คุณชายอดัม “มลทิวา คือ พี่ป๊อก ปิยธิดา นักแสดงหญิงที่ได้รับรางวัลมาครบทุกสถาบันของประเทศไทย ผมโทรเชิญพี่ป๊อกมาแสดงเรื่องนี้ และพี่ป๊อกก็ยินดีที่จะแสดง สำหรับคาแร็คเตอร์ มลทิวาเป็นผู้หญิงนิ่ง แต่ใช้อารมณ์เยอะ มีการเชือดเฉือนอยู่ในระดับนึง แล้วพี่ป๊อกสามารถสะกดตัวละครนี้ได้อย่างอยู่หมัดเลยครับ”
ป๊อก ปิยธิดา เล่าถึงบทบาทที่โดดเด่น และความน่าสนใจของ มลทิวา ในครั้งนี้ว่า “บทบาทของมลทิวาในเรื่องนี้มีอยู่แบบพอประมาณ โดยในแต่ละซีนที่แสดงนั้นค่อนข้างลึกมากและเต็มไปด้วยอารมณ์ความรู้สึก ถือว่าเป็นบทที่น่าสนใจอย่างมาก ซึ่ง มลทิวา เป็นผู้หญิงที่ไม่แสดงอารมณ์ออกมาเยอะ แต่ว่าจริงแล้วเธอเต็มไปด้วยความรู้สึก เพียงแต่ไม่แอ็คชั่นออกมา ไม่กรี๊ดกร๊าด ไม่พูดเยอะ จะเป็นคนนิ่งๆแล้วคอยสังเกตุความเป็นไป และ มลทิวา คือ จุดเปลี่ยนของตัวละครระหว่างประพันธ์กับวสันต์ในเรื่องนี้ค่ะ”
คุณชายอดัม “พี่ป๊อกเป็นคนที่เติมความสมบูรณ์ให้กับหนัง ผมอยากมีประสบการณ์ร่วมงานกับนักแสดงเก่งแบบพี่ป๊อกสักครั้งนึงเป็นคนน่ารักมาก พูดน้อยนับคำได้เลยแต่เป็นคนเฮฮา ได้มีโอกาสร่วมงานกับพี่ป๊อกเหลือเชื่อมากเลยครับ(ยิ้ม)”
คาแร็คเตอร์
หลักฐานที่ได้จากคดี
“เสน่ห์ของภาพยนตร์เปรียบเหมือนการขี่ช้างจับตั๊กแตน
คือ ใน 1 วินาที เราต้องใช้เงินเป็นแสนๆบาท เพื่อที่จะให้เกิดความสมบูรณ์แบบ
ภาพยนตร์ คือ ความสมบูรณ์แบบในทุกมิติ”
สารวัตรหมาบ้า นับว่าเป็นภาพยนตร์ที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว และหาดูได้ยากจากภาพยนตร์ไทยยุคปัจจุบันนี้อย่างสิ้นเชิง โดยอันดับแรกที่คุณชายอดัมคำนึงถึงคือการสร้างภาพยนตร์ที่มีความสนุก มีความบันเทิง ที่ไม่ต้องการสร้างความแตกต่าง เพียงแต่สร้างความเฉพาะตัว มุ่งเน้นการแสดงเป็นเอกลักษณ์ และบทภาพยนตร์ที่เน้นความสำคัญของตัวละครเป็นหลัก ซึ่งเล่าถึงความโดดเด่นของบทภาพยนตร์ครั้งนี้ว่า
