happy on March 03, 2013, 03:31:51 PM

OLYMPUS HAS FALLEN

จัดจำหน่ายโดย                  เอ็ม พิคเจอร์ส

ชื่อภาษาไทย      ผ่าวิกฤติวินาศกรรมทำเนียบขาว              
   
ภาพยนตร์แนว      แอ็คชั่น-ทริลเลอร์

จากประเทศ      สหรัฐอเมริกา

กำหนดฉาย      21 มีนาคม 56

ณ โรงภาพยนตร์      ทุกโรงภาพยนตร์
 
ผู้กำกับ           Antoine Fuqua    (อังตวน  ฟูกัว)

อำนวยการสร้าง      Gerard Butler   (เจอราร์ด บัตเลอร์)
         
นักแสดง   
      
Gerard Butler (เจอราร์ด บัตเลอร์) รับบท Mike Banning (ไมค์ แบนนิ่ง)
จากภาพยนตร์เรื่อง 300 , The Ugly Truth , P.S. I Love You , The Phantom of the Opera

Morgan Freeman (มอร์แกน ฟรีแมน) รับบท Speaker Trumbull
จากภาพยนตร์เรื่องThe Dark Knight Rises , Million Dollar Baby , Bruce Almighty

Dylan McDermott (ไดแลน แมคเดอร์มอตต์)       
จากภาพยนตร์เรื่อง The Perks of Being a Wallflower , In the Line of Fire , The Campaign
         
Ashley Judd (แอชลี่ย์ จั๊ดด์)  
จากภาพยนตร์เรื่อง Tooth Fairy ,  Someone Like You..., High Crimes , Double Jeopardy

Radha Mitchell (ราดาห์ มิทเชลล์)
จากภาพยนตร์เรื่อง Silent Hill: Revelation 3D , Finding Neverland, Man on Fire









เรื่องย่อ

               กลุ่มหัวรุนแรงที่ผ่านการฝึกฝนมาอย่างดีและอาวุธครบมือกลุ่มเล็กๆ ได้ทำการอุกอาจเข้ายึดทำเนียบขาวกลางวันแสกๆ พวกเขาแทรกซึมเข้าไปในทำเนียบและจับตัวประธานาธิบดีเบนจามิน แอชเชอร์ (แอรอน เอ็คฮาร์ท) และเจ้าหน้าที่ของเขาเป็นตัวประกันภายในหลุมหลบภัยใต้ดินของประธานาธิบดี ที่มีการคุ้มกันอย่างแน่นหนา ขณะที่มีการต่อสู้กันอย่างดุเดือดที่ลานสนามหญ้าหน้าทำเนียบขาว ไมค์ แบนนิ่ง (เจอราร์ด บัตเลอร์) อดีตเจ้าหน้าที่หน่วยรักษาความปลอดภัย ก็กระโจนเข้าร่วมวงด้วย ก่อนที่เขาจะพบว่าเขาเป็นสมาชิกหน่วยรักษาความปลอดภัยประธานาธิบดีคนสุดท้ายที่ยังมีชีวิตอยู่ในอาคารที่ถูกยึดหลังนี้

               แบนนิ่งใช้การฝึกฝนอย่างหนักและความรู้อย่างละเอียดเกี่ยวกับที่พำนักของประธานาธิบดีในการเป็นหูเป็นตาให้กับอัลลัน ทรัมบุล (มอร์แกน ฟรีแมน) ผู้รักษาการแทนประธานาธิบดีและที่ปรึกษาของเขา เมื่อผู้บุกรุกเริ่มสังหารตัวประกันและขู่ที่จะฆ่าตัวประกันเพิ่มเติมหากไม่มีการทำตามข้อเรียกร้องที่สุดโต่งของพวกเขา แบนนิ่งก็พยายามอย่างสุดความสามารถที่จะหาตัวลูกชายของประธานาธิบดีที่ซ่อนตัวอยู่ที่ไหนซักแห่งในอาคารแห่งนี้และช่วยชีวิตประธานาธิบดีเอาไว้ให้ได้ก่อนที่ผู้ก่อการร้ายจะใช้แผนการขั้นสุดท้ายที่น่าสะพรึงกลัวของพวกเขา เมื่อจำนวนศพมากขึ้นและเวลาเหลือน้อยลงเรื่อยๆ สิ่งที่ปรากฏชัดคือแบนนิงเป็นความหวังเพียงหนึ่งเดียวที่จะทำให้อเมริการอดพ้นจากหายนะได้



