ครูพี่แนน เอ็นคอนเส็ปท์ ผนึกมือกูรูธรรม “ดังตฤณ” แนะเยาวชน เรียนรู้ธรรม มีสติ รวมสมาธิ พิชิตข้อสอบ ตอบแทนค่าน้ำนม
ชีวิตของคนเรา บางครั้งติดเข้าไปอยู่ในเขาวงกต หากเรารู้จักสังเกตหาทางลัด เราก็สามารถหาทางออกได้โดยไม่ต้องวิ่งมาก เพราะคนที่ขยันวิ่ง แต่ขาดการสังเกต ทำให้ไปไม่ถูกทาง วิ่งไปเรื่อย ๆ วิ่งเป็นเส้นตรงบ้าง วิ่งคดเคี้ยวบ้าง วกไปวนมา เป็นการขยันที่เสียเปล่า ... เปรียบได้กับวิธีที่เราเรียนหนังสือ หรือวิธีคิดของเรา เรากำลังคิดแบบวกวนย้อนไปมาหรือเปล่า เราไม่ต้องขยันมากก็สามารถเข้าใจอะไรได้ดี .... “ทางลัดมันไม่ปรากฏกับคนขยันเสมอไป แต่มันปรากฏกับคนช่างสังเกต”...คำกล่าวโดย ดังตฤณ
เมื่อเร็ว ๆ นี้ โรงเรียนกวดวิชาภาษาอังกฤษ เอ็นคอนเส็ปท์ อี แอคเคเดมี่ นำทีมโดยครูพี่แนน – อริสรา ธนาปกิจ รองผู้อำนวยการและหัวหน้าทีมเอ็ดดูเทนเนอร์ ผนึกมือ นักเขียนหนังสือธรรมะชื่อดัง ดังตฤณ – ศรันย์ ไมตรีเวช จัดโครงการเสวนาพิเศษ “ลึกซึ้งพระคุณแม่” ภายใต้โครงการ “ติว GAT (General Aptitude Test) ลึกซึ้งพระคุณแม่” เพื่อติวข้อสอบ GAT ภาษาอังกฤษ ไปพร้อมกับแนะนำ ธรรมะเบื้องต้นที่จะช่วยให้เยาวชนประสบความสำเร็จได้ทั้งในการเรียน การสอบ และการใช้ชีวิตในฐานะลูกที่ดีของพ่อแม่
บรรยากาศภายในงานเนืองแน่นด้วยเยาวชนนับพันคน ที่พากันมาจับจองที่นั่งติว GAT ในช่วงเช้า พร้อมร่วมฟังเสวนาพิเศษ “ลึกซึ้งพระคุณแม่” ในช่วงบ่าย โดยเยาวชนจำนวนไม่น้อยที่ควงคู่พาคุณแม่มาร่วมฟังการเสวนาพิเศษครั้งนี้ โดย ครูพี่แนน พร้อมด้วย Sup’K ติวเตอร์คณิตศาสตร์ชื่อดังได้ร่วมกันนำประสบการณ์ชีวิตเกี่ยวกับพระคุณแม่ มาเล่าให้เด็ก ๆ ฟัง ขณะที่ นักเขียนหนังสือธรรมมะชื่อดัง “ดังตฤณ” มาไขข้อข้องใจในเรื่องการเรียนและการใช้ชีวิตอย่างมีคุณภาพและมีความสุข โดยได้รับเสียงตอบรับจากทั้งเหล่าคุณแม่และคุณลูกให้ความสนใจถามคำถามกันตลอด
สำหรับ คำถามยอดฮิต จากเยาวชน อาทิ “หนูขยันแล้วทำไมถึงยังไม่ประสบความสำเร็จ ?” ซึ่งได้รับคำตอบจาก ดังตฤณ ว่า “คนส่วนใหญ่มักชอบคิดว่าขยันแล้วต้องฉลาด ซึ่งจริง ๆ ความขยัน กับ ความฉลาด มันคนละเรื่องกัน ก่อนอื่นให้มองว่า เราขยันแบบช่างสังเกต หรือ ขยันแบบวกวนย้อนไปมา หรือ ขยันไป ท้อไป บางคนขยันจริง แต่ขยันด่าว่าตัวเอง ต้องลองสังเกต เราต้องรู้จักให้กำลังใจตัวเอง ต้องรู้จักสังเกต ค้นหาทางลัดที่
จะช่วยให้เราประสบความสำเร็จได้จริง ๆ ไม่ใช่แค่เรียน ๆ ไป”