คุณชายอดัม “สำหรับผู้เขียนบทภาพยนตร์เป็นน้าของผมเองครับ เจษธำรงค์ เศรษฐี ครั้งแรกที่ผมอ่านบทมันทั้งเจ๋ง และมีลูกบ้าเยอะมากครับ เป็นบทที่ใส่รายละเอียดคาแร็คเตอร์ของตัวละครเยอะ เป็นภาพยนตร์ที่จับประเด็นด้วยการให้ความสำคัญกับตัวละครนั้นๆ ความเป็น วสันต์ จ่าทอง นลิน ประพันธ์ มลทิวา ซึ่งมีความคล้ายภาพยนตร์ยุคเก่า เราไม่พยายามทำให้เป็นภาพยนตร์สมัยใหม่ที่เน้นเนื้อเรื่องสำคัญที่สุด แต่เราเน้นที่คาแร็คเตอร์เป็นสิ่งสำคัญ แล้วนำพาไปสู่อีกจุดนึงครับ”
เต๋า สมชาย “ผมประทับใจฉากหนึ่งในหนังที่ถ่ายแบบ Long Takes คือเล่าเรื่องตั้งแต่รถขับ เดินเข้าโรงพัก พูดคุยกับเพื่อนตำรวจ จนเดินไปถึงศพ ใช้แสตนดี้แคมในการถ่ายเทคเดียวเลย ซึ่งทุกอย่างมันต้องเป๊ะๆ คนเข้า คนออก หมา ตำรวจ ส่วนเรื่องของฉากที่แอ็คชั่นหรือฉากต่างๆผมชอบอยู่แล้ว แต่อันนี้มันคือ ซีนคาแร็คเตอร์ซึ่งนานๆทีเราจะได้เล่นแบบนี้สักที คิวเยอะๆ ตัวแสดงเยอะๆ ตัวแสดงวันนั้นเกือบร้อยครับ มีคิวรถ คิวป่อเต็กตึ๊ง คิวสุนัขตำรวจ มีรถดับเพลิงมา ผมว่ามันเป็นอีกหนึ่งบรรยากาศที่ทำให้เรารู้สึกว่าหนังมันมีชีวิตครับ”
คุณชายอดัม “ผมต้องการทำให้เห็นว่า วสันต์ต้องแบกรับปัญหาเยอะ ปัญหามากมายที่มารุม เราต้องการเล่าเรื่องให้รู้สึกกดดัน เป็นการดีไซน์ช็อตขึ้นมาครับ ไดอะล็อคทั้งหมด 4-5 หน้ากระดาษ เราต้องซ้อมกันให้แม่น ทุกอย่างต้องแม่นหมด รวมถึงทีมงาน นักแสดงสมทบ ประมาณ 14 เทค พี่กบ(พนม พรมชาติ) ผู้กำกับภาพถึงกับขาทรุดเลย หลังจากถ่ายทุกคนจะมามุงดูที่จอมอนิเตอร์ทุกคนลุ้นกันสุดๆ เพราะว่ามันยากฉากนี้มันไม่ง่ายเลยครับ แต่ก็เป็นฉากที่สนุกมาก”
ในด้านความมันส์ บู๊สะใจแบบแอ็คชั่นนั้น มีความดิบแบบสมจริง ที่ไม่ได้เน้นแอ็คชั่นท่าสวยงาม แต่เน้นความบ้าบิ่นที่พร้อมจะลุยได้ในทุกสถานการณ์ ซึ่ง คุณชายอดัม เป็นผู้คิดและออกแบบคิวบู๊ในเบื้องต้น ก่อนที่จะส่งต่อให้ผู้ออกแบบคิวบู๊ทำงานต่อ
คุณชายอดัม “นักแสดงทุกคนมีคิวบู๊ของตัวเองครับ ผมให้พี่เกชาจาก Jaika(ใจกล้า)Team รับผิดชอบในการออกแบบคิวบู๊ช่วยดูว่า ตรงนี้เป็นอย่างไร ตรงนั้นเป็นอย่างไร วิธีปฏิบัติของตำรวจเป็นแบบไหน ผมต้องการเห็นการทำงานแบบเป็นทีมเวิร์ค ไม่ใช่พระเอก วสันต์ฉายเดี่ยว นางเอกลุยเดี่ยว แต่เราจะเห็นตัวละครทำงานร่วมกันเป็นทีม เวลาไปไหนก็ไปด้วยกัน ลุยด้วยกัน ทำงานเข้าขาเป็นทีมกัน”