« Last Edit: March 12, 2013, 03:51:15 PM by happy »

happy on March 12, 2013, 03:45:37 PM



เกี่ยวกับงานสร้าง

               Olympus Has Fallen การผจญภัยสุดท้าทายที่นำเสนอเรื่องของเจ้าหน้าที่สายลับตกอับ สายลับที่แฝงกายอยู่นานหลายทศวรรษ อดีตเจ้าหน้าที่รัฐบาลผู้ทรยศและกลุ่มนักรบกองโจรผู้มีศรัทธาแรงกล้า ได้สร้างความประหลาดใจให้กับผู้กำกับอังตวน ฟูกัวตั้งแต่ครั้งแรกที่อ่านและมันก็ทำให้เขาเชื่ออย่างรวดเร็วว่าเขาได้พบเรื่องราวต่อไปที่เขาต้องการจะถ่ายทอดแล้ว
            “ในตอนที่ผู้ควบคุมงานสร้างอาวี เลิร์นเนอร์ส่งบทเรื่องนี้ให้ผม ผมก็รู้ทันทีว่ามันเป็นเรื่องราวที่มีศักยภาพไร้ที่สิ้นสุด” ฟูกัว ผู้กำกับผู้โด่งดังจากภาพยนตร์เรื่อง Training Day ที่ทำให้เดนเซล วอชิงตันได้รับรางวัลออสการ์สาขานักแสดงนำชายยอดเยี่ยมกล่าว “ชื่อเรื่องทำให้ผมนึกถึงจักรวรรดิโรมันและเรื่องเทพปกรณัมครับ ภูเขาโอลิมปัสเป็นที่พำนักของเทพกรีกและโรมัน มันเป็นสัญลักษณ์ของพลังไร้ขีดจำกัด ในหนังของเรา ทำเนียบขาวพังครืนลงมาอย่างไม่น่าเชื่อ มันโดนใจผมมาก โรม จักรวรรดิที่ยิ่งใหญ่ กลายเป็นอเมริกา และอนุสรณ์สถานที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของมันก็ถล่มลงมาครับ”
            แล้วฟูกัวรู้ว่าเจอราร์ด บัตเลอร์ได้เซ็นสัญญาที่จะนำแสดงและอำนวยการสร้างภาพยนตร์เรื่องนี้ และเขาก็กระโจนเข้าใส่โอกาสที่จะได้ร่วมงานกับนักแสดงผู้นี้ ที่เขารอคอยจะได้ร่วมงานด้วยมาหลายปีแล้ว
            ในฐานะผู้อำนวยการสร้าง บัตเลอร์กระตือรือร้นที่จะได้เห็นฟูกัวมาทำงานโปรเจ็กต์นี้ “ตอนที่เราได้บทเรื่องนี้ ผมก็นึกถึงอังตวนทันที ในบรรดาผู้กำกับเก่งๆ ที่ยังทำงานอยู่ในปัจจุบันนี้ ผมคิดว่าเขาเป็นคนที่จะสามารถถ่ายทอดมันออกมาได้ดีที่สุด ผมชอบหนังของเขาตั้งแต่ Training Day ซึ่งผมคิดว่าเป็นหนึ่งในหนังที่ดีที่สุดที่เคยมีการสร้างขึ้นมา มาจนถึง Tears of the Sun และ Brooklyn’s Finest เขาสร้างแอ็คชั่นดิบเถื่อนและความสมจริงในแบบที่ไม่มีใครทำได้ครับ”
            เจ้าหน้าที่หน่วยรักษาความปลอดภัยประธานาธิบดีไมค์ แบนนิ่ง ตัวละครของบัตเลอร์ กลายเป็นคนสุดท้ายที่ยังหลงเหลืออยู่หลังจากที่กลุ่มคอมมานโดชาวเกาหลีเหนือได้เข้าบุกยึดทำเนียบขาว เมื่อติดอยู่ด้านในอาคารที่พังถล่มลงมาโดยปราศจากกองหนุน   แบนนิ่งก็ท้าทายเหล่าผู้ก่อการร้ายในแบบการเล่นแมวจับหนูที่มีเดิมพันสูงลิบลิ่ว บัตเลอร์กล่าวว่า
            “ตอนที่ผมโตขึ้น ผู้ร้ายจะเป็นพวกรัสเซียตลอด แต่สำหรับเรื่องราวร่วมสมัย การเคลื่อนไหวของเกาหลีทั้งน่ากลัวและเป็นภัยคุกคาม หลังจากสิ่งที่เกิดขึ้นที่สถานทูตอเมริกันในลิเบีย เราก็ได้เห็นว่าจริงๆ แล้วตอนนี้เราเปราะบางแค่ไหน  ไอเดียของการที่พวกเกาหลีเหนือบุกเข้าไปในทำเนียบขาวเป็นอะไรที่น่าสนใจครับ”
