happy on July 08, 2012, 06:53:08 PM

ชื่อภาพยนตร์   TED
ชื่อไทย      เท็ด หมีไม่แอ๊บ แสบได้อีก
วันที่เข้าฉาย      30 สิงหาคม 2555
จัดจำหน่าย      บริษัท ยูไนเต็ด อินเตอร์เนชั่นแนล พิคเจอร์ส (ฟาร์อีสต์)
เว็บไซต์      www.tedisreal.com

ทีมนักแสดง
   มาร์ค วอห์ลเบิร์ก (Mark Wahlberg)    รับบท    จอห์น เบนเน็ตต์
   มิลา คูนิส (Mila Kunis)          รับบท    ลอรี่ คอลลินส์
   เซ็ธ แม็คฟาร์เลน (Seth MacFarlane)    รับบท    เท็ด และกำกับ /บทภาพยนตร์/เรื่องราว/อำนวยการสร้าง
   โจเอล แม็คเฮล (Joel McHale)       รับบท    เร็กซ์
   จิโอวานนี่ ริบิซี่ (Giovanni Ribisi)       รับบท    ดอนนี่

ทีมผู้สร้าง
   อเล็ค ซัลกิน (Alec Sulkin)--บทภาพยนตร์
   เวลเลสลีย์ ไวลด์ (Wellesley Wild)--บทภาพยนตร์
   สก็อต สตูเบอร์ (Scott Stuber) –อำนวยการสร้าง
จอห์น จาค็อบส์ (John Jacobs)--อำนวยการสร้าง
เจสัน คลาร์ค (Jason Clark)--อำนวยการสร้าง


ข้อมูลภาพยนตร์

                กว่าทศวรรษมาแล้วที่เซ็ธ แม็คฟาร์เลน ได้ขยายขอบเขตของคอมมิดี้ออกไปกว้างไกลสุดลูกหูลูกตาในฐานะผู้อยู่เบื้องหลังซีรีส์ฮิต Family Guy, American Dad! and The Cleveland Show บัดนี้ เขาได้นำอารมณ์ขันสุดโต่งของเขามาสู่จอเงินเป็นครั้งแรกในฐานะมือเขียนบท ผู้กำกับ ผู้อำนวยการสร้างและนักพากย์ของ Ted
              ในภาพยนตร์คอมมิดี้ไลฟ์แอ็กชั่น/CG อนิเมชันเรื่องนี้ แม็คฟาร์เลนได้บอกเล่าเรื่องราวของจอห์น เบนเน็ตต์ (มาร์ค วอห์ลเบิร์กจาก The Other Guys, Contraband) ชายหนุ่มผู้ซึ่งความฝันในวัยเด็กของเขาเนรมิตชีวิตให้กับตุ๊กตาหมีที่เขารัก เกือบ 30 ปีให้หลัง เทพนิยายเรื่องนี้ก็จบไปนานแล้วล่ะ เท็ดลังเลที่จะห่างจากจอห์น...ท่ามกลางความรำคาญของลอรี่ คอลลินส์ (มิลา คูนิสจาก Friends With Benefits, Black Swan) แฟนสาวที่ความอดทนมาถึงขีดสุดของจอห์น
              แม้ว่าความขุ่นเคืองใจที่ลอรี่มีต่อจอห์นจะรุนแรงยิ่งขึ้นด้วยอาชีพการงานที่ตันอยู่กับที่และการหมดเวลาไปกับการพี้กัญชาและดื่มเบียร์กับเท็ดของเขา แต่เธอก็ไม่ใช่คนที่หงุดหงิดกับเขามากที่สุด เมื่อจอห์นต้องดิ้นรนที่จะหาหนทางเอาตัวรอดกับสิ่งที่เรียกว่า วัยผู้ใหญ่ เขาก็ต้องอาศัยความช่วยเหลือที่คาดไม่ถึงจากของเล่นในวัยเด็กของเขาเพื่อก้าวกระโดดจากการเป็นผู้ใหญ่ที่ทำตัวเป็นเด็กๆ ไปเป็นผู้ชายที่เติบโตเต็มที่เสียที

              Ted กำกับโดยแม็คฟาร์เลน จากบทภาพยนตร์ที่เขาเขียนร่วมกับอเล็ค ซัลกิน (Family Guy, The Late Late Show With Craig Kilborn) และเวลเลสลีย์ ไวลด์ (Family Guy, The Late Late Show With Craig Kilborn) นำแสดงโดยเหล่านักแสดงตลกระดับแนวหน้า ซึ่งรวมถึงโจเอล แม็คเฮล (ซีรีส์ Community, What’s Your Number?) ในบทเร็กซ์ เจ้านายที่ร่ำรวยและตัณหากลับของลอรี่, จิโอวานนี่ ริบิซี่จาก Contraband, Avatar ในบทดอนนี่ ชายผู้อยากทำความฝันในวัยเด็กให้เป็นจริงด้วยการครอบครองเท็ดเป็นของตัวเองและแพทริค วอร์เบอร์ตัน (Rules of Engagement, Family Guy) ในบทกาย เพื่อนร่วมงานรักการต่อสู้ประจำร้านเช่ารถยนต์ของจอห์น
              นักแสดงสมทบใน Ted คือขาประจำของซีรีส์ Family Guy ที่ประกอบไปด้วยเจสสิก้า บาร์ธในบททามี่-ลินน์ แคชเชียร์และแฟนสาวที่ไม่ได้เป็นหมีของเท็ด, จอห์น วีเนอร์ในบทอลิกซ์ เพื่อนร่วมงานที่ไม่รู้เรื่องรู้ราวของจอห์นและอเล็กซ์ บอร์สไตน์และราล์ฟ การ์แมน ในบทพ่อและแม่ที่รักใคร่กันดี แต่ก็เฟอะฟะของจอห์น ในวัยหนุ่มสาว ผู้ที่ร่วมแสดงกับพวกเขาด้วยคือนักแสดงหน้าใหม่ เบรทท์ แมนลีย์ ผู้รับบท จอห์นวัย 8 ขวบ ผู้ซึ่งคำขอในวันคริสต์มาสของเขาเป็นจุดเริ่มต้นของมิตรภาพครั้งนี้
              ศิลปินเจ้าของหลายรางวัลแกรมมี นอราห์ โจนส์ (My Blueberry Nights) รับบทแฟนสาวคนหนึ่งของเท็ด ในขณะที่แซม โจนส์ (Flash Gordon) รับบทคามีโอเป็นฮีโรของพวกเขา แฟลช กอร์ดอน ผู้เป็นศูนย์รวมจิตใจทุกสิ่งทุกอย่างของจอห์นและเท็ด นักแสดงชื่อดัง แพทริค สจวร์ต (แฟรนไชส์ X-Men, Star Trek: The Next Generation, Family Guy) รับหน้าที่ผู้บรรยายของเรื่อง
              ผู้ที่ร่วมงานกับแม็คฟาร์เลนในฐานะผู้อำนวยการสร้างของคอมมิดี้เรื่องนี้คือสก็อต สตูเบอร์ (Safe House, Role Models) จากบลูกราส ฟิล์มส์ ร่วมด้วยจอห์น จาค็อบส์ (Blades of Glory, Beverly Hills Chihuahua) และเจสัน คลาร์ค (แฟรนไชส์ Stuart Little, Act of Valor)
              ทีมงานเบื้องหลังของ Ted นำทีมโดยผู้กำกับภาพไมเคิล บาร์เร็ตต์   (You Don’t Mess with the Zohan, A Very Harold & Kumar 3D Christmas), ผู้ออกแบบงานสร้าง สตีเฟน ไลน์วีฟเวอร์ (Blades of Glory, Role Models), มือลำดับภาพ เจฟฟ์ ฟรีแมน  (Paul Blart: Mall Cop, Just Friends), ผู้ออกแบบเครื่องแต่งกาย เด็บรา แม็คไกวร์ (Bad Teacher, Knocked Up) และคอมโพสเซอร์ วอลเตอร์ เมอร์ฟีย์ (Family Guy, American Dad!)
              โจนาธาน โมน (Your Highness, The Wolfman) รับหน้าที่ผู้ควบคุมงานสร้างของเรื่อง





