FB on October 12, 2012, 04:17:16 PM
บทสัมภาษณ์ แจ๊ป – The Richman Toy (วีรณัฐ ทิพยมณฑล) ผู้พากย์เสียง “ก๊อก” ในภาพยนตร์แอนิเมชั่น เรื่อง “ยักษ์”

 

          จากนักร้องขวัญใจวัยรุ่น สู่นักพากย์มือใหม่
          แจ๊ป - The Richman Toy ร่วมสร้างสีสันกับโปรเจ็คต์ “ยักษ์”
          สวมบท “ก๊อก” พ่อค้าเจ้าเล่ห์ผู้ทำให้เกิดเรื่องราวทั้งหมด

Q: ครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่ได้พากย์เสียงภาพยนตร์แอนิเมชั่น และยังเป็นการร่วมงานกับพี่จิก-ประภาส ชลศรานนท์ ที่แจ๊ปนับถืออีกด้วยรู้สึกอย่างไรบ้าง
J: เรียกได้ว่าเป็นครั้งแรกนะครับที่แจ๊ปได้มามีส่วนร่วมในการพากย์แอนิเมชั่น ครับ ผมได้รับการทาบทามมาจากพี่จิก เขาโทรมาชวนที่สมอลล์รูมเลยก็ตื่นเต้นมาก ด้วยความที่พี่จิกเป็นนักเขียนด้วยครับ ผมอ่านหนังสือของเขามาบ้างครับ และเขาเป็นนักแต่งเพลง ซึ่งแจ๊ปเองแต่งเพลงเหมือนกัน ก็เลยถือว่าเป็นครูด้านเขียนเพลงท่านหนึ่ง พี่จิกเขียนเพลงของเฉลียงเป็นผลงานที่ผมชอบมาก พอพี่จิกมาชวนก็รู้สึกว่าก็โอเคเลยครับ พร้อมที่จะมาทำทันที ก็รู้สึกดีมากเพราะว่าจริงๆเป็นโปรเจ็คต์หนังเรื่อง “ยักษ์” ก็เป็นโปรเจ็คต์ยักษ์ด้วยครับที่คนไทยได้มีโอกาสผลิตการ์ตูนแอนิเมชั่นค่อน ข้างที่จะมีคุณภาพดีใจที่เป็นส่วนหนึ่งครับ

Q: อยากให้ช่วยแนะนำความน่าสนใจและเสน่ห์ของตัวละคร ที่พากย์สักนิด
J: ในภาพยนตร์แอนิเมชั่นเรื่องยักษ์ ผมพากย์เป็น “ก๊อก” ครับ เขาเป็นพ่อค้าครับขายหุ่นยนตร์ที่เป็นซากหุ่น เขาคอยไปหาหุ่นเก่าแก่อายุหลายล้านปีก็ขุดขึ้นมาเพื่อนำมาขายโก่งราคา เจ้าก๊อกก็เป็นพ่อค้าที่ค่อนข้างจะเจ้าเล่ห์ มีเล่ห์เหลี่ยม ถ้าเกิดเป็นหุ่นทหารหุ่นสงครามก็จะยิ่งมีราคาแพง เพราะว่าเนื้อเหล็กมันจะดี และก๊อกนี่เองก็เป็นคนขุดเจ้ายักษ์และก็เผือกขึ้นมา ซึ่งเป็นตัวละครหลักในเรื่องนี้ครับ ตัวก๊อกนี่ก็รูปร่างประหลาดเขาจะมีไฝอยู่แถวๆ ปากนี่แหละ แล้วชอบเอาตัวหุ่นแมลงมาเปลี่ยนเป็นไฝก็แปลกดีครับ เหมือนคนเราเปลี่ยนฟันปลอม แต่นี่เปลี่ยนไฝ เขาเป็นพ่อค้าก็เลยค่อนข้างจะโชว์กร่างแต่ในสมองก็แอบจะงงๆ หน่อยๆ นะครับจะดูไม่ค่อยรู้เรื่องรู้ราวหรอกแต่โชว์ว่าตัวเองฉลาด และมีจุดขี้กลัวหน่อยๆครับ เขาเป็นตัวละครที่มีสีสันตัวหนึ่งครับ เป็นตัวดำเนินเรื่องเชื่อมโยงก่อให้เกิดเรื่องตั้งแต่ต้นครับ