ฟูกัวชื่นชอบโครงเรื่องที่ท้าทายของบท “ทำเนียบขาวถูกจู่โจม ประธานาธิบดีถูกจับเป็นตัวประกัน คำถามเดียวของผมก็คือ มันจะเกิดขึ้นได้อย่างไร”
            เขาได้ทำการค้นคว้าเกี่ยวกับฉากหลักในบทและตกใจที่ได้รู้ว่ามันเป็นไปได้จริงๆ ที่ทหารอาวุธครบมือที่ผ่านการฝึกฝนมาอย่างดีกลุ่มเล็กๆ จะสร้างความแปลกใจและความเสียหายรุนแรงให้กับทำเนียบขาวในระยะเวลาสั้นๆ เมื่อเชื่อว่าเขามีเรื่องราวที่ทั้งน่าติดตามและเป็นไปได้แล้ว ผู้กำกับก็เริ่มต้นทำการค้นคว้าเจาะลึกเรื่องของทำเนียบขาวและหน่วยรักษาความปลอดภัยประธานาธิบดีเพื่อให้แน่ใจว่าเรื่องราวนี้จะน่าเชื่อจริงๆ
            “มันเป็นเรื่องราวใหญ่โต เราก็เลยต้องปูพื้นให้มันอย่างแข็งแรงครับ ไม่อย่างนั้น มันก็จะเป็นเรื่องเพ้อฝันเปล่าๆ เรารู้ว่าถ้าเราทำออกมาอย่างเหมาะสมล่ะก็มันจะทำให้ผู้ชมอึ้งและพวกเขาก็จะร่วมผจญภัยไปกับตัวละครต่างๆด้วย ซึ่งทุกช่วงเวลาจะต้องสมจริงและเกิดขึ้นอย่างสมเหตุสมผลครับ”
            ฟูกัวนั่งคุยกับทีมที่ปรึกษา ที่รวมถึงอดีตสายลับ เอฟบีไอ ซีไอเอ และเจ้าหน้าที่ผู้บังคับใช้กฎหมายอื่นๆ “เราได้พบโจ แบนน่อน ที่เป็นสายลับ แล้วก็ริคกี้ ไบรแอนท์ โจนส์และดาริล คอนเนอร์ตัน ที่เคยใช้เวลาในทำเนียบขาวมาก่อน เพื่อพิจารณาว่าส่วนไหนของบทที่จะใช้ได้ และส่วนไหนที่จะต้องมีการปรับให้แน่นหนาขึ้นอีก”
            โจนส์ ผู้มีความรอบรู้ในเรื่องเทคนิคการต่อต้านผู้ก่อการร้าย รับประกันกับฟูกัวว่าการโจมตีที่พำนักของประธานาธิบดีโดยตรงนั้นอาจจะไม่ใช่เรื่องของคำว่า ถ้า แต่เป็นเรื่องที่ว่า เมื่อไหร่จะมีคนพยายามทำการเช่นนั้น
            “และถ้าทำเนียบขาวถูกยึดครอง คนข้างในที่รู้เรื่องอาคารหลังนี้อย่างดีก็จะต้องเป็นผู้กำจัดภัยคุกคามนั้น คนอย่างไมค์ แบนนิ่งจะสามารถแทรกซึมเข้าไปเพื่อยึดทำเนียบขาวกลับคืนมาได้ ถ้าเขาสามารถหาวิธีสื่อสารกับโลกภายนอกได้ด้วย เขาก็จะสามารถมีส่วนช่วยในเรื่องการตอบสนองของรัฐบาล ทุกอย่างดูน่าเชื่อมากๆ สำหรับผมครับ”
            ที่ปรึกษาของเขาทำให้ฟูกัวได้รู้ว่ากองทหารฉุกเฉินต้องใช้เวลาอย่างน้อย 15 นาทีกว่าจะไปถึงทำเนียบขาว เพื่อสนับสนุนบรรดาเจ้าหน้าที่ที่อยู่ในสถานที่นั้นอยู่แล้ว ซึ่งทำให้การบุกยึดทำเนียบขาวเป็นสิ่งที่เป็นไปได้มากยิ่งขึ้นไปอีก
