happy on September 02, 2012, 03:14:42 PM

Fighting Fish : ดุ ดวล ดิบ

กำหนดฉาย   27 กันยายน 2555
แนว      แอ็คชั่น ดราม่า
นำแสดง      เจ เจ - จักรกฤษณ์ กนกพจนานนท์ / กัสจัง - จิรันธนิน พิทักษ์พรตระกูล / จาเวด อัล เบอร์นี่ (Jawed El Berni) นักแสดงชาวฝรั่งเศส  / สุเชาว์ พงษ์วิไล / เดวิด อิสมาโลน
กำกับแอ็คชั่น   เดวิด อิสมาโลน
กำกับการแสดง   หญิง จุฬาลักษณ์ อิสมาโลน
ที่ปรึกษาผู้กำกับ   อภิชาติ โพธิไพโรจน์ / เจตนิพัทธ์ สาสิงห์
ควบคุมงานสร้าง    หญิง จุฬาลักษณ์ อิสมาโลน
อำนวยการสร้าง   สันติ ปรีชาว่องไวกุล
ค่ายภาพยนตร์   SAGA STUDIO


เรื่องย่อ Fighting Fish : ดุ ดวล ดิบ

                 “ไมค์” แชมป์มวยสากลชาวฝรั่งเศส ( จาเวด อัล เบอร์นี่ ) เดินทางมาเมืองไทยเพื่อหลบหนีอดีตอันขมขื่น เขาตั้งใจจะเริ่มต้นชีวิตใหม่ที่นี่ แต่ทว่าเพียงก้าวเข้าสู่ประเทศไทยได้ไม่นาน เขากลับโชคร้ายเจอแก๊งตุ๊กๆอันธพาลหลอกไปรุมทำร้ายชิงทรัพย์จนหมดตัว  แต่ในความโชคร้ายก็ยังมีโชคดีซ่อนอยู่ เพราะเหตุการณ์ครั้งนี้ทำให้เขาได้รู้จักกับ “โย” (เจ เจ - จักรกฤษณ์ กนกพจนานนท์ ) คนไทยที่มีฝีมือ หวัดมวยไทยที่เก่งพอตัว พร้อมทั้ง “การ์ตูน” (กัสจัง - จิรันธนิน พิทักษ์พรตระกูล ) ภรรยาสาวขาพิการของโย  ทั้งสองช่วยให้ที่พักกับไมค์ และไม่นานมิตรภาพต่างเชื้อชาติก็ก่อเกิด เมื่อ “ไมค์” และ “โย” ได้กลายมาเป็นเพื่อนสนิทกัน  
            “โย” ชักชวน “ไมค์” ให้กลับเข้ามาสู่วงการมวยอีกครั้งเพื่อหาเงินเลี้ยงชีพ แต่ “โย” ห้าม “ไมค์” อย่างเด็ดขาด ไม่ให้เข้าร่วมชกมวย “Fighting Fish”  เป็นมวยของมาฟีย ที่จัดขึ้นเพื่อให้พวกคนรวยดู แม้จะเป็นมวยที่มีเงินพนันสูง ผู้ชนะจะได้รับเงินจำนวนมาก แต่มันก็มาพร้อมกับอันตรายแบบถึงชีวิตเช่นกัน แต่ยิ่งห้ามก็ยิ่งทำให้ “ไมค์” อยากลอง เขาตัดสินใจเข้าร่วมการชกมวย “Fighting Fish”  ด้วยความรักเพื่อน “โย” จึงตัดสินใจขึ้นชกมวย “Fighting Fish”  แทนไมค์  และท้ายที่สุด “โย” เป็นฝ่ายพ่ายแพ้ กติกาของมวยนี้ คนแพ้จะต้องถูกฆ่า  “ไมค์” เสียใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น เขาตัดสินใจบุกเดี่ยวเข้าไปช่วย “โย” ถึงถิ่นของมาเฟีย ( สุเชาว์ พงษ์วิไล ) ที่คุม “Fighting Fish”   “ไมค์” บุกไปด้วยใจสู้ พร้อมกับสองมือ สองเท้า อย่างไม่หวั่นอันตราย เขาต้องต่อสู้กับลูกน้องมาเฟีย และ นักสู้ใต้ดินคนอื่นๆมากมาย  สุดท้ายแล้ว “ไมค์” จะสามารถช่วย “โย” ได้สำเร็จหรือไม่ ต้องคอยติดตาม และ พบกับลีลามวยไทย สไตล์ ดิบ เถื่อน เท่ห์ พร้อมกันในโรงภาพยนตร์ 27 กันยายน นี้


Fighting Fish : ดุ ดวล ดิบ - - แอ็คชั่นน้ำดีสไตล์สากล ด้วยลีลาชั้นเชิงมวยแบบไทย สนุก ครบรส

ดุ- - รวมการต่อสู้แบบดุเดือด ที่จะปลุกเร้าให้เลือดนักสู้ในตัวคุณได้ลุกโชน

ดวล- - ดวลกันหมัดต่อหมัด สู้กันตัวต่อตัว เผชิญหน้าแบบไร้ซึ่งความกลัว จนเหลือเพียงหนึ่งผู้อยู่รอด

ดิบ- - ดิบ สมจริง ไม่เมค ไม่เฟค เพราะนี่คือ Real Life : Real Fight

“ในโลกที่ไร้ซึ่งกฎ กติกา คนอยู่รอด มีเพียงหนึ่งเดียว”

Fighting Fish คือ

                  “Fighting Fish”   คือมวยเถื่อนสุดอันตราย ได้แนวคิดมาจากการนำปลากัดมาสู้กัน จัดขึ้นเพื่อเป็นความบันเทิงให้กับคนรวย ที่ชื่นชอบการเห็นคนสู้กันแบบเอาตาย ไร้ซึ่งความปราณี ผู้ชนะในเกมส์นี้จะได้รับเงินรางวัลเป็นจำนวนมาก หากแต่ผู้แพ้มีเพียงสิ่งเดียวที่จะได้รับ คือ “ความตาย”  แม้ว่าจะแพ้อย่างขาดลอย หรือ แพ้อย่างสูสี หากกฎมีอยู่อย่างเดียว ผู้แพ้ต้องถูกลากไปฆ่า ไร้ข้อต่อรอง ..... แต่ทุกกรอบกติกา มีการแหกกฎเสมอ และครั้งนี้ก็เช่นกัน !!!

