื้อและชื่นชอบในตัวผลิตภัณฑ์ และสามารถทำให้ผู้บริโภคเกิดการรับรู้ในแบรนด์ นู สกิน เพิ่มขึ้นถึง 50% ภายในเวลา 3 เดือน
“แนวคิดของภาพยนตร์โฆษณาชุด “นู สกิน เดอะ รียูเนี่ยน” ต้องการเน้นให้แบรนด์และชื่อสินค้าเป็นที่จดจำของผู้บริโภคกลุ่มเป้าหมาย และเพื่อเป็นการตอกย้ำภาพลักษณ์ของบริษัทฯ ซึ่งจะเน้นกิจกรรมส่งเสริมการตลาดแบบ 360 องศา โดยแบ่งเป็นกลยุทธ์การตลาดแบบ Below the line ผ่านกิจกรรมโรดโชว์ อีเว้นท์ การจัดประชุมสัมมนา และโปรแกรมโบนัสท่องเที่ยว และ Above-the-line จะเน้นการใช้สื่อ (Mass Media) ที่หลากหลายขึ้น โดยจะใช้ภาพยนตร์โฆษณาชุด “นู สกิน เดอะ รียูเนี่ยน” สื่อสารผ่านช่องทางต่างๆ อาทิ สื่อโทรทัศน์ สิ่งพิมพ์และบิลบอร์ด เพื่อเป็นการแนะนำแบรนด์ นู สกิน ให้เป็นที่รู้จักในวงกว้างและเข้าถึงผู้บริโภคกลุ่มเป้าหมายครอบคลุมทุกรูป แบบมากขึ้น
สำหรับผลประกอบการปีที่ผ่านมาถือเป็นปีที่ นู สกิน ประเทศไทย ประสบความสำเร็จด้วยยอดขายที่เติบโตอย่างต่อเนื่องเพิ่มขึ้นถึง 16 % หรือประมาณ 2,400 ล้านบาท มีสัดส่วนการเติบโตของผู้แทนจำหน่ายเพิ่มขึ้น 20% จำแนกเป็นสมาชิกทำเนียบ 10 ล้านเหรียญสหรัฐ 1 บัญชีรายชื่อ สมาชิกทำเนียบ 5 ล้านเหรียญสหรัฐ 2 บัญชีรายชื่อ สมาชิกทำเนียบ 100 ล้านบาท 1 บัญชีรายชื่อ สมาชิกทำเนียบ 1 ล้านเหรียญสหรัฐ 14 บัญชีรายชื่อ และสมาชิกทำเนียบ 1 ล้านบาท จำนวน 503 บัญชีรายชื่อ” นางภคพรรณ กล่าว
นาง ภคพรรณ กล่าวเสริมว่า กลยุทธ์สู่ความสำเร็จของ นู สกิน ประเทศไทยปี 2556 บริษัทฯ มีการวางแผนและแบ่งกลยุทธ์ออกเป็นด้านต่างๆ เพื่อให้เป็นไปในทิศทางเดียวกับนโยบายและแผนการดำเนินธุรกิจขององค์กร พร้อมเตรียมปรับกลยุทธ์เพิ่มช่องทางการสื่อสารให้ครอบคลุมเพื่อให้สอดรับกับ ภาพยนตร์โฆษณาและกิจกรรมส่งเสริมการตลาดที่เข้มข้นกว่าปีที่ผ่านมา รวมถึงใช้กลยุทธ์ในการกระตุ้นยอดสมาชิกใหม่โดยเน้นการสร้างโอกาศทางธุรกิจ (Business Opportunity) เพื่อขยายฐานของผู้บริโภคกลุ่มคนรุ่นใหม่และเพิ่มจำนวนผู้ทำธุรกิจให้มาก ขึ้น ทั้งนี้เพื่อรองรับการขยายตลาดสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (AEC) อย่างเต็มรูปแบบ โดยยังคงจุดยืนที่มุ่งเน้นการชูนวัตกรรมแห่งการชะลอวัยผ่านผลิตภัณฑ์ระดับ คุณภาพภายใต้เทคโนโลยีเอจล็อคเพื่อย้ำภาพผู้นำด้านผลิตภัณฑ์การต่อต้านความ ชรา ซึ่งในปีนี้ บริษัทฯ มีแผนเปิดตัว 2 ผลิตภัณฑ์ใหม่ ได้แก่ เอจล็อค อาร์สแควร์ (ageLOC R2) และ เอจล็อค ทรูเฟซ เอสเซ็นซ์อัลตร้า (ageLOC TRU FACE ESSENCE ULTRA) เพื่อชิงผู้นำตลาดแอนไทเอจจิ้ง พร้อมทำการตลาดแนวรุกเพิ่มช่องทางการสื่อสาร Mass Communication ภายใต้แนวคิด Live Young, Feel Young เพื่อเข้าถึงกลุ่มผู้บริโภคทั่วไป
“เป้า หมายความสำเร็จ นู สกิน ประเทศไทยปีนี้ บริษัทฯ ตั้งเป้ายอดขายเติบโตเพิ่มขึ้น 20% และมีทิศทางการดำเนินธุรกิจที่ชัดเจนมากขึ้น ยืนยันได้จากตลอด 8 ปีที่ผ่านมามีตัวเลขการเติบโตที่สูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งแสดงถึงความท้าทายอีกขั้นที่จะทำให้ นู สกิน ก้าวสู่ความสำเร็จพิชิตยอดขายที่ 5,000 ล้านบาท ในอีก 3 ปีข้างหน้าตามที่ได้เคยประกาศไว้ โดยอาศัยปัจจัยหลักมาจากความเชื่อมั่นในผลิตภัณฑ์ที่มีความโดดเด่นและแตก ต่างกับคู่แข่ง จำนวนผู้ทำธุรกิจที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น ตลอดจนทิศทางการขยายฐานผู้บริโภคทั้งในกรุงเทพมหานครและต่างจังหวัดทั่ว ภูมิภาคที่มีอัตราการเติบโตเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ซึ่งนอกเหนือจากการเดินหน้าในด้านธุรกิจแล้ว บริษัทฯ ไม่ลืมที่จะให้ความสำคัญกับการตอบแทนสังคมตามปณิธานที่มุ่งมั่นมาตลอด 15 ปี ในการให้ความช่วยเหลือองค์กรและหน่วยงานต่างๆ รวมถึงให้ความช่วยเหลือการสนับสนุนการผ่าตัดหัวใจเด็ก โรงพยาบาลราชวิถีมาอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดปีที่ผ่านมา สามารถช่วยเหลือผู้ป่วยเด็กโรคหัวใจไปแล้วจำนวนกว่า 5,000 ราย ทั้งนี้ บริษัทฯ เชื่อมั่นว่าปัจจัยบวกต่างๆนี้จะส่งเสริมให้ นู สกิน เดินหน้าไปสู่เป้าหมายที่ตั้งใจไว้แน่นอน” นางภคพรรณ กล่าวสรุป