คริสตัล วี “เป็นหนังแอ็คชั่นแต่ก็มีความดราม่าเยอะพอสมควร เพราะจะเชื่อมโยงความสัมพันธ์ของตัวละครในเรื่องไปเรื่อยๆ โดยมีฉากนึงต้องแสดงแอ็คชั่นก่อน และต่อด้วยดราม่า มันรวมอยู่ในซีนเดียวกัน อารมณ์มันค่อยๆบิ้ว ถูกสร้างมาอย่างต่อเนื่อง จนมาอารมณ์ที่ต้องปลดปล่อยมันออกมาทุกอย่างเลยค่ะ เป็นฉากที่นลินต้องซ้อมนักโทษ แล้วก็ปล่อยโฮร้องไห้ออกมาแบบไม่รู้ตัวแล้วค่ะ”
คุณชายอดัม กล่าวถึงเสน่ห์ของโลกภาพยนตร์ว่า “เสน่ห์ของภาพยนตร์ เปรียบเหมือน การขี่ช้างจับตั๊กแตน คือใน 1 วินาที เราต้องใช้เงินเป็นแสนๆบาทเพื่อที่จะให้เกิดความสมบูรณ์แบบ ภาพยนตร์คือความสมบูรณ์แบบในทุกมิติ ต้องสมบูรณ์ร้อยเปอร์เซ็นต์ และหากถามถึงเสน่ห์ของภาพยนตร์ สารวัตรหมาบ้า คือ เราได้ย้อนกลับไปดูเมื่อประมาณ10-15 ปีที่แล้ว เหมือนเป็นเครื่องทามแมชชีน การย้อนกลับไปดูหนังในยุคนึงครับ แต่เราไม่ได้ทำหนังโบราณ เพียงแค่ย้อนเข้าไปในความรู้สึกคุ้นเคย อย่างเพลงประกอบภาพยนตร์เราก็เลือกนำเพลงเข้าใจไปเอง ของซิสเต็มโฟร์ มาcoverใหม่ ซึ่งร้องโดย พี่ช้าง(Siam Secret Service) กฤช ทวีสิน ดนตรีโดย โมโนโทน มิวสิค ซาวด์เพลงจะแปลกหน่อยไม่ใช่เพลงสมัยใหม่ หรือเพลงป็อปยุคปัจจุบันครับ”
ผู้อยู่เบื้องหลังคดี
“มันคือโลกของภาพยนตร์ตำรวจในยุค 80’s มากๆครับ”
การออกแบบงานสร้าง สำหรับภาพยนตร์ สารวัตรหมาบ้า นับว่าเป็นสิ่งที่ท้าทายสำหรับคุณชายอดัม และทีมงานสร้างเป็นอย่างมาก เพราะด้วยยุคสมัยของภาพยนตร์ที่มุ่งเน้นไปในช่วงยุคสมัยปี 80’s-90’s ขั้นตอนการออกแบบทุกอย่างจึงต้องถูกเห็นพ้องต้องกัน และเป็นไปในทิศทางเดียวกัน ผ่านการตกผลึกมาอย่างดีที่สุด โดยสร้างความโดดเด่นตั้งแต่ พื้นฐานตัวละคร คาแร็คเตอร์ สไตล์การแต่งกาย mood & Tone ของการออกแบบงานสร้างทุกอย่าง ตั้งแต่รายละเอียดเพียงเล็กน้อย ไปจนถึงสเกลที่ใหญ่ อย่างการสร้างสำนักงานตำรวจขึ้นมาใหม่ทั้งหมด เป็นต้น
