ที่เห็นและเป็นไป มีอะไรใน “ฤดูที่ฉันเหงา” ที่หลายคนไม่รู้ แต่เราอยากบอก
ไฮไลท์ ความพิเศษสุดแสนโรแมนติคที่กำลังจะเกิดขึ้นพร้อมกับฝนและรอยยิ้ม
@ หลังความสำเร็จของ “คืนวันเสาร์ถึงเช้าวันจันทร์” หลายคนต่างเฝ้ารอ“ฤดูที่ฉันเหงา” ผลงานการเขียนบทและกำกับภาพยนตร์เรื่องที่2ในชีวิตของหนุ่มแดน วรเวช ดานุวงศ์ ที่ล่าสุดกลายเป็นผู้กำกับหนังโรแมนติค-คอมมิดี้คนใหม่ที่น่าจับตามองประจำ พ.ศ.นี้ไปแล้ว จากประสบการณ์ในฐานะคนแต่งเพลง,นักร้อง,โปรดิวเซอร์ที่อยู่เบื้องหลังเพลง รักนับไม่ถ้วนผสมผสานกับคาแรคเตอร์ที่เป็นคนสนุกสนานขี้เล่นทะลึ่งทะเล้นกวน ฮา ผกก.แดนพร้อมแล้วที่จะนำเสนอหนังรักอารมณ์จี๊ดที่พร้อมเปลี่ยนความเหงาของ ทุกคนให้ฉ่ำชื้นไปด้วยรอยยิ้มแห่งความสุข
@ จากแรงบันดาลใจที่ว่า “เวลาฝนตกคุณคิดถึงใคร และมั่นใจว่าฝนตกได้ในทุกฤดู และแต่ละคนต่างมีความรู้สึกต่อฝนแตกต่างกันขึ้นอยู่กับว่าเมื่อไหร่ ที่ไหน และอยู่กับใครซึ่งก็ไม่ต่างอะไรกับความรักที่เกิดขึ้นได้ในทุกฤดูเหมือนกัน” จนเกิดเป็นไอเดียของ “ฤดูที่ฉันเหงา” หนังรักโรแมนติคคอมมิดี้ที่เราจะได้เห็น5ตัวละครหลักที่ต่างมีมุมมองความรัก และความเหงาแตกต่างกันซึ่งหนุ่มแดนได้ดึงเสน่ห์ของสายฝนที่ทุกคนสัมผัสได้นำ มาถ่ายทอดภายใต้ความรู้สึกที่ว่า “ฝนยิ่งตกยิ่งเหงา แต่เพราะความเหงานี่แหละทำให้คนเรามาเจอกันและรักกัน”
@ ความกิ๊บเก๋ของไอเดียที่ว่าด้วยเรื่องราวความรักของ5ตัวละครหลักที่ล้วน เกี่ยวโยงผูกผันและมาพร้อมกับสายฝนเริ่มต้นขึ้น ณ บริเวณสี่แยกแห่งหนึ่งที่เราจะได้เห็นร้านตัดผมที่ตั้งอยู่บนหัวมุมถนนซึ่ง เป็นจุดเริ่มต้นของความรักที่มาพร้อมกับสายฝน บ้านไม้ของนักดนตรีหนุ่มขี้เหงาที่ต้องมานั่งดีดกีตาร์ทุกครั้งที่ฝนตก และบ้านของเด็กสาวที่หลงรักช่างตัดผมและเป็นรักแรกพบของเด็กอ้วนอารมณ์ดีที่ ชอบเดินตากฝน ทำให้ผกก.และทีมงานต้องเดินทางเสาะหาสี่แยกดังกล่าวไปในหลายโลเกชั่นกว่าจะ มาลงตัวที่สี่แยกปางล้อชุมชนเก่าบนถนนสายหลักของจ.แม่ฮ่องสอนที่อบอวลไปด้วย เสน่ห์แบบชนบททางเหนือ และมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวที่แสนน่ารักและอบอุ่นในทีเดียวเชียว ชนิดที่ว่าเมื่อแรกเห็นก็เป็นที่ถูกใจในสายตาของผกก.แดน จนตัดสินใจเลือกจ.แม่ฮ่องสอนเป็นโลเกชั่นหลักในการถ่ายทำภาพยนตร์เรื่องที่2