Q: ปกติเคยแต่ร้องเพลงมาตลอด แล้วงานพากย์เสียงครั้งนี้ยากสำหรับเราไหม
J: ก็เป็นครั้งแรกในการพากย์แอนิเมชั่นนะครับถือว่ายากครับ ยากมาก (หัวเราะ) เพราะว่าจริงๆ แล้วภาพที่มองไว้ตอนที่พี่จิกมาชวนนี่มันเหมือนกับว่ามีภาพการ์ตูนแล้วให้ เราไปนั่งพากย์ไปเรื่อยๆ ครับ แก้ไขกันได้อะไรอย่างนี้ แต่พอมาถึงจริงๆ ไม่มีภาพอะไรเลยครับ ให้คุยกันเองเลยคุยกับคนปกติต้องจินตนาการเอง แต่ก็จะทำให้รู้สึกถึงความเป็นธรรมชาติครับ เสียงพากย์ออกมาจากอารมณ์ของตัวเองครับ เพื่อให้ได้เนื้อเสียงธรรมชาติจริงๆ ซึ่งยากมากครับ แต่ว่าก็พอไหวครับ ก็สู้กันพอไหว (หัวเราะ)

Q: สำหรับตัวแจ๊ปแล้วมีความสนใจในแอนิเมชั่นมากน้อยแค่ไหน และว่าเรื่องยักษ์นี้มีเสน่ห์และความแตกต่างจากเรื่องอื่นๆ อย่างไร
J: ก็จะเป็นช่วงตอนโตแล้วนะครับที่แจ๊ปจะดูการ์ตูนแอนิเมชั่นบ่อยขึ้น เพราะว่าเพิ่งเห็นความดีงามของมัน ก็จะดูหนังของต่างประเทศครับ อย่างเรื่อง กังฟูแพนด้าก็ชอบครับ เอาเป็นว่าชอบทุกๆ เรื่องเลยดีกว่า สำหรับหนังไทยที่มีอายุ 6 ปีในการสร้างงานที่มีผลงานนี้ขึ้นมานะครับ เห็นพี่จิกบอกว่าตัวละครตัวหนึ่งเนี่ยจะวาดขึ้นมามันต้องใช้ในการออกแบบ อากัปกิริยาก็เดือนหนึ่งแล้วด้วยซ้ำกว่าจะได้ตัวหนึ่ง เพราะฉะนั้นมันค่อนข้างที่จะมีความพิถีพิถันนะครับ มีความซับซ้อนเหมือนกันในการทำการ์ตูนแอนิเมชั่นเรื่องนี้ขึ้นมา ด้วยความที่มันเป็นเหล็กเป็นอะไรอย่างนี้ ความละเอียดก็ค่อนข้างเยอะนะครับ วันแรกที่แจ๊ปนะครับได้มานั่งดูนะครับ ก็โอ้โห! รู้สึกว่าเป็นแอนิเมชั่นของคนไทยที่ต่างจากเรื่องที่แล้วๆ มาทั้งหมดนะครับ ผมว่าน่าจะเป็นนวัตกรรมใหม่ๆ สำหรับคนไทยนะครับก็ถือว่าเป็นปรากฏการณ์ครับคิดว่าเป็นเรื่องที่น่าสนใจ มากๆ ทั้งนักพากย์นะครับ ก็มีนักแสดงชั้นนำมาร่วมงาน ทั้งพี่หนุ่มสันติสุข พี่เสนาหอยอย่างนี้ครับ ผมชอบมาก และก็พี่ๆ เขาก็เก่งอยู่แล้วด้วย สำหรับเรื่องเพลงประกอบสำหรับหนังยักษ์ก็ไม่ละทิ้งนะ มีพี่แสตมป์ มี Room39 นะครับ มาทำเพลงประกอบให้ ผมว่าดีหมดทุกๆ ด้านนะครับสำหรับหนังเรื่องนี้ น่าสนใจมากๆ ครับ

Q: หากได้ยินคำว่า “ยักษ์” ในความคิดของแจ๊ปวาดภาพยักษ์ไว้อย่างไร
J: สำหรับคำว่ายักษ์นะครับน่าจะนึกถึงอะไรที่ใหญ่มากๆ ครับ หรือจะเป็นเรื่องโปรเจ็คต์ใหญ่ๆ ซึ่งก็คือหนังเรื่องยักษ์นี่แหละครับตรงเลย เป็นทั้งยักษ์ตัวใหญ่และเป็นโปรเจ็คยักษ์ เป็นสิ่งใหม่ๆ ที่ยิ่งใหญ่สำหรับวงการแอนนิเมชั่นไทยนะ
ก็ค่อนข้างที่จะยักษ์ใหญ่พอ สมควร ผมว่ามันไม่มีหนังแบบนี้ออกมาเลยครับนี่คือเรื่องแรกที่มีรายละเอียดและก็ ภาพทุกอย่างสวยและก็เป็นโปรเจ็คต์ที่ใหญ่จริงๆ ครับก็อยากให้ทุกคนมาดูกันครับ

