happy on September 09, 2012, 07:05:19 PM
HIT AND RAN
จัดจำหน่ายโดย เอ็ม พิคเจอร์ส
ชื่อภาษาไทย ฮิต แอนด์ รัน ล่าทะลุเมือง
ภาพยนตร์แนว แอ็คชั่น-คอเมดี้
จากประเทศ สหรัฐอเมริกา
กำหนดฉาย 20 กันยายน 2555
ณ โรงภาพยนตร์ โรงภาพยนตร์ในเครือเมเจอร์ซีนีเพล็กซ์
ผู้กำกับ David Palmer & Dax Shepard
เว็ปไซด์ตัวอย่างภาพยนตร์ http://youtu.be/cgLYz5bcP1k
นักแสดง Bradley Cooper จาก Hangover1 2 , The A Team
Kristen Bell จาก When in Rome , You Again
Dex Shepard จาก When in Rome , Idiocracy , Parenthood
Kristin Chenoweth จาก Bewitched , The Pink Panther , The West Wing
Tom Arnold จาก Nine Months , Soul Planeจุดเด่น ภาพยนตร์เรื่อง Hit And Run เป็นการรวมตัวกลุ่มเพื่อนสนิทของผู้กำกับและนักแสดงนำอย่างแด็กซ์ เชพเพิร์ด ที่มาร่วมสร้างสีสันให้ภาพยนตร์เรื่องนี้สนุกแบบสุดขั้ว ตัวละครทุกตัวสามารถถ่ายทอดบทบาทที่ได้รับออกมาอย่างเป็นธรรมชาติ ทำให้ผู้ชมสามารถเข้าถึงโลกตัวละครมากที่สุด ทั้งในฉากดราม่าและแอ็คชั่นบู๊ล้างผลาญที่แฟนๆ จะได้เห็นสองนักแสดงนำอย่าง แด็กซ์ เชพเพิร์ดและคริสติน เบล ที่ลงทุนเล่นจริง ขับจริง แบบไม่ใช้สแตนอินด์แถมยังลงทุนขนรถสุดรักมาร่วมเข้าฉาก งานนี้แฟนๆ จะะได้ยลโฉมรถลินคอล์น คอนติเนนทัล ปี1967 ในภาพยนตร์เรื่องนี้ด้วย รับรองว่า HIT AND RUN ตามแบบฉบับของเชพเพิร์ด โดดเด่นและมีสไตล์ที่มาเหมือนใครอย่างแน่นอน เรื่องย่อ ชาร์ลีย์ บรอนสัน (รับบทโดย แด็กซ์ เชพเพิร์ด) อดีตโจรปล้นธนาคาร ได้ใช้ชีวิตอยู่ในเมืองเล็กๆ ในแคลิฟอร์เนียกับแฟนสาวของเขา แอนนี่ (รับบทโดย คริสติน เบล) เขาตัดสินใจที่จะสลัดตัวเองจากโครงการคุ้มครองพยานเพื่อช่วยให้เธอได้เดินทางไปแอลเอเพื่อคว้างานในฝันมาครอง แต่แฟนเก่าจอมจุ้นของแอนนี่ (รับบทโดยไมเคิล โรเซนบอม) ได้ส่งอดีตเกลอเก่าของชาร์ลีย์ (ที่นำทีมโดยแบรดลีย์ คูเปอร์) และตำรวจศาลจอมเฟอะฟะ (ทอม อาร์โนลด์) มาตามไล่ล่าพวกเขา การเดินทางของพวกเขาก็พลิกผันจากการขับรถสบายๆ ที่เพลิดเพลินไปเป็นการซิ่งไฮสปีดที่แสนชุลมุนแทนที่มาของภาพยนตร์ HIT AND RUN
HIT AND RUN ได้เกิดขึ้นมา “เราถูกถามตลอดเลยว่าเราจะทำอะไรต่อไป และเราก็เริ่มบอกว่าเราจะสร้างหนังไล่ล่าทางรถยนต์” เชพเพิร์ดเล่า “เราไม่มีบทหรือเรื่องย่ออะไรเลย เรารู้แค่ว่าเราชอบหนังไล่ล่าทางรถยนต์ และด้วยความที่เราพูดไปแล้ว เราก็รู้ว่าเราต้องทำครับ”