@ ด้วยคอนเซ็ปท์ของหนังรักที่มาพร้อมกับสายฝนทำให้ตลอดการถ่ายทำของ “ฤดูที่ฉันเหงา” จะต้องมีการเนรมิตให้ฝนต้องตกตามเหตุการณ์ในภาพยนตร์ถึง80เปอร์เซ็นต์หรือ เกือบตลอดทั้งเรื่อง ทีมนักสร้างฝนที่มีเครดิตการเนรมิตฝนในหนังอย่าง 15ค่ำเดือน11และมหาลัย’เหมืองแร่ ถูกเรียกตัวมาทำการสร้างฝนให้ตกในเดือนธ.ค.ที่ว่ากันว่าหนาวสุดขั้ว ณ จังหวัดแม่ฮ่องสอน
@ ด้วยฝีไม้ลายมือในการวางเฟรมภาพชนิดที่งามทุกช็อตสวยทุกเฟรม จนได้รับการยกย่องถึงความเป็นสุดยอดผกก.ภาพระดับต้นๆของเมืองไทยจาก เหล่าFILM MAKERทั้งในส่วนวงการโฆษณาและวงการภาพยนตร์ไทย ทำให้กุ้งไกรสรณ์ บูรณสิงห์ ผกก.หนังโฆษณา ผกก.ภาพยนตร์ไทย ที่ผ่านงานกำกับภาพในงานมิวสิควิดีโอที่แดนกำกับมาตลอด รวมทั้งเป็นผกก.ภาพในมิวสิควิดีโอเพลง “เรื่องจริง” ที่ร้องโดยซิน singular เพลงประกอบภาพยนตร์เรื่องคืนวันเสาร์ถึงเช้าวันจันทร์ คือตัวเลือกเดียวที่ถูกให้มารับหน้าที่กำกับภาพหนังรักที่มาพร้อมกับสายฝน เรื่องฤดูที่ฉันเหงาโดยเฉพาะ
@ แดนเลือกเพลงธีมหลักชื่อเดียวกันกับภาพยนตร์อย่าง “ฤดูที่ฉันเหงา” เพียงแต่ครั้งนี้เราจะได้ฟังเสียงร้องต้นฉบับของคิววงฟลัวร์ที่บันทึกเสียง ขึ้นใหม่ภายใต้การเล่นเปียโนที่พริ้วไหวโดยโต๋ ศักดิ์สิทธิ์ เวชสุภาพรเพื่อใช้ประกอบในภาพยนตร์เรื่องฤดูที่ฉันเหงานี้โดยเฉพาะ ในขณะที่เพลง“คู่กัน”ของวงสครับบ์ถูกเลือกมาเป็นเพลงที่ใช้ในฉากเปิดตัวและ เป็นเพลงประจำตัวของ คุง(ซึ่งรับบทโดยแจ๊คแฟนฉัน) และน้องนารา (นารา เทพนุภา) ที่รับรองว่าจะเป็นซีนที่ทำให้ทุกคนอมยิ้มอย่างแน่นอน โดยนอกจากนี้ในภาพยนตร์แฟนๆจะได้ฟังเพลงใหม่อีก2-3เพลงที่ถูกแต่งขึ้นใหม่ ตามความตั้งใจของผกก.แดนอีกด้วย ประมาณว่าโรแมนติคกันทั้งตัวหนังและเพลงกันให้หนำใจไปเลย