เกี่ยวกับงานสร้าง

หมีถือกำเนิด: ขอเชิญพบกับเท็ด

                แม้ว่าในตอนแรกแม็คฟาร์เลนจะวาดภาพ Ted ไว้ว่าเป็นซีรีส์อนิเมชัน ไม่นานนัก เขาก็รู้ว่าเรื่องราวนี้น่าจะเหมาะกับการสร้างเป็นภาพยนตร์มากกว่า โดยเฉพาะอย่างยิ่งด้วยความก้าวหน้าด้านการสร้างภาพ CG และเทคโนโลยีวิชวล เอฟเฟ็กต์ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา เขาได้เลือกอเล็ค ซัลกินและเวลเลสลีย์ ไวลด์ สองมือเขียนบทจาก Family Guy ให้ช่วยพัฒนาเรื่องราวของตุ๊กตาหมีวิเศษและเจ้าของที่ไม่ยอมโตของเขา
             พวกเขาได้ร่วมกันสร้างเรื่องราวของเด็กชายขี้เหงา ผู้ซึ่งคำขอในวันคริสต์มาสปี 1985 ของเขากลายเป็นความจริงอย่างน่าอัศจรรย์ใจ และผู้ซึ่งตุ๊กตาหมีที่รักของเขาได้สร้างเสียงฮือฮาไปทั่วโลกเมื่อมันมีชีวิตขึ้นมา ตุ๊กตาหมีที่โด่งดังไปทั่วโลกของเด็กชายจอห์นเป็นที่รู้จักไปทั่วโลกและมันก็มักจะไปปรากฏตัวในรายการต่างๆ เช่น The Tonight Show Starring Johnny Carson แต่หลังจากเวลาผ่านไปหลายสิบปี จอห์นที่เติบโตเป็นผู้ใหญ่พบว่า ของเล่นที่เขาเคยรักได้กลายเป็นเพื่อนช่างประชดประชัน ปากเสีย แถมโทรมอีกต่างหากไปเสียแล้ว และแม้ว่าจอห์นจะรักเท็ดแค่ไหน แต่จอห์นก็เริ่มรู้สึกเหนื่อยกับการใช้เวลาส่วนใหญ่อยู่กับเขา
             แม็คฟาร์เลนเล่าให้เราฟังถึงที่มาของบทภาพยนตร์เรื่องนี้ว่า “อเล็ค, เวลเลสลีย์และผมทำงานร่วมกันมาหลายปีแล้ว ผมได้พบกับพวกเขาในตอนที่ Family Guy ถูกแคนเซิลไปในปี 2002 พวกเขาทำงานให้กับซิทคอมของฟ็อกซ์ที่ชื่อ The Pitts และผมก็ถูกจ้างไปเป็นที่ปรึกษา เราพบว่าความคิดอ่านด้านคอมมิดี้ของเราใกล้เคียงกันมากและเราก็ทำงานร่วมกันได้อย่างดี ผมก็เลยจ้างพวกเขาให้มาทำงานใน Family Guy ตอนที่โชว์นี้ได้กลับมาอีกครั้ง และนับตั้งแต่นั้นมา พวกเขาก็กลายเป็นมือเขียนบทที่โด่งดังและดูเหมือนจะเป็นตัวเลือกที่สมเหตุสมผลอย่างยิ่ง พวกเขาเข้าใจดีถึงการผสมผสานโครงเรื่อง หัวใจอบอุ่นและที่ขาดไม่ได้ก็คือมุขตลกครับ พวกเขาเป็นมือเขียนมุขที่ยอดเยี่ยมที่สุดเท่าที่ผมรู้จักเลย”
             “เซ็ธมีไอเดียสำหรับ Ted มานานแล้ว” ไวลด์เล่า “ผมจำได้ว่าเขาเคยบอกว่าเขารอให้เทคโนโลยีมาถึงจุดที่เขาสามารถทำให้มันดูเหมือนตุ๊กตาหมีจริงๆ ได้” เขากล่าวกลั้วหัวเราะ “นั่นเป็นคอนเซ็ปต์ของเซ็ธ แต่เขาไม่มีเวลาจะนั่งเขียนบท ด้วยผลงานซีรีส์ 20 เรื่องทางจอแก้วของเขา เขาก็เลยให้เรามาเขียนดราฟท์คร่าวๆ ให้ แล้วเราก็ทำงานร่วมกับเขาในช่วงสุดสัปดาห์ เพื่อเปลี่ยนแปลงและเพิ่มสีสันให้กับบทเรื่องนี้ครับ”
              “เซ็ธบอกว่าเขาอยากให้มันเป็นคอมมิดี้เรท R เจ๋งๆ” ซัลกินกล่าวเสริม “หมีตัวนี้มีชีวิตขึ้นมาด้วยคำขอของเด็กน้อย แล้วพอคุณข้ามเวลามา 30 ปีให้หลัง เขากลับกลายเป็นรูมเมทที่ไม่ยอมไปไหนซะที พวกเขามีจุดเริ่มต้นที่สวยงามด้วยกัน เท็ดกลายเป็นหมีดังระดับประเทศ และท้ายที่สุดก็กลายเป็นเหมือนอดีตดาราเด็ก เขาเคยมีชื่อเสียงมาก่อน และยังคงมีชีวิตอยู่ แต่เขาไม่ได้ดังอีกต่อไปแล้ว แม้ว่าคนจะยังคงจดจำเท็ดได้ตอนที่พวกเขาเห็นเขาเดินไปไหนมาไหนกับจอห์น อย่างตอนที่ทั้งคู่กำลังจะไปพี้กัญชาในสวนสาธารณะ แต่ก็ดันไปเจอกับแฟนๆ ที่จำเขาได้และอยากจะถ่ายรูปกับตุ๊กตาหมีน่ารักน่ากอดตัวนี้น่ะครับ”
   

              แม็คฟาร์เลนเห็นพ้องด้วยว่าสิ่งที่เขาสนใจที่สุดคืออารมณ์ขันที่เกิดขึ้นหลังจากที่เด็กชายตัวน้อยและตุ๊กตาหมีเติบโตขึ้นและเท็ดไม่ได้ถูกมองว่าสิ่วพิเศษอีกต่อไปแล้ว “ส่วนสำคัญของคอมมิดี้เกิดจากความจริงที่ว่าหลายปีหลังจากที่ตุ๊กตาหมีตัวนี้มีชีวิตขึ้นมา คนก็เริ่มเคยชินกับเขาและไม่มีใครแคร์เขาอีกต่อไปแล้ว” ผู้กำกับกล่าว “จนถึงจุดที่มันมักจะเกิดขึ้นในชีวิตจริง เมื่อช่วงเวลาแห่งความโด่งดังนั้นผ่านไปแล้ว อีก 95% ของชีวิตคุณจะเป็นยังไงล่ะ? นั่นเป็นส่วนหนึ่งของคอมมิดี้ใน Ted ครับ”
              โปรเจ็กต์นี้ตกมาถึงบลูกราส ฟิล์มส์และทำให้ผู้อำนวยการสร้างสก็อต สตูเบอร์และผู้ควบคุมงานสร้าง โจนาธาน โมน หัวเราะตั้งแต่สองสามหน้าแรกของบท พวกเขาไม่เพียงแต่ประทับใจกับความเฉียบคมและความโดดเด่นของบทภาพยนตร์เรื่องนี้เท่านั้น แต่พวกเขายังประทับใจกับการที่มันมีองค์ประกอบการเล่าเรื่องที่คลาสสิกอยู่ด้วย
สตูเบอร์เล่าว่า สิ่งที่ทำให้เขาสนใจคือความสามารถของมือเขียนบทในการผสมผสานเสียงของพวกเขาให้เป็นหนึ่งเดียวกันได้ “อเล็ค, เวลเลสลีย์และเซ็ธมีวิธีการสื่อสารแบบที่พวกเขารู้กันและพวกเขาก็ต่อยอดความคิดของกันและกัน ในคอมมิดี้ นั่นเป็นสิ่งสำคัญเพราะมุขเด็ดทุกมุขไม่ได้เริ่มต้นจากการเป็นมุขเด็ดเสมอไป พวกเขาปกป้องกันและกันและอยู่เคียงข้างกันและกัน พวกเขาก็เลยให้อิสระสร้างสรรค์แก่กันและกันที่จะทดลองสิ่งใหม่ๆ และหาคำตอบที่ถูกต้องน่ะครับ และพวกเขาก็ทำแบบนี้อย่างต่อเนื่องในการทำงานด้วย”
             แม้ว่าการนำคอมมิดี้หยาบคายมาสู่ Ted เรท R จะเป็นสิ่งจำเป็น แต่พวกเขาก็รู้ว่าภาพยนตร์เรื่องนี้คงจะไม่เวิร์คถ้าขาดอารมณ์ที่แท้จริง สตูเบอร์อธิบายว่า “ประเด็นของเซ็ธคือเขาพยายามจะแหย่ทุกคนให้ขุ่นเคืองโดยไม่เว้นกลุ่มหนึ่งกลุ่มใดเลย แต่เขาก็ยังใส่หัวใจอบอุ่น คอมมิดี้และความไร้สาระเข้าไปในเรื่องราวนี้ ที่ท้ายที่สุดแล้ว เป็นเรื่องเกี่ยวกับการเติบโตและการทิ้งไอคอนในวัยเด็กของคุณไว้เบื้องหลังด้วย เขาสามารถผสมผสานหลายอย่างให้เข้ากันได้ มันมีเรื่องสุดเพี้ยนบางอย่างในหนังเรื่องนี้ที่จะทำให้คุณต้องอ้าปากค้างแล้วบอกว่า 'ฉันไม่อยากจะเชื่อเลยว่าพวกเขาเพิ่งทำแบบนั้นไป' แต่ท้ายที่สุดแล้ว เขาไม่เคยคลาดสายตาไปจากหัวใจที่อบอุ่นของเรื่อง และคอมมิดี้ที่ยอดเยี่ยมที่สุดก็เป็นแบบนั้นครับ”
             ผู้อำนวยการสร้างเจสัน คลาร์ค ผู้ชำนาญด้านโมชัน แคปเจอร์ ถูกนำตัวมาช่วยดูแลงานสร้างภาพยนตร์เรื่องนี้ “ผมเคยทำงานใน Stuart Little และเคยทำงานกับตัวละคร CG ในโลกไลฟ์แอ็กชันมาก่อน” เขาเล่า “แล้วผมก็เคยทำงานใน  Monster House ซึ่งเป็นหนึ่งในหนังเรื่องแรกๆ ที่ใช้เทคโนโลยีโมชัน แคปเจอร์กับการแสดงด้วย ใน Ted เรายกระดับมันไปอีกขั้น ด้วยการสร้างตัวละครเอกในคอมมิดี้ ซึ่งต้องอาศัยความฉับพลันมากพอที่จะบันทึกอารมณ์ขันและการปะทะคารมระหว่างนักแสดงได้ มันไม่ใช่สิ่งที่สามารถบันทึกได้ในบูธที่อยู่นอกกองถ่ายแต่มันจะต้องถูกบันทึกภาพสดๆ ในกองถ่ายครับ นอกเหนือจากนั้น เรายังเพิ่มระดับความซับซ้อนเข้าไป ด้วยการที่ผู้กำกับเป็นคนเล่นเป็นตัวละครเอกตัวนั้นครับ”
             หลังจากสร้างผลงานมากมายตลอดหลายปีที่ผ่านมาด้วยการสร้างและควบคุมงานสร้างของโปรเจ็กต์มากมาย (ซึ่งรวมถึงซีรีส์สามเรื่องที่กำลังแพร่ภาพทางฟ็อกซ์อยู่ในตอนนี้) แม็คฟาร์เลนก็ได้นำประสบการณ์และความเป็นผู้ใหญ่มาสู่ผลงานเรื่องแรกของเขาในฐานะผู้กำกับภาพยนตร์ “เซ็ธเข้าใจถึงกระบวนการอย่างดีและเป็นผู้นำที่เหลือเชื่อครับ” คลาร์คให้ความเห็น “เขามีวิธีในการบ่งบอกว่าเขาต้องการอะไรและในขณะเดียวกัน ก็ยอมให้ทุกคนนำความชำนาญของพวกเขาใส่เข้ามาได้ด้วยครับ”
             จอห์น จาค็อบส์ อีกหนึ่งผู้อำนวยการสร้าง ผู้เคยร่วมงานกับแม็คฟาร์เลนมาหลายปีกล่าวเสริมว่า “ผู้กำกับหน้าใหม่มักจะต้องมีตัวเลือกซัก 20 อย่างสำหรับทุกเรื่อง และก็มักจะลังเล ตัดสินใจไม่ถูก แต่ด้วยสัญชาตญาณที่เหลือเชื่อและประสบการณ์ด้านอนิเมชันของเซ็ธ เขาก็เลยรู้ดีว่าเขาต้องการอะไรและสามารถรับมือกับบทบาทที่ท้าทายทั้งสามอย่างได้ นั่นคือการกำกับ การแสดงและการดูแลงานวิชวล เอฟเฟ็กต์สำหรับตัวเท็ด นอกเหนือจากนั้น จังหวะในการแสดงตลก ทัศนคติที่น่านับถือและเซนส์ด้านวิชวลที่เฉียบคมของเขาก็ไม่เหมือนใครด้วย อย่างที่แฟนๆ ของ Family Guy คงจะรู้กันดีอยู่แล้ว”
              จาค็อบส์ยกย่องแม็คฟาร์เลนที่ “สามารถรับบทตัวละครอนิเมชันได้อย่างสมจริง นี่เป็นสิ่งที่ห่างไกลจากสไตล์แบบวอลท์ ดิสนีย์ที่สุดเท่าที่จะเกิดขึ้นได้ หมีตัวนี้อาจเป็นคนที่นั่งอยู่ข้างคุณในบาร์ หรือขับรถไปงานเลี้ยงสละโสดกับคุณก็ได้ ผมรับประกันเลยว่าผู้ชมจะไม่เคยเห็นตัวละครแบบนี้มาก่อนและพวกเขาจะรักหมีตัวนี้ครับ!”