ด้วยความที่เขาเติบโตขึ้นในดีทรอยท์ เชพเพิร์ดก็มักถูกห้อมล้อมไปด้วยรถยนต์เสมอ “พ่อของผมขายรถ แม่ผมทำงานให้กับเจเนรัล มอเตอร์ส และพ่อเลี้ยงผมก็เป็นช่างเครื่องให้กับกลุ่มรถคอร์เว็ทท์” เขาบอก “ดังนั้น ตอนเป็นเด็ก ผมก็เลยได้อยู่ใกล้ๆ กับรถน่าทึ่งมากมาย มันเป็นสิ่งที่ผมรักเป็นอันดับหนึ่งเลย”
พอเข้าไฮสคูล เขาก็ได้เข้าสู่แวดวงการแข่งรถ รวมถึงได้ทำงานที่จีเอ็ม ที่ซึ่งเขามีเวลาทดลองสนามมากมาย ซึ่งก็เป็นสิ่งที่ไม่ธรรมดาเลยสำหรับเด็กหนุ่มอายุ 17 ปี นอกจากนี้ เขายังได้ขึ้นปกนิตยสารมอเตอร์ เทรนด์และคาร์ แอนด์ ไดรเวอร์หลายครั้งด้วย “มันมีภาพคัทเอาท์ผมด้านข้างกับรถคามาโร หรืออะไรทำนองนั้นน่ะครับ คุณมองไม่ออกหรอกว่าเป็นผม แต่ผมเป็นส่วนหนึ่งของภาพถ่ายด้วยครับ”
อีกสิ่งหนึ่งที่สร้างความประทับใจไม่รู้ลืมให้กับเขาคือภาพยนตร์ที่เชพเพิร์ดได้ดูตั้งแต่ตอนอายุห้าขวบ นั่นคือ Smokey and The Bandit ของฮัล นี้ดแฮม ซึ่งเมื่อนำมาฉายในสามปีก่อนหน้านี้ก็ประสบความสำเร็จยิ่งใหญ่ แบนดิท ที่ซิ่งรถคามาโร ที่นำแสดงโดยเบิร์ท เรย์โนลด์ส ร่วมกับแฟนสาวแซลลี ฟิลด์ส ได้แซงหน้านายอำเภอปากร้ายจอมหยิ่งชาวใต้ บูฟอร์ด ที. จัสติซ (แจ็คกี้ กลีสัน) ผู้คอยไล่ตามพวกเขาอย่างไม่ลดละ ขณะที่แบนดิทแข่งกับกฎหมายด้วยความตั้งใจจะชนะพนันให้ได้
“ตอนแรก ผมชอบหนังเรื่องนี้เพราะเรื่องรถ” นักแสดงหนุ่มเล่า “แต่เมื่อผมดูมันเรื่อยๆ ผมก็เริ่มชื่นชมอัจฉริยภาพในเรื่องตลกของแจ็คกี้ กลีสัน ผมกับพี่จะขับบิ๊ก วีลส์ และจะทะเลาะกันว่าใครจะได้เป็นนายอำเภอบูฟอร์ด ที. จัสติซ เราจำบทพูดทั้งหมดของเขาได้ มันเป็นส่วนสำคัญใหญ่ยักษ์สำหรับวัยเด็กของผมเลยล่ะครับ” เช่นเดียวกับภาพยนตร์เกี่ยวกับรถยนต์เรื่องอื่นๆ เช่น The Cannonball Run โดยนี้ดแฮมและที่ขาดไม่ได้คือ Bullitt โดยสตีฟ แม็คควีน
ท้ายที่สุดแล้ว เชพเพิร์ดก็ตระหนักว่าเขาอยากจะสร้าง Smokey ของตัวเอง “แต่มีคอเมดีมากหน่อย และเรท ‘R’ เพิ่มขึ้นอีกนิดน่ะครับ” เขาบอก ทัคกล่าวเสริมว่า “ผมคิดว่าเขาตั้งใจจะทำหนังที่ได้รับแรงบันดาลใจจาก Smokey and the Bandit และหนังไล่ล่ารถยนต์สมัยเก่า ที่มันเป็นการไล่ล่าที่สนุกสนาน ไม่อันตราย และแน่นอนว่าด้วยวิธีการเขียนบทของแด็กซ์ มันก็จะออกมาตลกอยู่แล้วล่ะครับ”
เชพเพิร์ดกล่าวว่า ภาพยนตร์เป็นเหมือนการทำความฝันของผู้ชมให้เป็นจริง “เราใช้ชีวิตผ่านทางประสบการณ์ที่เราเห็นในหนังครับ ใน Smokey เบิร์ท เรย์โนลด์สมีอิสรภาพที่เกือบจะเหมือนซูเปอร์ฮีโร ตรงที่เขาไม่ได้เกรงกลัวกฎหมาย และขับรถตามใจชอบ และถ้าคุณเป็นผู้ชายชาวอเมริกันที่น่านับถือ ทันทีที่คุณได้ใบขับขี่มา ความคิดแรกของคุณก็จะเป็นว่า ‘ตอนนี้ ฉันจะขับรถยังไงก็ได้แล้ว และถ้าฉันเห็นไฟกระพริบ ฉันก็จะซิ่งโลด’ มันเป็นความฝันของหนุ่มๆ ทุกคนตอนถือพวงมาลัยอยู่น่ะครับ ดังนั้น โดยหลักการแล้ว หนังไล่ล่าทางรถยนต์จะนำเสนอความฝันที่เข้าถึงได้ ของการขับรถยังไงก็ได้หรือที่ไหนก็ได้ ตามที่คุณต้องการน่ะครับ"