<a href="http://www.youtube.com/watch?v=V0usgW_2PS4" target="_blank">http://www.youtube.com/watch?v=V0usgW_2PS4</a>

นักแสดง

เจ เจ - จักรกฤษณ์ กนกพจนานนท์  รับบท “โย”

               “โย” ชายหนุ่มหน้าตาดี อายุประมาณ 26 ปี  ไม่รวย มีอาชีพหาเช้ากินค่ำ มีความสามารถด้านศิลปะป้องกันตัว ต่อสู้เก่ง  บางครั้งเขาหาเงินด้วยการไปต่อยมวยเถื่อน เพื่อหาเงินมาซื้อยาให้ “การ์ตูน” ภรรยาของเขา ซึ่งเป็นอัมพาตที่ขาจากอุบัติเหตุ ทำให้ต้องนั่งรถเข็น  โยรักภรรยาของเขามาก และหวังว่าวันหนึ่งเขาจะสามารถหาเงินจำนวนมากมารักษาขาให้ภรรยาของเขาได้
   เจเจ – จักรกฤษณ์ หนุ่มหน้าตี๋ เกาหลีนิดๆ เริ่มเข้าสู่วงการภาพยนตร์โดยรับหน้าที่ สตั๊นแมนให้กับภาพยนตร์ต่างๆ โดยส่วนมากเป็นภาพยนตร์ฮอลลีวู้ดที่มาถ่ายทำในเมืองไทย เช่น Hangover ภาค 2  และงานโฆษณาต่างๆ แต่ด้วยหน้าตาที่โดดเด่นและรูปร่างดูดีมาดแมน จึงได้รับการชักชวนให้ลองไปถ่ายแบบ และจากจุดนี้จึงมีผู้แนะนำให้เข้าสู่สังกัดของ ค่ายโพลีพลัส  เจเจ เคยมีผลงานละครมาบ้าง เช่น พระจันทร์ลายพยัคฆ์ / รักไม่มีวันตาย แต่ Fighting Fish : ดุ ดวล ดิบ เป็นผลงานภาพยนตร์เรื่องแรก และ ที่สำคัญรับหน้าที่พระเอกเต็มตัว
   “ผมเป็นคนชอบออกกำลังกายอยู่แล้วครับ เคยเรียนพวกศิลปะการต่อสู้มาบ้าง ชอบไปเล่นคาโปเอล่า ตีลังกา ตามสวนสาธารณะต่างๆ จนมีพี่ๆสตั๊นเขาเห็นแวว เลยชวนให้ไปรับงานสตั๊น ผมก็สนใจ เพราะคิดว่าได้เป็นการฝึกการต่อสู้ต่างๆไปในตัว ได้วิชา แล้วก็ได้ทำงานด้วย จากจุดนั้นผมก็เริ่มมีคนมาชวนให้ไปถ่ายแบบ แล้วก็แนะนำต่อให้คุณนิด อรพรรณ เลยได้เข้าไปอยู่กับโพลีพลัส สำหรับเรื่อง Fighting Fish : ดุ ดวล ดิบ  ก็มีคนแนะนำให้พี่หญิง จุฬาลักษณ์ ผู้กำกับลองเรียกผมเข้ามาแคสต์ เพราะเขาอยากได้นักแสดงที่แสดงฉากแอ็คชั่นได้ เล่นบู๊ และต่อสู้ได้จริง ผมก็เข้าไปแคสต์เหมือนคนอื่นๆ ไม่ได้หวังมาก แต่ก็ทำเต็มที่ พอรู้ว่าได้รับเลือกให้เล่นเรื่องนี้ แถมเป็นพระเอกเต็มตัวเรื่องแรกก็ดีใจ เพราะผมไม่ได้คิดว่าจะมาเป็นพระเอก หรือ นักแสดงด้วยซ้ำ ผมเรียนจบบริหารมา ตอนแรกก็คิดว่าคงจะทำธุรกิจตามที่ได้เรียนมา แต่พอได้รับโอกาสที่ดี ก็อยากจะทำให้ดีที่สุด
   สำหรับบท โย ที่ผมรับในเรื่องนี้ จะมีทั้งส่วนของแอ็คชั่นและดราม่า ผมถนัดแอ็คชั่นมากกว่า เพราะเริ่มมาจากสิ่งนี้ แต่แอ็คชั่นในหนังเรื่องนี้ค่อนข้างหนัก เพราะเล่นจริงกันตลอด และ workshop กันโหดมาก เพื่องานที่ดี ผมและทีมงานต้องมา workshop ฉากแอ็คชั่นกันก่อนถ่ายทำ 2 เดือน ฝึกกันทุกวัน คิดซีนใหม่ๆ หาแอ็คชั่นแปลกๆ ทุกคนทุ่มเทมาก ช่วง workshop มีอยู่ช่วงนึงที่ผมเอ็นฉีกที่ขาข้างซ้าย เลยต้องหยุดซ้อมไปพักนึง แต่ช่วงนั้นก็ทำให้ได้มีเวลาฝึกเรื่องของการ acting ในส่วนดราม่า ทางกองก็จะมีคุณ อภิชาติ  acting coach มาคอยติวให้ผม เพราะบท โย จะต้องมีส่วนที่ดราม่าอยู่หลายฉาก ต้องเข้าถึงอารมณ์ เพื่อจะได้ถ่ายทอดให้ออกมาสมจริง ฉากดราม่านี่แหละเป็นส่วนที่ยากสำหรับผม ให้เล่นแอ็คชั่น 10 ฉาก ยังไม่หนักใจเท่าดราม่าฉากเดียวเลย แต่ถึงจะยากผมก็ชอบนะ เพราะมันทำให้หนังสนุกขึ้น ถ้าให้มาสู้กันอย่างเดียวทั้งเรื่อง หนังก็คงไม่มีอะไร ขาดสีสัน ขาดความเข้มข้น  ฉากที่ยากที่สุดสำหรับผมก็เลยเป็นซีนอารมณ์ ซึ่งเป็นซีนที่อยู่ท้ายๆเรื่อง ถือเป็นซีนไฮไลท์ อยากให้ลองติดตามกัน ว่าเรื่องราวในซีนนั้นจะเป็นยังไง ที่ยากมาก เพราะปกติฉากอื่นๆ เล่นไม่กี่เทคสุดท้ายก็ผ่านไปได้ แต่ฉากนี้ผมเล่นยังไงก็ไม่ผ่าน จนพี่หญิง ผู้กำกับ ต้องให้เปลี่ยนไปถ่ายฉากอื่นก่อน แล้วค่อยมาถ่ายฉากนี้ใหม่ กว่าจะผ่านก็ค่อนข้างยากเหมือนกัน เพราะผู้กำกับก็อยากให้ผมเล่นออกมาได้สมจริง ไม่อยากปล่อยให้ผ่านไปง่ายๆ แต่พอเห็นในมอนิเตอร์แล้ว ก็รู้สึกว่าคุ้ม