« Last Edit: July 29, 2012, 08:14:01 PM by happy »

happy on July 08, 2012, 06:55:23 PM



คู่ซี้สายฟ้าไม่พรากจาก: การคัดเลือกนักแสดงสำหรับคอมมิดี้

               ตั้งแต่นาทีแรกที่พวกเขาได้พบกัน หนูน้อยจอห์น เบนเน็ตต์และเท็ดก็สาบานว่าจะเป็นเพื่อนรักกัน ตลอดกาลนาน ความสุขในวัยเด็กของพวกเขารวมถึงการไปขับรถโกคาร์ท การปั้นตุ๊กตาหิมะ การดูแฟลช กอร์ดอน การแต่งตัวในชุดคอสตูมสำหรับการเปิดตัว  Star Wars: Episode I: The Phantom Menace ในท้องถิ่น (ในบทดาร์ธ มอลและโยดา) การสนุกสุดเหวี่ยงและการดูแฟลช กอร์ดอน สมัยเด็ก ความกลัวสายฟ้าที่เหมือนกันทำให้พวกเขาผูกพันกันในฐานะ “คู่ซี้สายฟ้า” และความกลัวนี้ก็ติดตัวพวกเขาไปจนถึงวัยผู้ใหญ่ ไม่มีอะไรขจัดความกลัวนี้ได้ดียิ่งไปกว่าเพลงปลุกใจของทั้งคู่อีกแล้ว
   แม็คฟาร์เลนพูดถึงการคัดเลือกนักแสดงสำหรับบทของชายผู้ไม่ยอมโตเป็นผู้ใหญ่เสียทีว่า “มาร์ค วอห์ลเบิร์กเหมาะกับบทนี้มากเพราะเขาเป็นคนตลกสุดๆ ได้ แต่ก็สามารถถ่ายทอดอารมณ์ที่แท้จริงและความสมจริงออกมาได้ เมื่อเขาพูดกับตุ๊กตาหมี คุณจะเชื่อว่าเขาอยู่ตรงนั้นจริงๆ การที่เขาสามารถนั่งอยู่ตรงนั้นและถ่ายทอดอารมณ์ที่แท้จริงแบบนั้นออกมาเพื่อตุ๊กตาหมีที่ไร้ชีวิตเป็นสิ่งที่น่าประทับใจทีเดียว และนั่นก็จะเป็นเหตุผลสำคัญที่ทำให้ผู้ชมติดตามหนังเรื่องนี้ครับ”
   แม้ว่าวอห์ลเบิร์กจะแสดงในคอมมิดี้ไม่กี่เรื่อง แต่ความสามารถของเขาก็สร้างความประทับใจให้กับผู้กำกับ “ความสามารถของเขาในการแสดงตลกเจ็บตัวเป็นอะไรที่เหลือเชื่อครับ” แม็คฟาร์เลนกล่าวต่อ “ตัวละครน่ารัก และหลอกง่ายของเขาใน  Boogie Nights และ I Heart Huckabees เป็นสิ่งที่เรามองว่าเป็นจุดเริ่มต้นสำหรับจอห์น เขาเป็นคนน่ารัก อ่อนหวาน ที่มักยอมจำนนต่อเสียงรบเร้าของเท็ดครับ”
   วอห์ลเบิร์กยอมรับว่าเขามักเลือกบทที่ตรงข้ามกับตัวละครของเขาในภาพยนตร์ที่เขาเพิ่งถ่ายทำไปล่าสุด เขากล่าวว่า “จากการไปแถลงข่าวเรื่อง The Fighter ผมก็ตรงไปถ่ายทำ Contraband ในนิวออร์ลีนส์ระหว่างเทศกาลรางวัล และผมก็ไปๆ มาๆ ระหว่างกองถ่ายทั้งสองเรื่อง แล้วผมก็ได้บทเรื่องนี้มา พอผมอ่านมันไปได้ 30 นาที ผมก็ลืมเรื่องหมีไปเลย ผมคิดแค่ว่า 'ว้าว มันช่างเป็นหนังคู่หู ที่มีเรื่องลำบากใจและแฟนสาว ที่ยอดเยี่ยมอะไรแบบนี้' แล้วผมก็ได้พบกับเซ็ธ และผมก็ดิ้นรนให้ได้บทนี้มาครับ”
   ในตอนที่เขาอ่านบท วอห์ลเบิร์กกล่าวว่า เขาค่อนข้างประทับใจกับคอมมิดี้เรื่องนี้ทีเดียว “คนจะไม่ผิดหวังครับ นี่เป็นเซ็ธแบบเพิ่มพลังแล้ว ตอนที่ผมได้ดู Family Guy ครั้งแรก ผมไม่อยากจะเชื่อเลยว่าเขาจะรอดตัวจากการใส่เรื่องพวกนั้นลงไปในการ์ตูนได้ แต่ตอนนี้ในหนังเรท R เรื่องนี้ เขาได้ผลักดันทุกอย่างไปข้างหน้าจริงๆ ไม่มีใครที่เขาไม่แหย่ให้โกรธเลยด้วย ในหนังเรื่องนี้ ทุกคนถูกแหย่ได้หมดครับ”
   วอห์ลเบิร์กแนะนำตัวละครของเขาให้เราฟังว่า “จอห์นทำงานที่ร้านเช่ารถและมีแฟนสาวคนสวยชื่อลอรี่ เขาไม่อยากจะปล่อยวางจากชีวิตวัยรุ่นของตัวเอง แต่แฟนเขาก็อยากให้เขาโตเป็นผู้ใหญ่เสียที เขากำลังมีความสุขกับชีวิตและก็มีความสุขสุดๆ กับแฟนสาวและเพื่อนซี้ของเขา พวกเขาอยู่ด้วยกันแทบตลอดเวลา แต่มันก็กลายเป็นปัญหา  เพราะลอรี่ต้องการความรับผิดชอบที่มากขึ้นจากเขาครับ”
   ในภาพยนตร์อนิเมชันผสมผสานเรื่องแรกของเขา นักแสดงหนุ่มต้องการทำให้แน่ใจว่าเขาจะถ่ายทอดบทนี้ออกมาอย่างคู่ควร เขากล่าวว่า “สิ่งเดียวที่ผมกังวลคือผมอยากจะเล่นทุกอย่างให้สมจริงที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ ผมอยากจะแสดงมันออกมาอย่างตรงไปตรงมา และปล่อยให้เสียงหัวเราะเกิดขึ้นจากสถานการณ์สุดเพี้ยน และมันก็เป็นสิ่งที่เซ็ธมองหาอยู่ครับ” การเตรียมพร้อมสำหรับฉากที่จอห์นได้ร่ายชื่อสาวๆ ยาวเป็นหางว่าวให้เท็ดฟังเข้มข้นมากถึงขนาดที่วอห์ลเบิร์กเขียนชื่อสาวๆ แต่ละคนหลายร้อยรอบเลยทีเดียว
   สตูเบอร์รู้ดีว่าคนที่พวกเขาเลือกจะต้องเชื่อสนิทใจว่าผู้กำกับของเขาจะไม่พาเขาหลงทาง เขาอธิบายว่า “ความไว้วางใจเป็นเรื่องสำคัญครับและมาร์คก็ต้องไว้ใจเซ็ธ เขาจะต้องนั่งลงบนโซฟาใกล้ๆ กับตัวขาตั้งแล้วหวังว่าภาพอนิเมชันและบุคลิกของหมีตัวนั้นจะให้ความรู้สึกเหมือนผู้ชายสองคนนั่งอยู่บนโซฟาและกำลังมีช่วงเวลาสนุกสนานตามประสาเพื่อนรักกันน่ะครับ มาร์คเหลือเชื่อเลย เขาแสดงได้อย่างยอดเยี่ยมเหลือเกิน” ผู้อำนวยการสร้างยอมรับว่า นักแสดงนำของพวกเขาทุ่มเทให้กับการแสดงอย่างที่สุด “สิ่งที่น่าขันก็คือถ้าคุณดูฟิล์มของหนังเรื่องนี้ มันจะไม่มีใครแสดงประกบเขาเลย ถ้าคุณดูหนังเรื่องนี้จากแค่มุมมองของมาร์ค เขาต้องถูกซ้อม ต้องลุกขึ้นร้องเพลงอย่างไม่ได้เรื่อง และโดนหมีทุบน่วม ซึ่งเป็นเรื่องที่ไม่ค่อยจะสวยงามนักสำหรับตัวละครของเขา แต่เขาไม่เคยบ่นและเขาก็ทำทุกอย่างตามที่เราขอครับ”
   ผู้ที่ได้รับเลือกให้แสดงประกบวอห์ลเบิร์กคือมิลา คูนิสในบทลอรี่ คอลลินส์ แฟนสาวผู้เคยมีน้ำอดน้ำทนของจอห์น ผู้เป็นผู้บริหารด้านประชาสัมพันธ์ที่กำลังมาแรง นักแสดงสาว ผู้พากย์เสียง เม็ก ใน Family Guy มาเกือบ 13 ปี โตขึ้นมากับผู้กำกับของเธอ แม็คฟาร์เลนกล่าวว่า “การนำเธอมาร่วมงานเป็นการตัดสินใจที่สมเหตุสมผล เมื่อดูจากความสัมพันธ์ระหว่างผมกับเธอและการที่เธอกำลังโด่งดังในตอนนี้ ซึ่งเธอก็คู่ควรกับความดังนั้นด้วยล่ะครับ”
   แม็คฟาร์เลนเล่าถึงบทบาทของลอรี่ในคอมมิดี้เรื่องนี้ว่า “เช่นเดียวกับมาร์ค เราก็มีความต้องการสำหรับบทนี้เหมือนกัน บทนี้จะต้องถูกถ่ายทอดออกมาด้วยความสมจริง แม้มันจะสุดโต่งแค่ไหนก็ตาม ความสัมพันธ์ของเธอร้าวฉานจากการที่ตุ๊กตาหมีของผู้ชายคนนี้คอยวนเวียนไม่ไปไหนและทำให้เขาและความสัมพันธ์ของพวกเขาไม่โตขึ้นซะที การรับบทนี้อย่างสมจริงเป็นเรื่องยากสำหรับนักแสดง แต่เธอก็ทำสำเร็จอย่างงดงาม เธอจะเชื่อจริงๆ ว่าเธอเป็นทุกข์ที่ตุ๊กตาหมีตัวนี้มาครอบงำชีวิตพวกเขา ในหลายๆ แง่มุม นั่นเป็นส่วนผสมสำคัญสำหรับคอมมิดี้ ด้วยความที่เนื้อเรื่องของมันก็เป็นคอมมิดี้อยู่แล้ว เคล็ดลับในการดึงมันมาใช้คือการเล่นมันอย่างตรงไปตรงมาครับ”
   แล้วคูนิสรู้สึกอย่างไรเกี่ยวกับการทำงานในโปรเจ็กต์นี้ล่ะ? “ฉันรู้จักเซ็ธตั้งแต่อายุ 15” เธอบอก “ถ้าคุณสามารถทำงานร่วมกับเพื่อนของคุณได้ตลอดเวลา ก็คงไม่มีบรรยากาศในการทำงานไหนที่ดีไปกว่านี้อีกแล้วล่ะค่ะ” แล้วเธอก็กล่าวติดตลกหน้าตายว่า “มันเป็นหนังเกี่ยวกับตุ๊กตาหมีพูดได้และฉันก็ไม่คาดหวังอะไรน้อยไปกว่านี้จากเซ็ธ, อเล็คและเวลเลสลีย์เลยค่ะ ทั้งหมดเมคเซนส์สำหรับฉัน และฉันก็ไม่ตั้งคำถามอะไรเลย ฉันเคยอยู่ในการ์ตูนกับหมาพูดได้มาแล้ว แล้วฉันจะตั้งคำถามเรื่องหมีพูดได้ไปทำไมล่ะคะ”
   อย่างไรก็ดี คูนิสก็พบว่าประสบการณ์ในการทำงานกับแม็คฟาร์เลนในฐานะผู้กำกับเป็นอะไรที่ “แปลกนิดๆ” เธอบอก “ใน Family Guy ปกติแล้วฉันจะอยู่ในบูธ เขาจะอยู่อีกบูธ แล้วปกติ เขาจะต้องอธิบายให้ฉันฟังว่าเกิดอะไรขึ้นเพราะคุณจะบันทึกเสียง Family Guy ก่อนหน้าที่จะมีการวาดภาพทุกอย่างประมาณหนึ่งปี การได้เห็นเขาในฐานะผู้กำกับที่อธิบายสถานการณ์และตัวละคร รวมถึงการเซ็ทภาพในแต่ละช็อตให้ฉันฟังเป็นเรื่องเยี่ยมมาก เซ็ธตื่นเต้นจนอยู่ไม่สุขในตอนที่เขาพูดถึงเทคที่เขาชอบน่ะค่ะ”