หลังจาก Brother’s Justice แล้ว เชพเพิร์ดก็กลับไปทำงานใน Parenthood ซึ่งตอนนั้นเป็นซีรีส์ฮิตของเอ็นบีซี แต่ไอเดียของการไล่ล่าทางรถยนต์ก็ยังไม่ถูกลืม โดยเฉพาะโดยแอนดรูว์ พาเนย์ “แด็กซ์นำเสนอไอเดียของหนังไล่ล่าทางรถยนต์ให้ผม และผมก็หมกมุ่นเรื่องนี้และอยากจะสร้างหนังเรื่องนี้กับเขา” ผู้อำนวยการสร้างเล่า พาเนย์เสนอให้ทาบทามสตูดิโอภาพยนตร์ด้วยไอเดียนี้ พร้อมกับผลักดันให้เชพเพิร์ดพัฒนาคอนเซ็ปต์นี้ขึ้นมา และเพียงสามสัปดาห์ให้หลัง ในช่วงกลางเดือนมีนาคม ปี 2011 บทภาพยนตร์ที่พร้อมถ่ายทำก็เสร็จสมบูรณ์
“เรามีทรีทเมนต์ของเขาและเราก็ไปเสนองานกัน ในที่สุด แด็กซ์ก็ได้เขียนบทขึ้นมาจากบทสเป็คนั้น ซึ่งก็เป็นบทที่ยอดเยี่ยมตั้งแต่ต้นแล้ว” เดวิด ปาล์มเมอร์กล่าว “วิธีที่แด็กซ์เขียนโครสร้างการเล่าเรื่องของเขายอดเยี่ยมมาก เขาได้วางจังหวะของเรื่องราวต่างๆ ไว้ทั่วๆ เช่นเนื้อเรื่องเกี่ยวกับปืนของแรนดี้ (ทอม อาร์โนลด์) และเนื้อเรื่องเกี่ยวกับรถของเขา เรื่องพวกนั้นจะถูกจัดให้มารวมกันอย่างยอดเยี่ยมในช่วงท้ายเรื่องน่ะครับ”
เชพเพิร์ดมีกระบวนการที่ผ่านการลองผิดลองถูก ซึ่งใช้ได้เสมอ เขากล่าวว่า “ผมชอบไปเขียนเรื่องในโรงแรมที่ปาล์ม สปริงส์ครับ ผมจะไปที่นั่นด้วยตัวเองและจะอยู่ที่นั่นเขียนงานอย่างเดียวประมาณสองสามสัปดาห์” กิจกรรมที่เขาโปรดปรานก็เช่นระหว่างที่เขาออกไปรับประทานอาหาร เขาก็จะหยิบไกด์อสังหาริมทรัพย์ในท้องถิ่นและพลิกหาชื่อที่มีศักยภาพที่จะเป็นชื่อตัวละครที่น่าสนใจได้ “นายหน้าอสังหาริมทรัพย์พวกนี้มีชื่อที่ฮามากครับ พวกเขามีชื่อเหมือนในการ์ตูนเลย” เขากล่าวกลั้วหัวเราะ
ชาร์ลีย์ บรอนสัน ชื่อของตัวละครของเขาเอง ไม่ได้มาจากโลกอสังหาริมทรัพย์ หรือมาจากโลกภาพยนตร์ อย่างที่ใครๆ คิด “ผมหลงใหลในอาชญากรครับ แล้วก็มีผู้ชายคนหนึ่งในอังกฤษชื่อไมเคิล ปีเตอร์สัน เขาเป็นคนโหดเหี้ยม ที่เปลี่ยนชื่อตัวเองไปเป็นชาร์ลส์ บรอนสัน” อย่างที่สวมบทโดยทอม ฮาร์ดี้ในภาพยนตร์ปี 2008 เรื่อง Bronson “ผมคิดว่า ‘ตลกดีนะที่มีคนตั้งชื่อตามชาร์ลส์ บรอนสันด้วย’ แล้วผมก็คิดว่ามันคงตลกยิ่งขึ้นถ้าคนตั้งชื่อตัวเองตามอาชญากรที่ตั้งชื่อตัวเองตามชาร์ลส์ บรอนสันน่ะครับ!”