            ฟูกัวกล่าวว่า... “ลักษณะการวางผังของวอชิงตัน, ดี.ซี. ทำให้ไม่มีถนนที่ไปถึงทำเนียบขาวโดยตรงครับ มันจะต้องใช้เวลาซักพักสำหรับกองกำลังไหนก็ตามที่จะมาถึงโดยภาคพื้นดิน ถ้าเป็นทางอากาศ ก็คงใช้เวลาน้อยกว่านั้นเยอะ แต่แผนการที่วางแผนมาอย่างดีก็คงจะก่อให้เกิดความวุ่นวายอยู่ดีนั่นแหละครับ ถึงแม้พวกเขาจะมีการรักษาความปลอดภัยอย่างเข้มงวด คอนเซ็ปต์ที่คนสามารถก่อให้เกิดความเสียหายรุนแรงให้กับมันได้ก็เป็นจริงได้ คุณเดินไปตรงรั้วพร้อมด้วยเป้แบ็คแพ็ค  พวกเขาจะรู้ได้ยังไงล่ะครับว่าอะไรอยู่ในนั้น ถ้าคุณสามารถเข้ามาในน่านฟ้าของเราได้ และคุณเต็มใจที่จะสละชีวิต คุณจะทำอันตรายอะไรเป็นอันดับแรกล่ะครับ”
            บัตเลอร์กล่าวเสริมว่า... “ด้วยช่องว่างเวลา 15 นาทีเป็นจุดเริ่มต้น ที่ปรึกษาก็ช่วยกันวางแผนการโจมตีหลอกๆ จนถึงจำนวนที่น้อยที่สุดของกลุ่มผู้ร้ายที่จำเป็นต่อการยึดครองทำเนียบขาว รวมถึงพิจารณาว่าอาวุธแบบไหนที่น่าจะมีประสิทธิภาพสูงสุดด้วย เราพิจารณาไปถึงรายละเอียดที่เล็กน้อยที่สุดครับ ไม่มีอะไรเกิดจากการคิดฝัน ทุกอย่างเป็นเรื่องของความยอดเยี่ยมของแผนการนี้ มากกว่าจะเป็นแค่ระดับของแอ็คชันน่ะ จำได้มั้ยครับ 9/11 เป็นเรื่องของใครบางคนที่เอาคัตเตอร์ขึ้นเครื่องบินเท่านั้นเอง นั่นคือสิ่งที่ทำให้ผมสะดุดกับเรื่องนี้ ว่ามันเกี่ยวข้องและกระตุ้นเร้าอารมณ์แค่ไหน”
            ทีมงานได้ใช้ตุ๊กตุ่นทหารในการวางแผนอย่างละเอียดลออ คอนเซ็ปต์การโจมตีของฟูกัวคือการที่คอมมานโดชาวเกาหลีเหนือจะใช้อาวุธของอเมริกากับอเมริกาเอง คอนเซ็ปต์ของการที่ศัตรูทำลายสัญลักษณ์สูงสุดของอเมริกาด้วยอาวุธของเราเองเป็นเรื่องน่าตื่นตะลึงครับ เราพิจารณาว่าอะไรจะเกิดขึ้นถ้าผู้ก่อการร้ายได้ครอบครองอาวุธบางอย่าง ถ้าพวกเขาสร้างเหตุเบี่ยงเบนความสนใจ ถ้าพวกเขามีคนอยู่ข้างใน เกาหลีเหนือได้ใช้เครื่องมือของเรา ปืนของเราและอุปกรณ์ทั้งหมดของเราในการทำลายล้าง ส่วนเราก็ใช้ของธรรมดาๆ อย่างรถบรรทุกขยะ และอาวุธที่ซับซ้อน ทุกอย่างที่เรามองไม่เห็นค่าอาจถูกผู้ก่อการร้ายใช้ประโยชน์ไม่ทางใดก็ทางหนึ่งครับ”
            โจนส์กล่าว…“เราคิดว่ารถบรรทุกขยะน่าจะหาได้ง่าย และน่าจะเป็นบังเกอร์ที่ค่อนข้างแน่นหนา เราก็เลยเริ่มต้นจากตรงนั้นครับ” “เราวางเรื่องเอาไว้วันที่ 5 กรกฎาคม ดังนั้น รถบรรทุกก็เลยดูเหมือนว่ากำลังเก็บกวาดขยะหลังวันเฉลิมฉลอง อังตวนนำไอเดียนั้นมาเสริมแต่งในแบบของเขาเองครับ”
            ฟูกัวอธิบายเสริมว่า... “แม้กระทั่งอิสรภาพขั้นพื้นฐานที่สุดของอเมริกายังถูกพวกคอมมานโดใช้ประโยชน์เพื่อเข้าถึงเป้าหมาย พวกเขาบางคนปลอมตัวเป็นนักท่องเที่ยว และเดินทางไปไหนมาได้โดยอิสระ ไอเดียที่ว่าคนใช้อิสรภาพของเราเป็นอาวุธนี่เป็นเรื่องจริงนะครับ มีคนทิ้งแบ็คแพ็คที่เต็มไปด้วยระเบิดไว้ที่ไทม์สแควร์ แต่ความเสียหายไม่เกิดขึ้นเพราะมีคนขายของแผงลอยบังเอิญไปเจอมันเข้า อะไรทำให้เราเชื่อว่าเรื่องแบบนี้จะไม่เกิดขึ้นที่ทำเนียบขาวล่ะครับ ผู้ก่อการร้ายที่เต็มใจจะสละชีพเพื่ออะไรบางอย่างอาจก่อให้เกิดความเสียหายรุนแรงก่อนที่พวกเขาจะถูกจับตัวได้น่ะครับ”
