FB on August 20, 2013, 08:41:44 AM
Movie: The Conjuring คนเรียกผี







          เรื่องย่อ The Conjuring

          ก่อนเหตุการณ์สยองขวัญที่อมิตี้วิลล์ มีเรื่องราวที่เฮี้ยนยิ่งกว่าเกิดขึ้นที่หมู่บ้านชื่อแฮร์ริสวิลล์ สร้างจากเรื่องจริง "The Conjuring" บอกเล่าถึงตำนานเกี่ยวกับนักสืบสวนเรื่องราวเหนือธรรมชาติชื่อดัง เอ็ดและลอเรน วอร์เรน ที่ถูกเรียกตัวให้ไปช่วยครอบครัวที่ถูกคุกคามจากพลังมืดลึกลับในบ้านไร่ที่ห่างไกลผู้คน ครอบครัววอร์เรนจำเป็นต้องเผชิญหน้ากับปีศาจร้ายที่ทรงอำนาจ ซึ่งนับได้ว่าเป็นคดีที่สยองขวัญที่สุดที่พวกเขาเคยประสบมาในชีวิต

          "The Conjuring" ภาพยนตร์จากนิวไลน์ซีนีม่า สร้างจากแฟ้มคดีของนักปีศาจวิทยาคู่สามีภรรยา เอ็ดและลอเรน วอร์เรน "The Conjuring" นำแสดงโดย เวร่า ฟาร์มิก้า ผู้ได้รับการเสนอชื่อชิงรางวัล Academy Award® (เรื่อง "Up in the Air" ภาพยนตร์โทรทัศน์เรื่อง "Bates Motel") และแพทริค วิลสัน (เรื่อง "Insidious") รับบทเป็นคู่สามีภรรยาวอร์เรน และรอน ลีฟวิงสตัน (เรื่อง "The Odd Life of Timothy Green") กับลิลี่ เทย์เลอร์ (ภาพยนตร์โทรทัศน์เรื่อง "Hemlock Grove") ในบทโรเจอร์และคาโรลีน เพอร์รอน เจ้าของบ้าน

          โจอี้ คิง, สแตนลีย์ คาสเวลล์, เฮลีย์ แม็คฟาร์แลน, แม็คเคนซี่ ฟอย และนักแสดงหน้าใหม่ ไคล่า เดเวอร์ รับบทลูกสาวทั้งห้าของครอบครัวเพอร์รอน และสเตอร์ลิง เจรินส์ รับบทเป็นจูดี้ลูกสาวตัวน้อยของครอบครัววอร์เรน ร่วมด้วย มาเรียน กีออท ในบทคุณยายของจูดี้, สตีฟ โคลเทอร์ ในบทคุณพ่อกอร์ดอน, แชนนอน คุ๊ก เป็นดริวผู้ช่วยนักสืบของพวกวอร์เรน และจอห์น บราเดอร์ตัน เป็นเจ้าหน้าที่รักษากฏหมายผู้สงสัยในคำกล่าวอ้างของครอบครัวเพอร์รอนและวิธีการของพวกวอร์เรน

          เจมส์ วาน (เรื่อง "Saw" และเรื่อง "Insidious") กำกับจากบทภาพยนตร์ของแชด เฮย์ส และแครี่ย์ ดับเบิ้ลยู เฮย์ส (เรื่อง "The Reaping") อำนวยการสร้างโดย โทนี่ เดอโรซ่า-กรันด์, ปีเตอร์ ซาฟราน และร็อบ โคแวน ร่วมด้วย วอลเตอร์ ฮามาดา และเดฟ นูสแตดเตอร์ ทำหน้าที่ผู้อำนวยการสร้างบริหาร ส่วนที่กลับมาร่วมงานกันอีกครั้งของทีมงานจากภาพยนตร์เรื่อง "Insidious" ได้แก่ผู้กำกับภาพ จอห์น อาร์ ลีโอเน็ทท์, ผู้ลำดับภาพ เคิร์ก มอร์ริ, ผู้ออกแบบเครื่องแต่งกาย คริสติน เอ็ม เบิร์ก, ผู้ประพันธ์เพลง โจเซฟ บิชารา และโปรดักชั่นดีไซเนอร์จากเรื่อง "Saw" จูลี่ เบิร์กฮอฟฟ์

          นิวไลน์ซีนีม่านำเสนอภาพยนตร์เรื่อง "The Conjuring" ผลงานสร้างของบริษัทซาฟราน/เอเวอร์กรีน มีเดียกรุ๊ป โปรดักชั่น จากการกำกับฯของ เจมส์ วาน กำหนดฉายวันที่ 19 กรกฎาคม 2013 ภาพยนตร์เรื่องนี้จัดจำหน่ายโดย วอร์เนอร์ บราเดอร์ส พิคเจอร์ส ซึ่งเป็นบริษัทในกลุ่มบริษัทวอร์เนอร์ บราเดอร์ส เอ็นเตอร์เทนเมนท์ จำกัด

FB on August 20, 2013, 08:43:59 AM
          นักแสดง
          เวร่า ฟาร์มิก้า (ลอร์เรน วอร์เรน)
          ได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัล Oscar® ยังคงสร้างความประทับใจให้กับผู้ชมด้วยความสามารถในการรับบทบาทที่หลากหลายและเข้าถึงอารมณ์
          ฟาร์มิก้าได้รับการยกย่องจากนักวิจารณ์และถูกเสนอชื่อเข้าชิงรางวัล Academy Award®, รางวัล Screen Actors Guild (SAG) Award® และรางวัล Golden Globe Award สาขานักแสดงสบทบหญิงยอดเยี่ยม ในบทอเล็กซ์จากภาพยนตร์เรื่อง "Up in the Air" ของเจสัน ไรท์แมน โดยประชันบทบาทกับจอร์จ คลูนีย์
          ปัจจุบันเธอรับบท นอร์ม่า หลุยส์ เบทส์ ใน "Bates Motel" ซีรีส์ที่จินตนาการใหม่ถึงเหตุการณ์ช่วงก่อนภาพยนตร์คลาสสิคของฮิตช์ค็อกเรื่อง "Psycho" ฟาร์มิก้าเพิ่งเสร็จจากการถ่ายทำภาพยนตร์ของ แน คารานฟิล เรื่อง "Closer to the Moon"
ผลงานภาพยนตร์เรื่องอื่นๆ ของเธอได้แก่ ภาพยนตร์แนวโรแมนติคเรื่อง "Middleton", ภาพยนตร์ระทึกใจของ แดเนียล เอสพีโนซ่า เรื่อง "Safe House" ร่วมกับ เดนเซล วอชิงตัน และ ไรอัน เรย์โนลด์, ภาพยนตร์คอมมิดี้เรื่อง "Goats" ซึ่งเปิดตัวที่เทศกาลภาพยนตร์ซันแดนซ์เมื่อปี 2012, ภาพยนตร์ไซไฟระทึกขวัญเรื่อง "Source Code" ประชันบทบาทกับ เจค จิลเลนฮาล และในปี 2011 เธอกำกับและแสดงในภาพยนตร์เรื่อง "Higher Ground" ภาพยนตร์เรื่องนี้ได้เข้าร่วมประกวดที่เทศกาลภาพยนตร์ซันแดนซ์ 2011 และเทศกาลภาพยนตร์ทริเบกาก่อนกำหนดฉายจริงอีกด้วย
          ก่อนหน้านี้ ฟาร์มิก้าเคยพิชิตรางวัลนักแสดงหญิงยอดเยี่ยมจาก Los Angeles Film Critics' Association ในบทไอรีนจากภาพยนตร์อิสระเรื่อง "Down to the Bone" เธอยังได้รับรางวัลนักแสดงหญิงยอดเยี่ยมจากเทศกาลภาพยนตร์ซันแดนซ์และเทศกาลภาพยนตร์มาราเกซ ทั้งได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัล Independent Spirit Award อีกด้วย การแสดงในดราม่าเกี่ยวกับวันสิ้นโลกเรื่อง "The Boy in the Striped Pajamas" ทำให้เธอได้รับรางวัล British Independent Film Awards สาขานักแสดงหญิงยอดเยี่ยม เธอยังได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัล Broadcast Film Critics Award จากดราม่าเกี่ยวกับการเมืองของร็อด ลูรี่เรื่อง "Nothing But the Truth" และได้รับการเสนอชื่อเพื่อชิงรางวัล SAG Award® สาขา Best Ensemble จากภาพยนตร์รางวัล Oscar® ของ มาร์ติน สกอร์เซซี่ เรื่อง "The Departed" ร่วมกับ แมทท์ เดม่อน, ลีโอนาโด ดิคาปริโอ และแจ็ค นิโคลสัน
          นอกจากนี้เธอยังได้ร่วมแสดงในภาพยนตร์อีกมากมาย อาทิ ภาพยนตร์เขย่าขวัญของ เฮาเมต์ โคเลต-เซร์ญา เรื่อง "Orphan", ภาพยนตร์ของแอนโทนี มิงเกลล่า เรื่อง ''Breaking & Entering", ภาพยนตร์จากการกำกับของโจนาธาน เดมมี่ เรื่อง "The Manchurian Candidate" และภาพยนตร์เขย่าขวัญเรื่อง "Joshua"