@ แจ๊คแฟนฉัน,โทนี่ รากแก่น,แป้งโกะจินตนัดดา ,น้องนารา ทุกตัวละครที่ปรากฎอยู่ในภาพยนตร์ล้วนแล้วแต่เป็นตัวเลือกแรกและตัวเลือก เดียวที่ผกก.แดนเล็งและมองเห็นที่จะมาถ่ายทอดในแต่ละบทบาทตั้งแต่แรก โดยที่นักแสดงทุกคนล้วนต่างตกปากรับคำที่จะเป็นส่วนหนึ่งในภาพยนตร์หลังจาก ที่ได้รับการทาบทามทั้งๆที่ยังไม่รู้ว่าจะต้องประกบบทบาทกับใคร รวมไปถึงแป้งโกะที่ถือว่าเป็นการแสดงภาพยนตร์ครั้งแรกในชีวิตก็ไม่รู้ว่าจะ ต้องมาแสดงเป็นนางเอกคู่กับโทนี่ รากแก่น
@ในภาพยนตร์ “ร่ม” ยังเป็นอีกหนึ่งตัวแทนที่บ่งบอกถึงบุคลิกความรู้สึกของแต่ละตัวละครที่ เกี่ยวข้องกับฝนและความรักแตกต่างกัน อาทิ ตัวละครเด็กสาวสดใสมองโลกสีชมพูอย่าง นารา จะมีร่มประจำตัวเป็นร่มสีชมพูสดใส , แจ๊ค เด็กหนุ่มอารมณ์ดี ขี้เล่น ขี้แกล้งจะพกร่มซามูไรสีดำที่สะท้อนความเป็นตัวละครที่สนุกสนาน ,แป้งโกะ สาวสมัยใหม่ที่เท่ห์และมีอารมณ์ออกแนวติสต์ จะเป็นร่มสีดำที่ในร่มจะมีลวดลายของผีเสื้อ , แดนนักดนตรีหนุ่มขี้เหงาที่ต้องมานั่งเล่นกีตาร์รอใครสักคนจะเป็นร่มที่ดู เรียบๆสีกลมท่าฯลฯ
@ ความกลมกล่อมและลงตัวในความเป็นหนังรักโรแมนติคคอมมิดี้แบบเต็มๆตัว ส่งผลให้เกิดเซอร์ไพรส์ที่หลายคนคาดไม่ถึงและไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนเมื่อแดน วางบทบาทพระเอก2บุคลิก2สไตล์ในภาพยนตร์ฤดูที่ฉันเหงา โดยดันแจ๊คแฟนฉันขึ้นแท่นรับบทพระเอกอย่างเต็มตัว ซึ่งเป็นความตั้งใจเขียนบทนี้ขึ้นมาให้กับแจ๊คโดยเฉพาะทำให้แฟนๆจะได้เห็น แจ๊คในบทพระเอกโรแมนติคตคอมมิดี้ที่มีความสุขในความรัก มีแอบรัก ตกหลุมรัก จีบหญิง ไปจนถึงฉากเศร้าซึ้งร้องไห้ฟูมฟาย แต่จริงในความรู้สึกอย่างที่ไม่เคยเห็นมาก่อน โดยแจ๊คจะเป็นตัวแทนของอารมณ์ขันรอยยิ้มและเสียงหัวเราะที่จะปรากฎใน ภาพยนตร์ ในขณะที่พระเอกอีกคนที่จะมาประกบโดยถ่ายทอดในพาร์ทโรแมนติคหวานซึ้งได้ โทนี่ รากแก่น มาเป็นผู้ถ่ายทอดในมู้ดที่ตรงกันข้ามกับบทบาทที่แจ๊คแฟนฉันได้รับโดยสิ้น เชิง ซึ่งทั้งแดน แจ๊คและโทนี่ต่างยอมรับว่าเป็นบทที่ยากและท้าทายทางด้านการแสดงมากๆ และแดนเองมั่นใจว่าบทนี้จะทำให้คนดูได้เห็นความสามารถที่มีอยู่ในตัวของโท นี่และแจ๊คที่คนดูอาจจะไม่เคยเห็นมาก่อน