คุณชายอดัม ย้ำถึงการออกแบบงานสร้างที่เหนือชั้น และทีมงานสร้างฝีมือระดับคุณภาพอย่างภาคภูมิใจในครั้งนี้ว่า “Mood & Tone ของภาพยนตร์จะอยู่ช่วงปลาย 80 จนถึงยุค 90 ต้นๆ เราจะเห็นการแต่งกายด้วยเสื้อตัวโคร่งๆใหญ่ๆ Make up สีตุ๋นๆ ลูกกรงเหล็กแบบสมัยก่อน รถฟอร์ดคอร์ติน่าแอล ปืนสมิท.357 และหากใครลองสังเกตุดูดีๆ จะไม่มีใครถือปืนแบบเดียวกันเลยครับ ทุกคนล้วนมีปืนคนละแบบที่มีที่มาที่ไปต่างกันหมด ควันเยอะๆ ฝนตก มันคือโลกของภาพยนตร์ตำรวจในยุค 80’s มากๆครับ
เราเริ่มสร้างโลก สร้างความโดดเด่น เริ่มทำการฟิตติ้ง โดยพี่นุ่ม(นุ่มฤดี คำยา) ผู้ออกแบบเครื่องกาย ด้านโปรดักชั่นดีไซด์จะเป็น พี่จู๋(พงศ์นรินทร์ จงห่อกลาง) เป็นโปรดักชั่นคู่บุญผมเลยครับ เราคุยกันถึงยุคสมัยก่อน เสื้อผ้าแบบไหน โทนสีประมาณไหน เหมาะกับคาแร็คเตอร์แต่ละคนอย่างไรบ้าง จากนั้นมาที่การแต่งหน้าของแต่ละคาแร็คเตอร์จะเป็นอย่างไร รูปร่าง สูงใหญ่ ดำ คล้ำ หรือเตี้ยจะต้องเป็นอย่างไร เวลาขยับตัวแล้วต้องดูทะมัดทะแมง ยกตัวอย่าง นลิน เราเติมไฝเติมรายละเอียดปลีกย่อย หรือจะป๋าโน้ต เราก็ทำหางตาตก เพิ่มรอยมุมปาก ไว้หนวดออกแนวตำรวจแหกคอก”
คุณชายอดัม เล่าต่อว่า “ผมกล้าพูดว่าโปรดักชั่นดีไซด์ของผมเหนือชั้น ถึงแม้จะไม่ได้หวือหวาอลังการงานสร้าง แต่มันเหนือชั้นในแง่ที่มันตกผลึกดีจริงๆสีของม่าน สีของโซฟาของทุกอย่าง ผ่านการคิดหมด การสร้างโรงพัก สำนักงานตำรวจ ได้สเปสที่เราทำงานได้มีทางแสงสวย มีพื้นที่ให้เล่น ทำกิจกรรม เราสามารถเนรมิตสิ่งต่างๆ ออกมาที่ไม่ให้ดูเป็นเซ็ท แต่เป็นจริงทั้งหมด ตั้งแต่ บ้าน สำนักงานตำรวจ ตึกร้างที่ซ่อนตัว บ้านของผู้ร้าย ทุกอย่างทำให้ดูเหมือนจริงและทุกอย่างมันย้อนยุคกลับไปอยู่ในช่วงนั้น
สำหรับโลเคชั่น คือพี่หมี พี่เปี๊ยก 2 คนเป็นโลเคชั่นเมเนเจอร์ ซึ่งมีลูกบ้าเยอะ ตอนไปดูสถานที่มีที่สวยๆเยอะมาก แล้วพอผมตัดสินใจ แต่ละที่โดนทุบทิ้งหมดเลย(หัวเราะ)โลเคชั่นของผมต้องบู๊หากันใหม่เพื่อให้ตรงใจผม ซึ่งเราได้โลเคชั่นที่ดีเป็นที่ทำให้เราทำงานน้อยลง เบาลง ประหยัดงบประมาณ เข้าถึงได้ง่าย และแต่ละที่ไม่ค่อยไกลจากกัน เดินทางสะดวก ทีมโลเคชั่นจัดให้ผมได้แบบสุดยอดจริงๆแล้วก็ภาพที่ออกมาจะเห็นในหนังเลยว่าแต่ละที่เป็นที่สดมาก เปิดโลเคชั่นใหม่หมดครับ ยกตัวอย่าง เช่น สถานีรถไฟตะเข้(ลาดกระบัง) หรือว่าตึกวชิรพยาบาลก็เป็นตึกที่ไม่มีใครเคยเข้าไปก่อน”