          แพทริค วิลสัน (เอ็ด วอร์เรน)
          นักแสดงละครเวทีที่มีรางวัลการันตีและมีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักดีบนจอเงิน
          นักแสดงละครเวทีที่มีรางวัลการันตีและมีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักดีบนจอเงิน ผลงานต่อไปของเขาคือการกลับไปสวมบทเป็น จอช แลมเบิร์ต ในภาพยนตร์เรื่อง "Insidious:Chapter 2" ภาคต่อจาก "Insidious" ภาพยนตร์จากฝีมือการกำกับของ จอห์น วาน ที่ได้ชื่อว่าสยองขวัญที่สุดแห่งปี 2011 มีกำหนดฉายเดือนกันยายนนี้ ในโรงภาพยนตร์
          ภาพยนตร์เรื่องอื่นๆ ที่วิลสันร่วมแสดง ได้แก่ ภาพยนตร์ไซไฟผจญภัยของริดลีย์ สก็อตต์เรื่อง "Prometheus", ภาพยนตร์คอมมิดี้ของ เจสัน ไรท์แมนเรื่อง "Young Adult", ภาพยนตร์เขย่าขวัญเรื่อง "The Ledge", ภาพยนตร์เรื่อง "Morning Glory" ร่วมกับ เรเชล แม็คอดัมส์, ไดแอน คีตัน และแฮร์ริสัน ฟอร์ด, "The Switch" ร่วมกับเจนนิเฟอร์ อนิสตัน และเจสัน เบทแมน, ภาพยนตร์ของโจ คาร์นาฮาน เรื่อง "The A-Team" และภาพยนตร์แอ็คชั่นผจญภัยของ แซ็ค สไนเดอร์ เรื่อง "Watchman" ซึ่งต้องรับสองบทบาทเป็น แดน ไดรเบิร์ก และไนท์ โอว์ล
          ก่อนหน้านี้เขาเคยได้รับคำชื่นชมผลงานจากภาพยนตร์ดราม่าเรื่อง "Little Children" ที่แสดงร่วมกับ เคท วินสเลท และแจ็คกี้ เอิร์ล ฮาลีย์ ผลงานกำกับของท็อด ฟิลด์
          ปี 2008 วิลสันแสดงภาพยนตร์สามเรื่องคือ ภาพยนตร์เขย่าขวัญของนีล ลาบิวต์ เรื่อง "Lakeview Terrace" ร่วมกับ แซมมวล แอล แจ็คสัน และเคอร์รี่ วอชิงตัน, ภาพยนตร์ดราม่าลึกลับเรื่อง "Passengers" ประชันบทกับแอนน์ แฮทธาเวย์ และหนังอินดี้เรื่อง "Life in Flight" ซึ่งเปิดตัวที่เทศกาลภาพยนตร์ทริเบกา
          ผลงานภาพยนตร์เรื่องอื่นๆ ของเขา ประกอบด้วยหนังอินดี้เรื่อง "Evening" ร่วมกับ เมอรีล สตรีป, เกล็น โคลส, แคลร์ เดนส์ และวาเนสซ่า เรดเกรฟ, "Purple Violets" ผลงานกำกับของเอ็ดเวิร์ด เบิร์นส์, "Running with Scissors" และ "Hard Candy" ประชันบทกับ เอลเลน เพจ เขายังได้รับบทเป็น ราอูล ในภาพยนตร์ที่ดัดแปลงจากละครเวทีของ โจเอล ชูมัคเกอร์ เรื่อง "The Phantom of the Opera" ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความสามารถทางดนตรีของเขาอีกด้วย
          สำหรับด้านโทรทัศน์ วิลสันได้รับการเสนอชื่อชิงรางวัล Emmy Award และรางวัล Golden Globe Award จากการรับบทโจ พิทท์ ผู้ขัดแย้งต่อศีลธรรมในมินิซีรีส์ของ HBO เรื่อง "Angels in America" ซึ่งดัดแปลงจากบทละครที่ได้รับรางวัลของโทนี่ ครุชเชอร์ เรื่อง "Angels in America: Millennium Approaches" และ เรื่อง "Angels in America: Perestroika"
          วิลสันได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัล Tony Award สาขานักแสดงชายยอดเยี่ยมจากละครเพลงถึงสองปีซ้อน ผลงานล่าสุดจากการสวมบทบาทเคิร์ลลี่ในละครบรอดเวย์เรื่อง "Oklahoma!" ที่นำมาเล่นใหม่ในปี 2002 ส่งผลให้เขาได้รับการเสนอชื่อชิงรางวัล Drama Desk Award เขาได้รับการเสนอชื่อชิงรางวัล Tony Award ครั้งแรกจากละครบรอดเวย์สุดฮิตในปี 2001 เรื่อง "The Full Monty" ซึ่งทำให้เขาคว้ารางวัล Drama Desk Award และได้รับการเสนอชื่อชิงรางวัล Outer Critics Circle Award และชนะรางวัล Drama League Award อีกด้วย
          ปี 2006 วิลสันหวนกลับสู่บรอดเวย์อีกครั้งเพื่อแสดงละครคอมมิดี้ที่นำมาสร้างใหม่ของ นีล ไซมอน เรื่อง "Barefoot in the Park" โดยประชันบทบาทกับ อแมนด้า พีท ผลงานบรอดเวย์ล่าสุดในปี 2008/9 คือละครเวทีที่นำมาสร้างใหม่ของ อาร์เธอร์ มิลเลอร์ เรื่อง "All My Sons" โดยแสดงร่วมกับ จอห์น ลิธโกว, ไดแอน วีสท์ และแคธี่ โฮล์มส
          วิลสันเกิดที่รัฐเวอร์จิเนียและเติบโตที่เมืองเซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก รัฐฟลอริด้า จบปริญญาตรีทางด้านศิลปะจากมหาวิทยาลัยคาร์เนกี้เมลลอน เริ่มต้นอาชีพด้วยละครเวทีและได้รับเสียงปรบมือจากเรื่อง "Miss Saigon" และ "Carousel" ในปี 1999 เขาเริ่มแสดงนอกบรอดเวย์ในเรื่อง "Bright Lights, Big City" ซึ่งชนะรางวัล Drama League Award และได้รับการเสนอชื่อชิงรางวัล Drama Desk Award ในปีเดียวกันนั้นเองเขาได้เปิดตัวที่บรอดเวย์ในเรื่อง "Gershwin's Fascinating Rhythm" ส่งผลให้เขาชนะรางวัล Drama League Award อีกครั้งหนึ่ง

          รอน ลีฟวิงสตัน (โรเจอร์ เพอร์รอน)
          เพิ่งเสร็จจากการถ่ายทำภาพยนตร์เรื่อง "Parkland" นำแสดงโดย พอล จิอาแมตติ, บิลลี่ บ็อบ ธอร์นตัน และมาร์เซีย เกย์ ฮาร์เดน
เขาเคยร่วมแสดงกับ โรสแมรี่ เดอวิทท์, แอลลิสัน แจนนีย์ และเอลเลน เพจ ในภาพยนตร์ของลินน์ เชลตัน เรื่อง "Touchy Feely" ซึ่งเปิดตัวในการประกวดที่เทศกาลภาพยนตร์ซันแดนซ์ในเดือนมกราคมและมีกำหนดฉายในช่วงฤดูใบไม้ร่วงนี้, ภาพยนตร์ของ โจ สวอนเบิร์ก เรื่อง "Drinking Buddies" นำแสดงโดย โอลิเวีย ไวลด์, แอนนา เคนดริก และเจ็ค จอห์นสัน ซึ่งเปิดตัวที่ SXSW เมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา โดยมีกำหนดฉายปลายเดือนสิงหาคมนี้, ภาพยนตร์ของ ไรอัน เพจ และคริสโตเฟอร์ พอเมเรงเก้ เรื่อง "Queens of Country" ร่วมกับลิซซี แคปแลน มีกำหนดฉายในฤดูใบไม้ร่วงนี้
          ฤดูใบไม้ร่วงนี้ เขาจะกลับคืนสู่ HBO ในฐานะดาราประจำคนใหม่ของซีรีส์ที่ได้รับคำชมเรื่อง "Boardwalk Empire" เขาเคยร่วมแสดงในภาพยนตร์ซีรีส์ของ HBO ที่ชนะรางวัลมากมายในปี 2012 เป็นเรื่องที่สร้างจากหนังสือขายดีเรื่อง "Game Change" ร่วมกับเอ็ด แฮร์ริส, จูเลียน มัวร์, วู้ดดี้ ฮาร์เรลสัน และซาร่าห์ พอลสัน กำกับโดยเจย์ โรช อำนวยการสร้างโดย เพลย์โทน
          ปีที่แล้วลีฟวิงสตันได้ร่วมแสดงในภาพยนตร์โดดเด่นมากมายรวมถึงเรื่อง "The Odd Life of Timothy Green" นำแสดงโดย เจนนิเฟอร์ การ์เนอร์ และโจเอล เอ็คเกอร์ตัน และ "10 Years" กับแชนนิ่ง เททั่ม, โรซาริโอ ดอว์สันและแอนโธนี แม็คกี้
          ปี 2007 ลีฟวิงสตันปรากฏตัวนอกบรอดเวย์ในละครเวที่ของนีล ลาบิวต์เรื่อง "In a Dark, Dark House" นอกจากนี้เขายังได้แสดงร่วมกับ ไมเคิล ชีน และเมลิสซ่า จอร์จ เรื่อง "Music Within" ซึ่งชนะรางวัลผู้ชมที่ปาล์มสปริงส์และเทศกาลภาพยนตร์เอเอฟไอดัลลัส ตลอดจนภาพยนตร์ที่น่าประทับใจเรื่อง "Holly" ที่มีเรื่องราวเกี่ยวกับการค้ามนุษย์ผุ้เยาว์ โดยถ่ายทำที่ประเทศกัมพูชาและฉายในเทศกาลภาพยนตร์ต่างๆเมื่อปีที่ผ่านมา
          ลีฟวิงสตันได้รับการเสนอชื่อชิงรางวัล Golden Globe สาขานักแสดงสมทบชายยอดเยี่ยมจากบทกัปตันเลวิส นิกสัน ในภาพยนตร์ที่ผลิตโดย HBO เมื่อปี 2001 เรื่อง "Band of Brothers" ซีรีส์ที่ชนะรางวัลมินิซีรีส์ยอดเยี่ยมจากรางวัล Emmy และ Golden Globe ในปีนั้น และในปีเดียวกันเอง ลีฟวิงสตันก็สวมบทบาทที่น่าจดจำ แจ็ค เบอร์เกอร์ ในซีรีส์ยอดนิยมตลอดกาลของ HBO เรื่อง "Sex and the City" โดยประชันบทกับ ซาร่าห์ เจสซิก้า ปาร์กเกอร์
          ผลงานภาพยนต์เรื่องอื่นๆ ได้แก่ ภาพยนตร์ของโรชเรื่อง "Dinner for Schmucks" ร่วมกับ สตีฟ คาเรล และพอล รัดด์, "The Time Traveler's Wife" กับ อีริค บานา และราเชล แม็คอดัมส์, "The Cooler" นำแสดงโดย วิลเลียม เอช เมซี, มาเรีย เบลโล และอเล็กซ์ บอลด์วิน ซึ่งเปิดตัวในเทศกาลภาพยนตร์ซันแดนซ์, ภาพยนตร์ของ สไปค์ จอนซ์ เรื่อง "Adaptation" ร่วมกับ นิโคลัส เคจ, เมอรีล สตรีป และคริส คูเปอร์, "Swingers" กับจอน ฟาฟโรว์ และวินซ์ วอห์น, ภาพยนตร์ของแซมมวล โกลด์วิน เรื่อง "Pretty Persuasion" กับแอนโธนี ลาพาเกลีย และแอลลิสัน แจนนีย์, "Little Black Book", ภาพยนตร์คัลท์เรื่อง "Office Space" โดยประชันบทกับ เจนนิเฟอร์ อนิสตัน ในบทของหนุ่มออฟฟิศขี้โมโหที่ติดกับอยู่ในองค์กร ภาพยนตร์เรื่องนี้กลายเป็นหนังสุดฮิตและดีวีดีให้เช่าที่ขายดีตลอดกาล
          ลีฟวิสตันเติบโตที่รัฐไอโอว่า หลังจบชั้นมัธยมปลายที่โรงเรียนมาเรียนไฮค์ เขาก็เข้าเรียนต่อที่มหาวิทยาลัยเยล