@ ในส่วนบท คุง ของแจ๊ค มั่นใจว่าบทนี้จะทำให้ทุกคนตกหลุมรักแจ๊คและรักตัวละครตัวนี้ไม่ต่างจากบท ที่แจ้งเกิดในแฟนฉัน จนหลายคนต่างพูดว่านี่เป็นอีกหนึ่งบทบาททางการแสดงที่ดีที่สุดในชีวิตของ แจ๊คแฟนฉัน ว่ากันว่าแจ๊คดีใจ และเกร็งกับการทำงานในช่วงแรกมากๆโดยเฉพาะการที่ต้องรับบทพระเอกแบบเต็มๆตัว เป็นครั้งแรก ถึงขนาดเกิดความเครียดและเข้าโรงพยาบาลตั้งแต่วันแรกของการถ่ายทำ
@แจ๊ค ทุ่มสุดตัว ตากฝนจนเข้าโรงพยาบาล หลังจากผ่านการแสดงและถ่ายทำมาได้ระยะหนึ่ง ความเครียดก็หายไปแต่กลับกลายเป็นว่าทีมงานต้องหอบหิ้วแจ๊คเข้าไปนอนในโรง พยาบาลรอบสองเมื่อต้องถ่ายทำโดยเปียกฝนตั้งแต่เช้า สาย บ่าย เย็นจนถึงค่ำติดกันทุกวันจนไม่สบาย แต่แจ๊คก็ทุ่มเทแบบสุดตัว ถึงขนาดที่ว่าในการถ่ายทำล็อตแรกท่ามกลางอากาศหนาวเหน็บในจังหวัดแม่ฮ่องสอน ตอนเดือนธ.ค. แจ๊คถึงขนาดน็อคหมดสติคากล้องในระหว่างการถ่ายทำในฉากที่ต้องเดินเปียกฝนตอน ตี3ด้วยระยะทางกว่า60เมตรซึ่งกว่าจะถ่ายทำผ่านพ้นไปได้ในฉากนี้ทีมงานบาง ส่วนจะต้องช่วยกันพยุงและดันตัวแจ๊คเพื่อไม่ให้ล้มในการถ่ายทำช็อตสุดท้าย แต่นั่นหมายความว่าแจ๊คหลับลึกไปจนถึงสวรรค์ชั้นดาวดึงส์เป็นที่เรียบร้อย แล้ว
@ เป็นหนังรักที่เกี่ยวกับฝนเลยเลี่ยงไม่ได้ที่นักแสดงจะต้องเปียกฝน แถมโลเกชั่นหลักคือแม่ฮ่องสอนในช่วงหน้าหนาวเดือนธ.ค. นักแสดงก็เลยต้องยอมจำนนกับการที่ต้องเปียกฝนแล้วเปียกฝนเล่า และในขณะเดียวกันก็ต้องรีบทำตัวให้แห้ง และพร้อมที่จะต้องเปียกใหม่อีกครั้งในทันที จนกว่าการถ่ายทำในคัทนั้นซีนนั้นจะสำเร็จลุล่วงไปด้วยดี ทำให้ถุงน้ำร้อน,ไดร์เป่าผม,ผ้าเช็ดตัวไปจนถึงอุปกรณ์อบผ้าคือเหล่าอุปกรณ์ สำคัญสำหรับทีมงานและนักแสดง ภาพชินตาที่เหล่าทีมงานพร้อมอุปกรณ์ครบมือมะรุมมะตุ้มทำการซับ เป่า แห้ง หรือแม้แต่กอดนักแสดงทั้งหญิงและชายเพื่อให้หายหนาวนอกเหนือจากนักแสดงกอด ถุงน้ำร้อน และกอดอุปกรณ์อบผ้า