            ฉากการจู่โจมเกิดขึ้นแบบเรียลไทม์ โดยที่ผู้ก่อการร้ายเข้ายึดทำเนียบขาวได้ภายในระยะเวลาเพียงแค่ 13 นาทีเท่านั้น  มันโหดมากเพราะมันมีพื้นฐานอยู่บนความเป็นจริงครับ เราได้ค้นคว้าอย่างหนักเพื่อทำให้มันสมจริง เราคุยกันว่าอาวุธแบบไหนจะมีประสิทธิภาพที่สุดและตัดสินใจใช้ปืน 50 คาลิเบอร์กระบอกใหญ่พวกนั้น เครื่องบิน Lockheed C-130 Hercules ที่ผู้ก่อการร้ายใช้ก็เป็นอุปกรณ์ที่ร้ายกาจทีเดียว คุณสามารถเห็นได้ว่าสิ่งต่างๆ เหล่านี้ทำอะไรได้บ้างทาง YouTube มันพ่นไฟได้ด้วยครับ ถ้าคุณบินอยู่ และถ้าคุณเตรียมใจจะตายอยู่แล้ว ตอนที่เครื่องบินเจ็ทยิงคุณร่วง คุณก็สามารถสร้างความเสียหายได้มหาศาลครับ”
            “เราคุยกับมือเขียนบททีละฉากๆพวกเขาสร้างภาพที่ละเอียดลออของสิ่งที่จะเกิดขึ้นในอาคารหลังนั้นอยู่แล้ว และเราก็ได้ขยายมันออกไปตรงลานสนามด้านหน้าและถนนด้านหน้า ซึ่งในแง่ของการยึดทำเนียบขาวแล้ว ไม่มีฉากไหนในเรื่องที่ไม่สามารถเกิดขึ้นได้จริงๆ ครับ”
            โจนส์กล่าวว่าการได้เห็นทั้งหมดนี้ปรากฏขึ้นบนหน้าจอเป็นอะไรที่น่าขนลุก “การเห็นผู้ก่อการร้ายเดินเข้าไปในทำเนียบขาวทำให้ผมขนลุกครับ ฉากนี้สมจริงอย่างน่าทึ่ง และมันก็เป็นอะไรที่เซอร์เรียลและสั่นคลอนประสาทที่ได้เห็น มันทำให้ผมอึ้งไปเลย นั่นเป็นสถานที่ที่ปลอดภัยที่สุด ที่มีนักรบที่ผ่านการฝึกฝนอย่างดีที่สุดในโลก อย่างหน่วยรักษาความปลอดภัยประธานาธิบดี เป็นผู้คุ้มครองมัน การได้เห็นมันพังครืนลงมาในการต่อสู้เป็นประสบการณ์ที่น่าทึ่งครับ เมื่อกองกำลังเล็กๆ นี้เข้าถึงเป้าหมายแล้ว พวกเขาก็เคลื่อนที่ไปยังศูนย์ปฏิบัติการณ์ฉุกเฉินประธานาธิบดี (หรือพีอีโอซี) บังเกอร์ใต้ทำเนียบขาว ที่เป็นที่ลี้ภัยของประธานาธิบดียามฉุกเฉิน และฟูกัวก็ทำการบ้านอย่างขะมักเขม้นเช่นเคย
            นี่เป็นที่ที่ดิค เชนีย์และเจ้าหน้าที่ระดับสูงคนอื่นๆ ถูกพาตัวไประหว่างเหตุ 9/11 ครับ” เขาอธิบาย “เราทำอย่างดีที่สุดเพื่อให้ได้รายละเอียดที่ถูกต้อง ซึ่งรวมถึงทำให้แน่ใจด้วยว่าประตูจะเป็นสีแดง เหมือนกับประตูพีอีโอซีของจริง ไม่ว่าเราจะได้ข้อมูลภายในอะไรมา ผมก็พยายามใส่มันเข้าไปในหนังครับ”
            ตอนที่เขาเริ่มต้นเตรียมงานสร้างของ Olympus Has Fallen ฟูกัวรู้เกี่ยวกับกลไกการทำงานและวัฒนธรรมของหน่วยรักษาความปลอดภัยประธานาธิบดีน้อยมาก การสร้างภาพยนตร์เรื่องนี้ทำให้เขารับรู้ถึงความมุ่งมั่นที่เจ้าหน้าที่เหล่านี้มีต่องานของเขาและการเสียสละที่พวกเขาเต็มใจทำด้วย