   สำหรับฉากแอ็คชั่นผมชอบอยู่หลายฉาก แต่ที่ประทับใจที่สุด จะเป็นฉากที่ผมโดนคน 8 คนรุม ในโกดัง เป็นการถ่ายแบบ long shot ไม่มีการเทค ถ่ายยาวไปเลย ได้เล่นเต็มๆ แต่ก็ยากด้วย เพราะห้ามพลาดเลย ถ้าพลาดก็ต้องถ่ายใหม่ ฉากนี้เราจะเรียกกันเองในกองว่า ฉาก 300 เพราะมันมีสไตล์ออกมาเท่ห์ๆ แต่ดุดัน คล้ายหนังเรื่อง 300
   ผมโชคดีที่ถ่ายฉากแอ็คชั่น ไม่เคยมีผิดคิวอะไรที่เจ็บตัวมาก จะมีก็นิดหน่อยเป็นธรรมดาของการแสดงฉากต่อสู้ เช่น ศอกแตก หรือ เนื้อตัวเขียวฟกช้ำบ้าง ถ้าถอดเสื้อนี่จะเห็นรอยเป็นจ้ำๆตลอด เพราะเราเล่นกันจริง ทุ่มกันจริง กระแทกจริง พวกอิฐ พวกกำแพง หลายฉากก็เป็นของจริง อิฐแตกจริง ก็เลยมีของฝากตามเนื้อตัวมาบ้าง  ส่วนแนวการต่อสู้ที่ผมถนัดที่สุด ก็คือมวยไทย แต่ไม่ได้เป็นมวยไทยแบบโบราณ จะเป็นแบบประยุกต์ ผมมาฝึกมวยไทยทีหลัง แต่พอได้มาลองแล้วชอบมาก อย่างนึงอาจเพราะลึกๆเราคือคนไทย เลยอยากมีความสามารถด้านมวยไทยให้ดีที่สุด
   การทำงานกับนักแสดงในเรื่องนี่ต้องบอกว่าดีมากๆ อย่าง กัสจัง ก็ทำงานด้วยกันราบรื่น ทำงานไม่ยาก น้องเป็นคนสนุกสนาน อัธยาศัยดี ส่วนมากเวลาเข้าฉากด้วยกันจะมีแต่ฉากดราม่า ซึ่งกัสจังจะแสดงซีนอารมณ์ได้เก่งมาก จากยิ้มๆหัวเราะอยู่ดีๆ พอสั่งแอ็คชั่น น้ำตาไหลได้เลย เหมือนเปิดก๊อก สมาธิดีมาก  สำหรับเลิฟซีนก็มีนิดหน่อย แต่เป็นแนวน่ารัก เป็นการแสดงให้เห็นถึงความรักของตัวละครในเรื่อง ไม่ได้หวือหวามาก ตอนถ่ายซีนนี้ก็แอบมีเกร็งๆ พี่โดมบ้าง เพราะวันนั้นพี่โดมมากองพอดี แต่จังหวะถ่ายทำฉากนี้ พี่โดมไปซะก่อน เพราะมีงาน  แต่ถึงพี่โดมอยู่ พี่เค้าก็เข้าใจเพราะมันเป็นการทำงานและพี่เค้าก็ไนซ์มาก น่ารัก
   ทางด้าน จาเวด นักแสดงฝรั่งเศส ที่ต้องมาเล่นเป็นเพื่อนกันในเรื่อง ก็แสดงเข้าขากันดีครับ เรารู้จักกันมาก่อน เวลาที่ไปฝึกซ้อม ออกกำลังกาย ตีลังกาอยู่แล้ว จาเวด เขาจะถนัดพวก ฟรีรันนิ่ง เวลาเข้าฉากด้วยกันก็สนุกดี  สำหรับ พี่เดวิด อิสมาโลน ผู้กำกับแอ็คชั่น เขาเก่งมากอยู่แล้ว แถมยังเฟรนด์ลี่มาก ตั้งใจทำงาน มีไอเดียใหม่ๆมาให้เราลองเสมอ ที่สำคัญเป็นคนไม่มีอีโก้ จะรับฟังทุกไอเดียที่เห็นว่าน่าสนใจ ทำให้ร่วมงานแล้วชอบมาก และงานก็ออกมาดี
   ส่วนผู้กำกับของเรา พี่หญิงสุดยอดมากเลยครับ ภาพที่เราเห็น กับตัวจริงเวลาทำงานคนละอย่างกันเลย เห็นตอนแรกดูเป็นสาวเปรี้ยวๆ ตัวเล็กๆ ดูบอบบาง ปรากฏว่าเวลาทำงานจริงๆจะลุยมาก ชนิดผู้ชายยังอาย แล้วก็ทำงานละเอียดมาก ไม่มีปล่อยผ่านเลยครับ แถมมีมุมมองภาพที่สวยมาก เวลาเราทำงาน เราจะเช็คภาพในมอนิเตอร์กันตลอด จะเห็นเลยว่าภาพสวยมาก เป็นแอ็คชั่นที่ภาพสวย และพี่หญิงยังมีวิธีการกำกับผม บิลท์อารมณ์ที่ได้ผลอีกด้วย เขาจะค่อยๆอธิบายว่า ฉากนี้ตัวละครของเรารู้สึกยังไง แล้วอารมณ์ที่ควรแสดงออกจะเป็นแบบไหน มีจิตวิทยาที่ดีมากในการถ่ายทอด  และอาจเป็นเพราะเขาเป็นผู้หญิง ก็เลยมีมุมมองด้านภาพและการถ่ายทอดอารมณ์ที่แตกต่างจากผู้กำกับผู้ชายที่กำกับหนังแอ็คชั่น ทำให้ fighting fish ได้อารมณ์ที่แตกต่างจากหนังแอ็คชั่นเรื่องอื่น ทั้งมันส์ ทั้งสนุก แล้วยังเท่ห์ แถมมีความโรแมนติกผสมมาด้วย”