@ ในบรรดานักแสดงทั้งหมดที่ต้องเข้าฉาก เมื่อจัดลำดับความถี่ว่าใครต้องเปียกฝนมากที่สุด ต้องยกตำแหน่งให้กับแจ๊คที่ครองแชมป์ชนะเลิศ ในขณะที่โทนี่และแป้งโกะต้องเข้าฉากเปียกฝนในวันที่หนาวที่สุดของแม่ฮ่องสอน ในเดือนธ.ค. แป้งโกะวัดระดับความหนาวได้ประมาณ10องศาและมั่นใจว่าฝนวันนั้นเย็นกว่าน้ำใน ตู้เย็นเสียอีก และที่สำคัญคือต้องเปียกกันตั้งแต่ตี1ยันตี4 ถึงขนาดโทนี่ซึ่งเป็นคนที่กลัวและเกลียดน้ำเย็นมากๆถึงกับเปิดถุงน้ำร้อนเอา มาราดตัวและบอกให้ทีมงานเอาน้ำร้อนมาราดหัวเลยทีเดียว แต่สุดท้ายก็ต้องยกเลิก เพราะเมื่อดูในจอมอนิเตอร์จะเห็นควันลอยอยู่ในกล้องในระหว่างที่ทำการถ่าย ทำ
@ แจ๊คเป็นอีกหนึ่งนักแสดงที่ในแต่ละวันแต่ละคิวถ่ายจะเจอสถานการณ์ที่ต้อง ถ่ายทำแล้วเปียกฝนอยู่บ่อยมากๆ ส่งผลให้ชั้นในที่ทีมงานเตรียมให้ไม่พอใส่เพราะเป่าแห้งไม่ทัน
@ ความฮอตฮิตของน้องนารา ชนะเลิศประกวดน้องใหม่ วัดได้จากจำนวนแฟนเพจที่มีชื่อน้องนารามีอยู่หลายอันทีเดียว แต่อันที่แฟนๆเฝ้าตามมากสุดคือ
www.facebook.com/narafanpageซึ่งมียอดคลิ๊กไลก์มากถึง2 แสนคลิ๊กไลก์เลยทีเดียว และทุกๆคิวในการถ่ายทำจะมีแฟนๆของน้องนารามาคอยส่งน้ำส่งขนมให้ตลอด
@ เป็นนักแสดงหน้าใหม่ก็จริง แต่แดนถึงกับยกนิ้วและมั่นใจในตัวน้องนารามากๆโดยเฉพาะฝีไม้ลายมือการแสดง ชนิดที่ว่าน่ารักสดใสได้เต็มร้อย หรือดราม่าน้ำตาไหลแบบกดปุ่มสั่งได้ว่าจะให้น้ำตาไหลฝั่งตาซ้ายหรือน้ำตาไหล ฝั่งตาขวาเลยทีเดียว
@ ในขณะที่เราจะได้เห็นคู่แจ๊คกับน้องนาราถ่ายทอดมาในอารมณ์วัยรุ่นโลกสดใสสี ชมพู การแสดงของแป้งโกะกับโทนี่จะตรงกันข้ามแบบสุดขั้ว เพราะหลายๆฉากทั้งคู่ต้องเล่นด้วยกันโดยแทบจะไม่มีบทพูด และต้องเข้าฉากแสดงคู่กันโดยไม่ได้มองหน้ากันตรงๆแต่เป็นการมองกันผ่านกระจก ร้านตัดผม
@ โทนี่รับบทเป็นช่างตัดผม และในภาพยนตร์เราจะได้เห็นฝีไม้ลายมือในการตัดผม,สระผมกันแบบจัดเต็มครั้ง แรกของโทนี่บนแผ่นฟิล์ม ว่ากันว่าลีลาการจับกรรไกร ลูบไล้สัมผัสปลายผมของโทนี่อาจทำให้หัวใจสาวๆละลายได้เลย โดยเฉพาะฉากสระผมให้แป้งโกะ ว่ากันว่าเป็นซีนรักที่แทบไม่มีไดอาล็อคแต่นำเสนอออกมาได้อย่างเซ็กซี่มาก ๆ และในฉากตัดผมนี่เองที่โทนี่ได้มีการเล็มผมและตัดผมของแป้งโกะจริงๆ