   คูนิสอธิบายว่า ลอรี่ไม่ได้มีความสุขเลยกับความสัมพันธ์สามเส้าพิลึกพิลั่นที่เธอเข้าไปเกี่ยวพันด้วย นักแสดงสาวกล่าวว่า “เท็ดเป็นรูมเมทที่คอยเป็นก้างขวางคอตลอด ส่วนลอรี่เป็นสาวที่จริงจังกับงาน และรักจอห์นที่มีหัวใจแบบเด็กๆ แต่เธอก็อยากจะลงหลักปักฐาน และอยากจะได้ความมั่นคงในแบบที่เขาไม่สามารถให้กับเธอได้ เขาเป็นคนน่ารัก จิตใจงาม แต่เขาก็เหมือนเด็กหนุ่มที่ถูกหยุดเวลาไว้ที่อายุ 15 ปี ผู้มีความตั้งใจดี แต่ก็ไม่มีแรงขับที่จะก้าวผ่านจุดๆ หนึ่งในชีวิต สิ่งที่เขาทำทั้งวันคือการพี้กัญชา และนั่งทอดอารมณ์ไปกับตุ๊กตาหมีของเขา ลอรี่พยายามกระตุ้นให้จอห์นพาเท็ดย้ายไปอยู่ในที่ของตัวเองเพื่อที่เธอและเขาจะได้เริ่มต้นชีวิตด้วยกันน่ะค่ะ”
   Ted ไม่ใช่ครั้งแรกที่นักแสดงทั้งคู่ได้ร่วมงานกัน คูนิสเล่าว่า “มาร์คเป็นคนดังมากๆ และเขาก็เป็นนักแสดงที่ฉันรู้สึกสบายใจที่ได้ร่วมงานด้วย แค่รู้ว่ามีคนที่คอยใส่ใจคุณและที่คุณสามารถไว้ใจได้ก็เป็นเรื่องที่หาได้ยากแล้วล่ะค่ะ”
   แม้ว่าแก่นสำคัญของคอมมิดี้เรื่องนี้คือเท็ด, จอห์นและลอรี่ แต่ทีมผู้สร้างก็มองว่าการไม่ได้หาตัวละครตามแบบฉบับมาสนับสนุนตัวละครหลักก็เป็นเรื่องสำคัญเช่นกัน สตูเบอร์เล่าว่า “เราอยากจะเติมเต็มชีวิตตัวละครของเรา หนึ่งในข้อผิดพลาดที่เราทำในบางครั้ง ไม่ว่าจะเป็นในการสร้างหนังคอมมิดี้หรือโรแมนติกคอมมิดี้ คือเรามักไม่ค่อยแสดงให้เห็นว่าตัวละครหลักของเรามีชีวิตที่หลากหลาย มันเป็นสิ่งสำคัญที่เราจะต้องสร้างมิติให้กับชีวิตการทำงานของเท็ด, ลอรี่และจอห์นและทำให้แน่ใจว่าคุณจะรู้จักตัวละครเหล่านี้ แล้วระหว่างนั้น เราก็ได้ทีมนักแสดงสมทบในแบบที่เราต้องการมาครับ”
   โจเอล แม็คเฮล ผู้เป็นที่คุ้นเคยกันดีของผู้ชมจากการแสดงตลกใน Community และ The Soup ได้รับบท เร็กซ์ เจ้านายตัณหากลับของลอรี่ที่พลายเมาธ์ พีอาร์ “โจเอลเป็นตัวเลือกที่ชัดเจนสำหรับผม” แม็คฟาร์เลนกล่าว “ผมเคยทดสอบเขาสำหรับตอนไพล็อตที่ฟ็อกซ์มาก่อน สำหรับโจเอลแล้ว เขาสามารถเดินกร่างแบบเก่าได้ ซึ่งตอนนี้ แทบไม่มีใครในฮอลลีวูดทำแบบนั้นได้อีกแล้วเพราะดูเหมือนว่าทุกคนจะมีสไตล์ที่เป็นทางการน้อยลงไปเยอะ โจเอลเป็นคนเดียวที่ผมคิดออกว่าสามารถทำแบบนั้นได้น่ะครับ”
   เร็กซ์ ที่ไม่คุ้นเคยกับการถูกปฏิเสธ ไล่ตามตื๊อลูกน้องที่ไม่ยินดียินร้ายกับเขามากขึ้นเรื่อยๆ มันเป็นความพยายามที่ไร้ผลจนกระทั่งเธอและจอห์นห่างกันไปหลังจากหายนะครั้งล่าสุดที่เกิดขึ้นจากเท็ด คลาร์คอธิบายว่า “ในบทหัวหน้าของลอรี่ โจเอลได้สร้างรอยร้าวฉานในความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับจอห์นไว้มาก แต่เขาก็เป็นนักแสดงตลกที่นำอารมณ์ขันและเสน่ห์มากมายมาสู่บทนี้ จนคุณอยากจะเกลียดเขาเลยล่ะครับ”
   แม็คเฮลเป็นคนแรกที่ยอมรับว่า “เร็กซ์ไม่ใช่คนดีที่สุดในโลก แทบทุกครั้งที่คุณได้เห็นเขา คุณจะเห็นได้ว่าเขาประสบความสำเร็จมากแค่ไหน เมื่อดูจากข้าวของประดามีที่เขาสวมใส่ เขารวยล้นฟ้า ขับรถบูกาติ มีบริษัทพีอาร์ของตัวเองและมีชีวิตที่ดี หรืออย่างน้อยเขาก็เชื่อว่าตัวเองมีชีวิตที่ดีน่ะครับ เขาควบคุมทุกอย่างในออฟฟิศและเขาก็ได้ในทุกสิ่งที่เขาต้องการครับ”
   เขาชื่นชอบสไตล์ของผู้กำกับของเขาว่า “เซ็ธมีส่วนผสมที่หาได้ยากตรงที่เขามีพรสวรรค์และความคิดสร้างสรรค์มากมายจนล้นเลยครับ” แม็คเฮลกล่าว “เขาทำได้ทุกอย่าง ผมเคยเห็นเขารักษาคน และสามารถยกของหนักๆ ได้โดยแค่คิดเท่านั้น เขามีพรสวรรค์ทั้งหมดนั่นครับ แต่เขาก็เป็นคนที่ถ่อมตัวที่สุดเท่าที่คุณจะได้พบเลย นอกจากนี้ เขายังเปิดกว้างต่อการลองผิดลองถูกด้วย หลังจากที่เราอ่านบทกันแล้ว เขาก็ปล่อยให้เราอิมโพรไวส์และเติมมุขกันเองได้ด้วยล่ะครับ”
   จิโอวานนี่ ริบิซี่ ซึ่งเมื่อเร็วๆ นี้เพิ่งแสดงประกบวอห์ลเบิร์กในแอ็กชันทริลเลอร์เรื่อง Contraband และได้รับการเสนอชื่อชิงเอ็มมี อวอร์ดจากการแสดงของเขาใน My Name Is Earl รับบทดอนนี่ ชายผู้ซึ่งความต้องการมีเพื่อนอย่างเท็ดในวัยเด็กของเขาเติบโตงอกเงยกลายเป็นความหมกมุ่นที่อันตรายในวัยผู้ใหญ่ “ผมคิดว่าดอนนี่เติบโตมาอย่างยากลำบากครับ เขาเป็นเด็กที่ไม่เคยมีตุ๊กตาหมีเลย มันก็เลยเหมือนมีช่องว่างในชีวิตเขา” ริบิซี่กล่าว “เขาอยากได้เท็ด แล้วพอเขาโตขึ้น เขาก็กลายเป็นสตอล์คเกอร์ ผู้ตัดสินใจที่จะทำให้ได้มาในสิ่งที่เขาไม่เคยมี ชีวิตของเขาทั้งยากจนข้นแค้นและถูกกดขี่ และเขาก็กำลังมองหาโอกาสที่จะทำความฝันของตัวเองให้เป็นจริงครับ”
   นักแสดงหนุ่มจำได้ว่าเขา “ได้รับโทรศัพท์ให้มาทดลองอ่านบท เรื่องราวนี้แปลกประหลาดมากสำหรับผม แล้วเซ็ธก็โทรหาผมหลังจากอ่านบทแล้วสองสามวันแล้วบอกว่า ‘ผมอยากให้คุณมามีส่วนร่วมในตอนที่เราสร้างหนังเรื่องนี้’ ผมดีใจสุดๆ เลยเพราะผมเป็นแฟนของ Family Guy ครับ”
   “จิโอวานนี่นำหลายสิ่งหลายอย่างมาสู่บทนี้ในแบบที่เราคาดไม่ถึง” แม็คฟาร์เลนกล่าวชื่นชม “เขาเป็นนักแสดงที่เก่งกาจ แต่รูปแบบของความเก่งกาจนั้นมักจะไม่ค่อยปรากฏออกมานัก เราไม่ค่อยได้เห็นดอนนี่ในบทเท่าไหร่ เขาเป็นตัวละครที่ไม่ค่อยชัดเจนนัก แต่จิโอวานนี่เข้ามาและสร้างมิติให้กับตัวละครตัวนี้ในแบบที่ทำให้เขาเป็นผู้ร้ายที่น่าจดจำยิ่งขึ้นครับ”
   นอกเหนือจากมือเขียนบทของเรื่องและคูนิสแล้ว ก็ยังมีอีกหลายคนที่แม็คฟาร์เลนชื่นชอบมาร่วมงานกับเขาใน Ted “แฟนๆ ของ Family Guy จะคุ้นเคยดีกับทีมนักแสดงที่ประกอบไปด้วยแพทริค วอร์เบอร์ตัน, อเล็กซ์ บอร์สไตน์ [โลอิส กริฟฟิน ผู้ไม่มีใครลอกเลียนแบบได้], ราล์ฟ การ์แมนและจอห์น วีเนอร์ ผู้รับบทตัวละครหลายตัวในซีรีส์น่ะครับ” จาค็อบส์ตั้งข้อสังเกต “พวกเขาต่างก็มีวิธีการสื่อสารทางลัดกับเซ็ธ บางคนเคยร่วมงานกับเขามาเป็นสิบปีแล้วและพวกเขาก็เป็นครอบครัวของเขา มันช่วยยกระดับความฮามากขึ้นเมื่อพวกเขามารวมตัวกันในกองถ่าย มันเป็นสิ่งมหัศจรรย์ที่ได้เห็นครับ”
   บอร์สไตน์ ผู้รับบทแม่ของจอห์นเผยว่า “พวกเขาน่ารักพอที่จะบอกว่า ‘ให้เพื่อนของเราที่เราร่วมงานกันมาหลายปีทำอะไรซักหน่อยกันเถอะ’ มันเป็นของขวัญค่ะ” เธอกล่าวเสริมอย่างติดตลกว่า “สำหรับเรื่องของตุ๊กตาหมีที่มีชีวิตขึ้นมาน่ะหรือคะ? ฉันเป็นยิวนะคะ มันไม่มีเรื่องปาฏิหาริย์วันคริสต์มาสหรอก ในบ้านฉัน ฉันคงจะผ่าท้องหมี แล้วโยนมันทิ้งไป หมีฮานูก้าห์ไม่พูด และไม่ลุกขึ้นมามีชีวิตหรอกนะคะ แต่พวกเขาจะนั่งและก็บ่นแทนน่ะค่ะ”
   ผู้ที่ร่วมแสดงในภาพยนตร์เรื่องนี้ด้วยรวมถึงบิล สมิทโรวิช (Iron Man) ในบทแฟรงค์ หัวหน้าที่สติไม่ค่อยดีของเท็ดที่ร้านขายของชำ, แมทท์ วอลช์ (Bad Santa) ในบทโธมัส เจ้านายผู้รักทอม สเกอร์ริตต์ของจอห์น ที่ลิเบอร์ตี้ เรนท์-อะ-คาร์และลอรา แวนเดอร์วูร์ท (ซีรีส์ V) ในบททันย่า เพื่อนร่วมงานที่เห็นอกเห็นใจจอห์นอย่างน่าประหลาด เพื่อนร่วมงานของลอรี่ที่บริษัทของเร็กซ์ได้แก่เจสสิก้า สตรูพ (Prom Night) ในบทเทรซี่, จินเจอร์ กอนซาก้า (ซีรีส์ The Morning After) ในบทจีน่าและเมลิสซา ออร์ดเวย์ (A Very Harold & Kumar 3D Christmas) ในบทมิเชลล์