กัสจัง - จิรันธนิน พิทักษ์พรตระกูล รับบท “การ์ตูน”

               “การ์ตูน” หญิงสาวอายุประมาณ 26 ปี เป็นคนที่มีจิตใจดี อ่อนไหวง่าย มองโลกในแง่ดี แต่ทว่าโชคร้ายเพราะโดนคนเมาขับรถชนที่ขาจนเป็นอัมพาต  เธอรัก “โย” สามีของเธอมาก และ “โย” เองก็รักเธอมากเช่นเดียวกัน แม้เธอจะกลายเป็นคนพิการ “โย” ก็ไม่ทิ้งเธอไปไหน แถมยังรักและห่วงใย คอยดูแลยิ่งกว่าเดิม
             กัสจัง – จิรันธนิน  สาวน้อยหน้าตาจิ้มลิ้ม น่ารักสดใส ผ่านงานในวงการบันเทิง มาตั้งแต่ถ่ายแบบ เล่นโฆษณา เป็นพิธีกร และมีโอกาสได้โกอินเตอร์ ร่วมแสดงในภาพยนตร์ต่างประเทศ อย่าง  Elephant white และ Trade of innocents จากผลงานระดับอินเตอร์ที่เธอได้ฝากฝีมือไว้ ทำให้ความสามารถของเธอฉายแวว และได้รับการชักชวนให้แสดงนำในภาพยนตร์ไทยเรื่องแรกของเธอ กับ Fighting Fish : ดุ ดวล ดิบ
             “พี่หญิงเห็นกัสจังจากหนังฮอลลีวู้ดเรื่อง Elephant white ที่พี่ปรัญชา ปิ่นแก้วเป็นผู้กำกับค่ะ  เรื่องนี้ทางทีมงานเขามีตัวละครอยู่ตัวนึง ที่อยากได้นักแสดงเอเชียเป็นคนเล่น หนูก็ได้เลยได้เข้าไปแคสต์ ตอนแรกเขาจะส่งเทปแคสติ้งให้ทีมงานทางฮอลลีวู้ดลองเลือกดู จนเหลือสองคนสุดท้าย เขาก็บินมาดูตัวที่เมืองไทย มาดูการแสดงของเรา และให้พระเอกของเรื่องเป็นคนเลือก ว่าใครที่น่าจะเล่นกับเขาได้ดีที่สุด อาจจะโชคดีที่หนูพูดภาษาอังกฤษได้ ก็เลยสื่อสารกันได้ง่ายด้วย  บทในเรื่องนี้จะเป็นแนวดราม่า เน้นฉากอารมณ์ ร้องไห้ พอพี่หญิงเขาเห็น ก็เลยรู้สึกว่ามีความใกล้เคียงกับ บทของ “การ์ตูน” ในเรื่อง Fighting Fish ก็เลยลองเรียกให้กัสจังเข้ามาแคสต์ อีกอย่างพี่หญิงอยากได้นางเอกที่ดูอายุไม่เยอะเท่าไหร่  สุดท้ายกัสจังก็ได้เล่นเป็น “การ์ตูน” ค่ะ
             สำหรับบท “การ์ตูน” ก็จะเป็นผู้หญิงที่ขาพิการ ต้องนั่งรถเข็น เพราะประสบอุบัติเหตุ จะมีสามีซึ่งก็คือ “โย” รับบทโดย พี่เจเจ มาคอยดูแล หาเงินมารักษา ซึ่งทั้งเราและเขาก็มีความหวังว่าอยากจะหาเงินมาให้ได้มากๆ จะได้สามารถนำมาผ่าตัดรักษาขา ให้กลับมาเดินได้อีกครั้ง สุดท้ายเขาก็เลยต้องเข้าไปสู้ในการต่อสู้ที่เรียกว่า Fighting Fish เป็นมวยเถื่อนที่อันตรายมาก เป็นของพวกมาเฟีย จัดขึ้นเพื่อให้พวกคนรวยดู โดยมีกฎว่าคนแพ้จะต้องถูกฆ่า แต่ผู้ชนะก็จะได้เงินเยอะมาก  ถึงแม้เรื่องนี้จะเป็นแอ็คชั่น แต่ก็มีส่วนที่เป็นดราม่าผสมผสานอยู่ด้วย บทของกัสจัง ส่วนมากจะเป็นซีนอารมณ์ ไม่มีแอ็คชั่นเลย กัสจังก็เลยไม่หนักใจเท่าไหร่ เพราะถนัดในการเล่นฉากอารมณ์อยู่แล้ว แต่ถ้าให้ไปต่อสู้ ไปแอ็คชั่น คงจะรู้สึกว่ายาก   บท “การ์ตูน” ถือเป็นบทที่น่าสนใจมาก จะต้องเล่นเป็นคนขาพิการ เป็นบทที่มีน้ำหนักของเรื่อง ได้แสดงอารมณ์ค่อนข้างเยอะ ถือว่าท้าทาย และกัสจังก็พยายามทำให้ดีที่สุดค่ะ
            สำหรับการทำงานกับ เจเจ ก็สนุกดีค่ะ เจเจจะเฟรนด์ลี่ คอยดูแล เฮฮา เขาจะมีมาถามถึงเคล็ดลับของกัสจังเหมือนกัน ว่าเวลาเล่นซีนอารมณ์ อย่างฉากที่ต้องร้องไห้ ต้องทำยังไง  กัสจังเลยบอกว่าของอย่างนี้สอนไม่ได้ มันต้องรู้สึกเอง มาจากอินเนอร์ แต่ก็บอกเขาไปว่าให้ลองนึกถึงเรื่องเศร้าๆสิ ไม่รู้เหมือนกันว่าเขาลองเอาไปใช้รึเปล่า แต่สำหรับตัวกัสจังเวลาเล่นซีนอารมณ์ ก็จะใช้วิธีรู้สึกไปตามบท เข้าใจตัวละคร พอเรามีอินเนอร์ น้ำตามันก็ไหลมาเองโดยอัตโนมัติ  ส่วนใหญ่ก็จะเข้าฉากกับเจเจ มีฉากเลิฟซีนนิดหน่อย แต่เป็นแนวน่ารักกุ๊กกิ๊ก ตอนถ่ายก็เขิน ต้องพยายามนึกถึงบท ว่าเราเป็นตัวละครตัวนี้นะ เพราะถ้าคิดว่าเป็นกัสจัง กับ เจเจ ก็จะหลุดขำ  วันที่ถ่ายฉากนี้ พี่โดมก็แวะมาเยี่ยมที่กอง เพราะเขาทำงานอยู่แถวสถานที่ถ่ายทำพอดี เลยเอาขนมมาให้ แต่เขามีงานต่อ ก็เลยไม่ได้อยู่ถึงตอนถ่ายฉากนี้ค่ะ แต่ถึงเขาอยู่ก็ไม่กังวล เพราะเขาเข้าใจการทำงานอยู่แล้ว  
            กัสจังดีใจที่ได้ทำงานกับผู้กำกับอย่างพี่หญิง เพราะพี่หญิงเก่งมาก ขยัน ลุย สมบุกสมบัน จัดการเอง ทำเองได้ทุกอย่าง เก่งทั้งด้านโปรดิวซ์ และการกำกับ แถมยังมีไอเดียที่กว้าง แปลกใหม่ อาจเพราะพี่หญิงได้มีโอกาสทำงานกับหลายๆประเทศมาแล้ว
            สำหรับภาพยนตร์ Fighting Fish : ดุ ดวล ดิบ เป็นภาพยนตร์แอ็คชั่นที่น่าดูมาก เพราะภาพที่ออกมา เท่ห์ อาร์ท ดิบแต่สวย แล้วก็มีฉากการต่อสู้ที่ไม่เหมือนใคร และยังดูสมจริง  ในส่วนของเนื้อเรื่องก็เข้มข้น มีอะไรชวนให้ลุ้น ให้ติดตาม ให้อินไปกับหนัง นอกจากจะมันส์ไปกับฉากแอ็คชั่นแล้ว บางคนอาจจะเสียน้ำตาให้กับซีนอารมณ์ด้วยก็ได้ค่ะ”