Q: ยักษ์ตัวแรกในชีวิตที่รู้จักเลยคือยักษ์อะไร
J: สำหรับยักษ์ตัวแรกที่รู้จักก็คือในหนังการ์ตูนเรื่อง Dragon Ball Z เวลาหงอคงเห็นดวงจันทร์คือจะแปลงร่างตัวใหญ่ขึ้นครับ เป็นลิงยักษ์ครับ และก็เวลาที่ทำให้กลับมาเป็นหงอคงเหมือนเดิมก็คือต้องตัดหาง ก็คือตอนเด็กชอบ Dragon Ball Z มากก็เป็นยักษ์ตัวแรกที่ได้เจอะเจอครับ

Q: ในเรื่องราวของ “ยักษ์” จะมีประเด็นหลักเกี่ยวกับมิตรภาพ อยากถามว่าถ้าอยู่ในสถานการณ์ที่ต้องเลือกระหว่าง “มิตรภาพ”กับ “หน้าที่” จะเลือกอย่างไหน
J: สำหรับมิตรภาพกับหน้าที่นะครับ ถ้าต้องเลือกที่เอาอันไหนมาก่อนผมก็เลือกมิตรภาพก่อน เพราะว่าถึงที่สุดแล้วจะทำหน้าที่เสร็จในใจของทุกคนพอกลับมาข้างหลังก็ต้อง การมิตรภาพก็ต้องการความอบอุ่นต้องการสังคมนะครับ เพราะว่าทุกคนมีความเป็นมนุษย์อยู่ มิตรภาพน่าจะสำคัญกว่าหน้าที่ครับ

Q: ในเรื่องนี้ยังมีเรื่องราวของคนที่รบกันมาหลายล้านชาติ คิดว่าคนที่เคยเป็นศัตรูกันมาก่อนจะสามารถกลับมาเป็นเพื่อนกันได้ไหม
J: สำหรับศัตรูกับมิตรนะครับจริงๆ จะเปลี่ยนกลับมาเป็นมิตรกันได้ไหม ผมว่าจริงๆ แล้วมันได้ทุกเมื่อนะครับ เพราะว่าอย่างภูมิหลังของเรื่อง ทั้งยักษ์เขียวและเผือกที่โดนล้างสมองมาแล้วก็มาเป็นเพื่อนกันได้ ก็เลยรู้สึกว่าเป็นมิตรกับศัตรูสองคำนี้มันถูกสร้างขึ้นมาครับเพื่อเป็นการ ใส่ความคิดบางอย่างลงไปในสมองมนุษย์ ถ้าเกิดเราตัดเรื่องนี้ออกไป เราจะรู้สึกเหมือนทุกอย่างมันว่างนะครับ ก็ทำให้เรารู้สึกว่าเราก็เป็นมนุษย์ด้วยกันครับก็อยู่ในโลกด้วยกัน เพราะฉะนั้นควรที่จะเป็นมิตรกันหมดครับ จริงๆ แล้วคนที่เป็นศัตรูได้เนี่ยต้องคิดเยอะมากกว่าเป็นมิตรกันนะ เพราะว่าเป็นมิตรกันเนี่ยจริงๆ ไม่ต้องคิดอะไรเลยสร้างสิ่งดีๆ ต่อกันมันก็เป็นมิตรกันครับ
« Last Edit: October 15, 2012, 03:47:03 PM by FB »

FB on October 12, 2012, 04:17:56 PM
สหมงคลฟิล์มฯ ผนึกพันธมิตร ระดมนักแสดง ผู้สร้างทีมงาน เปิดตัว “ยักษ์” รอบปฐมทัศน์สุดยิ่งใหญ่ประจักษ์สายตาผู้ชมกว่า 2,500 คน เซอร์ไพรส์สุดๆ ทึ่งฝีมือคนไทยอลังการแอนิเมชั่นสมการรอคอย

 