          ลิลี่ เทย์เลอร์ (คาโรลีน เพอร์รอน)
          แสดงคู่กับ ไคลฟ์ โอเว่น และอีธาน ฮอว์ค ในภาพยนตร์ของกุยโลม คาเนท "Blood Ties" ซึ่งเปิดตัวที่เทศกาลภาพยนตร์เมืองคานส์ในเดือนพฤษภาคมและฉายในโรงภาพยนตร์ในเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา
          แสดงคู่กับ ไคลฟ์ โอเว่น และอีธาน ฮอว์ค ในภาพยนตร์ของกุยโลม คาเนท "Blood Ties" ซึ่งเปิดตัวที่เทศกาลภาพยนตร์เมืองคานส์ในเดือนพฤษภาคมและฉายในโรงภาพยนตร์ในเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา สำหรับฤดูใบไม้ร่วงนี้ เธอประชันบทกับ คาร์ล เออร์บัน และไมเคิล เอลี่ ในซีรีส์เรื่องใหม่ของ เจ เจ เอบรามส์ ซึ่งฉายทางช่องฟอกซ์เรื่อง "Almost Human"
          เธอได้ร่วมงานกับ โรเบิร์ต อัลท์แมน สองครั้งในภาพยนตร์เรื่อง "Prêt-à-Porter (Ready to Wear)" และ "Short Cuts" ทำให้ได้รับรางวัล Golden Globe Award และรับเกียรติจากเทศกาลภาพยนตร์นานาชาติเวนิซร่วมกับผู้แสดงคนอื่นในเรื่องนี้ เธอยังได้ทำงานกับ แนนซี่ ซาโวก้า สองครั้งในภาพยนตร์เรื่อง "Dogfight" และเรื่อง "Household Saints" ส่งผลให้เธอได้รับรางวัล Independent Spirit Award
          เทศกาลภาพยนตร์ซันแดนซ์ได้มอบรางวัลเกียรติยศพิเศษให้กับเธอสำหรับบท แมรี่ ฮาร์รอน จากภาพยนตร์เรื่อง "The Notorious Bettie Page" และ เรื่อง "I Shot Andy Warhol" การแสดงของเธอในเรื่อง "I Shot Andy Warhol" ส่งผลให้เธอได้รับรางวัลนักแสดงหญิงยอดเยี่ยมจากเทศกาลภาพยนตร์ซีแอตเทิลปี 1996 ทั้งยังกวาดรางวัลสาขาเดียวกันจากภาพยนตร์ของจิม แม็คเคย์ เรื่อง "Girls Town" และภาพยนตร์ของ Friðrik Þór Friðriksson เรื่อง "Cold Fever" เธอได้ชื่อว่าเป็นนักแสดงหญิงยอดเยี่ยมที่เทศกาลภาพยนตร์โคเปนเฮเกนจากภาพยนตร์ของ เบนท์ ฮาเมอร์ เรื่อง "Factotum"
          ผลงานอื่นๆ อาทิ ภาพยนตร์ของ ฮานี อาบู-อัสซาด เรื่อง "The Courier"ร่วมกับ มิคกี้ รู้ค และเจฟฟรีย์ ดีน มอร์แกน, ภาพยนตร์ดราม่าของ พอล ไวท์ซ เรื่อง "Being Flynn" โดยประชันบทบาทกับ โรเบิร์ต เดอนีโร, ภาพยนตร์ของ สตีเฟน เอลเลียต เรื่อง "About Cherry" คู่กับ เจมส์ ฟรังโก้, ภาพยนตร์ของไมเคิล แมนน์ เรื่อง "Public Enemies", ภาพยนตร์ของ แอนดรูว์ แวกเนอร์ เรื่อง "Starting out in the Evening" ประชันบทกับ แฟรงก์ แลงเจลล่า, ภาพยนตร์ของ จอห์น เซย์เลส เรื่อง "Casa de los babys", ภาพยนตร์ของสตีเฟน เฟรียส เรื่อง "High Fidelity", ภาพยนตร์ของแจน เดอ บองต์ เรื่อง "The Haunting", ภาพยนตร์ของโทนี่ คาเลม เรื่อง "A Slipping-Down Life", ภาพยนตร์ของจอห์น วอเตอร์ส เรื่อง "Pecker", ภาพยนตร์ของแสตนลี่ย์ ทูชชี่ เรื่อง "The Addiction", ภาพยนตร์ของอลัน รูดอล์ฟ เรื่อง "Mrs. Parker and the Vicious Circle", ภาพยนตร์ของเดวิด แอนสพอห์ เรื่อง "Rudy", ภาพยนตร์ของ เอเมีย คุสตูริก้า เรื่อง "Arizona Dream", ภาพยนตร์ของโอลิเวอร์ สโตน เรื่อง "Born on the Fourth of July", ภาพยนตร์ของ คาเมรอน โครว เรื่อง "Say Anything & hellip" และภาพยนตร์ของ โดนัลด์ เพทรี้ เรื่อง "Mystic Pizza" ซึ่งเป็นภาพยนตร์เปิดตัวที่ทำให้เธอเป็นที่รู้จัก
          ผลงานทางจอโทรทัศน์ของเธอรวมถึงซีรีส์เรื่อง "State of Mind" สำหรับช่อง Lifetime และล่าสุดซีรีส์สยองขวัญเรื่อง "Hemlock Grove" เธอเป็นดารารับเชิญในเรื่อง "Mad About You" และได้รับการเสนอชื่อรางวัล Emmy Award จาการปรากฏตัวในเรื่อง "The X-Files" กับเรื่อง "Six Feet Under" ซึ่งทำให้เธอคว้ารางวัล Screen Actors Guild (SAG) Award ร่วมกับเพื่อนนักแสดง เธอยังได้รับความชื่นชมจากบทในมินิซีรีส์ของ มิค แจ็คสัน ที่ฉายทางช่อง HBO เรื่อง "Live From Baghdad" และซีรีส์ของโรเบิร์ต ดอร์นเฮล์ม เรื่อง "Anne Frank: The Whole Story " ซึ่งเธอแสดงเป็นวีรบุรษหญิง มิพ กิส ซึ่งมีตัวตนอยู่จริง
เทย์เลอร์เปิดตัวบนเวทีบรอดเวย์ครั้งแรกจากละครเวทีของสก็อตต์ เอลเลียตเรื่อง "Three Sisters" ซึ่งประพันธ์โดยแอนตัน เชคอฟ และมีผลงานกำกับละครเวทีครั้งแรกให้คณะละครของเธอเองเรื่อง "Halcyon Days" ของสตีเวน ไดเอทซ์ ผลงานละครเวทีอื่นๆ ได้แก่ "The Dead Eye Boy" ทำให้เธอได้รับการเสนอชื่อชิงรางวัล Drama Desk, เรื่อง "Landscape of the Body", เรื่อง "Aven' U Boys" และละครเวทีที่นิวกรุ๊ปนำมาทำใหม่ในปี 2004 เรื่อง "Aunt Dan & Lemon" ซึ่งทำให้เธอชนะรางวัล Obie Award และรางวัล Drama League Award

FB on August 20, 2013, 08:44:42 AM
          ผู้สร้างภาพยนตร์
          เจมส์ วาน (ผู้กำกับ)
          ได้รับการกล่าวขานว่าเป็นผู้สร้างภาพยนตร์ที่สร้างสรรค์ที่สุด ภาพยนตร์ลำดับที่หกของวานเรื่อง "Insidious: Chapter 2" ซึ่งเป็นภาพยนตร์ภาคต่อของภาพยนตร์เกี่ยวกับสิ่งเหนือธรรมชาติเขย่าขวัญที่ประสบความสำเร็จเรื่อง "Insidious" ซึ่งเขาร่วมสร้างสรรค์กับเพื่อนเก่าลีห์ แวนเนลล์ มีกำหนดฉายเดือนกันยายนนี้
          ได้รับการกล่าวขานว่าเป็นผู้สร้างภาพยนตร์ที่สร้างสรรค์ที่สุด ภาพยนตร์ลำดับที่หกของวานเรื่อง "Insidious: Chapter 2" ซึ่งเป็นภาพยนตร์ภาคต่อของภาพยนตร์สิ่งเหนือธรรมชาติเขย่าขวัญที่ประสบความสำเร็จเรื่อง "Insidious" ซึ่งเขาร่วมสร้างสรรค์กับเพื่อนเก่าลีห์ แวนเนลล์ มีกำหนดฉายเดือนกันยายนนี้ โดยมีดาราจากภาคก่อนนำแสดงครบครันอาทิ แพทริก วิลสัน, โรส ไบร์น และบาร์บาร่า เฮอร์ชี่
          วานจะเริ่มถ่ายทำภาค 7 ของภาพยนตร์เรื่อง "Fast & Furious" เร็วๆนี้ โดยมีกำหนดฉายเดือนกรกฎาคม 2014
          เขาเพิ่งเสร็จสิ้นจากการถ่ายทำภาพยนตร์เรื่อง "House of Horror" นำแสดงโดยมาเรีย เบลโล ภาพยนตร์เรื่องนี้ผลิตโดยบริษัทเจมส์ วาน และเป็นภาพยนตร์เรื่องแรกใน 8 เรื่องที่วานทำสัญญาไว้กับไอคอน เอนเตอร์เทนเมนท์ อินเตอร์เนชั่นแนล
          วานได้ร่วมสร้างภาพยนตร์ภาคต่อเรื่อง "Saw" ซึ่งเป็นภาพยนตร์ซีรีส์สยองขวัญที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดตลอดกาล นอกจากจะกำกับภาคแรกซึ่งเปิดตัวเมื่อปี 2004 ในเทศกาลภาพยนตร์ซันแดนซ์แล้ว เขายังรับหน้าที่เป็นผู้อำนวยการสร้างบริหารสำหรับทุกภาคของซีรีส์ชุดนี้ ผลงานอื่นๆของวานได้แก่ ภาพยนตร์สยองขวัญเรื่อง "Dead Silence" และภาพยนตร์เกี่ยวกับความแค้นเขย่าขวัญเรื่อง "Death Sentence" นำแสดงโดย เควิน เบคอนและการ์เร็ท เฮดลันท์ จากนั้นวานก็ได้รับข้อเสนอให้ร่วมสร้าง อำนวยการสร้างและกำกับภาพยนตร์สั้นคอมมิดี้เรื่อง "Doggie Heaven" ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งในรายการที่เปิดตัว XBOX Live Marketplace นอกจากนี้เขายังเป็นที่ปรึกษาด้านครีเอทีฟสำหรับวีดีโอเกมเรื่อง "Saw" ตลอดจนร่วมสร้างและกำกับเรื่อง "Loved Ones" ซึ่งเป็นหนังตัวอย่างสำหรับภาพยนตร์ของอีเอเรื่อง "Dead Space"
          ปี 2004 วานได้รับรางวัลเกียรติยศ Greg Tepper Award สำหรับความสำเร็จที่โดดเด่นในวงการภาพยนตร์
          เขาเป็นคนออสเตรเลียและอาศัยอยู่ในประเทศสหรัฐอเมริกา