สมาชิกคนท้ายสุด:แม็คฟาร์เลนในบทเท็ด

                นักแสดงคนแรกที่ถูกเลือกมาก็เป็นคนเดียวกับที่กุมบังเหียนภาพยนตร์เรื่องนี้นั่นเอง ในการควบสี่ตำแหน่งในกองถ่าย แม็คฟาร์เลนได้เนรมิตตัวละคร เท็ด ขึ้นมาจากการผสมผสานการพากย์เสียงและการแสดงเข้าด้วยกัน ทั้งหมดนี้เกิดขึ้นได้จากการที่แม็คฟาร์เลนสวมชุดโมชัน แคปเจอร์และงานโพสต์โปรดักชันของทีมวิชวล เอฟเฟ็กต์ที่นำทีมโดยผู้อำนวยการสร้างฝ่ายวิชวล เอฟเฟ็กต์ เจนนี่ ฟูลล์จากเดอะ ครีเอทีฟ-คาร์เทลและซูเปอร์ไวเซอร์ฝ่ายวิชวล เอฟเฟ็กต์ แบลร์ คลาร์ค
   แม็คฟาร์เลนอธิบายถึงกระบวนการนี้ว่า “มันจำเป็นที่จะต้องเตรียมชุดนั้นไว้ทุกวัน และผมก็จำเป็นจะต้องทำงานกำกับในชุดนั้นอยู่บ่อยครั้งครับ ดังนั้น มันก็จะต้องเป็นชุดที่สบายๆ เจสัน คลาร์คไปพบบริษัทแห่งหนึ่งที่มีเทคโนโลยีพิเศษที่ชื่อว่า โมเวน ซึ่งพวกเขาจะใช้สายรัดทับลงไปบนเสื้อผ้าในชีวิตประจำวันของคุณ มีบางวันที่ผมจะต้องสวมมันตลอดทั้งวัน ดังนั้น มันก็จะต้องเป็นสิ่งที่บันทึกข้อมูลตามที่เราต้องการได้ แต่ก็ต้องไม่อึดอัดหรือทำให้เสียสมาธิน่ะครับ”
   เป้าหมายสำคัญของทีมผู้สร้างคือการสร้างแต่ละฉากให้มีความรู้สึกเหมือนนักแสดงที่มีชีวิตจริงๆ สองคนกำลังทำงานอยู่ในสิ่งแวดล้อมเดียวกัน บ่อยครั้ง เสียงพากย์สำหรับตัวละคร CG จะถูกบันทึกหลายสัปดาห์ก่อนหน้าหรือหลังจากถ่ายทำฉากนั้นๆ และผลที่ได้ก็คือมันไม่ค่อยจะสัมพันธ์กับนักแสดงบนหน้าจอซักเท่าไหร่ “เพื่อให้ได้ความฉับพลันทันด่วน เซ็ธจะอยู่ในกองถ่ายในชุดของเขา และทำงานกับนักแสดงโดยตรงเพื่อที่จะไม่มีการพากย์เสียงทับทีหลังน่ะครับ” จาค็อบส์กล่าวอธิบาย “มันเหมือนการแสดงสดระหว่างเขาและนักแสดงคนอื่นๆ เขาสามารถปะทะคารมกับมาร์คหรือมิลาหรือโจเอลได้ มันสร้างความแตกต่างที่ชัดเจนเลยนะครับ โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับคอมมิดี้และสำหรับการอิมโพรไวส์ที่เกิดขึ้นระหว่างการถ่ายทำน่ะครับ”
   “ในโลกที่เพอร์เฟ็กต์ การแสดงของเท็ดก็เหมือนการแสดงของคนอื่นๆ นั่นแหละครับ” แม็คฟาร์เลนเล่า “มันเป็นระดับความสมจริงแบบเดียวกัน Who Framed Roger Rabbit เป็นหนังที่ยอดเยี่ยมและเทคนิคหลายๆ อย่างที่ใช้ในหนังเรื่องนั้นก็ถูกใช้ในหนังเรื่องนี้ด้วย แต่เราไม่อยากจะสร้างสถานการณ์ที่มีตัวคนและมีตัวการ์ตูน เราอยากให้ทุกคนเป็นคน แค่คนหนึ่งบังเอิญมีร่างของตุ๊กตาหมีเท่านั้นเอง เคล็ดลับก็คือการปฏิบัติต่อเท็ดแบบเดียวกับที่เราปฏิบัติต่อคนอื่นๆ เราหลีกเลี่ยงสิ่งที่จะทำให้คุณนึกได้ว่าเขาไม่ใช่คนธรรมดา เช่นการให้คนอุ้มเขาขึ้นไปที่สูงน่ะครับ”
   “คนที่ผมมองว่าเป็นตัวแทนของการทำเรื่องนั้นได้อย่างวิเศษสุดคือจิม เฮนสันครับ” ผู้กำกับกล่าวต่อ “พวกมัพเพ็ทส์เป็นคนจริงๆ ในโลกใบนั้น เป็นเรื่องธรรมดาที่พวกมัพเพ็ทส์จะเดินไปมา ใน The Great Muppet Caper เคอร์มิทและฟอซซี่ทำงานหนังสือพิมพ์และแจ็ค วอร์เดนก็เป็นเจ้านายของพวกเขา พวกเขามีความสัมพันธ์แบบเดียวกับที่พนักงานหนังสือพิมพ์กับเจ้านายมีในหนังทุกเรื่อง แค่พวกเขาเป็นหุ่นเชิดก็เท่านั้นเอง นั่นคือสิ่งที่เราต้องการครับ”
   สตูเบอร์กล่าวเห็นด้วยกับผู้กำกับของเขาว่า “หนังเรื่องนี้จะไม่เวิร์คถ้าคุณไม่เชื่อว่าหมีตัวนี้เป็นของจริงและเขาก็มีตัวตน มีมิติเมื่ออยู่ข้างๆ จอห์น นั่นเป็นอุปสรรคสำคัญครับ ดังนั้น ถ้าตรงนั้นเวิร์ค เราก็รู้ว่าหนังเรื่องนี้จะเวิร์ค เซ็ธใช้เวลานานกับเรื่องอนิเมชัน ความสมจริงของเสียงและความสมจริงของการเคลื่อนไหว มันช่วยนักแสดงทุกคนที่แสดงประกบเท็ดด้วยครับ”
   แล้วแรงบันดาลใจสำหรับเสียงของเท็ดคืออะไรล่ะ? “ผมมาจากนิวอิงค์แลนด์ครับ” แม็คฟาร์เลนตั้งข้อสังเกต “และครอบครัวผมหลายคนก็มาจากแถบบอสตัน ผมก็เลยโตขึ้นมากับชาวบอสตันและโร้ด ไอส์แลนด์หลายคน เสียงของเท็ดเป็นจุดหลอมรวมของเสียงต่างๆ เล่านั้น แต่จะสมจริงกว่าอย่างเสียงของปีเตอร์ ไบรอันหรือสตีวี่ใน Family Guy น่ะครับ”
   ในตอนที่เท็ดเป็นลูกหมีตัวน้อย เขารับบทโดยเซน โควันส์ ผู้รับบทเด็กร้ายกาจ ที่ทำให้ชีวิตจอห์นยากลำบากในช่วงเริ่มต้นเรื่องด้วยเช่นกัน สิ่งที่ดีสำหรับแม็คฟาร์เลนก็ดีสำหรับนักแสดงตัวน้อยคนนี้ด้วย และโควันส์ก็ต้องแสดงสดระหว่างที่อยู่ในชุดโมเวนด้วยเช่นกัน
« Last Edit: July 08, 2012, 07:06:22 PM by happy »