นอกจากนี้ ยังมีคำถามหลัก ๆ อาทิ “เถียงคุณแม่เรื่องเรียน แม่อยากให้เรียนอีกอย่าง แต่ลูกอยากเรียนอีกอย่าง บาปไหม?” ซึ่ง ดังตฤณ ได้ช่วยไขข้อข้องใจว่า “ความขัดแย้งระหว่างแม่ กับ ลูก เป็นปัญหาคู่โลก เป็นความขัดแย้งทางความคิด ไม่ถือว่าบาป เพียงแต่เราต้องไม่คิดหรือพูดต่อกันด้วยโทสะ หรืออารมณ์โกรธ สำหรับพ่อแม่ หากคุณเลี้ยงลูกในสิ่งที่คุณอยากให้เป็น คุณจะไม่มีทางได้รู้จักลูก หรือตัวตนที่แท้จริงของลูก และสำหรับลูก เราควรพูดกับพ่อแม่ดี ๆ ให้ท่านเข้าใจในตัวตนของเรา จะได้ไม่ต้องเถียงกัน พูดด้วยเหตุด้วยผล”
ในกิจกรรมครั้งนี้ ครูพี่แนน ยังได้เชิญ ดังตฤณ แนะหลักการฝึกสมาธิอย่างง่าย ๆ ให้กับเยาวชนและผู้ปกครองอีกด้วย เริ่มจากการนั่งขัดสมาธิ หลังตรงแต่ไม่เกร็ง สังเกตฝ่าเท้า ฝ่ามือ ใบหน้า ไม่มีอาการเกร็ง ทำให้เกิดความรู้สึกสบายขึ้นทั่วตัว แล้วลองสังเกตไปที่จิตใจของเรา ไม่มีอาการเกร็งหรือเคร่ง ไม่มีอาการคาดหวัง ให้มีแต่ความรู้สึกโล่ง ๆ สบาย ๆ เพียงแค่สังเกตตัวเองว่าร่างกายขณะนี้ต้องการลมหายใจเข้า หรือระบายลมออก ก็จะเป็นการเริ่มเข้าสู่สมาธิได้ ทำให้รู้สึกสบาย ทำได้ยิ่งบ่อยยิ่งดี
ท่ามกลางเยาวชนนับพันที่มาร่วมงานหนึ่งในนั้นคือ น้องการ์ด-นางสาวกชกร กิตติพงษ์พัฒนา นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 โรงเรียนสตรีวิทยา ควงคู่คุณแม่ยังสาวมาร่วมงานด้วย เปิดใจว่า “ได้เรียนรู้ในสิ่งที่เราไม่เคยรู้มาก่อน เช่นแง่คิดในการอ่านหนังสือ อ่านอย่างไรให้มีสมาธิ รวมถึงวิธีการนั่งสมาธิที่ถูกต้อง เพื่อฝึกสติช่วยในด้านการเรียน ทุกวันนี้หนูก็นั่งสมาธิอยู่แล้ว แต่ยังนั่งไม่ถูกต้องคะ ฟังวันนี้แล้วรู้สึกว่าได้ประโยชน์มาก ๆ”
ขณะที่ น้องพ้อยซ์ – เด็กชายวรัญญู สหะศักดิ์มนตรี ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 โรงเรียนอำนวยศิลป์ ที่มาร่วมกิจกรรมพร้อมกับคุณแม่ด้วย กล่าวว่า“รู้สึกประทับใจมากที่วันหยุดนี้ ผมได้ทั้งเรียนพิเศษ ได้ความรู้ และได้กราบแม่ หนึ่งปีจะมีแค่ครั้งเดียวเท่านั้นเพราะก่อนหน้านี้ผมมักจะหงุดหงิดกับแม่พอสมควร เพราะเน้นเรื่องเรียนเป็นหลัก จนบางทีทำให้ผมลืมนึกถึงจิตใจของคุณแม่ไปครับ ขอบคุณที่ทำให้มีงานวันนี้ครับ”
“อยากบอกน้องๆ ทุกคนว่า คุณแม่ของพวกเราแสดงความรักกับเราอยู่ทุกวัน เพียงแต่ว่าเรานั้นจะสัมผัสได้หรือเปล่า เวลาที่คุณแม่ดุว่า ให้มองไปที่เจตนาและหัวใจของท่านแล้วจะรู้ว่า บนโลกนี้ ไม่มีใครรักและห่วงใยเราได้เหมือนกับคุณแม่อีกแล้ว” ครูพี่แนน กล่าวปิดท้าย
…“ไม่มีรักใด บนโลกที่อุบัติขึ้นเพียง 9 เดือน รักโดยไม่ต้องเห็นหน้ากันมาก่อน และเป็นรักที่นิรันดร เทียบเท่ารักของแม่ที่มีต่อลูกได้... พระคุณแม่นี้จึงยิ่งใหญ่ จักหาสิ่งใดเทียบเคียงได้” ...