จาเวด อัล เบอร์นี่ (Jawed El Berni)  รับบท “ไมค์”

               “ไมค์” ชายชาวต่างชาติอายุประมาณ 28 ปี เป็นผู้ชายที่มีจิตใจดี อารมณ์อ่อนไหวง่าย มีวิชาการต่อสู้เก่งกาจ มีปมในอดีต จึงตัดสินใจเข้ามาเริ่มต้นชีวิตใหม่ที่เมืองไทย เขามาถึงเมืองไทย แต่ต้องมาโดนปล้นจนหมดตัว จนกระทั่งมาเจอ “โย” และได้กลายมาเป็นเพื่อนกันในที่สุด “โย” แนะนำให้ “ไมค์”  ต่อยมวยเถื่อนเพื่อหาเงิน โดยที่ไม่รู้ว่าสุดท้ายแล้วทั้ง “โย” และ “ไมค์” จะได้ก้าวเข้าสู่อันตรายแห่งมวย Fighting Fish ที่มีชีวิตเป็นเดิมพัน
   จาเวด อัล เบอร์นี่ (Jawed El Berni)  นักแสดงชาวฝรั่งเศส ปัจจุบันอายุ 28  ปี  มีความสนใจด้านศิลปะป้องกันตัว จนฝึกอย่างเชี่ยวชาญตั้งแต่อายุ 21 มีผลงานในวงการบันเทิงมาทั้งในประเทศฝรั่งเศสและนานาประเทศ รวมถึงล่าสุดกับการรับบทนำในภาพยนตร์ไทยเรื่อง Fighting Fish : ดุ ดวล ดิบ  ผลงานที่ผ่านมามีทั้งการรับหน้าที่สตั๊นแมน / ถ่ายแบบ / ถ่ายโฆษณา และ นักแสดง
   “ใน Fighting Fish ผมรับบทเป็น “ไมค์” เป็นชาวต่างชาติที่เป็นนักมวย เดินทางมาประเทศไทยเพื่อหนีจากอดีตที่ขมขื่น และ เรื่องราวบางอย่าง แต่ทันทีที่เขาถึงเมืองไทย เขาก็ถูกทำร้ายร่างกายและขโมยเงินไปจนหมด ซึ่งนั่นเป็นจุดเริ่มต้นให้เขารู้จักกับ “โย” และกลายมาเป็นเพื่อนกัน  “ไมค์” ได้เข้าไปเกี่ยวข้องกับการชกมวยเถื่อนอย่าง Fighting Fish ซึ่งเป็นมวยที่อันตรายและมีเงินรางวัลสูงมาก จะเป็นการต่อยกันในกรง มีพวกคนรวยมาดู จากตอนแรกที่ “ไมค์” ชกมวย ต่อสู้เพื่อเงินรางวัล  หลังจากที่เข้าร่วมการต่อสู้ Fighting Fish เขามีจุดมุ่งหมายในการต่อสู้ที่เปลี่ยนไป เขาไม่ได้สู้เพื่อเงินรางวัล แต่สู้เพื่อสิ่งอื่นที่มีคุณค่ามากกว่านั้น....
   ผมรู้จักกับเดวิด และ หญิง มาก่อนหน้านี้แล้ว เพราะเคยร่วมงานกันมาก่อน พอทั้งคู่มีโปรเจ็คหนังเรื่องนี้ ก็เลยชวนผมมารับบท “ไมค์” เพราะในเรื่องอยากได้เป็นชาวต่างชาติที่มีความสามารถด้านการต่อสู้ เดวิดรู้ว่าผมเล่นฉากแอ็คชั่นได้ และเคยผ่านมาแสดงมาบ้าง น่าจะทำงานร่วมกันได้ดี และมีคาแรคเตอร์ที่ตรงตามบท อีกอย่างที่ผ่านมาทุกครั้งที่ได้ร่วมงานกันก็แฮปปี้ตลอด สำหรับผมเองก็รู้สึกว่า การรับบท “ไมค์” เป็นเรื่องที่ท้าทาย เพราะนอกจากจะได้เล่นแอ็คชั่นอย่างที่ผมชอบและถนัดแล้ว ยังมีในส่วนของซีนอารมณ์ด้วย และผมก็ดีใจที่มีโอกาสได้ร่วมงานกับทีมงานชาวไทย สนุกมาก  อย่างเจเจ ที่ต้องมาเข้าฉากด้วยกันตลอดในเรื่องนี้ ผมกับเขาก็รู้จักกันมาก่อนหน้านี้แล้ว เพราะเราเคยฝึกซ้อมการต่อสู้ที่เดียวกัน ทำให้การทำงานร่วมกันง่ายมาก ไม่มีปัญหาอะไรเลย เข้าขากันดีทั้งเรื่องของจังหวะแอ็คชั่นและการรับส่งซีนอารมณ์  ส่วนการทำงานกับ หญิง จุฬาลักษณ์ ก็ดีมากๆ เรื่องของเชื้อชาติและภาษาที่แตกต่างกันไม่มีผลอะไรเลย เพราะหญิงเขาสื่อสารภาษาอังกฤษได้ดี และการทำงานของเขาเป็นสากลมากๆ เขาตั้งใจทำงาน ทำการบ้านมาอย่างหนัก รู้ว่าตัวเองต้องการอะไร อยากได้อะไรเพื่อให้งานออกมาดีที่สุด นอกจากหญิง ทีมงานคนไทยอื่นๆ ก็น่ารัก ทำงานด้วยแล้วสนุก และเป็นประสบการณ์ที่ดีมาก
   ฉากที่ยากสำหรับผมในเรื่อง Fighting Fish จะเป็นฉากตอนที่ผมได้รับบาดเจ็บสาหัส จะต้องแสดงอาการของคนที่เจ็บหนัก และ ต้องเล่นซีนอารมณ์พูดอะไรบางอย่างที่สำคัญกับเจเจ ที่ผ่านมาผมเคยแต่แสดงอาการของการบาดเจ็บหนัก แต่ไม่ต้องพูดอะไรไปด้วย  พอต้องมาเล่นสองอย่างพร้อมกัน ก็เลยต้องใช้สมาธิสูง เพราะเป็นฉากที่สำคัญ ถือว่าท้าทายมาก และผมก็สนุกที่ได้ลองเล่นอะไรแบบนี้
   การทำงานในภาพยนตร์ Fighting Fish เป็นประสบการณ์ที่ดีมาก ปกติเวลาผมแสดงหนังแต่ละเรื่อง ผมก็จะได้เรียนรู้ประสบการณ์ใหม่ๆทุกครั้ง เพราะจะได้รู้จักทีมงานหน้าใหม่ มาจากหลายๆประเทศ หลายๆวัฒนธรรม วิธีการทำงาน วิธีคิดก็แตกต่างกัน มีเทคนิคต่างๆที่แตกต่างกัน อย่างในเรื่อง Fighting Fish นี้ ผมก็ได้เล่นฉากแอ็คชั่นที่แปลกใหม่ไปจากเดิม ไม่เคยเห็นในหนังเรื่องไหน มีความทั้งสมจริง ความดุดัน และความทันสมัย ก็ต้องชมว่าเดวิดออกแบบแอ็คชั่นได้เก่งมากๆ
   ผมคิดว่าคนดูจะสนุกไปกับภาพยนตร์เรื่อง  Fighting Fish : ดุ ดวล ดิบ แน่นอน เพราะมีทั้งแอ็คชั่นมันส์ๆ การต่อสู้ที่ชวนให้ลุ้นไปด้วย และฉากดราม่าที่น่าจะอินตามกันได้ แถมยังมีแขกรับเชิญเซอร์ไพรส์อีกเพียบ”


เดวิด อิสมาโลน รับบท “แจ็ค”