ในทำนองเดียวกัน ยุล เพอร์กินส์ ชื่อจริงที่ไม่ธรรมดาของ ชาร์ลีย์ โจรปล้นธนาคาร ที่ถูกเผยออกมาระหว่างเรื่อง ก็ไม่ได้เกี่ยวข้องกับยุล บรินเนอร์หรือภาพยนตร์เกี่ยวกับยุลอื่นๆ เลย “ตอนผมเป็นเด็ก มีผู้สื่อข่าวในดีทรอยท์คนหนึ่งที่ชื่อยุล เพอร์กินส์ เขาเป็นคนดังในท้องถิ่นครับ” เชพเพิร์ดเล่า
การสร้างตัวละครตัวอื่นๆ สำหรับภาพยนตร์เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องยากสำหรับเชพเพิร์ด เพราะโดยมากแล้ว ตัวละครเหล่านี้สร้างขึ้นจากเพื่อนของเขาเอง ที่ร่วมแสดงในเรื่องนี้ด้วย “หนึ่งในสิ่งที่โดดเด่นที่สุดเกี่ยวกับแด็กซ์คือความจงรักภักดีต่อเพื่อนๆ และที่สำคัญกว่านั้น คือต่อเพื่อนๆ ที่เขารู้สึกว่ามีพรสวรรค์น่ะครับ” พาเนย์กล่าว “แด็กซ์ล้อมรอบตัวเองด้วยคนเก่งๆ ที่ฉลาดและเขาก็เชื่อในตัวพวกเขาจริงๆ และผมก็คิดว่าเพราะอย่างนั้น ทุกคนก็เลยทุ่มทุกอย่างให้กับหนังเรื่องนี้และทำงานหนักจริงๆ เพื่อทำให้มันออกมาดีที่สุด” ทัคกล่าวว่า “นั่นเป็นพลังของแด็กซ์ครับ เขามีเพื่อนดีๆ มากมาย ผู้ซึ่งทุกคนเป็นคนที่มีพรสวรรค์ ตลกและซื่อสัตย์ทั้งนั้น พวกเขารักการทำงานกับเขา มันเป็นสิ่งแวดล้อมที่เหมือนกับครอบครัวมากๆ ครับ”
จริงๆ แล้ว ภาพยนตร์เรื่องนี้ไม่มีผู้กำกับฝ่ายคัดเลือกนักแสดงด้วยซ้ำ “เราไม่ได้เลือกใครแปลกหน้าเลยครับ” ปาล์มเมอร์อธิบาย “พวกเขาต่างก็ได้รับค่าตัวในสเกลของหนังทุนต่ำ เพราะทุกคนต่างก็รักแด็กซ์ครับ มันมีมิตรภาพ ความไว้ใจและความน่ารักในตัวเขาที่ทำให้ทุกคนมารวมตัวกัน” เชพเพิร์ดตั้งข้อสังเกตว่า “นี่อาจจะเป็นสิ่งแวดล้อมด้านการทำงานที่เลวร้ายที่สุดที่นักแสดงส่วนใหญ่ต้องเจอในรอบหลายปีเลยล่ะครับ เพราะมันวุ่นวายมาก แต่ทุกคนก็สนุกกันจริงๆ ครับ”
ส่วนเรื่องงานเขียน เขากล่าวว่า “ผมรู้จักคนพวกนี้ดี ผมก็เลยพยายามทำให้ตัวละครของพวกเขาใกล้เคียงกับตัวจริงมากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ เว้นแต่คูเปอร์ ที่ไม่ใช่คนไม่ดีเลยครับ” พาเนย์กล่าว “มันทำให้หนังฮาสุดๆ เพราะตัวละครทุกตัวจริงใจมากๆ มันไม่ใช่เรื่องเกินเอื้อมสำหรับนักแสดง ไม่มีใครแสดงอะไรที่ผิดไปจากตัวตนของพวกเขา พวกเขาเชื่อในสิ่งที่พูดจริงๆ พวกเขามีความเชื่อมั่นครับ และนั่นก์คือเสน่ห์ของหนังเรื่องนี้ครับ”
« Last Edit: September 09, 2012, 07:13:36 PM by happy »
Logged