@ สำหรับสไตล์เสื้อผ้าของเดซี่ช่างตัดผมหนุ่มเจ้าเสน่ห์ที่รับบทโดยโทนี่จะออก มาในสไตล์วินเทจอเมริกัน ซึ่งโทนี่เข้าไปมีส่วนร่วมในการคิดหยิบจับเลือกแบบด้วยตัวเองโดยเฉพาะอย่าง ยิ่งชุดกันเปื้อนหนังของตัวละครเดซี่หนุ่มช่างตัดผมเจ้าเสน่ห์ โทนี่ถึงกับติดต่อรุ่นพี่ที่รู้จักให้มาออกแบบและตัดเย็บโดยเฉพาะและเพื่อ เสียบใส่อุปกรณ์ทำผมต่างๆอาทิหวี,กรรไกร ฯลฯ ดังที่ปรากฎในหนัง
@ แป้งโกะรับบทเป็นสาวนักวาดรูป และในภาพยนตร์แฟนๆจะได้เห็นฝีไม้ลายมือในการวาดรูปพรอพที่จะใช้ในหนังของ แป้งโกะตามความตั้งใจของแดนด้วย
@ ถึงแม้จะเป็นการแสดงภาพยนตร์ครั้งแรกในชีวิต แต่แป้งโกะเตรียมพร้อมและทำการบ้านมาอย่างดีมากถึงขนาดผกก.แดนยอมรับในความ ตั้งใจและเต็มร้อยของแป้งโกะที่นอกจากจะทำความเข้าใจกับบทและจำคำพูดของตัว ละครมาได้อย่างเป๊ะๆ แล้ว ถึงเวลาถ่ายทำก็พร้อมที่จะปรับเปลี่ยนบทพูดใหม่ที่ลงตัวขึ้นตามความต้องการ ของผกก.ได้เลย ซึ่งไม่ได้เกิดขึ้นบ่อยกับนักแสดงหน้าใหม่ทุกคน
@ ตลอดการถ่ายทำเราจะเห็นสาวติสต์แบบแป้งโกะที่มีไลฟ์สไตล์ชอบถ่ายรูปพกกล้อง ติดตัวเป็นประจำ โดยอาศัยผกก.นักแสดงและทีมงานเป็นนายแบบ นางแบบจำเป็น ว่ากันว่าถ้านับแค่จำนวนภาพถ่ายที่แป้งโกะถ่ายทำในกองน่าจะมากกว่าจำนวนภาพ นิ่งเบื้องหลังของภาพยนตร์เลยทีเดียว
@ เป็นที่ยอมรับว่าบทที่แป้งโกะและโทนี่ได้รับไม่เพียงเต็มไปด้วยความยากและ ท้าทายฝีไม้ลายมือทางการแสดงมากถึงมากที่สุด แต่ยังเป็นการแสดงที่ต้องอาศัยแอ็คติ้งทางด้านการแสดงแบบล้วนๆเพราะตัวละคร ที่เป็นตัวแทนในพาร์ทโรแมนติคสุดๆคู่นี้นอกจากจะมีไดอาล็อค(บทพูด)ชนิดนับคำ ได้แล้ว ในหลายๆฉากทั้งคู่ต้องแสดงออกมาให้คนดูรู้สึกว่าทั้งคู่กำลังแสดงออกทางความ รักหรือเผยความรู้สึกที่มีต่อกันในระหว่างการตัดผมสระผม ทั้งๆที่ไม่ได้มีประโยคไหนที่พูดเรื่องความรักเลยด้วยซ้ำ
@ เนื่องด้วยไซส์ของร่างกายที่บิ๊กเบิ้ม แม้แต่บิ๊กแบ็คยังอาจเล็กไป ทำให้การหาเสื้อผ้าที่แจ๊คจะใส่ได้ต้องมีเทคนิค ซึ่งเป็นความลับของทีมเสื้อผ้าเวลาที่ต้องหาเสื้อผ้ามาให้แจ๊คแฟนฉันเข้าฉาก นั่นคือ การเลือกหาความกว้างของขนาดเสื้อตรงบริเวณพุงที่ต้องกว้างไม่น้อยกว่า49นิ้ว มิเช่นนั้นจะไม่สามารถใส่ได้ต่อให้ได้เสื้อไซส์xxxxl จะกี่xก็ตามถ้าพุงไม่ได้ก็เป็นอันจบข่าว