“สิ่งที่ผมจะบอกได้ คือ ผมทำเต็มที่ทุกๆวัน ทุกๆวินาที
ในชีวิตของผม คือ การทำงานที่ดียิ่งขึ้น”
นับเป็นก้าวแรกของ ม.ร.ว.เฉลิมชาตรี ยุคล หรือ คุณชายอดัม ของการเป็นผู้กำกับภาพยนตร์แบบเต็มตัวเรื่องแรก ด้วยความทุ่มเททั้งแรงกายและแรงใจอย่างเต็มร้อย ที่พร้อมจะพิสูจน์ฝีมือให้คนชมภาพยนตร์ได้เดินทางไปพร้อมกับเขาแล้ว
คุณชายอดัม เล่าถึงความรู้สึกประทับใจและก้าวแรกสู่เส้นทางภาพยนตร์ครั้งนี้ว่า “เป็นภาพยนตร์เรื่องแรก เราต้องมีนักแสดง ทีมงานประมาณ 100 คน ที่กำลังมองหน้าเราและเราต้องเจอปัญหา เราจะไหวไหม ผมนั่งถามตัวเองตลอด และพอถึงเวลาจริง นักแสดงทั้งหมดมีความเป็นมืออาชีพมากครับ(ยิ้ม) ไม่มีใครเรื่องมาก ไม่มีใครวุ่นวาย ผมรู้สึกโชคดีที่สุด ทีมนักแสดงสร้างสิ่งใหม่ๆ และพยายามผลักดันตัวเองมองงานเป็นที่ตั้ง นี่คือสิ่งที่ผมได้จากนักแสดงทุกท่านครับ รวมถึงนักแสดงสมทบทุกท่านผมได้ความเป็นมืออาชีพจากทุกคน สิ่งหนึ่งที่ผมเชื่อ การเป็นผู้กำกับที่ดีของนักแสดง คือการตอบเขาให้ได้ทุกสิ่งทุกอย่าง เพราะเรามีโลกใบนี้เป็นของเราอยู่ในหัว ถ้าเราไม่ได้มอง 360 องศา เขาถามมาแล้วเราตอบไม่ได้ มันก็จบอยู่แค่นั้นเราต้องตอบทุกอย่างเขาได้ ทุกสิ่งทุกอย่างทุกการกระทำเราต้องสวมหัวโขนของนักแสดงทุกคนได้”
เต๋า สมชาย เล่าถึงการได้ร่วมงานกับผู้กำกับหนุ่มไฟแรง ผู้จุดประกายมุมมองใหม่ให้กับเขาในครั้งนี้ว่า“คุณชายอดัมเป็นคนที่มีมุมมองเป็นเอกเทศเฉพาะทางส่วนตัวแฝงไว้ ทำให้ผมมองเห็นถึงผู้กำกับยุคใหม่ ไฟแรงที่ไม่ได้อิงกระแส ไม่ได้อิงสิ่งที่มันเกิดขึ้น ผมอยากจะบอกว่านี่คือ หนังอีกหนึ่งเรื่องที่เป็นมุมมองหรือทางเลือกใหม่ให้กับคนที่เสพหนังไทย แล้วสิ่งที่อยากจะพูดในฐานะของพี่ชาย หรือรุ่นพี่ หรือนักแสดงว่า ขอบคุณมากสำหรับมุมมองในเรื่องของงานเปิดโลกทัศน์ใหม่ๆให้กับผม”
คริสตัล วี เล่าเสริมต่อถึงความเชื่อมั่นในฝีมือการกำกับของคุณชายอดัมในครั้งนี้ว่า “สำหรับคุณชายอดัมเรื่องนี้เป็นการกำกับหนังใหญ่เรื่องแรกของเขาเลย แต่การทำงานของเขามืออาชีพมาก เขาก็รักศิลปภาพยนตร์ของเขา เอาใจใส่ทุกรายละเอียด และให้ความสำคัญกับนักแสดงของอย่างมาก มีอะไรก็คุยกันตรงๆได้หมด เป็นผู้กำกับที่ตั้งใจทำงานมากค่ะ”