            “ผมไม่รู้มาก่อนว่าพวกเขาสำคัญแค่ไหน หน่วยรักษาความปลอดภัยประธานาธิบดีมีโปรแกรมการฝึกที่แยกจากกองทัพ ซีไอเอและเอฟบีไอโดยสิ้นเชิง พวกเขามักจะอยู่ในโหมดป้องกัน เพื่อทำให้แน่ใจว่าจะไม่มีอะไรเกิดขึ้น ต่างกับกองทัพ ที่ฝึกฝนเพื่อโจมตี พวกเขาจะเข้าไปก่อนเพื่อทำให้แน่ใจว่าทุกอย่างปลอดภัย และพวกเขาก็จะร่วมงานกับเจ้าหน้าที่ตำรวจในท้องถิ่น ในบางแง่มุม พวกเขาเป็นคนควบคุมตารางงานของประธานาธิบดี ซึ่งมันก็ทำให้พวกเขาเป็นบุคคลที่โดดเด่นทีเดียวล่ะครับ”
            หน้าที่ของพวกเขายังรวมถึงการเต็มใจที่จะรับกระสุนเพื่อประธานาธิบดีอีกด้วย ลองนึกดูสิครับ หน้าที่ของคุณคือการปกป้องประธานาธิบดีและครอบครัวของเขาไม่ให้เป็นอันตราย คุณถูกคาดหวังว่าจะต้องไปยืนรับกระสุน หากจำเป็น ผมไม่รู้จักคนที่อาสาจะทำแบบนั้นซักเท่าไหร่หรอกครับ ผมชื่นชมพวกเขามหาศาลเลย ชีวิตของพวกเขาตกอยู่ในความเสี่ยงเสมอและพอผมรู้เรื่องพวกนี้ ผมก็อยากจะยกย่องพวกเขาด้วยหนังเรื่องนี้ครับ”
            ระหว่างการสร้างภาพยนตร์เรื่องนี้ โชคชะตาทำให้ผู้กำกับได้พบกับหน่วยรักษาความปลอดภัยประธานาธิบดีอย่างใกล้ชิดเป็นครั้งแรกอีกด้วย “ระหว่างที่เราถ่ายทำ ภรรยาผมโทรมาบอกว่าหน่วยรักษาความปลอดภัยประธานาธิบดีอยู่ที่บ้านของเรา ผมตกใจมาก คิดว่ามันต้องเกี่ยวกับหนังเรื่องนี้แน่ๆ กลายเป็นว่าในวันนั้น มีคนพิเศษเดินทางเยือนละแวกบ้านผม และมันก็มีจุดหนึ่งจากบ้านผมที่สามารถมองเห็นบ้านที่เขาไปเยือนได้ พวกเขาก็เลยอยากใช้บ้านผมเพื่อสังเกตการณ์ ผมก็ยังไม่รู้ว่าใครอยู่บ้านหลังนั้น แต่ผมว่ามันตลกดีที่ในวันที่ผมถ่ายทำฉากการยึดทำเนียบขาว หน่วยรักษาความปลอดภัยประธานาธิบดีก็มาปรากฏตัวตรงหน้าประตูบ้านผมน่ะครับ”
            หลังการรอบฉายทดสอบในอริโซน่าเมื่อไม่นานมานี้ ฟูกัวก็มักจะได้พบกับผู้ชมที่บอกว่าพวกเขาได้รับแรงบันดาลใจจากภาพยนตร์เรื่องนี้ “หลายคนบอกว่ามันทำให้พวกเขารักชาติมากขึ้นและทำให้พวกเขาอยากจะสู้เพื่อประเทศนี้ ผมคิดว่ามันเป็นเรื่องที่น่าดีใจมาก นี่ไม่ใช่หนังรณรงค์ แต่มันเป็นเรื่องราวอเมริกัน มันก็เลยเป็นเซอร์ไพรส์ที่น่ายินดีสำหรับผมครับ”
            เพียงแค่ไม่กี่ปีที่ผ่านมา สถานการณ์ที่ปรากฏใน Olympus Has Fallen อาจจะดูเหมือนเป็นไปไม่ได้ ผู้กำกับกล่าวว่า “แต่ตั้งแต่ 9/11 เราเริ่มมองโลกเปลี่ยนไปแล้ว หนังเรื่องนี้ให้ความบันเทิงใจอย่างมากก็จริง แต่มันก็เป็นเรื่องราวเตือนใจด้วย ในตอนที่เราลดเกราะกำบังตัวเองลง อะไรๆ ก็สามารถเกิดขึ้นได้ทั้งนั้นครับ”