@ เป็น2พระเอกที่แตกต่างกันคนละขั้ว ที่ผกก.แดนตั้งใจเลือกให้มาประกบบทบาทกันโดยเฉพาะ แถมงานนี้หนุ่มโทนี่ยังต้องรับบทคู่แข่งทางหัวใจของหนุ่มแจ๊คโดยไม่รู้ตัว งานนี้ก็เลยได้เห็นการเปรียบมวยกันแบบจัดเต็มของ2พระเอก มาดูกันว่าหล่อฮากับหล่อเนี้ยบกินกันไม่ลงผลจะออกหัวหรือก้อย แต่ที่แน่ๆ งานนี้แจ๊คจัดเต็มหล่อตั้งแต่หัวจรดเท้า ทุกชุดไม่มีน้อยหน้าโทนี่โดยเฉพาะสไตล์อเมริกันวินเทจยีนส์ โทนี่หล่อยังไง แจ๊คไม่ยอมน้อยหน้า โดยเฉพาะอย่างยิ่งไฮไลท์ที่สาวๆเตรียมตัวกรี๊ดสลบกับฉากสำคัญเมื่อทั้งคู่ ต้องท็อปเลสโชว์บอดี้ท่อนบน มาจับตาดูกันว่าระหว่างซิกส์แพ็คกับบิ๊กแบ็ค สาวๆพร้อมหัวใจละลายให้กับใครก่อนกัน
@ ถึงแม้จะถ่ายทำในโลเกชั่นที่เป็นต่างจังหวัดอย่างเชียงใหม่และแม่ฮ่องสอน ตลอดทั้งเรื่อง แต่ในภาพยนตร์ฤดูที่ฉันเหงาก็ไม่ได้มีการระบุสถานที่เหตุการณ์ของเรื่องราว ว่าเกิดขึ้นที่จังหวัดใดโดยเฉพาะ แต่เป็นสถานที่แห่งหนึ่งตามจินตนาการและความตั้งใจของผกก.แดนที่ทุกตัวละคร จะดำเนินชีวิตไปและมาผูกโยงเกี่ยวข้องกันโดยมีดอกพญาเสือโคร่งเป็นสัญลักษณ์ ของสถานที่และมีฝนที่แทนความรู้สึกของตัวละครตกตลอดทั้งเรื่อง
@อีก หนึ่งฉากโรแมนติคที่ผกก.แดนและทีมอาร์ทของภาพยนตร์ตั้งอกตั้งใจ(จริงๆก็ ตั้งใจในทุกๆฉากนั่นแหละ)เป็นพิเศษคือการระดมเอารถเข็นราเม็ง,ร้านซูชิ,ร้าน ชาไข่มุกขึ้นไปเซ็ทเป็นองค์ประกอบสำคัญในฉากออกเดทกันครั้งแรกของคู่ตัวละคร แป้งโกะ-โทนี่ที่ทั้งคู่จะต้องมานั่งทานราเม็งร้อนๆร่วมกันท่ามกลางสายฝนที่ โปรยปรายลงมา โดยงานนี้โลเกชั่นหลักคือ ขุนช่างเคี่ยน ดอยปุย จ.เชียงใหม่ ที่เต็มไปด้วยบรรยากาศสุดแสนโรแมนติค