               นักฆ่ามือขวาของเจ้าพ่อมาเฟีย มีฝีมือด้านการต่อสู้ที่เก่งกาจ น่ากลัวมาก แทบไม่เคยแพ้ใคร พร้อมจะฆ่าทุกคนตามคำสั่งของเจ้าพ่อ หรือใครก็ตามที่มาขวางทางของเขา
            เดวิด อิสมาโลน นอกจากจะรับหน้าที่แสดงในเรื่องนี้แล้ว ยังรับหน้าที่ผู้กำกับแอ็คชั่นอีกด้วย คร่ำหวอดอยู่ในวงการแอ็คชั่นมานาน เคยร่วมงานกับเฉินหลง / ฝึกสอนคิวบู๊ให้กับ มิลล่า โจโววิช ในภาพยนตร์ ultraviolet / และมีส่วนร่วมในภาพยนตร์แอ็คชั่นชื่อดังของไทยอย่าง องค์บาก และ ต้มยำกุ้ง ฯลฯ
« Last Edit: September 02, 2012, 03:36:45 PM by happy »

happy on September 02, 2012, 03:37:10 PM

ผู้กำกับ

หญิง จุฬาลักษณ์ อิสมาโลน

               จากบทบาทของนักแสดงสาวที่เราคุ้นหน้าคุ้นตากันดี แจ้งเกิดจากละคร “ทอฝันกับมาวิน” หลังจากนั้นก็มีผลงานทั้งด้านละครและภาพยนตร์ตามมาอย่างต่อเนื่อง  หลังจากแต่งงานกับสามี “เดวิด อิสมาโลน” และมีลูกสาว เธอก็หายหน้าจากวงการบันเทิงไทย ก้าวเข้าสู่งานเบื้องหลังอย่างเต็มตัว ทั้งการรับหน้าที่โปรดิวเซอร์และผู้กำกับให้กับโปรเจ็คต่างๆมากมาย รวมไปถึงงานภาพยนตร์ในต่างประเทศด้วย จนมาในปีนี้ หญิง จุฬาลักษณ์ กลับมาพร้อมผลงานการกำกับภาพยนตร์ไทยเรื่องแรก Fighting Fish : ดุ ดวล ดิบ   ที่สำคัญเป็นภาพยนตร์แนวแอ็คชั่น ถือเป็นเรื่องที่ท้ายทายสำหรับผู้หญิงอย่างเธอ
            “จริงๆคนจะคุ้นภาพหญิงจากงานเบื้องหน้า แต่หญิงเรียนจบคณะนิเทศศาสตร์  มหาวิทยาลัยรังสิต รู้สึกชอบงานเบื้องหลังเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว  เคยลองเป็นโปรดิวเซอร์ตั้งแต่อายุ 22  ลองทำหนังเอง หาเงินเอง เพราะเบื้องหน้าเราก็ทำมาเกือบหมดแล้ว  พอมาทำเบื้องหลังก็รู้สึกสนุกมาก เป็นสิ่งที่ตัวเองรัก แต่ไม่ค่อยมีคนรู้ว่าเราชอบเบื้องหลัง เราทำตรงนี้ พอแต่งงานก็เลยผันตัวเองมาทำเบื้องหลังเต็มตัว มีความสุขมาก สนุก ได้มีเวลาของตัวเองเต็มที่
             เรื่องแรกที่โปรดิวซ์เองเป็นหนังดีวีดี ตอนนั้นหนังดีวีดีมันบูม เรื่อง ต้องชู้ กับ สาวเจ้าสเน่ห์ ทำเอง ได้กำไรเอง ตอนนั้นเราเลยมีไอเดียว่ามาทางนี้ถูกทางแล้ว เพราะเราก็เรียนด้านนี้ และได้รับการสนับสนุนจากผู้ใหญ่ จากคนในครอบครัว แล้วก็บังเอิญมารู้จักกับสามี ซึ่งเค้าเป็นผู้กำกับด้านแอ็คชั่น ก็เลยมาทำงานด้วยกัน เปิดบริษัทด้วยกัน งานแรกๆเป็นเรียลลิตี้มวยไทย เอามวยไทยไปนำเสนอให้โลกรู้ ซึ่งงานนี้เราไปทำงานกันที่อเมริกา แล้วก็มาสิงคโปร์ เดวิด สามีเป็นผู้กำกับ แล้วหญิงก็เป็นโปรดิวเซอร์ จากจุดนั้นก็เริ่มมาทำหนังกัน เป็นหนังต่างประเทศ หลายเรื่องเหมือนกัน ถึงตอนนี้ก็เกือบ 7 ปีแล้ว ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นแนวแอ็คชั่นตลอด มีโอกาสได้ไปที่อเมริกา ฝรั่งเศส สวิสเซอร์แลนด์ รับงานจากหลายๆประเทศ
            ภาพยนตร์ Fighting Fish : ดุ ดวล ดิบ   ทางซาก้า สตูดิโอ มองว่าตลาดหนังแอ็คชั่นมันไปไกลทั่วโลก อย่าง องค์บาก ต้มยำกุ้ง ที่ได้รับกระแสตอบรับดีจากทั่วโลก