หนึ่ง ชลัฏ “เสน่ห์อยู่ที่ความดิบของสังคม จุดเด่นของเรื่องคือความเป็นจริงของสังคม ภาพยนตร์ปัจจุบันจะเน้นประเภท รัก วัยรุ่นกันเป็นส่วนใหญ่ แต่สำหรับ สารวัตรหมาบ้าจะเป็นแนวที่แตกต่างออกมา อยากให้ไปดูกันนะครับ ลองเปิดโอกาสกับภาพยนตร์แนวนี้ดูกันบ้างนะครับ พวกเราตั้งใจทำงานกันอย่างเต็มที่นะครับ”
ป๊อก ปิยธิดา “สารวัตรหมาบ้า หนังอีกสไตล์ที่ค่อนข้างหาดูได้น้อยในประเทศไทยนะคะ บางเรื่องก็จะเน้นแอ็คชั่นไปเลย แต่สำหรับเรื่องนี้เราไม่สามารถเดาเนื้อเรื่องได้เลย ซึ่งคิดว่าเวลาที่ได้ดูหนังเรื่องนี้แล้วเราจะสนุกและลุ้นไปกับความสัมพันธ์ของตัวละครแต่ละตัว เรื่องราวที่ค่อยดำเนินไปโดยที่คุณไม่สามารถเดาตอนจบของเรื่องนี้ได้เลยค่ะ”
โน้ต เชิญยิ้ม “หลังกองก็อำกัน เฮฮากันไป คุยเรื่องอดีตกันบ้าง โพสต์รูปที่เราถ่ายกันลงอินสตาแกรม บางทีก็อำผู้กำกับ โหดจริงถ่าย 6 โมงเช้ายังให้เราต่อยกันอยู่เลย ก็อำกันไป ผมกับเต๋าจะคุยเรื่องลูก ลูกเรียนที่นั่น ลูกเรียนทีนี่ครับ ความน่าสนใจของสารวัตรหมาบ้า คือ จริงๆมันมีอะไรซ่อนอยู่ ไม่ใช่เป็นหนังแอ็คชั่นบู๊ล้างผลาญ มันมีปมของตำรวจ คุณดูหนังเรื่องนี้แล้วคุณจะเข้าใจตำรวจดี อีกอย่างคือความแปลก ความแปลกของหนังไทยในยุคนี้”
คุณชายอดัม “รู้สึกว่าชีวิตนี้คงจะเหนื่อยมาก ที่จะให้ความบันเทิงกับคนนะครับ หนังจะดี ไม่ดี ผมให้คำตอบไม่ได้ สิ่งที่ผมจะบอกได้คือผมทำเต็มที่ทุกๆวัน ทุกๆวินาทีนะครับ ในชีวิตของผม คือ การทำงานที่ดียิ่งขึ้น ฝากติดตามชมภาพยนตร์เรื่อง สารวัตรหมาบ้า ด้วยนะครับ เปรียบเหมือนกับการเดินทางของผม และอยากฝากการเดินทางครั้งนี้ให้ดูว่า ผมเติบโตเป็นอย่างไร นี่คือก้าวแรกและตั้งใจทำให้ดีที่สุดครับ”
ประวัติผู้กำกับ
ม.ร.ว.เฉลิมชาตรี ยุคล (คุณชายอดัม)
ม.ร.ว. เฉลิมชาตรี ยุคล หรือ คุณชายอดัม บุตรชายใน หม่อมเจ้าชาตรีเฉลิม ยุคล และ หม่อมกมลา ยุคล ณ อยุธยา เกิดในวันที่ 28 กันยายน พ.ศ.2528 ด้วยความผูกพันในการทำงานด้านภาพยนตร์ตั้งแต่สมัยเด็ก จึงเลือกศึกษาต่อในระดับปริญญาตรี คณะมนุษย์ศาสตร์ สาขาภาพยนตร์และโทรทัศน์ ที่ Bond University ประเทศออสเตรเลีย