happy on March 12, 2013, 03:50:05 PM


[/

แผนบุกยึดทำเนียบขาว

               เมื่อฟูกัวและที่ปรึกษาของเขากำหนดแผนการจู่โจมทำเนียบขาวเรียบร้อยแล้ว ผู้กำกับก็ได้ตัดสินใจอย่างท้าทาย แทนที่เขาจะใช้เทคโนโลยี CGI ในการจำลองสถานที่สำคัญในกรุงวอชิงตัน, ดี.ซี. แห่งนี้ขึ้นมา พวกเขากลับสร้างทำเนียบขาวจำลองขึ้นมา และจัดฉากการบุกทำเนียบขาวโดยใช้เพียงสเปเชียล เอฟเฟ็กต์คอยเสริมเท่านั้น
            “เราถล่มทำเนียบขาวในหนังเรื่องนี้ครับ มันเป็นเรื่องใหญ่มากครับ เรารู้ว่าถ้าเราจะทำแบบนี้ เราจะต้องทำให้มันยิ่งใหญ่ ให้มันตระการตา”
            แต่ฟูกัวคิดเอาไว้ว่าเขาจะถ่ายทำภาพยนตร์เรื่องนี้ในบริเวณของดี.ซี. และเขาก็ตกใจเมื่อได้ยินว่าผู้อำนวยการสร้างวางแผนที่จะสร้างทำเนียบขาวจำลองขึ้นมาในเชรฟพอร์ต, หลุยส์เซียนา “ผมถามว่าคุณจะทำได้ยังไง แต่เราก็ได้ตัวผู้ออกแบบงานสร้างที่เพอร์เฟ็กต์ ดีเรค ฮิลเคยสร้างทำเนียบขาวมาแล้วครั้งหนึ่งสำหรับโอลิเวอร์ สโตนในเรื่อง W ผมรู้ว่าถ้ามีใครทำแบบนี้ได้ล่ะก็ ก็คงต้องเป็นดีเรคแหละครับ”
            ฮิลได้สร้างฉากขนาดใหญ่ที่มีรายละเอียดสูงให้กับฉากที่กว้างใหญ่ที่สุดของเรื่อง “ผมคิดว่าช่วงเวลาที่ยิ่งใหญ่ที่สุดสำหรับผมในการถ่ายทำทั้งหมดคือการได้เดินเข้าไปในฉากนั้นเป็นครั้งแรก เราได้สร้างทำเนียบขาวขึ้นมาจริงๆ ในหลุยส์เซียนา เราสร้างเพนซิลวานีย อะเวนิวขึ้นมา เราสร้างน้ำพุ เราสร้างส่วนด้านหน้าและภายในของล็อบบี้ด้านหน้าขึ้นมา ผมยังไม่อยากจะเชื่อเลยว่าพวกเขาสร้างกันได้เร็วมาก”
            ในวันแรกของการถ่ายทำฉากการต่อสู้ระดับอีพิค ฟูกัวชื่นชมกับความสำเร็จของฮิล ขณะที่เขามองกลุ่มคนที่รับบทผู้ก่อการร้าย เจ้าหน้าที่สายลับและผู้เห็นเหตุการณ์กระจายตัวทั่วฉาก “มันเป็นเรื่องน่าประทับใจที่ได้เห็นครับ ผมรู้สึกเหมือนตัวเองเป็นเด็กที่ได้ดูหนังของเดวิด ลีน ฉากนั้นมีสโคปกว้างใหญ่มาก เรายกเครนขึ้นและสงครามครั้งใหญ่ก็กำลังเกิดขึ้น ผมคิดว่า นี่เป็นเหตุผลที่ทำให้ผมอยากสร้างหนังเรื่องนี้”
            สำหรับผู้ที่ช่วยเขาออกแบบฉากแอ็กชัน ฟูกัวได้เลือกคีธ วูลาร์ด อดีตนาวีซีล ผู้เคยร่วมงานกับผู้กำกับผู้นี้มาก่อนใน Tears of a Sun “ผมรูว่าคีธสามารถทำให้มันน่าตื่นเต้นและสมจริงได้ ความสมจริงดูสมจริงมากจนมันสั่นประสาท เราออกแบบการต่อสู้โดยอ้างอิงจากสิ่งที่หน่วยซีลจะทำจริงๆ ในสถานการณ์นั้น และเราก็ค่อยปรับเปลี่ยนให้มันเหมาะกับหนังยิ่งขึ้นครับ”
            วูลาร์ดและทีมงานของเขาได้จำลองระเบียงทางเดินของทำเนียบขาวด้วยการใช้กระดาษลัง เพื่อวางผังทุกอย่างด้วยกล้องวิดีโอสำหรับฟูกัว “ผมเลยสามารถเตรียมทุกอย่างได้อย่างรวดเร็วครับ ผมไม่มีเวลามาเขียนสตอรีบอร์ดทุกอย่างอย่างที่ผมมักจะทำ พวกเขาสร้างสรรค์มากๆ ในการใช้สิ่งต่างๆ ที่คุณอาจจะพบได้จริงในทำเนียบขาวมาเป็นอาวุธครับ พวกเขาทำให้มันสมจริงและสนุกมากๆ แต่ก็ดิบเถื่อน ร้ายกาจอีกด้วย เพราะมันน่าจะเป็นแบบนั้นครับ”
            วูลาร์ด ผู้เคยทำงานในภาพยนตร์แอ็กชันบล็อกบัสเตอร์เรื่องอื่นๆ ซึ่งรวมถึง Black Hawk Down (สำหรับผู้กำกับริดลีย์ สก็อต), Iron Man (สำหรับจอน แฟฟโร) และ GI Joe: Rise of the Cobra (สตีเฟน ซอมเมอร์ส) ถูกสั่งให้ทำทุกอย่าให้สมจริงที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ “อังตวนเจาะจงเป็นพิเศษเกี่ยวกับการทำให้สิ่งต่างๆ ดูสมจริงครับ เขาไม่ชอบการต่อสู้แบบหลอกๆ เราร่วมงานกับนักศิลปะต่อสู้ ผู้เชี่ยวชาญด้านงานรับแรงกระแทก พวกเขาก็เลยสามารถต่อยกันจริงๆ ได้ ซึ่งก็ทำให้มันดูดียิ่งขึ้นไปอีกครับ”