happy on July 08, 2012, 07:01:58 PM

การผสมผสานโลกทั้งสอง:วิชวล เอฟเฟ็กต์ของเรื่อง

                โดยส่วนใหญ่แล้ว ผลงานของผู้กำกับหน้าใหม่มักไม่ได้ถูกทำให้ซับซ้อนด้วยการแสดงในภาพยนตร์ของพวกเขาเองหรือการต้องประสานงานสำหรับการปรากฏตัวของตัวละครที่จะถูกสร้างขึ้นในคอมพิวเตอร์และเพิ่มเลเยอร์ในช่วงโพสต์โปรดักชัน แต่แม็คฟาร์เลนก็ไม่ได้มองว่างานที่เพิ่มเข้ามาเป็นเรื่องที่เหนื่อยอะไรเป็นพิเศษ “ผมมีประสบการณ์ด้านอนิเมชัน 15 ปี ดังนั้น มันก็เลยมีระดับความสบายใจที่เกิดขึ้นก่อนอยู่แล้วครับ” เขาตั้งข้อสังเกต “จริงอยู่ว่า อนิเมชัน CG-3D แตกต่างจากแบ็คกราวน์อนิเมชัน 2D ของผมเล็กน้อย ในตอนแรก มันก็เลยต้องมีการเรียนรู้นิดหน่อย แต่มันก็เป็นเรื่องที่น่าประหลาดใจที่ว่ามันง่ายแค่ไหนกับการปรับเปลี่ยนแนวความคิดของผมให้เป็นไปในทิศทางนั้นน่ะครับ”
   “ผมมีทีมยอดเยี่ยมที่มีความคิดนวัตกรรมอย่างเหลือเชื่อและพวกเขาก็ยังคงใส่ความแปลกใหม่แบบนั้นเข้าไปในช่วงโพสต์โปรดักชันด้วยครับ” เขากล่าวต่อ “เราขอให้พวกเขาทำบางสิ่งที่ไม่เคยมีใครลองมาก่อนในคอมมิดี้ นั่นคือลืมทุกอย่างที่คุณรู้เกี่ยวกับอนิเมชันสไตล์พิกซาร์หรือดรีมเวิร์คส์ไปเลย และทำให้ตัวละครตัวนี้เคลื่อนไหวด้วยท่าทางของมนุษย์เหมือนกับคนอื่นๆ ไม่ต้องยืดหด ไม่ต้องทำให้การกระทำของเขามีสไตล์เหมือนการ์ตูนเลยครับ”
   แม็คฟาร์เลนที่สวมชุดโมเวนของเขานอกฉาก ได้พูดไดอะล็อคของเท็ดและแสดงท่าทางของเขาในฉากระหว่างหมีตัวนี้กับตัวละครหลักตัวอื่นๆ “แต่มีหลายกรณีที่ท่าทางพวกนั้นไม่ได้เป็นของผมหรือเป็นของผมไม่ได้” ผู้กำกับตั้งข้อสังเกต “เพราะในตอนที่แอ็กชันใหญ่โตเกิดขึ้น การแสดงท่าทางเหล่านั้นบนเวทีโมแคปคงเป็นเรื่องที่ไม่ค่อยเข้าท่าเท่าไหร่ คุณต้องสร้างอนิเมชันขึ้นมาครับ ด้วยความที่การแสดงส่วนใหญ่ของเท็ดเกิดจากการโมแคปที่ผสมผสานอากัปกิริยาของผมเข้าไป ความท้าทายสำหรับทีมวิชวล เอฟเฟ็กต์คือการทำให้ทุกอย่างดูสมจริง มันเป็นสิ่งที่ยากที่สุดในโลกสำหรับอนิเมเตอร์ที่จะถ่ายทอดมันอย่างละเอียดอ่อน และทำให้มันสมจริง ผมใช้เวลาหลายปีกว่าที่ทีมงานของผมที่ Family Guy จะไปถึงจุดนั้นได้ และเมื่อคุณเพิ่มองค์ประกอบ 3D เข้าไป มันก็เป็นอีกเรื่องหนึ่งเลย ผมชื่นชอบพรสวรรค์และความสามารถของพวกเขาในการทำเรื่องนี้ให้ประสบความสำเร็จได้ และพวกเขาก็กระตือรือร้นกับมันมาก”
   คลาร์คอธิบายถึงวิธีที่หมีตัวนี้ถูกถ่ายทำและถูกสร้างขึ้นสำหรับหน้าจอในท้ายที่สุดว่า “ด้วยความที่เท็ดไม่ได้ปรากฏตัวจริงๆ จนกระทั่งช่วงโพสต์โปรดักชันตอนที่เราเรนเดอร์ภาพเขา เราก็เลยต้องสร้าง ‘ตัวแทน’ หลายตัวขึ้นมาระหว่างที่เราถ่ายทำแต่ละฉากเพื่อบันทึกข้อมูล ตอนแรก เราก็สร้าง ‘ตัวแทนนุ่มนิ่ม’ ที่เราจะต้องวางตุ๊กตาหมีลงไปในตำแหน่งของเท็ดเพื่อให้นักแสดงรู้ว่าหมีของเราจะอยู่ตรงไหน ซึ่งมันก็จะช่วยให้พวกเขารู้ว่าตัวละครของพวกเขากำลังมองเห็นอะไรและสายตาของพวกเขาควรจะอยู่ตรงไหนน่ะครับ”
   “หลังจากนั้น เราก็บันทึก ‘ตัวแทนสายตา’ ด้วยการนำเครื่องมืออ้างอิงทางสายตาเข้าไปในฉาก [ปกติแล้วจะเป็นไม้ที่มีจุดสองจุดแทนตาของเท็ด] เพื่อที่นักแสดงจะสามารถมองไปยังตำแหน่งที่ถูกต้อง ในที่ที่เท็ดจะถูกเรนเดอร์ขึ้นมาในท้ายที่สุดครับ” ผู้อำนวยการสร้างกล่าวต่อ “ในขณะเดียวกัน เซ็ธก็อยู่นอกกล้องในชุดโมเวน ที่จะติดตามการเคลื่อนไหวของร่างกายเขาด้วยการส่งข้อมูลตำแหน่งของเซ็นเซอร์แต่ละตัวบนตัวเขา ผ่านทางคลื่นความถี่วิทยุ แทนที่จะใช้กล้องเป็นขโยงมาถ่ายทำน่ะครับ แต่เขาติดไมค์แบบดั้งเดิม และเสียงของเขาก็ถูกบันทึกเสียงในสถานที่และเวลาเดียวกับนักแสดงคนอื่นๆ ดังนั้น ผลที่ได้ออกมาก็เลยสมจริง มีความเป็นปัจจุบัน และไดอะล็อคก็สามารถทับซ้อนกันได้ครับ”
    คลาร์คได้อธิบายถึงการที่ “ตัวแทน” ตัวที่สามในฉากถูกถ่ายทำด้วยกล้องซิเว็ตต้าของครีเอทีฟ-คาร์เทล โดยเขาเล่าว่า “มันเป็นเทคโนโลยีใหม่ที่ทำให้คุณสามารถถ่ายภาพฉากได้ 360 องศาและสร้างข้อมูลดิจิตอลของการให้แสงและภูมิประเทศรอบตัวคุณแบบ 3D ได้ เราใช้มันในทุกช็อตที่หมีตัวนี้ปรากฏตัวขึ้น การถ่ายทำฉากที่ไม่มีนักแสดงนานสองนาทีทำให้เราได้ข้อมูลบันทึกสำหรับให้ทีมอนิเมเตอร์ที่สร้างการแสดงของตุ๊กตาหมีตัวนี้ใช้เป็นข้อมูลอ้างอิงของการใช้แสงในฉากนั้น มันทำให้พวกเขาสามารถให้แสงที่แนบเนียนลงบนตัวหมีได้น่ะครับ”
   มันทำให้เท็ดสามารถมีปฏิสัมพันธ์ “ทางกายภาพ” กับสิ่งแวดล้อมได้จริงๆ ยกตัวอย่างเช่น ถ้าแม็คฟาร์เลนอยากให้เท็ดนั่งบนโซฟา หมอนก็จะถูกกดลง ถ้าเขาอยากให้หมีวิ่งข้ามเตียง พวกเขาก็จะต้องสร้างรอยกดบนผ้าปูเตียงตามที่รอยเท้าของเขาจะย่ำไป สิ่งแวดล้อมอินเตอร์แอ็กทีฟแบบนี้ทำให้เส้นแบ่งระหว่างตัวละคร CG และตัวละครไลฟ์แอ็กชันเลือนลางลงไปอีก
   ผู้ออกแบบงานสร้าง สตีเฟน ไลน์วีฟเวอร์ยังได้รับมอบหมายให้เสริมความคิดที่ว่า เท็ดเหมือนกับคนอื่นๆ ในโลกใบนี้ และเขาก็เน้นย้ำสิ่งนี้ในเรื่องของการออกแบบฉากด้วย “สิ่งหนึ่งที่เราคอยระวังคือการสร้างระดับที่แตกต่างกันให้เท็ดสามารถปรากฏตัวที่ระดับความสูงอื่นๆ ได้ทุกเวลา เว้นแต่เขาจะถูกคนอื่นยืนค้ำอยู่ เขาถึงจะอยู่บนพื้นครับ ในการที่เขาจะปรากฏตัวในระดับความสูงเดียวกัน หรือถ้าเซ็ธอยากจะถ่ายทำสองช็อตกับตัวละครอีกตัวหนึ่ง มันก็จะมีข้าวของในอพาร์ทเมนต์ที่เขาสามารถปีนป่ายได้ มันเป็นปัญหาด้านการออกแบบที่น่าสนใจที่ผมไม่เคยเจอมาก่อนน่ะครับ”                                  
   เป็นเรื่องธรรมดาที่นักแสดงของแม็คฟาร์เลนจะพบว่าการแสดงเข้าฉากกับหมีที่ไม่มีตัวตนอยู่จริงเป็นเรื่องท้าทาย วอห์ลเบิร์ก ผู้ต้องฝึกฝนกับสตันท์แมนหลายสัปดาห์สำหรับการเคลื่อนไหวที่จำเป็นในฉากที่เขาทะเลาะกับเท็ดในโรงแรม “ผมต้องใช้เวลาซักพักกว่าจะเคยชิน แต่พอเราเข้าที่แล้ว ผมก็เริ่มรู้สึกสบายๆ มากๆ กับไอเดียของการแสดงประกบตุ๊กตาหมีหรือท่อนไม้ที่มีดวงตาติดน่ะครับ แน่นอนว่าการได้เซ็ธมาพากย์เสียงอยู่ในห้องก็เป็นประโยชน์มากเหมือนกัน”
   “คุณจะแสดงกับความว่างเปล่าค่ะ” คูนิสเล่า “ถ้าคุณโชคดี เทคแรกคุณก็จะเจอกับ ‘ตัวแทน’ นุ่มนิ่ม แต่แล้วพวกเขาก็จะเอาตัวแทนนุ่มนิ่มออกไป เพื่อที่คุณจะแสดงกับความว่างเปล่าจริงๆ น่ะค่ะ”
   “มีแค่คุณกับแท่นยืนครับ” ริบิซี่กล่าวเสริม “มันมีความน่าทึ่งบางอย่างสำหรับไอเดียของการสร้างหนังในแบบที่แทบจะเหมือนกับการสร้างละครเวที ที่ที่คุณจะใช้แค่จินตนาการของคุณน่ะครับ”
« Last Edit: July 08, 2012, 07:07:13 PM by happy »