          แชด เฮย์ส และ แครีย์ ดับเบิ้ลยู เฮย์ส (ผู้เขียนบทภาพยนตร์)
          คู่แฝดเหมือนที่เขียนบทร่วมกันตั้งแต่อายุ 16 ปี ภาพยนตร์ที่ทั้งคู่เขียนบทให้ได้แก่ เรื่อง "Whiteout" นำแสดงโดยเคท เบคคินเซล, เรื่อง "The Reaping" นำแสดงโดยฮิลลารี่ สแวงก์ และภาพยนตร์ของ โจเม่ โคเลต-เซอร่า ที่นำเรื่องเขย่าขวัญคลาสิคปี 1953 มาสร้างใหม่ในปี 2005 เรื่อง "House of Wax" ตลอดชีวิตการทำงาน ทั้งสองได้ร่วมทำงานกับผู้สร้างหลากหลาย รวมทั้งสก็อตต์ รูดิน, จอห์น วู, อาร์โนลด์ คอเพลสัน และไมเคิล เบย์
          ปัจจุบันพี่น้องเฮย์สทำงานให้กับสตูดิโอต่างๆ รวมถึงภาพยนตร์ตะวันตกเรื่อง "Redemption "ของนิวไลน์ซีนีม่า ในฤดูใบไม้ร่วงนี้ ทั้งคู่จะกำกับเรื่อง "Train" สารคดีเหนือธรรมชาติเป็นเรื่องแรก ทั้งคู่ได้เขียนบทเรื่องนี้ด้วย
          สำหรับผลงานทางโทรทัศน์ ได้แก่ เรื่อง "Down, Out & Dangerous" ที่ฉายทาง USA network, เรื่อง "Twisted Desire" ทางช่อง NBC ทั้งสองยังเขียนบทควบคู่กับการเป็นผู้อำนวยการสร้างบริหารเรื่อง "Horse Sense" และ เรื่อง "Jumping Ship" สำหรับช่อง Disney, เรื่อง "First Daughter" และ "First Target" ตลอดจน เรื่อง "First Shot" สำหรับช่อง TBS และเรื่อง "Shutterspeed" สำหรับช่อง TNT นอกจากนี้ทั้งสองยังมีผลงานจากหนังนำร่อง(ตอนแรก)สำหรับช่อง NBC, CBS, Fox, TBS และ Spelling Entertainment อีกด้วย
          โทนี่ เดอโรซ่า-กรันด์ (ผู้อำนวยการสร้าง)
          อำนวยการสร้างไลฟ์คอนเสิร์ตครั้งแรกในปี 1978 เมืออายุ 19 ปี เขายังอำนวยการสร้างให้กับคอนเสิร์ตอีกกว่า 200 งาน และเป็นโปรดิวเซอร์ให้กับรายการวิทยุในตำนาน Studio 92 ร่วมกับดีเจ เทด คูเรียร์
          อำนวยการสร้างไลฟ์คอนเสิร์ตครั้งแรกในปี 1978 เมืออายุ 19 ปี เขายังอำนวยการสร้างให้กับคอนเสิร์ตอีกกว่า 200 งาน และเป็นโปรดิวเซอร์ให้กับรายการวิทยุในตำนาน Studio 92 ร่วมกับดีเจ เทด คูเรียร์
          เป็นเรื่องปกติที่ผู้อำนวยการสร้างอายุน้อยมักจะผันตัวเองเข้าวงการการถ่ายทอดคอนเสิร์ตทางโทรทัศน์ บ้างก็ไปช่อง MTV ประสบการณ์ที่เขาสะสมจากไลฟ์คอนเสิร์ตทำให้เขาตั้งบริษัทใหม่ขึ้นมาเพื่อผลิตรายการถ่ายทอดสดกีฬาโดยมีลูกค้ารายแรกคือช่อง FNN/Sport ในช่วงที่รุ่งที่สุด เดอโรซ่า-กรันด์ และบริษัทของเขาผลิตรายการเกือบ 40% ของรายการถ่ายทอดสดกีฬาทั้งหมดสำหรับช่อง FNN/Sport ประสบการณ์เหล่านี้เอง ทำให้เขาได้ก้าวต่อไปและสร้างสรรค์ซีรีส์กีฬาแบบเรียลลิตี้เรื่อง "Pros vs. Joes" ซึ่งออกอากาศช่วงเวลาไพรม์ไทม์ทางช่อง Spike TV เป็นเวลาถึง 5 ปี
          ช่วงกลางทศวรรษที่ 90 เขามองเห็นถึงโอกาสทำเงินในธุรกิจการถือครองลิขสิทธิ์ในสินค้าหรือแบรนด์ต่างๆ จึงตัดสินขยายบริษัทเจาะตลาดในส่วนนี้ หลังจากนั้นไม่นานเขาจึงกลายเป็นผู้ก่อตั้งและประธานเจ้าหน้าที่บริหารฝ่ายโทรทัศน์และภาพยนตร์ของ Archie Comic Publications (ACP) ภายใต้การรวมธุรกิจของสองบริษัท ซึ่งเขาได้อำนวยการสร้างและดูแลกรรมสิทธิ์ในสินค้าที่มีชื่อเสียงระดับโลกมากมาย อาทิ "Josie and the Pussycats" "Archie" ซีรีส์อนิเมชั่น (Viacom/ABC) และซีรีส์ถ่ายทอดสดที่ฉายช่วงไพร์มไทม์เรื่อง "Sabrina the Teenaged Witch" (Viacom/ABC) ซึ่งฉายทั้งหมด 7 ซีซั่น ทำเงินได้มากกว่า 300 ล้านดอลล่าห์ทางเคเบิ้ล
          หลังจากที่ประสบความสำเร็จกับธุรกิจการถือกรรมสิทธิ์ ACP แล้ว บริษัทของ เดอโรซ่า-กรันด์ จึงหันมาสนใจในธุรกิจประเภทนี้พิเศษและผันบริษัทเป็น Evergreen Media Group ตลอดหลายปีที่ผ่านมา Evergreen Media Group ได้ถือกรรมสิทธิ์ตลอดจนลิขสิทธิ์ต่างๆในสินค้าแบรนด์ที่มีมูลค่าสูงมากมาย
          เดอโรซ่า-กรันด์ อาศัยอยู่ชานเมืองฮุสตัน รัฐเท็กซัสกับซอนย่าผู้เป็นภรรยามานานกว่า 24 ปีพร้อมบุตร 8 คน
          ปีเตอร์ ซาฟราน (ผู้อำนวยการสร้าง)
          ประธานและผู้ก่อตั้งบริษัทซาฟรานจำกัด ผู้นำด้านโปรดักชั่นของฮอลลีวู้ดและบริหารเรื่องนักแสดง
ประธานและผู้ก่อตั้งบริษัทซาฟรานจำกัด ผู้นำด้านโปรดักชั่นของฮอลลีวู้ดและบริหารเรื่องนักแสดง
          เขาเพิ่งเสร็จสิ้นจากการถ่ายทำภาพยนตร์เขย่าขวัญเรื่อง "Mindscape" นำแสดงโดยมาร์ค สตรองและ เทสซ่า ฟาร์มิก้า และภาพยนตร์คอมมิดี้เรื่อง "Best Night Ever" ซาฟรานมีตารางการทำงาน(กำหนดการทำงาน)กับหนังที่มีกำหนดฉายในเดือนตุลาคมอีกสองเรื่องคือ หนังเขย่าขวัญดราม่าเรื่อง "Hours" นำแสดงโดย พอล วอลเกอร์ และภาพยนตร์ล้อเลียนเรื่อง "The Starving Games"
ปัจจุบันเขากำลังทำพรีโปรดักชั่นภาพยนตร์สยองขวัญของ Gilles Paquet-Brenner เรื่อง "Dark Places" ซึ่งดัดแปลงจากนวนิยายของจิลเลียน ฟลินน์ นำแสดงโดย นิโคลัส ฮอลท์, โคลอี้ มอร์เรตซ์ และชาร์ลีซ เธอรอน
          ภาพยนตร์ที่ซาฟรานอำนวยการสร้างเรื่องอื่นๆ ได้แก่ ภาพยนตร์เขย่าขวัญเรื่อง "ATM" และเรื่อง "Vehicle 19", ภาพยนตร์คอมมิดี้จากซันแดนซ์ปี 2011 เรื่อง "Flypaper" นำแสดงโดย แพทริค เดมป์ซีย์, ภาพยนตร์ยอดนิยมจากซันแดนซ์เรื่อง "Buried" นำแสดงโดย ไรอัน เรย์โนลด์ส ซึ่งออกฉายในโรงภาพยนตร์ในปี 2010 ซาฟรานยังอำนวยการสร้างภาพยนตร์ทำเงินเรื่อง "Meet the Spartans" และเรื่อง "Vampires Suck" ตลอดจนภาพยนตร์ล้อเลียนสุดฮิตเรื่อง "Scary Movie" นอกจากนี้เขายังอำนวยการสร้างซีรีส์แสตนอัพคอมมิดี้ทางช่อง HBO เรื่อง "P. Diddy presents The Bad Boys of Comedy" อีกด้วย
          ซาฟรานเกิดที่นิวยอร์คและเติบโตที่ลอนดอน ได้รับปริญญาตรีด้านรัฐศาสตร์จากมหาวิทยาลัยพรินซ์ตัน และปริญญาทางด้านกฏหมายจากคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยนิวยอร์ค และใช้ทักษะทางด้านการเจรจาทำงานเป็นอัยการอยู่ที่เมืองนิวยอร์คซิตี้
          ร็อบ โคแวน (ผู้อำนวยการสร้าง)
          คร่ำหวอดในวงการมานาน 25 ปีและมีผลงานมากว่า 30 เรื่องทั้งภาพยนตร์และโทรทัศน์
          คร่ำหวอดในวงการมานาน 25 ปีและมีผลงานมากว่า 30 เรื่องทั้งภาพยนตร์และโทรทัศน์ เขาร่วมงานกับนักเขียนบทมากมายตั้งแต่ โจ เอสเทอร์ฮัส, นิค พิเลกกิ, โอลิเวอร์ สโตน, เจย์ ค็อกส์ และนิโคลัส กาซาน และเป็นที่รู้จักดีทั่วโลกจากภาพยนตร์ที่ได้รับการยอมรับในเทศกาลภาพยนตร์ต่างๆ อาทิ Deauville, คานส์, มอนติคาร์โล, โตรอนโต้, ทริเบกา และนิวยอร์ค
          ในฐานะที่เป็นผู้นำบริษัทตนเองพีโอวีโปรดักชั่น โครงการแรกของโคแวนคืออำนวยการสร้างภาพยนตร์ของจอน แอฟเน็ท เรื่อง "Righteous Kill" นำแสดงโดย โรเบิร์ต เดอนิโร่ และอัล ปาชิโน่ นอกจากนี้โคแวนยังเป็นผู้อำนวยการสร้างให้กับภาพยนตร์ของเบร็ก ไอส์เนอร์ เรื่อง "The Crazies" นำแสดงโดยทิมโมธี โอลีแฟนท์และรัดฮา มิทเชลล์ เรื่อง "So Undercover" นำแสดงโดยไมลีย์ ไซรัส และภาพยนตร์ของโอเรน พีลี่เรื่อง "The Chernobyl Diaries" ปัจจุบันเขาอำนวยการสร้างบริหารเรื่อง "Tammy" นำแสดงโดยเมลิสซ่า แม็คคาร์ธี่
          โคแวนเริ่มการทำงานของเขาที่ประเทศแคนาดาช่วงต้นทศวรรษที่1980 โดยเป็นผู้ช่วยผู้กำกับภาพยนตร์ทำเงิน อาทิ เรื่อง "Three Men and a Baby" นำแสดงโดยทอม เซลเล็คและเท็ด แดนสัน เรื่อง "Stakeout" นำแสดงโดย ริชาร์ด เดรย์ฟัสและเอมิลิโอ เอสเตเวซ และเรื่อง "Cocktail" นำแสดงโดย ทอม ครูซ
          ในช่วงนี้เอง โคแวนได้ร่วมงานกับคอสต้า การ์ฟราสในภาพยนตร์เรื่อง "Betrayed" นำแสดงโดย เดบร่า วิงเกอร์และทอม เบอเรนเจอร์ อำนวยการสร้างโดย เออร์วิน วิงเลอร์ ต่อมาวิงเลอร์ได้ขอโคแวนให้ทำงานต่อกับภาพยนตร์ของคอสต้า-กาฟรา เรื่อง "Music Box" นำแสดงโดย เจสสิก้า แลงก์ และเขายังช่วยวิงเลอร์กำกับภาพยนตร์เรื่องแรกเรื่อง "Guilty by Suspicion" นำแสดงโดย โรเบิร์ต เดอนิโร่และแอนเน็ต เบนนิ่ง เมื่อถ่ายทำภาพยนตร์จบลงเมื่อปี 1990 โคแวนได้รับการทาบทามให้เป็นหัวหน้าแผนกแผนงานพัฒนาภาพยนตร์ของวิงเลอร์ฟิล์มส์อีกด้วย
          โคแวนร่วมอำนวยการสร้างภาพยนตร์กับวิงเลอร์เรื่อง "Night and the City" นำแสดงโดยเดอนิโร่และแลงก์ จากนั้นเขาก็เข้ารับตำแหน่งประธานของวิงเลอร์ฟิล์มส ในช่วงที่ดำรงตำแหน่ง เขาอำนวยการสร้างภาพยนตร์ที่ประสบความสำเร็จเรื่อง "The Net" นำแสดงโดย แซนดร้า บูลล็อค ซึ่งต่อมาเขาและวิงเลอร์ได้ดัดแปลงให้เป็นซีรีส์ฉายในโทรทัศน์สำหรับ USA Network, เรื่อง "The Juror" นำแสดงโดย เดมี่ มัวร์และอเล็กซ์ บอลด์วิน, เรื่อง "At First Sight" นำแสดงโดย วาล คิลเมอร์และมิร่า ซอร์วิโน, ภาพยนตร์ที่ได้รับคำชื่นชม(ได้รับการยกย่อง)เรื่อง "Life as a House" นำแสดงโดย เควิน ไคลน์, คริสติน สก็อตด์ โธมัสและเฮย์เดน คริสเตนเซ่น, ภาพยนตร์ของไมเคิล แอพด์ เรื่อง "Enough" นำแสดงโดย เจนนิเฟอร์ โลเปซ, ภาพยนตร์ชีวประวัติของโคล พอร์เตอร์ เรื่อง "De-Lovely" นำแสดงโดย ไคลน์และแอชลี่ จัดด์ ภาพยนตร์เรื่องนี้ได้รับการคัดเลือกให้เป็นภาพยนตร์ฉายปิดงานเทศกาลภาพยนตร์เมืองคานส์ปี 2004 นอกจากนี้โคแวนยังอำนวยการสร้างบริหารอัลบั้มซาวน์แทรคซึ่งได้รับการเสนอชื่อชิงรางวัล Grammy ในปีนั้นด้วย
เขายังอำนวยการสร้างภาพยนตร์ฉายทางช่อง Showtime เรื่อง "Marciano" นำแสดงโดย จอน ฟาร์ฟโร และจอร์จ ซี สก็อตต์ ภาพยนตร์เรื่องนี้ได้รับการคัดเลือกให้ฉายคืนวันงานกาล่าในเทศกาลโทรทัศน์มอนติคาร์โล เช่นเดียวกับภาพยนตร์อีกสองเรื่องสำหรับตลาดโฮมวีดีโอเรื่อง "Shackles" นำแสดงโดย ดี แอล ฮิวก์ลีย์ และภาคต่อมาของ "The Net" เรื่อง "The Net 2.0" ซึ่งเขาทั้งเขียนบทและอำนวยการสร้าง งานชื้นสุดท้ายที่โคแวนทำให้วิงเลอร์ฟิล์มสคือภาพยนตร์เกี่ยวกับสงครามอิรัคเรื่อง "Home of the Brave" นำแสดงโดย แซมมวล แอล แจ็คสัน, เจสสิก้า บีล, คริสติน่า ริชชี่ และนักร้องเพลงแร็ป 50 เซนต์