            ทีมงานสตันท์มีจำนวนมหาศาล ซึ่งรวมแล้วประมาณ 130 คน “มันเป็นทีมใหญ่ทีเดียวครับ ทุกอย่างเกิดขึ้นพร้อมกัน ดังนั้น เขาก็ต้องรับมือกับผู้คนมากมาย มันน่าตื่นตาตื่นใจทีเดียวที่ได้เห็นคอมมานโดชาวเกาหลีบุกยึดทำเนียบขาว ผมภูมิใจในการได้เป็นส่วนหนึ่งของการสร้างหนังเรื่องนี้ให้เกิดขึ้นได้ครับ”
            นักสู้ของฝ่ายศัตรูในเรื่องมีส่วนหนึ่งเป็นผู้หญิงด้วย ซึ่งฟูกัวบอกว่าสะท้อนถึงความจริงของการสู้รบในปัจจุบัน “ผมไม่ได้ปฏิบัติต่อผู้หญิงเหมือนพวกเธอเป็นเหยื่อหรือคนที่รอคอยความช่วยเหลือ พวกเธอต่อสู้ พวกเธอเป็นส่วนหนึ่งของสงครามนี้ เมื่อพวกเธอถูกลักพาตัว พวกเธอก็ถูกซ้อมเหมือนผู้ชาย ผู้ก่อการร้ายจะไม่อ่อนโยนเพียงเพราะตัวประกันเป็นผู้หญิงหรอกนะครับ”
            และตัวละครของเมลิสซ่า ลีโอก็เป็นกรณีตัวอย่าง ในฐานะรัฐมนตรีกระทรวงกลาโหม เธอมีข้อมูลที่จำเป็นต่อผู้ก่อการร้ายและพวกเขาก็ใช้ทุกวิธีที่จำเป็นเพื่อรีดความจริงจากเธอ “เราไม่ปรานีเมลิสซา ลีโอเลยครับ เธอโดนซ้อมน่วมเลย แต่เธอก็เข้มแข็ง เธอยืนหยัดต่อต้านผู้ที่จับตัวเธอมาอย่างกล้าหาญพอๆ กับผู้ชาย พอพวกเขาถูกลักพาตัว พวกเขาก็ถูกบั่นทอนกำลังใจเพื่อให้ได้สิ่งที่ต้องการ เพื่อที่พวกเขาจะไม่คิดถึงการหลบหนี ในตอนที่เราได้เข้าไปในพีอีโอซี เรื่องก็เข้มข้นขึ้น บางคนอาจพบว่ามันเป็นเรื่องน่าตกใจ แต่ในตอนที่เราทดสอบฉายหนังเรื่องนี้ดู มีผู้หญิงมาขอบคุณผมที่ไม่ทำให้ตัวละครตัวนี้เป็นแค่เหยื่อด้วยครับ”
            แต่บัตเลอร์คือคนที่ต้องเจอเรื่องหนักที่สุดในบทที่ทำให้เขาเสี่ยงอันตรายอยู่เกือบตลอดเวลา “เขาคล่องแคล่วทีเดียวและไม่ปริปากบ่นเรื่องไหนเลย เขาแค่พุ่งใส่มันและเขาก็เป็นเพอร์เฟ็กชันนิสต์ครับ เขาไม่อยากจะพลาดซักการเคลื่อนไหวเดียว พอเขาก้าวเท้าเข้าไปในฉาก เขาก็พร้อมจะเริ่มต้นเสมอครับ”
            ฟูกัวกล่าวว่าบัตเลอร์อาจจะใช้สตันท์ดับเบิลได้ในหลายๆ ฉาก แต่เขายินดีที่จะแสดงฉากเหล่านั้นด้วยตัวเอง “เขาเป็นคนทุ่มเทสุดๆ เราอาจจะถ่ายทำไวด์ช็อตแล้วปล่อยให้สตันท์แมนแสดงแทน แต่เขาอยากแสดงมันเอง เขามีรอยฟกช้ำบ้างเพราะเขาและริค ยูนปะทะกันจริงๆ และกระแทกอีกฝ่ายเข้ากับกำแพง และด้วยความที่กำแพงพวกนั้นไม่ใช่ของจริง เราก็เลยต้องหยุดถ่ายเพื่อซ่อมกำแพงกันอยู่เรื่อยครับ!”
            ในฐานะผู้กำกับ ฟูกัวกล่าวว่าเขาพยายามจะสร้างภาพยนตร์ที่ตัวเขาเองอยากจะดูเสมอ “ผมสร้างหนังเรื่องนี้เพราะมันเป็นสิ่งที่ผมอยากจะดูครับ มันจะทำให้ผู้ชมแปลกใจอยู่เรื่อง มันมีแง่มุมหลากหลายมากมายให้ได้เพลิดเพลินกับมัน มันสะเทือนอารมณ์มากๆ และมันก็เข้าถึงอารมณ์ส่วนตัวในหลายๆ ตอนด้วย มันมีตัวละครเยี่ยมๆ และความสัมพันธ์ที่แตกต่างกันมากมาย”
            แต่เขาก็บอกว่า สิ่งที่สำคัญที่สุดคือมันเต็มไปด้วยแอ็กชันสุดโต่ง ความเสี่ยงสูง ที่เขาหวังว่าจะทำให้ผู้ชมตื่นเต้น “ผมรักหนังครับผมชื่นชอบการผลักดันเรื่องราวให้ไปไกลที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ ผมคิดว่าหนังควรจะอยู่ตรงชายขอบ ที่ตัวละครและเหตุการณ์จะยิ่งใหญ่กว่าความเป็นจริง การดูหนังจอใหญ่จะทำให้คุณสามารถกลืนหายไปกับอีกโลกหนึ่งได้”
            “ทุกครั้งที่เราต้องเผชิญหน้ากับอันตราย มันมีอะไรบางอย่างที่น่าตื่นเต้น การนำตัวเองเข้าไปเสี่ยงจะกระตุ้นให้เกิดอะดรีนาลิน อะดรีนาลินทำให้คุณรู้สึกมีชีวิตชีวามากขึ้น หนังอย่าง Olympus Has Fallen ทำให้คุณนึกถึงชีวิตและอันตรายที่เกิดขึ้น ในกรณีนี้ มันเป็นไปได้ที่ทำเนียบขาวจะถูกยึด ที่ตัวประกันจะถูกจับตัว และที่โลกถูกเรียกค่าไถ่ มันเป็นเรื่องน่าตื่นตะลึงก็จริงแต่ก็ไม่ได้ห่างไกลจากความเป็นจริงขนาดนั้นหรอกครับ”
« Last Edit: March 12, 2013, 03:51:58 PM by happy »