            เรื่องนี้เป็นแอ็คชั่นแบบ realistic เป็น real life : real fight เป็นเรื่องราวชีวิต มีดราม่ามาสอดแทรก และหญิงก็ถนัดดราม่าอยู่แล้วด้วย เป็นเรื่องราวความรัก มิตรภาพ ทั้งระหว่างเพื่อน ระหว่างครอบครัว นอกจากจะมันส์จากฉากแอ็คชั่นแล้ว ยังซึ้งกินใจ แต่ไม่ได้เป็นแอ็คชั่นที่เครียดนะคะ เราไม่อยากให้คนดูเครียด เราอยากให้คนดูสนุกไปกับหนัง คือหนังยังไงมันก็ต้องบันเทิง แต่มันไม่ได้บันเทิงแบบไร้แก่นสารนะเรื่องนี้  ที่จริงคือ มันเป็นแอ็คชั่นที่สมจริงมาก จะมีแอ็คชั่นเกือบครบรูปแบบ มีมวยเถื่อน mix matial art เป็นมวยในกรง ไม่มีกติกา คุณสามารถใช้การต่อสู้อะไรก็ได้ จนน็อคเอาท์  แล้วก็ยังมีมวยไทย คาโปเอล่า หลายๆอย่างผสมกัน เหมือนแมทช์นี้ต่อยกับคนที่เป็นนักสู้คาโปเอล่า อีกแมทซ์ต่อยกับคนเป็นกังฟู มียิมนาสติกอะไรมาด้วย เป็นมวยเถื่อนของพวกคนรวยที่อยากเห็นคนต่อยกัน แล้วต่อยกันถึงตาย
            ในส่วนของแอ็คชั่นต้องถือว่าหญิงโชคดี ที่ได้เดวิด มาเป็นผู้กำกับแอ็คชั่นให้ เพราะเราทำงานด้วยกันมานาน แค่มองตาเขาก็เข้าใจแล้วว่าเราอยากได้อะไร สื่อสารกันง่าย ที่สำคัญ เดวิด เขาเก่ง เชี่ยวชาญและเป็นมืออาชีพในด้านนี้อยู่แล้ว ทางด้านนักแสดงทั้ง เจเจ กับ จาเวด เขาเล่นแอ็คชั่นเอง เพราะเขาก็เก่งแอ็คชั่นกันทั้งคู่ เป็นทุกอย่าง แต่ก็มาเทรนด์หนักเพื่อถ่ายทำเรื่องนี้ 2-3 เดือน ทั้งสองคนมีพรสวรรค์อยู่แล้ว อย่างจาเวดเค้าเป็นชาวฝรั่งเศส แต่ก็เล่นหนังกับต่างชาติเยอะ ตัวจาเวดเขารู้จักกับเดวิดมาก่อน ก็เลยมีมองๆไว้ตั้งแต่แรก ส่วนเจเจนี่ได้มาจากการแคสต์ ไม่ได้รู้จักกันมาก่อน มีคนแนะนำมา พอมาแคสต์ก็ตื่นตาตื่นใจมาก มาตีลังกาโชว์ เตะต่อย แอ็คชั่นทุกอย่างโชว์ให้ดู เก่งมาก ที่สำคัญนอกจากเค้าเล่นแอ็คชั่นได้ดี หน้าตาของเค้ายังโดดเด่นด้วย ดูเป็นสไตล์ๆเกาหลี  ถ้าเทียบกับ พี่จา พนม หรือ สตั๊นเก่งๆหลายคน อย่าง คาซู จาก ดื้อ สวย ดุ ก็มีฝีมือพอๆกัน ซึ่งคาซู ก็มารับเชิญเรื่องนี้ด้วย อย่างกัสจังนี่จะเก่งในเรื่องของดราม่าและซีนอารมณ์มาก น้ำตาสั่งได้ เล่นได้แบบที่เราต้องการ และในเรื่องนี้เค้าจะรับบทหนักในส่วนของซีนดราม่า แต่จะไม่อยู่ในส่วนของพาร์ทแอ็คชั่น ซึ่งเขาก็ทำหน้าที่ในส่วนของเขาได้ดี ทำให้ทีมงานทุกคนภูมิใจ หญิงเห็นเขาจากภาพยนตร์ฮอลลีวู้ด เรื่อง Elephant White แล้วมีความรู้สึกว่าอยากได้แอ็คติ้งแบบนี้แหละ เลยติดต่อไปให้เข้ามาลองแคสต์ดู  
            ในเรื่องนี้จะมีฉากแอ็คชั่นหลายรูปแบบ มีทั้งซีนไล่ล่า แบบคอเมดี้  คือเป็นแอ็คชั่นแบบสนุกๆ ขำๆ / ฉากแอ็คชั่นบนดาดฟ้า กลางสายฝน ก็สวยเท่ห์ เป็นฉากที่ เดวิด กับ เจเจ เล่นจริง เจ็บจริง กระแทกอิฐนั่นก็ของจริง ส่วนมากผู้หญิงจะชอบซีนนี้ มันเท่ห์เหมือนหนังโฆษณา แต่ก็มันส์ ภาพสวย / แล้วก็ยังมีแอ็คชั่นกับอาวุธอย่างปืน หรือเล่นกับไฟ / หรือจะสู้กับแบบดิบๆ เถื่อนๆ สะใจก็มี หญิงพยายามผสนผสานการต่อสู้ทุกอย่างรวมไว้ในหนังเรื่องนี้