@ นอกจากเขียนบท,กำกับภาพยนตร์ รวมไปถึงดูแลในทุกองค์ประกอบในภาพยนตร์เรื่อง “ฤดูที่ฉันเหงา” หนุ่มแดนก็ขอมีเอี่ยวร่วมเป็น1ในตัวละครที่มาร่วมแชร์ความเหงาผ่านเรื่องราว ความรักที่มาพร้อมกับสายฝนโดยรับบทเป็นหนุ่มนักดนตรีขี้เหงาที่มักจะมานั่ง เล่นกีตาร์ในยามฝนพรำ และมักมีฉากที่ต้องเข้าร่วมกับแจ๊คเสมอๆ งานนี้ก็จะได้เห็นลีลาการแสดงในแบบหยิกแกมหยอกตอกให้หน้าหงายแล้วขำกันให้ ตายของแดน-แจ๊ค ที่อาจกลายเป็นคู่หูคู่ฮาคนใหม่ นอกเหนือจากพาร์ทนุ่มๆซึ้งๆเหงาๆในลุคส์ของนักดนตรีขี้เหงาของแดน
@ไม่ บ่อยครั้งเท่าไหร่นักที่เราจะได้สัมผัสกับการถ่ายทำในรูปแบบของ ONE LONG TAKE ในภาพยนตร์โรแมนติคคอมมิดี้ แต่สำหรับ “ฤดูที่ฉันเหงา” แล้ว ถือได้ว่าเป็นความตั้งใจของผกก.แดนที่จะนำเสนออีกรูปแบบของงานทางด้านภาพให้ ปรากฎอยู่ในภาพยนตร์โดยเลือกซีนที่กล่าวได้ว่าเป็นจุดพลิกผันสำคัญของ ภาพยนตร์ที่เกิดขึ้นกับ2ตัวละครสำคัญ เดซี่ช่างทำผมหนุ่มเจ้าเสน่ห์ และ แจนหญิงสาวที่มองหาไออุ่นที่คุ้นเคยในร้านทำผม ซึ่งเกิดขึ้นในร้านทำผมพร้อมกับองค์ประกอบทางเทคนิคที่ต้องถูกสร้างสรรค์ ขึ้นจากทีมงานในหลายๆส่วน ไม่ว่าจะเป็นทีมผู้กำกับภาพ ผู้ช่วย ทีมเทคนิคในการสร้างฝน ฟ้าแล่บ และจังหวะการแสดงของโทนี่และแป้งโกะ โดยเป็นการถ่ายทำแบบONE LONG TAKE ที่จะไม่มีการตัดภาพจนกว่าการถ่ายทำจะจบลง สำหรับนักแสดงทั้งคู่จะต้องแสดงโดยเน้นแอ็คติ้งที่ต้องสัมพันธ์กับคิวการ เคลื่อนกล้องไปตามจุดต่างๆพร้อมกับคิวฝนตก คิวฟ้าแล่บ และหากแอ็คติ้งผิดหรือทางกล้องที่ต้องเคลื่อนไหวตลอดมารับกับจังหวะคิวของ เฟรมภาพที่ถูกกำหนดไว้แล้วไม่ทัน การถ่ายทำจะต้องเริ่มต้นใหม่ นักแสดงจะต้องแอ็คติ้งอารมณ์ใหม่หมดเลยทีเดียว แต่ที่ท้าทายสุดๆคือในฉากนี้เป็นฉากอารมณ์สำคัญที่เข้มข้นสุดๆซึ่งต้องอาศัย ความสามารถทางการแสดงสูงโดยที่นักแสดงจะต้องมีสมาธิจดจ่อกับการแสดงและคิว ต่างๆให้พอเหมาะพอดี ซึ่งยังไม่รวมกับจังหวะการปล่อยเพลงในภาคดนตรีที่ผกก.แดนกำหนดไว้ในใจว่า เสียงเปียโนที่จะถูกบรรเลงขึ้นเมื่อกล้องเคลื่อนมารับกับแอ็คติ้งและสีหน้า ของนักแสดงที่จะเกิดขึ้นในขณะนั้น
และนี่เป็นเพียงบางส่วนของ ความละเมียดและอารมณ์ความรู้สึกที่มาพร้อมกับสายฝนที่พร้อมแปรเปลี่ยนความ เหงาให้กลายเป็นความรักที่จะเกิดขึ้น9พ.ค.นี้ใน “ฤดูที่ฉันเหงา”