happy on July 08, 2012, 07:03:33 PM

ยินดีต้อนรับสู่นิวอิงก์แลนด์:ฉากและการออกแบบ

               เรื่องราวของ Ted ถูกบอกเล่าในบอสตัน, แมสซาซูเซทส์ ยุคปัจจุบัน ทีมผู้สร้างเห็นพ้องต้องกันว่า คุณจะสร้างความสมจริงให้กับเรื่องราวที่ไม่สมจริงเลยได้ก็ต่อเมื่อคุณวางเรื่องราวนั้นให้เกิดในสถานที่จริง แม็คฟาร์เลนกล่าวยืนยันว่า “Family Guy มีเรื่องเกิดในโร้ด ไอส์แลนด์เพราะนั่นเป็นอีกสิ่งหนึ่งที่ช่วยเสริมสร้างความสมจริงให้กับทุกอย่าง และสำหรับหนังเรื่องนี้ เราก็ใช้วิธีการเดียวกันและสร้างเรื่องราวให้เกิดขึ้นในบอสตัน แม้ว่าเราจะรับมืออยู่กับตุ๊กตาหมีพูดได้ แต่นี่ก็คือโลกแห่งความเป็นจริงครับ ในโลกใบนี้ การคงอยู่ของเท็ดเป็นเรื่องปกติธรรมดา ซึ่งหมายความว่าสิ่งอื่นๆ ก็จะต้องเป็นจริงด้วยเหมือนกัน”
   คลาร์คกล่าวต่อไปว่า ทีมงานไม่ต้องการจะขับเน้นระดับแฟนตาซีที่ปรากฏอยู่ในเรื่องอยู่แล้วให้มากเกินความจำเป็น เขากล่าวว่า “เราไม่อยากจะสร้างตำนานเล่าลือจอมปลอมขึ้นมา แต่เราอยากให้เรื่องปรากฏขึ้นในโลเกชันที่เฉพาะเจาะจงมากๆ ซึ่งก็คือสิ่งที่เราทำกับบอสตันครับ”
   ไลน์วีฟเวอร์ได้รับมอบหมายให้สร้างโลกแห่งความเป็นจริงขึ้นมา ที่ซึ่งตุ๊กตาหมีพูดได้จะใช้ถนนร่วมกับมนุษย์ธรรมดา “เราสร้างสิ่งแวดล้อมที่น่าสนใจมากมาย ซึ่งรวมถึงบ้านที่วิเศษสุดและน่าขนลุกของดอนนี่ ผู้เป็นสตอล์คเกอร์ นอกจากนี้ เรายังออกแบบพื้นที่ให้เราได้เห็นสิ่งต่างๆ จากระดับสายตาของหมีตัวเล็กๆ ซึ่งช่วยสร้างลุคและมุมมองใหม่ให้กับหนังเรื่องนี้ด้วยครับ”
   หนึ่งในเป้าหมายของทีมผู้สร้างคือการหาโลเกชันสำคัญในการถ่ายทำช่วงเวลาสุดท้ายในซีเควนซ์ไล่ล่ากันทั่วบอสตัน ซึ่งเป็นฉากไคลแมกซ์ของเรื่อง พวกเขาตื่นเต้นเมื่อทางบอสตัน เร้ด ซ็อกส์ได้ยอมให้พวกเขาถ่ายทำในเฟนเวย์ ปาร์ค สนามเบสบอลเก่าแก่ ซึ่งเปิดทำการในปี 1912 อย่างไรก็ดี หอไฟขนาดใหญ่ที่เท็ดและดอนนี่ปีนจะต้องถูกจำลองขึ้นใหม่บนเวที
   ระหว่างค่ำคืนหนึ่งในการถ่ายทำที่เฟนเวย์ ทีมงานได้ชื่นชมกับสแตนลีย์ คัพ ถ้วยรางวัลในการแข่งขันไอซ์ฮ็อกกี้ ที่ทางบอสตัน บรูอินส์เพิ่งคว้ามาได้ ในขณะที่การถ่ายทำดำเนินไปเหนือผนังกรีน มอนสเตอร์ทางฝั่งซ้ายของสนาม ทีมงานและนักแสดงก็ได้พากันวิ่งไปที่เส้นเบสแรกของสนามเพื่อถ่ายรูปกับถ้วยรางวัลสีเงินที่ยิ่งใหญ่นี้
   ดอนนี่และโรเบิร์ต ลูกชายวัย 10 ขวบ ผู้ก้าวร้าวและเฟอะฟะของเขา (รับบทโดยเอดิน มินค์สจาก The Hangover Part II) อาศัยอยู่ในบ้านที่มีกลิ่นไออันตรายตลบอบอวล ไลน์วีฟเวอร์กล่าวว่า “เราอยากสร้างสถานที่ที่น่าขนลุกและพิลึกพิลั่นอย่างเหลือเชื่อ และเราก็ใช้สถาปัตยกรรมที่ให้ความรู้สึกเหมือนจะพังมิพังแหล่ ดอนนี่ไม่เคยออกจากบ้านไปไหน แต่พ่อของเขาตายหรือไม่ก็จากไปแล้ว ด้วยความที่ดอนนี่เป็นคนน่าขนลุกในแบบที่ต่างจากพ่อของเขา เราก็เลยปรับปรุงโซฟาหนังสีเขียวยุค 80s ที่ขาดรุ่งริ่งและอุปกรณ์บางชิ้นให้ใหม่ขึ้น แต่เราก็รักษาชิ้นส่วนที่ทำจากไม้ลามิเนทถูกๆ ที่เป็นของพ่อเขาเอาไว้ครับ”
   เร็กซ์ ผู้รวยล้นฟ้า อาศัยอยู่ในบ้านที่ไลน์วีฟเวอร์พูดถึงว่า “เวอร์สุดขอบ” เขาพูดถึงบ้านหลังนี้ที่เป็นฉากสำหรับงานเลี้ยงเลิศหรูของเรื่องว่า “ในนิวอิงก์แลนด์ คุณจะไม่ค่อยได้เห็นบ้านแบบโมเดิร์นขนาด 10,000 ตารางฟุตบนชายหาดซักเท่าไหร่หรอกครับ” บ้านหลังนี้จริงๆ แล้วตั้งอยู่ชานเมืองทางตอนเหนือของบอสตัน ที่เรียกว่า สแวมป์คอทท์
   ฉากไคลแม็กซ์ที่เฟนเวย์เป็นหนึ่งในหลายๆ ซีเควนซ์ที่ถ่ายทำในโลเกชันสำคัญๆ ที่บอสตัน คอนเสิร์ตของนอราห์ โจนส์จัดขึ้นที่แฮทช์ เชลล์ ริมแม่น้ำชาร์ลส์ ซึ่งเป็นที่จัดแสดงคอนเสิร์ตเฉลิมฉลองวันที่ 4 กรกฎาคม ของวงบอสตัน ป๊อปส์ จอห์นและเท็ดพี้ยาและไปเจอกับดอนนี่เป็นครั้งแรกที่สวนสาธารณะบอสตัน ที่มีเรือหงส์ที่โด่งดังและมีการบำรุงรักษาอย่างดีและจอห์นก็บอกกับเท็ดว่าเขาจะต้องย้ายออกไประหว่างยืนอยู่ท่ามกลางแทงค์น้ำขนาดใหญ่ในนิวอิงก์แลนด์ อควอเรียม
   ด้านนอกของอพาร์ทเมน์ของจอห์นและลอรี่ถูกถ่ายทำที่แชนด์เลอร์ สตรีท บล็อกที่งดงามราวภาพวาดในย่านแบ็ค เบย์ของบอสตัน “ลอรี่อาจอาศัยอยู่กับผู้ชายคนนี้กับตุ๊กตาหมีของเขาก็จริง แต่เธอก็จะไม่ยอมอยู่ในบ้านเอื้ออาทรหรอกครับ” ไลน์วีฟเวอร์บอก “เธออยากให้บ้านของเธอดูดี ในขณะที่จอห์นมีความสุขกับการพี้กัญชากับตุ๊กตาหมีของเขา อพาร์ทเมนต์หลังนี้มีพื้นที่ดีๆ ที่เปิดโล่ง ที่เราสร้างขึ้นบนเวที เป็นสถานที่ที่ไม่ได้ถูกปรับปรุงใหม่ เป็นสถานที่ที่คุณสามารถเช่าได้ในย่านที่พักอาศัยดีๆ น่ะครับ อาคารจริงๆ ที่เราใช้ถ่ายทำภายนอกจะอยู่ในบล็อกสวยๆ ในย่านแบ็ค เบย์ในบอสตัน และถูกหั่นแบ่งออกเป็นอพาร์ทเมนต์เล็กๆ พวกนี้ครับ”
เท็ดโน้มน้าวลอรี่ให้พบกับจอห์นที่ชาร์ลีย์ส แซนด์วิช ช็อปป์ ที่อยู่ในแบ็ค เบย์ด้วยเช่นกัน มันอยู่โคลัมบัส อะเวนิว ไม่ห่างจากที่ตั้งของยูเนียน ยูไนเต็ด เมธ็อดดิสต์ เชิร์ช ซึ่งเป็นเสาหลักของชุมชนเชื้อสายแอฟริกัน-อเมริกันในบอสตัน ซึ่งมีบทบาทสำคัญด้วยเช่นกัน