FB on August 20, 2013, 08:45:01 AM
          วอลเตอร์ ฮามาดา (ผู้อำนวยการสร้างบริหาร)
          รองประธานอาวุโสด้านโปรดักชั่น ภาพยนตร์ที่อยู่ในความดูแล(ที่ให้คำปรึกษา)คือ เรื่อง "The Incredible Burt Wonderstone", เรื่อง "Final Destination 5", เรื่อง "A Nightmare on Elm Street" และเรื่อง "Friday the 13th" และอยู่ในคิวที่จะมีกำหนดฉายเร็วๆนี้ได้แก่ เรื่อง "Black Sky" และเรื่อง "47 Ronin" ภาพยนตร์แอ็คชั่นดราม่านำแสดงโดยคีอานู รีฟส์
รองประธานอาวุโสด้านโปรดักชั่น ภาพยนตร์ที่อยู่ในความดูแล(ที่ให้คำปรึกษา)คือ เรื่อง "The Incredible Burt Wonderstone", เรื่อง "Final Destination 5", เรื่อง "A Nightmare on Elm Street" และเรื่อง "Friday the 13th" และอยู่ในคิวที่จะมีกำหนดฉายเร็วๆนี้ได้แก่ เรื่อง "Black Sky" และเรื่อง "47 Ronin" ภาพยนตร์แอ็คชั่นดราม่านำแสดงโดยคีอานู รีฟส์
          ก่อนที่จะร่วมงานกับนิวไลน์ในปี 2007 ฮามาดาเป็นหุ้นส่วนทางธุรกิจอยู่สี่ปีที่ H2F เอ็นเตอร์เทนเมนท์ซึ่งเป็นบริษัทบริหารและโปรดักชั่นที่เขาร่วมก่อตั้งขึ้น ซึ่งเขาได้ช่วยสร้างอาชีพ(อนาคต)ให้กับนักเขียนบทหลายคน อาทิคริส มอร์แกน ("Fast 5" และ "Wanted"), แบรด แกนน์ ("Invincible") และแมทท์ อัลเลนกับคาเล็บ วิลสัน ("Four Christmases") นอกจากนี้เขายังอำนวยการสร้างภาพยนตร์อินดี้สยองขวัญเรื่อง "Whisper"
          เมื่อจบการศึกษาจาก UCLA ฮามาดาเริ่มชีวิตการทำงานของเขาโดยเป็นผู้ช่วยที่ไตรสตาร์พิคเจอร์สที่ซึ่งเขาได้ไต่เต้าอย่างรวดเร็วจนเป็นถึงรองประธานด้านโปรดักชั่นของโคลัมเบียพิคเจอร์ส ขณะทำงานอยู่ที่นั่นเขาได้มีโอกาสดูแลด้านการพัฒนาและโปรดักชั่นของภาพยนตร์หลายเรื่อง อาทิ เรื่อง "The Big Hit", เรื่อง "Vertical Limit", เรื่อง "Godzilla" และเรื่อง "S.W.A.T."
เดฟ นูสแตดเตอร์ (ผู้อำนวยการสร้างบริหาร)
          ทำงานเป็นผู้บริหารด้านการพัฒนากับนิวไลน์ซีนีม่ามาตั้งแต่ปี 2007 ปัจจุบันดำรงตำแหน่งรองประธานด้านโปรดักชั่นของสตูดิโอ
ทำงานเป็นผู้บริหารด้านการพัฒนากับนิวไลน์ซีนีม่ามาตั้งแต่ปี 2007 ปัจจุบันดำรงตำแหน่งรองประธานด้านโปรดักชั่นของสตูดิโอ ภาพยนตร์เรื่องล่าสุดที่เขาอำนวยการสร้างคือเรื่อง "The Incredible Burt Wonderstone" นำแสดงโดย สตีฟ คาเรลล์และสตีฟ บัสเซมี่ ภาพยนตร์สยองขวัญคลาสิคที่นำมาทำใหม่เรื่อง "A Nightmare on Elm Street" นำแสดงโดย แจ็คกี้ เอิร์บ ฮาลีย์ ในบทเฟรดดี้ ครูเกอร์, ภาพยนตร์รักคอมมิดี้เรื่อง "Going the Distance" นำแสดงโดย ดรูว์ แบรี่ย์มอร์และจัสติน ลอง
          ผลงานชิ้นต่อไปคือ เรื่อง "We're the Millers" และภาพยนตร์เขย่าขวัญเกี่ยวกับพายุทอร์นาโดเรื่อง "Black Sky"
นูสแตดเตอร์ เริ่มทำงานให้กับนิวไลน์ในปี 2003 ในตำแหน่งอินเทิร์นในแผนกพัฒนา จากนั้นก็ย้ายไปเป็นผู้ช่วยบริหารให้กับริชาร์ด บรีเนอร์ เขาจบการศึกษาจากมหาวิทยาลัยอินเดียน่า
          จอห์น อาร์ ลีโอเน็ทท์ (ผู้กำกับภาพ)
          เคยร่วมงานกับเจมส์ วานในภาพยนตร์สยองขวัญเรื่อง "Dead Silence" ดราม่าเกี่ยวกับการแก้แค้นเรื่อง "Death Sentence" ร่วมกับเควิน เบคอน และภาพยนตร์สุดฮิต "Insidious" ผลงานชิ้นต่อไปของเขาคือภาคต่อเรื่อง "Insidious: Chapter 2" กำหนดฉายวันที่ 13 กันยายนนี้
          เคยร่วมงานกับเจมส์ วานในภาพยนตร์สยองขวัญเรื่อง "Dead Silence" ดราม่าเกี่ยวกับการแก้แค้นเรื่อง "Death Sentence" ร่วมกับเควิน เบคอน และภาพยนตร์สุดฮิต "Insidious" ผลงานชิ้นต่อไปของเขาคือภาคต่อเรื่อง "Insidious: Chapter 2" กำหนดฉายวันที่ 13 กันยายนนี้
          ลีโอเน็ทท์เริ่มทำงานเมื่ออายุ 13 ปีในโรงงานและแผนกให้เช่าของ Leonetti Cine Rentals ซึ่งเป็นธุรกิจของบิดา ต่อมาเขาได้เป็นผู้ช่วยช่างภาพและช่างภาพ โดยทำงานกับผู้กำกับภาพ วิตโตริโอ สโตราโร และบรรดาผู้กำกับอย่างสตีเวน สปิลเบิร์ก, ฟรานซิส ฟอร์ด คอปโปล่าและวอลเตอร์ ฮิลล์
          ปี 1989 ฮิลล์ชวนลีโอเน็ทท์มาเป็นผู้กำกับภาพให้กับตอนแรกของภาพยนตร์ทางช่อง HBO เรื่อง "Tales from the Crypt" ชื่อตอน "The Man Who Was Death" ส่งผลให้เขาได้รับการเสนอชื่อชิงรางวัลสาขาภาพยอดเยี่ยมของรางวัล CableAce Award ลีโอเน็ทท์ประสบความสำเร็จในการได้รับการเสนอชื่อชิงรางวัล CableAce Award อีกจากซีรีส์ที่ร่วมกับผู้กำกับปีเตอร์ เมดัก ทอม แฮงก์ส และจอห์น แฟรงเก้นไฮเมอร์ ผู้กลายมาเป็นอาจารย์และเพื่อนในเวลาต่อมา
          ลีโอเน็ทท์ได้ร่วมงานกับ Frankenheimer อีกครั้งหนึ่งในภาพยนตร์ของ HBO ที่อิงจากเหตุการณ์จริงเรื่อง "Against the Wall" และเรื่อง "The Burning Season" ซึ่งชนะรางวัล Golden Globe สาขามินิซีรีส์ยอดเยี่ยม
          ผลงานล่าสุดของลีโอเน็ทท์คือ เรื่อง "The Pitch" และเรื่อง "Truth or Dare" ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของคอมมิดี้เรื่อง "Movie 43" นำแสดงโดย เซ็ท แม็คฟาร์แลนและฮัลลี่ เบอร์รี่, ภาพยนตร์ปี 2011 เรื่อง "Soul Surfer" ซึ่งสร้างจากเรื่องจริงของเบธธานี ฮามิลตัน นักเล่นกระดานโต้คลื่นวัย 13 ปี ผู้รอดชีวิตจากการโจมตีของฉลาม และเรื่อง "Super Hybrid" ซึ่งใช้กล้อง RED ถ่ายทำเป็นเรื่องแรกในประเทศแคนาดา
          ผลงานภาพยนตร์อื่นๆ ได้แก่ เรื่อง "Pirhana 3DD" ภาพยนตร์ของคริส Sivertson, เรื่อง "I Know Who Killed Me" นำแสดงโดย ลินซีย์ โลแฮนและอำนวยการสร้างโดย แฟรงก์ แมนคูโซ จูเนียร์, ภาพยนตร์อินดี้เรื่อง "The Woods", เรื่อง "Raise Your Voice" และเรื่อง "The Perfect Man" ซึ่งนำแสดงโดย ฮิลลารี่ ดัฟฟ์ทั้งสองเรื่อง, เรื่อง "Honey" อำนวยการสร้างโดย มาร์ค แพลทท์, เรื่อง "The Scorpion King" อำนวยการสร้างโดย ฌอน แดเนียลส์และจิม แจ็กซ์, เรื่อง "Joe Dirt", เรื่อง "Detroit Rock City", เรื่อง "The Mask", มิวสิควีดีโอกำกับโดยเจมส์ คาเมรอน และเรื่อง "Mortal Kombat"
          ผลงานการกำกับของเขา อาทิ เรื่อง "Mortal Kombat Annihilation" ซึ่งเป็นหนังขายดีอันดับ 1 ในบ็อกซ์ออฟฟิศ และเรื่อง "The Butterfly Effect 2"
          ทางโทรทัศน์ เขามีผลงานในบทบาทของผู้กำกับภาพในซีรีส์ล่าสุดที่สตีเวน สปิลเบิร์กอำนวยการสร้างเรื่อง "The River" และเรื่อง "Providence"
          จูลี่ เบิร์กฮอฟฟ์ (โปรดักชั่นดีไซเนอร์)
          จูลี่ร่วมงานกับเจมส์ วานเป็นครั้งที่สี่ในภาพยนตร์เรื่อง "The Conjuring" เธอเคยร่วมงานกับเขามาก่อนในภาพยนตร์สยองขวัญสุดฮิตเรื่อง "Saw" ตลอดจนภาพยนตร์เขย่าขวัญเรื่อง "Dead Silence" และเรื่อง "Death Sentence"
          จูลี่ร่วมงานกับเจมส์ วานเป็นครั้งที่สี่ในภาพยนตร์เรื่อง "The Conjuring" เธอเคยร่วมงานกับเขามาก่อนในภาพยนตร์สยองขวัญสุดฮิตเรื่อง "Saw" ตลอดจนภาพยนตร์เขย่าขวัญเรื่อง "Dead Silence" และ เรื่อง "Death Sentence"
          ผลงานชิ้นต่อไปของเธอคือภาพยนตร์คอมมิดี้ของนิโคลัส สโตลเลอร์ เรื่อง "Townies" นำแสดงโดยเดฟ ฟรังโก้, แซค แอฟรอน, เซ็ต โรเจ้น และโรส ไบร์น เธอยังออกแบบในภาพยนตร์ของสโตลเลอร์ เรื่อง "The Five Year Engagement" อีกด้วย