ในขณะที่กำลังศึกษา นอกเหนือจากการกำกับภาพยนตร์สั้น มิวสิกวิดีโอ และเป็นช่างภาพอิสระแล้ว คุณชายอดัมยังเป็นคอลัมนิสต์ให้กับ นิตยสารมติชนสุดสัปดาห์ ซึ่งนับว่าเป็นการเริ่มต้นงานด้านการเขียนของคุณอดัม และยังมีงานผลิตอีเว้นท์ด้านวัฒนธรรม หลากหลายงานในประเทศออสเตรเลีย หลังจากสำเร็จการศึกษาคุณอดัม ได้เดินทางกลับมาเริ่มต้นชีวิตการทำางานที่ประเทศไทยด้วยการนำความสนใจในเทคโนโลยี ความต้องการในการถ่ายทอดเรื่องราวต่างๆรอบตัว และความถนัดในด้านการผลิตรายการโทรทัศน์ จึงเปิด บริษัท ฟุ๊คดุ๊ค โปรดักชั่น จำกัด บริษัทสื่อ New media ที่ผลิต Internet TV ช่องรายการออนไลน์ในหลากหลายเนื้อหาความสนใจ รวมถึงการผลิตงานโปรดักชั่นให้กับหน่วยงาน และบริษัทชั้นนำในประเทศไทยอาทิเช่น Google, Apple, Microsoft, Blackberry, Fuji Xerox, Ogilvy, เนชั่น บรอดแคสตงิ้ คอร์เปอเรชั่น, โค้ก, Mind Share, อิสระกรุ๊ป, CNBC, กองบัญชาการกองทัพไทย, Sony, ททท. ฯลฯ
นอกจากนี้ คุณอดัมยังเป็นทั้ง ผู้ควบคุมการสร้างการ์ดเกมส์ "ตำนานสมเด็จพระนเรศวรมหาราช", อดีตนักวิจารณ์ภาพยนตร์ให้กับนิตยสาร แฮมเบอร์เกอร์, วิทยากรรับเชิญให้กับทางมหาวิทยาลัย และหน่วยงานต่างๆในทุกศาสตร์ที่เกี่ยวข้องกับการสื่อสารมวลชน IT การตลาด และการประชาสัมพันธ์ อีกทั้งยังเป็นผู้ให้การสนับสนุน "Creative Commons" อีกด้วย ในขณะนี้นอกเหนือจากการเป็น Lead Project Supervisor ให้กับเกมส์ ตำนานสมเด็จพระนเรศวรมหาราช ออนไลน์ ซึ่งร่วมกับบริษัท เอเซียซอฟต์ จำากัด (มหาชน) และการเป็นผู้จัดรายการ Good Night ทางคลื่น อสมท. เอฟเอ็ม 96.5 คลื่นความคิดแล้ว คุณอดัมยังได้สั่งสมแรงบันดาลใจจากการเติบโตขึ้นในกองถ่ายภาพยนตร์ การได้รับรางวัลจากการทำหน้าที่ถือไมค์บลูมให้กับฝ่ายเสียงตั้งแต่ยังเป็นเด็ก และการทำงานในตำแหน่งหน้าที่ CG Supervisor ให้กับภาพยนตร์เรื่อง ตำนานสมเด็จพระนเรศวรมหาราชภาค 3, 4 และ 5 จึงได้นำแรงบันดาลใจ และความตั้งใจรวมกับความรู้ด้านภาพยนตร์ที่ได้สั่งสมมา กำกับภาพยนตร์เรื่องแรกที่มีชื่อว่า “สารวัตรหมาบ้า”