นักแสดงรับเชิญ

สุเชาว์ พงษ์วิไล รับบท “เจ้าพ่อมาเฟีย”
ชายอายุประมาณ 47 ปี เป็นคนที่โหดเหี้ยม ทำงานผิดกฎหมาย เป็นเจ้าของมวยพนันรายใหญ่ ฆ่าคนเป็นว่าเล่น
สมรักษ์ คำสิงห์ รับบท “ตำรวจนับสืบ”
เขาทราย และ เขาค้อ กาแล็คซี่ รับบท “เจ้าของโรงจำนำ ”
หยอง ลูกหยี รับบท “คนขายตั๋วเรือ”
โยกเยก รับบท “นักสู้มวยเถื่อน”
เกลือ กิตติ เชี่ยววงศ์กุล รับบท “แก๊งตุ๊กตุ๊กอันธพาล”
คาซู จาก ดื้อ สวย ดุ รับบท “นักสู้มวยเถื่อน”
ไทรโยค พุ่มพันธ์ม่วง (แชมป์โลก) รับบท “Mad dog”
ก้าวไกล แก่นนรสิงห์ รับบท “นักสู้มวยเถื่อน”
ยอด แสนไกล รับบท “นักสู้มวยเถื่อน”
เดวิด บูโน (David Bueno) รับบท “คริส”