ผลงานอื่นๆของเบิร์กฮอฟฟ์ ได้แก่ ดราม่าที่เข้าชิงรางวัล Oscar® ของลิซ่า โชโลเดนโก เรื่อง "The Kids Are All Right" และภาพยนตร์สั้นจากฝีมือการกำกับครั้งแรกของไบรซ์ ดัลลัส โฮเวิร์ด เรื่อง "Orchids" รวมทั้งภาพยนตร์ดราม่าสั้นล่าสุดเรื่อง "When You Find Me"
          เบิรกฮอฟฟ์เริ่มอาชีพในวงการภาพยนตร์ด้วยการสร้างโมเดลสำหรับบริษัททำสเปเชียลเอฟเฟ็คท์ในชิคาโก ต่อมาก็เริ่มเข้าสู่วงการอาร์ตไดเร็คชั่นและออกแบบหนังสต็อปอนิเมชั่นสำหรับรายการโทรทัศน์ทางช่อง FOX เรื่อง "The PJ's" นำแสดงโดย เอ็ดดี้ เมอร์ฟี่ ไม่นานหลังจากนั้นเธอได้ผันตัวเองเข้าสู่วงการมิวสิควีดีโอและโฆษณา โดยทำงานร่วมกับผู้กำกับที่ได้รับการชื่นชมอย่างเอิร์บ ริทท์ส, เดวิด ลาชาแปล และจาเร็ด เฮสส์ และก้าวหน้าในวงการภาพยนตร์อย่างรวดเร็ว
          เคิร์ก มอร์ริ (ผู้ลำดับภาพ)
          ได้ร่วมงานกับเจมส์ วานในภาพยนตร์ฮิตเรื่อง "Insidious" และ ภาคต่อเรื่อง "Insidious: Chapter 2" ซึ่งจะกำหนดฉายเดือนกันยายนนี้ ในโรงภาพยนตร์
          ได้ร่วมงานกับเจมส์ วานในภาพยนตร์ฮิตเรื่อง "Insidious" และภาคต่อเรื่อง "Insidious: Chapter 2" ซึ่งจะกำหนดฉายเดือนกันยายนนี้ ในโรงภาพยนตร์
          ผลงานภาพยนตร์เรื่องอื่นๆ ได้แก่ เรื่อง "Detour", เรื่อง "Freelancers", เรื่อง "Piranha 3DD", เรื่อง "All Things Fall Apart", เรื่อง "Gun", เรื่อง "Circle of Eight", เรื่อง "The Hills Have Eyes II", เรื่อง "He Was a Quiet Man", เรื่อง "Pulse" และเรื่อง "Feast"
          คริสติน เอ็ม เบิร์ก (ผู้ออกแบบเครื่องแต่งกาย)
          ออกแบบเครื่องแต่งกายให้กับภาพยนตร์มาแล้วกว่า 40 เรื่อง เธอเคยร่วมงานกับเจมส์ วาน ในภาพยนตร์สยองขวัญเรื่อง "Death Sentence" และภาพยนตร์เขย่าขวัญเหนือธรรมชาติที่ประสบความสำเร็จอย่างสูงเรื่อง "Insidious"
          ออกแบบเครื่องแต่งกายให้กับภาพยนตร์มาแล้วกว่า 40 เรื่อง เธอเคยร่วมงานกับเจมส์ วาน ในภาพยนตร์สยองขวัญเรื่อง "Death Sentence" และภาพยนตร์เขย่าขวัญเหนือธรรมชาติที่ประสบความสำเร็จอย่างสูงเรื่อง "Insidious" สำหรับผลงานชิ้นต่อไปคือภาคต่อเรื่อง "Insidious: Chapter 2" โดย แพทริค วิลสันและโรส ไบร์น จะกลับมารับบทเดิมอีกครั้งหนึ่ง
          ในบรรดาภาพยนตร์หลายเรื่องที่เธอรับหน้าที่ออกแบบเครื่องแต่งกายนั้นเป็นภาพยนตร์แนวไซไฟโรมานซ์เรื่อง "Seeking a Friend for the End of the World" นำแสดงโดย สตีฟ คาเรลล์, ภาพยนตร์สยองขวัญเรื่อง "Paranormal Activity 2", ภาพยนตร์ตราม่าของเวน เครเมอร์ เรื่อง "Crossing Over" นำแสดงโดย แฮร์ริสัน ฟอร์ดและแอชลี่ จัดด์, เรื่อง "Running Scared" นำแสดงโดย เวร่า ฟาร์มิก้า และเรื่อง "The Cooler" นำแสดงโดย วิลเลียม เอช มาซีย์และอเล็กซ์ บอลด์วิน, ภาพยนตร์กีฬาเรื่อง "The Slaughter Rule" นำแสดงโดย ไรอัน กอชลิ่ง และภาพยนตร์คอมมิดี้เรื่อง "Star Maps" ตลอดจนเรื่อง "Sex Drive" นำแสดงโดย เจมส์ มาร์สเดน
          เธอออกแบบเครื่องแต่งกายให้กับมิวสิควีดีโอ โฆษณาและซีรีส์ทางโทรทัศน์อีกสองเรื่อง นอกจากนี้ เบิร์กยังเป็นศิลปินแสดงผลงานระดับนานาชาติอีกด้วย เธอเชี่ยวชาญทางด้านคอลลาจและเมล์อาร์ต โดยมีผลงานแสดงเดี่ยวครั้งแรกที่ลอสแองเจลิสเมื่อเดือนกันยายน 2001
          เบิร์กเขียนหนังสือหลายเล่ม หนังสือเล่มแรกของเธอนั้นเขียนร่วมกับฮอลลี่ โคลแห่งมหาวิทยาลัยโอไฮโอชื่อ Costuming for Film: the Art and the Craft ตีพิมพ์ในเดือนสิงหาคม 2005 โดยสำนักพิมพ์ซิลแมนเจมส์เพรส ซึ่งเป็นหนังสือเรียนระดับมหาวิทยาลัยเกี่ยวกับการออกแบบเครื่องแต่งกายสำหรับภาพยนตร์อย่างละเอียดนี้เขียนเพื่อให้ผู้ที่มีอาชีพในอุตสาหกรรมนี้ได้เข้าใจได้ดียิ่งขึ้นถึงบทบาทของเครื่องแต่งกายที่อยู่ในสื่อต่างๆของภาพยนตร์ หนังสือเรื่อง Going Hollywood: How to Get Started, Keep Going, and Not Turn Into a Sleaze ได้รับการตีพิมพ์ในเดือนกันยายน 2004 และใช้ในโรงเรียนและมหาวิทยาลัยที่สอนทำภาพยนตร์ในเจ็ดประเทศ นอกจากนี้เบิร์กยังเป็นผู้บุกเบิกเว็บไซต์ FROCKTALK.COM บล็อกที่เกี่ยวกับเครื่องแต่งกายในภาพยนตร์โดยมีเนื้อหาครอบคลุมถึงบทสัมภาษณ์และรีวิวภาพยนตร์ต่างๆ อีกด้วย
          ปี 2005 เบิร์กได้รับเลือกจากผู้สื่อข่าวฮอลลีวู้ดให้เป็นหนึ่งใน 35 บุคคลที่อายุน้อยกว่า 35 ที่น่าจับตามองใน "Next Gen: 2005" และ Academy of Motion Picture Arts and Sciences ก็เลือกให้เธอเป็น "50 Designers: 50 Costumes" เพื่อเป็นการระลึกถึงเครื่องแต่งกายในภาพยนตร์ฮอลลีวู้ด นิทรรศการแสดงเครื่องแต่งกายและภาพนั้นได้จัดขึ้นในประเทศสหรัฐอเมริกา, แคนาดาและญี่ปุ่น
          เบิร์กเกิดที่เมืองออเรนจ์ รัฐแคลิฟอร์เนีย เธอได้รับการศึกษาจากมหาวิทยาลัยนอร์ธเวสเทิร์น เมืองอีแวนสตัน รัฐอิลลินอยส์ ที่ซึ่งเธอได้ฝึกฝน(ฝึกปรือ)ศิลปะการออกแบบเครื่องแต่งกายกับเวอร์จิล ซี จอห์นสัน ดีไซเนอร์ผู้ได้รับความชื่นชมจากวงการโอเปร่าและละครเวที ขณะศึกษาอยู่ที่นอร์ธเวิสเทิร์น เบิร์กได้คว้ารางวัลในงานเทศกาลภาพยนตร์สั้นซีแอตเทิลและเทศกาลเมืองนิมส์ ประเทศฝรั่งเศส ตลอดจนเทศกาลภาพยนตร์ดัลลัสสำหรับหนังสั้นแนวทดลองของเธอ
          โจเซฟ บิชารา (ผู้ประพันธ์เพลง)
          เป็นนักประพันธ์เพลงและโปรดิวเซอร์ผู้เรียบเรียงสกอร์ที่มีเอกลักษณ์โดดเด่นหลากหลายแนว ครอบคลุมตั้งแต่คลาสิค พังก์ อินดัสเทรียล ซึ่งทั้งหมดช่วยส่งให้ผลงานของเขามีความไพเราะจนเป็นที่ประจักษ์
          เป็นนักประพันธ์เพลงและโปรดิวเซอร์ผู้เรียบเรียงสกอร์ที่มีเอกลักษณ์โดดเด่นหลากหลายแนว ครอบคลุมตั้งแต่คลาสิค พังก์ อินดัสเทรียล ซึ่งทั้งหมดช่วยส่งให้ผลงานของเขามีความไพเราะจนเป็นที่ประจักษ์
          สไตล์ที่ได้ผล(ที่มีประสิทธิภาพ)ของเขาได้ถูกนำมาใช้ในภาพยนตร์สยองขวัญเรื่อง "11-11-11", เรื่อง "Night of the Demons", เรื่อง "Autopsy" และเรื่อง "The Gravedancers" ในปี 2010 เขาไม่เพียงแต่ประพันธ์สกอร์ให้กับภาพยนตร์ของเจมส์ วาน เรื่อง "Insidious" เท่านั้น แต่ยังสวมบทบาทเป็นปีศาจลิปสติกเฟซอีกด้วย ผลงานชิ้นต่อไปของเขาคือภาคต่อไปเรื่อง "Insidious: Chapter 2" กำหนดฉายเดือนกันยายนนี้ ในโรงภาพยนตร์
          ผลงานอื่นๆ ได้แก่ เพลงประกอบภาพยนตร์(ซาวน์แทรค)สำหรับภาพยนตร์แนวคัลท์เรื่อง "Repo! The Genetic Opera" และละครเพลงเรื่อง "The Devil's Carniva"
          บิชารา เริ่มต้นอาชีพของเขาด้วยการเป็นนักกีตาร์และนักคีย์บอร์ดให้กับวง LA industrial metal band Drown จากนั้นเขาก็ทำซาวน์แทรคให้กับภาพยนตร์เรื่อง "Mortal Kombat: Annihilation", เรื่อง "Heavy Metal 2000" และเรื่อง "John Carpenter's Ghosts of Mars" เขามีส่วนร่วมในงานรีมิกซ์เพลงของศิลปินที่มีชื่อเสียงอีกมากมาย อาทิ มาริลิน แมนสัน, ไนน์ อินช์ เนลส์, แดนซิกและคริสเตียน เดธ รวมทั้งงานด้านโปรแกรมมิ่งและโปรดักชั่นให้กับศิลปินหลากหลาย อาทิ Jane's Addiction, Bauhaus, Megadeth, Rasputina, 16Volt and Prong