          พิสูจน์ สายตากว่า 2,500 คู่ พร้อมเปิดตัวอย่างยิ่งใหญ่อลังการสมกับเป็นภาพยนตร์การ์ตูนแอนิเมชั่นเรื่อง แรกในประวัติศาสตร์ภาพยนตร์ไทยที่ได้รับการจับตามองและคาดหวังมากที่สุดด้วย ทุนสร้างกว่า 100 ล้านบาทและทุ่มเวลา 6 ปีเต็มระดมศิลปินทีมงานผนึกกำลังผู้สร้างนักแสดงระดับแถวหน้าของเมืองไทย ทั้งเบื้องหน้าเบื้องหลังเนรมิต “ยักษ์” ให้เป็นที่ประจักษ์สายตาต่อคอภาพยนตร์แอนิเมชั่นไม่เพียงแค่เมืองไทยแต่รวม ไปถึงผู้ชมทั่วโลก และแน่นอนว่างานนี้นอกจาก “ยักษ์” ตนนี้ไม่เพียงเรียกรอยยิ้มและเสียงหัวเราะตลอดเกือบ 2 ชม. ที่ตรึงคนดูได้โดยไม่กระพริบตา แต่ยังสร้างความประทับใจให้ผู้ชมซาบซึ้งไปกับเรื่องราวที่ดูสนุกสร้างความ บันเทิงให้กับผู้ชมทุกเพศและทุกวัย เกิดเป็นเซอร์ไพรส์ที่ทุกเสียงตอบรับต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่านี่คือย่าง ก้าวสำคัญของแอนิเมชั่นไทยอย่างแท้จริง โดยงานนี้บริษัทสหมงคลฟิล์มอินเตอร์เนชั่นแนล บ้านอิทธิฤทธิ์ ซูเปอร์จิ๋วและเวิร์คพอยท์พิคเจอร์ได้จัดงานเปิดตัว “ยักษ์” รอบปฐมทัศน์พร้อมกันทีเดียวถึง 2 เวอร์ชั่นด้วยกันทั้งเสียงภาษาไทยและเสียงภาษาอังกฤษ พร้อมกับเนรมิต ชั้น 7-8-9 ของโรงภาพยนตร์เอสเอฟเวิลด์ซีเนม่า เซ็นทรัลเวิลด์ให้เป็น “YAK’s experience” ประสบการณ์รอบปฐมทัศน์แบบยักษ์ๆ ให้ทุกคนได้มีโอกาสสัมผัสและตกหลุมรักยักษ์กันถ้วนหน้าไม่ว่าจะเป็นบูธ กิจกรรมและดิสเพลย์รวมเหล่าผองหุ่นยักษ์และหุ่นกระป๋องคาแรคเตอร์ตัวการ์ตูน ที่แสนน่ารักทั้งน้าเขียว(ทศกัณฐ์), เผือก (หนุมาน), กุม, สนิมน้อย, สดายุ มาเดินอวดโฉมให้ถ่ายรูปกัน ฯลฯ บรรยากาศในงานเต็มไปด้วยสีสันและความบันเทิงให้สมกับภาพยนตร์แอนิเมชั่น สำหรับทุกคนในครอบครัวโดยเริ่มต้นงานด้วยบทเพลงประกอบภาพยนตร์ “เกิดมาเป็นเพื่อนเธอ” จากเสียงร้องของ3สมาชิกหนุ่มสาวROOM39 ก่อนที่ 2 หัวเรี่ยวแรงสำคัญพี่จิกประภาส ชลศรานนท์ ผู้กำกับภาพยนตร์เจ้าของไอเดียผู้เนรมิตยักษ์และเอ็กซ์ชัยพร พานิชรุทติวงศ์ แอนิเมชั่น ไดเร็คเตอร์พร้อมเหล่าทีมนักแสดงที่มาให้เสียงให้ชีวิตยักษ์ในเวอร์ชั่นภาษา ไทยซึ่งนำโดย สันติสุข พรหมศิริ, เสนาหอย-เกียรติศักด์ อุดมนาค, บริบูรณ์ จันทร์เรือง, แจ๊ปเดอะริชแมนทอย,น้องออมสิน-ด.ญ.ชนินาถ ศิริสวัสดิ์ และ ทอดด์ ทองดีผู้กำกับและควบคุมการพากย์ในเวอร์ชั่นเสียงภาษาอังกฤษขึ้นมาร่วมพูดคุย ถึงขั้นตอนการทำงานที่ต่างพิถีพิถันกันขนาดไหนกว่าจะเกิดเป็นแอนิเมชั่นที่ ทุกคนล้วนต่างรู้สึกภูมิใจที่มีส่วนร่วมในหนังเรื่องนี้ จนมาถึงช่วงเวลาสำคัญที่ผู้สร้างและผู้บริหารจากเหล่าพันธมิตรผู้มีส่วนร่วม สำคัญในการส่งเสริมและผลักดันให้เกิดเป็นโปรเจ็คต์ภาพยนตร์เรื่องยิ่งใหญ่มา ช่วยกันปลุกยักษ์ให้ตื่นจากการหลับไหลเพื่อมาสร้างสีสันและเรียกรอยยิ้มให้ กับทุกคนซึ่งนำโดยคุณเตือนใจ เตชะรัตนประเสริฐ รองประธานกรรมการบ.สหมงคลฟิล์ม อินเตอร์เนชั่นแนล, คุณปัญญา นิรันดร์กุล ผู้อำนวยการสร้าง, คุณวิวัฒน์ วงศ์ภัทรฐิติ ผู้อำนวยการสร้าง, คุณปกรณ์ พรรธนะแพทย์ รองกรรมการผู้จัดการ ธนาคารกสิกรไทย, คุณทรงกลด บุญญาบารมี ผู้จัดการฝ่ายการตลาดหล่อลื่น บริษัท ปตท. จำกัด(มหาชน), ดร.มาริสา มีสุวรรณ ผู้อำนวยการฝ่ายทรัพยากรบุคคล บ.ดูเม็กซ์จำกัด ตามด้วยการเชิญเหล่าผู้บริหารและผู้มีส่วนร่วมสำคัญทั้งหมดตั้งแต่เริ่มต้น โปรเจ็คต์ยักษ์ไม่ว่าจะเป็น คุณกฤษฎา ล่ำซำ รองกรรมการผู้จัดการอาวุโส ธนาคารกสิกรไทย ,คุณพาณิชย์ สดสี ผู้ควบคุมการสร้าง, คุณพัลลภ สินธุ์เจริญ ผู้ร่วมเขียนบทภาพยนตร์และกำกับการให้เสียงพากย์,คุณปรัชญา ปิ่นแก้วที่ปรึกษาภาพยนตร์,คุณสุวัฒน์ ทองร่มโพธิ์ ประธานกรรมการ บริษัทเอสเอฟซีเนม่าซิตี้ จำกัด, คุณอัครพล เตชะรัตนประเสริฐ ประธานบริหารบ.Happy Home Entertainment ขึ้นมาถ่ายรูปอย่างพร้อมเพรียงกัน