จอห์นพาลอรี่ไปภัตตาคารซอเรลลินาสำหรับดินเนอร์ในวันครบรอบ และดับเบิลเดทหายนะของพวกเขากับเท็ดและแทมี่-ลินน์ก็เกิดขึ้นที่แก๊สไลท์ บราเซอรี่ เช่นเดียวกัน จอห์นและเท็ดเข้าคิวร่วมกับแฟนๆ ในชุดคอสตูมหน้าโรงภาพยนตร์โซเมอร์วิลล์สำหรับคืนเปิดตัวของ Star Wars: Episode I—The Phantom Menace
ทางตอนเหนือของเมืองแห่งนี้ จอห์นและลอรี่เล่นมินิกอล์ฟกันในรู้ท 1 มิเนียเจอร์ กอล์ฟ คอร์ส ที่มีไดโนเสาร์ตั้งเด่นเป็นสง่าให้เห็นตั้งแต่จากบนทางหลวง และคฤหาสน์ทรงโมเดิร์นริมทะเลของเร็กซ์ก็ตั้งอยู่ชานเมืองริมชายฝั่งทางตอนเหนือของสแวมป์คอทท์, แมสซาซูเซทส์ด้วย
   สถานที่ที่งดงามน้อยกว่า แต่ก็สมจริงไม่แพ้กันคือสถานที่ที่ถูกใช้เป็นภายนอกอพาร์ทเมนต์ของเท็ด (หลังจากที่จอห์นไล่เขาออก) และบ้านของดอนนี่ในเชลซี ที่ตั้งอยู่ใกล้กับสะพานโทบิน ที่ตั้งตระหง่าน ที่น่าสังเกตคือฉากเปิดเรื่องถ่ายทำที่นอร์วู้ด, แมสซาซูเซทส์ ชานเมืองทางตอนใต้ของบอสตัน
   การออกแบบครอบคลุมตั้งแต่เรื่องของงานสร้างไปจนถึงเรื่องของเครื่องแต่งกาย “ในตอนที่คุณสร้างเรื่องราวที่ตลกโปกฮา เอะอะมะเทิ่งและสุดโต่ง การรักษาตัวละครให้ตั้งอยู่บนความสมจริงจึงเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดค่ะ” ผู้ออกแบบเครื่องแต่งกาย เด็บรา แม็กไกวร์ ผู้ออกแบบเครื่องแต่งกายในภาพยนตร์หลายเรื่องของจั๊ดด์ อพาโทว์ ซึ่งรวมถึง  Knocked Up และ Superbad และซีรีส์ดังอย่าง Friends กล่าว เธอตั้งข้อสังเกตว่า “เซ็ธชอบ  Freaks and Geeks ซึ่งมีพื้นฐานจากความเป็นจริง เขาก็เลยรู้ว่าเขาจะสามารถทำแบบนั้นได้กับ Ted แต่ถึงอย่างนั้น ในบางครั้ง เซ็ธก็ต้องปรามฉันลงมาบ้างกับตัวละครบางตัว เช่นเร็กซ์ ผู้ที่เราอาจจะใส่อะไรให้เขาเกินไปหน่อยน่ะค่ะ”
   มุมมองเริ่มแรกที่ริบิซี่มีต่อบทของเขาอาจจะไม่ได้ละเอียดอ่อนเท่ากับสิ่งที่ปรากฏบนหน้าจอในท้ายที่สุด “ผมเริ่มต้นจากคอนเซ็ปต์สุดเพี้ยน” นักแสดงหนุ่มกล่าว “และเราก็ทำการทดลองกับพวกเครื่องแต่งกายต่างๆ ผมอยากสวมวิกและผ้าคาดหัว รวมถึงสวมแว่นตา กางเกงขาสั้นลายปลาโลมาและสายเอี๊ยมดึงกางเกงสีรุ้ง มันสุดโต่งจนเซ็ธบอกว่า 'ยั้งๆ มันไว้หน่อยดีกว่า' อย่างไรก็ดี หนวดของเขาเป็นส่วนหนึ่งของคอนเซ็ปต์ดั้งเดิมและเป็นสิ่งหนึ่งที่ติดหนึบไม่ยอมไปไหนน่ะครับ”
   แม้ว่าจอห์นจะไม่ใช่คนที่แต่งตัวน่าขนลุก แต่จอห์นก็ยังคงมีลุคที่โดดเด่นเป็นเอกลักษณ์ แม็กไกวร์พูดถึงเขาว่าเป็นคนซับซ้อน “ตั้งแต่ฉากแรก ที่เราได้เห็นจอห์นวัยผู้ใหญ่บนโซฟา สูบบ้องกัญชากับเท็ด คุณก็รู้แล้วว่าเขาเป็นคนขี้เกียจสันหลังยาวนิดๆ เขาก็เลยสวมเสื้อยืด กางเกงยีนส์ และเสื้อกีฬา รวมถึงสิ่งต่างๆ ที่อยู่ในโหมดวัยสะรุ่น โดยไม่ได้มีลุคที่ตรงเผงเกินไป นอกจากนั้น เขาก็ต้องมีเสน่ห์และน่าสนใจพอที่ตัวละครที่หรูเริ่ดกว่าของมิลาจะพบว่าเขามีเสน่ห์ ดังนั้น มันก็เลยมีเส้นแบ่งบางๆ อยู่ตรงนั้น คุณไม่สามารถทำให้เขาโทรมเกินไปเพราะคุณต้องรักษาปฏิกิริยาเคมีระหว่างพวกเขาเอาไว้น่ะครับ”
   เซนส์ด้านสไตล์ของลอรี่ปรากฏทั้งในลักษณะการแต่งตัวของเธอและวิธีการออกแบบและตกแต่งอพาร์ทเมนต์ของทั้งคู่ ผู้ออกแบบเครื่องแต่งกายกล่าวว่า “ลอรี่ทำงานบริษัทพีอาร์ ที่มีการแต่งตัวหรูหราเล็กๆ เสื้อผ้าของเธอไม่ได้แพงระยับ แต่ก็เป็นเสื้อผ้าจากดีไซเนอร์ ที่ตัดเย็บพอดีตัว เสื้อผ้าของเธอทั้งฮิปและทันสมัย แต่ก็ไม่หรูเกิน ทุกอย่างสมจริง และมิลาก็สวยคุณสามารถให้เธอสวมอะไรก็ได้ เธอก็ยังจะดูดีอยู่นั่นเองค่ะ”
   หมีที่มั่นใจในตัวเองทุกตัวต่างก็แต่งตัวอย่างถูกกาลเทศะเสมอ แล้วเท็ดสวมอะไรล่ะ? แม็คไกวร์กล่าวสรุปว่า “แบลร์ คลาร์คกับผมคุยกันตั้งแต่เริ่มแรกแล้วว่าเท็ดจะสวมเสื้อผ้ารึเปล่า ความรู้สึกของผมคือน้อยๆ ไว้แล้วจะดีเอง และผมก็ดีใจเมื่อทุกคนเห็นพ้องต้องกันในเรื่องแจ็คเก็ตตัวน้อยที่เท็ดสวมไปสัมภาษณ์งานและชุดคอสตูม Star Wars ของเขาน่ะครับ”
****
ยูนิเวอร์แซล พิคเจอร์สและมีเดีย ไรทส์ แคปิตอล ภูมิใจเสนอ ผลงานสร้างโดยอะ ฟัซซี่ ดอร์ โปรดักชัน, อะ บลูกราส ฟิล์มส์ โปรดักชัน, อะ สมาร์ท เอนเตอร์เทนเมนต์ โปรดักชัน ภาพยนตร์โดยเซ็ธ แม็คฟาร์เลน: มาร์ค วอห์ลเบิร์ก, มิลา คูนิส, เซ็ธ แม็คฟาร์เลนใน Ted ที่นำแสดงโดยโจเอล แม็คเฮล, จิโอวานนี่ ริบิซี่ ผู้ที่คัดเลือกนักแสดงสำหรับคอมมิดี้ไลฟ์แอ็กชั่น/CG อนิเมชันเรื่องนี้คือเชียลา เจฟฟ์ และดนตรีโดยวอลเตอร์ เมอร์ฟีย์ ออกแบบเครื่องแต่งกายโดยเด็บรา แม็คไกวรร์ ลำดับภาพโดยเจฟฟ์น ฟรีแมน, เอซีอีและออกแบบงานสร้างโดยสตีเฟน ไลน์วีฟเวอร์ ผู้กำกับภาพคือไมเคิล บาร์เร็ตต์ และผู้ควบคุมงานสร้างคือโจนาธาน โมน ภาพยนตร์เรื่องนี้อำนวยการสร้างโดยสก็อต สตูเบอร์, เซ็ธ แม็คฟาร์เลน, จอห์น จาค็อบส์, เจสัน คลาร์ค เรื่องราวของ Ted สร้างขึ้นโดยเซ็ธ แม็คฟาร์เลนและบทภาพยนตร์เขียนโดยเซ็ธ แม็คฟาร์เลน, อเล็ค ซัลกินและเวลเลสลีย์ ไวลด์ คอมมิดี้เรื่องนี้กำกับโดยเซ็ธ แม็คฟาร์เลน  © 2012 Universal Studios.  www.tedisreal.com
« Last Edit: July 08, 2012, 07:07:55 PM by happy »