FB on August 21, 2013, 11:34:22 PM
คุณเคยมีอาการแบบนี้มั๊ย เหมือนมีใครอยู่ด้วย ทั้งๆที่คุณอยู่คนเดียว มีพลังงานบางอย่างอยู่ข้างตัวคุณ ค้นหาคำตอบได้ใน The Conjuring – คนเรียกผี







The Conjuring - TV Spot 30sec
<a href="http://www.youtube.com/watch?v=bdWSZ3onl_s" target="_blank">http://www.youtube.com/watch?v=bdWSZ3onl_s</a>

          เอ็ดวอร์เร็น กล่าวว่า "การถูกผีสิงมี 3 ขั้น: การก่อตัว… ได้ยินเสียงกระซิบ เสียงเท้าเดิน รู้สึกเหมือนมีใครอยู่ด้วย ซึ่งจะนำไปสู่ขั้นที่สอง ถูกครอบงำ... ผู้เคราะห์ร้ายถูกพลังภายนอกครอบงำ... ทำตามที่พวกมันต้องการ และนำไปสู่ขั้นที่ 3 ซึ่งเป็นขั้นสุดท้าย… ถูกสิงเข้าร่าง "

          เรื่องจริงมีความแปลกกว่าเรื่องที่แต่งขึ้นมา…และน่ากลัวกว่านั้นมาก ไม่มีใครรู้ดีไปกว่าเอ็ด วอร์เร็น และ ลอเรน ภรรยาของเขาที่มีสัมผัสพิเศษ ซึ่งผ่านประสบการณ์การต่อสู้กับพลังงานไร้ชีวิตมาตลอดชีวิต ทำให้พวกเขาได้รับนับถือในศาสตร์เกี่ยวกับการถูกผีสิงมาอย่างยาวนาน ก่อนที่จะเกิดความนิยมเรื่องเร้นลับเหนือธรรมชาติบนจอภาพยนตร์กันอย่างแพร่หลาย และนานก่อนที่เอ็ดและลอเรนจะต้องมารับมือกับเหตุร้ายในย่านเล็กๆ ที่มชื่อว่า อไมตี้วิล ซึ่งพวกเขาต้องพบกับวิญญาณร้ายที่น่ากลัว แม้ว่าพวกเขาจะเคยผ่านเรื่องแบบนี้มาแล้วก็ตาม
เจมส์ แวน ผู้มีชื่อเสียงจากผลงานหลายเรื่องก่อนจะมากำกับเรื่อง “The Conjuring” เขาเล่าว่า “ผมเป็นแฟนของตระกูลวอร์เร็นมาโดยตลอด ผมชื่นชอบพวกเขามาก พวกเขาถือเป็นผู้บุกเบิกของการล่าผีที่ใช้อุปกรณ์เทคนิคเฉพาะอย่างปัจจุบัน มีการเก็บภาพอิงหลักฐานจากการบันทึกภาพและเทปบันทึกเสียง พวกเขาเป็นแรงบันดาลใจให้กับเรื่องราว หนังสือ และภาพยนตร์จำนวนมาก ถือว่าวิเศษมากที่ได้สร้างหนังที่เกี่ยวกับพวกเขา ไม่แพ้กับการให้ความสนใจในบ้านของครอบครัวที่พวกเขาไปทำการตรวจสอบด้วย ”

          ภาพยนตร์เป็นเรื่องจริงของความสยองที่ซ่อนอยู่ในบ้านไร่อายุนับร้อยปีที่ดูเงียบสงบในย่านโรดไอแลนด์ ชานเมืองของฮาร์ริสวิลที่มีความเงียบสงัด แคโรลินและโรเจอร์ เพอร์รอน ซื้อบ้านหลังนี้เมื่อปี 1970 แต่ในช่วงเวลาเพียงไม่นาน คู่รักพร้อมลูกสาวอีก 5 คนต้องพบว่าตัวเองตกอยู่ในอันตรายที่แฝงไปด้วยความลึกลับสุดหลอน เมื่อเอ็ดและลอเรนได้พบกับครอบครัวและพลังลึกลับที่เฝฝ้าทำร้ายครอบครัวนี้ พวกเขารู้เลยว่าจะต้องต่อสู้เพื่อหน้าที่...และชีวิตของพวกเขา

          แพทริค วิลสัน มารับบทผู้ชำนาญด้านการปราบผีชื่อดัง เขาเกิดความสนใจจากไอเดียการมารับบทของคนที่มีตัวตนจริงผู้มีความขัดแย้งอย่างชัดเจนกับพลังงานที่คนส่วนใหญ่ยากจะเข้าใจ วิลสันเล่าว่า “ทั้งชีวิตของเอ็ด วอร์เร็น มีจุดมุ่งหมายในการใกล้ชิดกับด้านมืดอย่างน่าเกรงกลัว เพราะเขาอยากช่วยผู้คนจากใจจริง เขารู้ว่าความกลัวที่พวกเขาได้สัมผัสอาจเกิดขึ้นกับใครก็ได้ แม้แต่พวกเขาเองที่เข้าไปช่วยเหลือก็ตาม”

          วีร่า ฟาร์ไมก้า มารับบทคู่กับวิลสัน ในบทของ ลอเรน ภรรยาสุดที่รักของเอ็ดและคู่หูที่มีสัมผัสพิเศษ เธอกับสามีต้องร่วมรับมือกับความชั่วร้ายจากพวกวิญญาณที่จ้องทำลายร้าย เธอเล่าว่า “เนื้อเรื่องเหมือนกับการซื้อตั๋วรถไฟ คนบางคนจะมอบตั๋วให้เราเดินทางสู่ที่หนึ่ง จากนั้นเราก็ไป มันเป็นเรื่องของช่องว่างระหว่างวิญญาณที่น่าค้นหา แม้ว่ามันจะทำให้ฉันถึงต้องกลัวจนตัวสั่นก็ตาม ฉันกระตือรือร้นอยากค้นหาความจริงของเรื่องนี้ ไม่ต่างกับลอเรนและเอ็ดที่ค้นหาความจริงเรื่องตระกูลเพอร์รอน”

          ผู้อำนวยการสร้างฯ ปีเตอร์ ซาฟราน เชื่อว่าเรื่องราวนี้มีความสำคัญต่อครอบครัววอร์เร็น เพราะใช่ว่าอยากปกป้องลูกๆ ของเพอร์รอนเท่านั้น แต่รวมถึง จูดี้ ลูกสาวคนเล็กของพวกเขาด้วย เขาเล่าว่า “ผมว่าสิ่งที่พวกเขาเจอกับลูกๆ อยู่บนรากฐานเส้นทางชีวิตของพวกเขา รวมถึงอไมตี้วิลและไกลออกไปจากนั้น ผมอินกับเหตุการณ์ต่าๆง มาก เพราะผมเองก็มีลูกสาว และคิดไม่ออกเลยว่าจะยอมทำเพื่อปกป้องลูกขนาดไหน”

          น่าแปลกที่ครอบครัวเพอร์รอนย้ายมาที่เมือง เพื่อให้ลูกๆ พวกเขาเติบโตในสภาพแวดล้อมที่มีความปลอดภัย กลับทำให้พวกเขาต้องพบกับความอันตราย รอน ลิฟวิงสตัน และ ลิลลี่ เทย์เลอร์ รับบทเป็น โรเจอร์ และ แคโรลิน เพอร์รอน ที่ต้องพบกับเรื่องเหนือธรรมชาติ จากการแบ่งปันเรื่องราวกับครอบครัววอร์เร็นที่เปลี่ยนชีวิตครอบครัวพวกเขาไปตลอดกาล

          ตอนนี้ลอเรน วอร์เร็น อายุ 18 ปี เธอยังจำบรรยากาศของบ้านจริงที่มีเรื่องร้ายๆ หลายอย่างที่เริ่มก่อตัวขึ้นเมื่อหลายปีที่แล้วได้เป็นอย่างดี เธอเล่าว่า “ตอนที่ฉันเดินเข้าไปข้างใน ฉันรู้ทันทีเลยว่ามันเป็นบ้านผีสิง มีความรู้สึกเหมือนถูกครอบงำ คล้ายกับเป็นผ้าคลุมมาดึงพลังของเราไป เพราะวิญญาณต้องการมันเพื่อแสดงพลังออกมา ทางเดียวที่จะทำได้คือเอาพลังจากเราไป เพราะมันหนักหน่วงมากในบ้านหลังนั้น และการอยู่ในฉากมันดึงความรู้สึกทุกอย่างกงลับมา มันแปลกจนยากจะบรรยาย ฉันนับถือเจมส์มาก เขาต้องการให้ทุกอย่างออกมาถูกต้องและฉันตื่นเต้นกับภาพยนตร์จริงๆ”

          ระหว่างที่เฮย์สคุยกับลอเรนทางโทรศัพท์เป็นเวลานาน มักจะเหมือนมีพลังจากโลกอื่นมาคอยขัดจังหวะในลักษณะเสียงและไฟฟ้าสถิต บ่อยครั้งทำให้สายขาดตัดไป แครีย์เล่าว่าเวลาพวกเขาถามว่าเป็นเรื่องธรรมดาหรือเปล่า ลอเรนจะตอบว่า “อ๋อ ใช่ที่รัก ในความมืดมิด ในแสงสว่าง…มีการต่อสู้กันตลอดเวลา”

          แชดอธิบายว่า "เธอเล่าให้เราฟังว่า ‘เรากำลังเปิดเผยความลึกลับของด้านมืด และมันไม่อยากให้ฝ่ายดีเป็นผู้ชนะ ผมแปลกใจที่ไม่ค่อยมีอะไรมารบกวนสักเท่าไหร่’”

          โรเจอร์ เพอร์รอน และลูกสาวของเขามีโอกาสมาเยี่ยมชมฉากและเห็นด้วยว่ามันดึงความทรงจำต่างๆ กลับมาได้ เริ่มตั้งแต่วันแห่งความหายนะที่พวกเขาย้ายไปที่ฟาร์ม แอนเดรีย พี่สาวคนโตเล่าว่า “ฉันมั่นใจว่าทั้งเจมส์ เหล่านักแสดง และทีมงานทุกคนถ่ายทอดส่วนสำคัญของบ้านหลังนั้นและสิ่งที่เกิดขึ้นกับเขาได้ ซึ่งไม่ใช่เรื่องง่ายๆ เลย ทุกอย่างที่เราหวังไว้มันเป็นรูปร่างขึ้นมาได้ พวกเขาถ่ายทอดความรู้สึกของพวกเรา เรื่องราวที่เราได้พบเจอ และสร้างมันขึ้นมาใหม่บนจอภาพยนตร์”

          ทุกอย่างดูสมจริงมากสำหรับ แคโรลิน ผู้เป็นภรรยาและคุณแม่ที่อยู่กับความหวาดกลัวมานานกว่า 30 ปีที่ผ่านมา เธอจะไม่ไปที่กองถ่ายเพราะเหตุผลนั้น เธอยอมรับว่า “ฉันไม่ได้ไป ฉันแค่ไม่อยากย้อนกลับไปที่ฟาร์ม ไม่ต้องการให้ความทรงจำต่างๆ หรือสิ่งที่สร้างความหลอนให้ฉันในบ้านหลังนั้นมาเกี่ยวข้องด้วย”

          แต่อย่างไรก็ตาม การอยู่ห่างไกลอาจไม่ได้ช่วยปกป้องเธอได้สักเท่าไหร่ บ่ายของวันหนึ่งระหว่างที่ครอบครัวของเธออยู่ในสถานที่ถ่ายทำ ที่สะท้อนถึงความรู้สึกของที่อาศัยเดิมของพวกเขาได้มีลมพัดมาอย่างลึกลับรอบตัวพวกเขา แต่ต้นไม้กลับอยู่นิ่งไม่ขยับ ระหว่างนั้นเหล่าผู้ชำนาญได้เดินทางไปทางตอนเหนือของโคโรไลน่าซึ่งห่างออกไปทางแอตแลนต้าอีกหลายไมล์ แคโรลินได้สัมผัสกับเหตุการณ์ที่เธอไม่ได้พบในช่วง 30 ปี เช่น หกล้มกระทันหันและได้รับบาดเจ็บจนต้องเข้าโรงพยาบาล หลังจากนั้นไม่นานเหล่านักแสดงและทีมงานต้องอพยพออกจากโรงแรมเพราะเกิดเพลิงไหม้แทบไม่มีใครเชื่อว่านี่เป็นเรื่องบังเอิญ

          แวนเองก็พบกับเหตุการณ์ประหลาดระหว่างส่งอีเมล์เรื่องบทภาพยนตร์ในช่วงกลางดึกวันหนึ่ง เริ่มจากสุนัขของเขาหอนตรงบริเวณมุมออฟฟิศ “ตรงนั้นไม่มีอะไร” เขาเล่าถึงตอนนั้นว่า “และเขาทำบางอย่างที่น่ากลัวกว่านั้น เขาเริ่มตามรยอะไรไม่รู้ที่กำลังจ้องอยู่ ซึ่งมันไม่มีอะไรอยู่ตรงอีกฟากของห้องเลย ไม่มีอะไรจริงๆ ผมหลอนมาก…..ในช่วงนั้นเรื่องราวนี้แล่นเข้าหัวผมและมันส่งผลต่อความรู้สึกของผมมาก”

          ผู้กำกับฯ เล่าต่อว่า “ในบางมุมคนส่วนใหญ่จะสัมผัสได้จากคนที่พวกเขารู้จักหรือพวกเขาเคยพบเจอกับเรื่องปาฏิหาริย์ ในหนังเรื่องอื่นของผมมีความสบายตรงที่ได้บอกตัวเองว่านี่เป็นเรื่องโกหก ผมแต่งมันขึ้นมา …แต่สำหรับเรื่อง ‘The Conjuring’ ผมไม่เจอความง่ายแบบนั้นเลย”

          The Conjuring - คนเรียกผี
          https://www.facebook.com/TheConjuringThailand

FB on August 23, 2013, 09:44:44 AM
เบื้องหลัง ตุ๊กตาแอนนาเบล ตุ๊กตาผีสิง ของสะสมของ “เอ็ด วอร์เรน” ใน “The Conjuring – คนเรียกผี”
 




          สิ่งที่เกี่ยวข้องกับเรื่อง “The Conjuring” โดยตรงเป็นตุ๊กตาที่สะดุดตามากที่สุดชื่อ “แอนนาเบล” ซึ่งต้องอยู่ในตู้กระจกที่ล็อคเอาไว้ ถ้าออกมาเท่ากับเป็นการปลดปล่อยปีศาจด้านในด้วย “ฉันออกแบบห้องที่ต่างไปจากบ้านของวอร์เร็นนิดหน่อย เพื่อให้มีความไหลลื่น ฉันอยากให้แอนนาเบลถูกซ่อนเอาไว้แล้วคุณต้องหาเธอให้เจอ ชั้นวางเปิดเอาไว้อยู่ คุณจึงเห็นได้ผ่านห้องทั้งหมด แต่มันหลอนมากขึ้นเมื่อเห็นเงาบางอย่างที่มีความแตกต่างอย่างชัดเจน” เบิร์กฮอฟกล่าว

          “ตุ๊กตาแอนนาเบลของเราโทรมและชำรุด แถมมีความน่ากลัวอยู่ในตัวด้วย มีสิ่งผิดปกติกับตุ๊กตาตัวนี้ จริงๆ แล้วผมไม่อยากนั่งอยู่ในห้องเดียวกับตุ๊กตาเลย เธอเอาแต่จ้องหน้าผม” แวนยอมรับด้วยเสียงหัวเราะ

          โทนี่ โรเซน แห่ง Infinite SFX ได้วาดคอนเซ็ปต์เดิมของแอนนาเบลเอาไว้ จากนั้นเขาแกะสลักขึ้นรูปและหล่อตุ๊กตากระเบื้อง รวมถึงออกแบบดวงตา ปากและหัวแบบแอนิเมชั่นที่เคลื่อนไหวได้

          เสื้อผ้าของตุ๊กตาออกแบบโดย คริสติน เอ็ม บูร์ค ผู้ออกแบบเครื่องแต่งกาย หลังจากที่มีการคุยกันว่าแอนนาเบลควรแต่งตัวแบบหนูน้อยชาวดัช เธอเล่าให้ฟังว่า “เจมส์บอกว่าเขาจินตนาการว่าเธอน่าจะเป็นเจ้าสาว ฉันเลยร่างภาพชุดแต่งงานปี 1940 ซึ่งคล้ายกับชุดที่คุณยายของฉันใส่ขึ้นมา”

          มีเพียงปัญหาเดียวนั่นคือการหาผ้าไหมในเมืองเล็กๆ เธอจึงต้องสั่งผ้าจากลอสแองเจลิส ต่อมาเธอเพิ่มความเก่าและย้อมสีผ้า โดยเพิ่มสีแดงเข้าไปอย่างที่แวนจินตนาการเอาไว้ แผนกเส้นผมได้สร้างวิกขึ้นมาสำหรับเธอ จนกระทั่งแอนนาเบลถูกซ่อนไว้อยู่ในตู้กระจกพร้อมถ่ายทำแล้วจึงเพิ่งตัดสินใจผลิตผ้าคลุมให้เธอขึ้นมา “ถ้าไม่มีผ้าคลุม คุณจะเห็นใบหน้าที่สยดสยองของเธออย่างชัดเจน” บูร์คกล่าว

          The Conjuring - คนเรียกผี
          https://www.facebook.com/TheConjuringThailand
« Last Edit: August 23, 2013, 10:44:23 AM by FB »

FB on September 02, 2013, 09:24:46 AM
The Conjuring หนังสยองขวัญที่กวาดรายได้ทั่วโลกไปมากกว่า 200 ล้านเหรียญสหรัฐ
 





   
          Dan Fellman และ Veronika Kwan Vandenberg ประธานของค่ายหนังยักษ์ใหญ่ Warner Bros. Pictures ได้ประกาศอย่างเป็นทางการว่าภาพยนตร์สยองขวัญจาก New Line Cinema เรื่อง The Conjuring กวาดรายได้ทั่วโลกไปมากกว่า 200 เหรียญสหรัฐแล้ว.

          James Wan ผู้กำกับหนังสยองขวัญภูมิใจกับการที่หนังเรื่องนี้ได้เปิดตัวในช่วงวันหยุดที่สหรัฐอเมริกาเก็บรายได้ไปถึง 41.9 ล้านเหรียญสหรัฐ.นอกจากนั้นแล้วรายได้รวมตอนนี้กว่าไปถึง 131.9 ล้านเหรียญสหรัฐ.

          ส่วนการเปิดตัวของ The Conjuring ในต่างประเทศนั้นเป็นก็ที่น่าพอใจอย่างมาก เนื่องจากตอนนี้ได้กวาดไปถึง 90 ล้านเหรียญสหรัฐ จาก 37 ประเทศ รวมไปถึง ฝรั่งเศส, อิตาลี, และฟิลิปปินส์.

          Fellman ได้กล่าวชื่นชม James ว่าเขาได้สร้างหนังเรื่องนี้ออกมาได้ดีมาก โดยเฉพาะการคัดเลือกนักแสดงที่มาเล่น ทุกคนเยี่ยมมาก. The Conjuring ถือว่าเป็นภาพยนตร์สยองขวัญที่น่ากลัวมากที่สุดในขณะนี้เลยก็ว่าได้.

          The Conjuring – คนเรียกผี พร้อมให้คุณผวาแล้ว วันนี้ในโรงภาพยนตร์เท่านั้น