          สำหรับ ภาพยนตร์แอนิเมชั่น “ยักษ์” เข้าฉายแล้ววันนี้ทุกโรงภาพยนตร์โดยให้เลือกชมทั้งในรูปแบบของเสียงภาษาไทย พร้อมคำบรรยายภาษาอังกฤษ และในรูปแบบของเสียงภาษาอังกฤษที่จะฉายพร้อมคำบรรยาย
« Last Edit: October 15, 2012, 03:47:28 PM by FB »

FB on October 15, 2012, 03:48:31 PM
เซอร์ไพรส์ไม่มีหมดโปรเจ็คต์ “ยักษ์” ได้ “โน้ส อุดม” ร่วมเติมความอารมณ์ดีให้ชีวิตตัวละครสำคัญ “หุ่นยนต์นักไต่ฝัน”

 

          เป็นศิลปินหนุ่มอารมณ์ดีมาก แถมมองโลกด้วยเสียงหัวเราะอย่างสร้างสรรค์ชนิดหาตัวจับยาก และที่สำคัญหน่วยก้านบุคคลิกลักษณะเหมาะสมตรงกับคาแรคเตอร์ “หุ่นยนต์นักไต่ฝัน” ตัวละครพิเศษที่ชีวิตเต็มไปด้วยความมุ่งมั่นในการวิ่งตามความฝันซึ่งถือกำเนิดขึ้นตามตั้งใจของ จิก ประภาส ชลศรานนท์ ผู้ให้กำเนิดและเลี้ยงดู “ยักษ์” แอนิเมชั่นสัญชาติไทยที่หลายคนมองว่าจะเป็นการพลิกรูปแบบและย่างก้าวสำคัญของแอนิเมชั่นไทยซึ่งใช้เวลาฟูมฟักนานถึง6ปี ถึงขนาดหมายมั่นและตั้งใจว่าคนที่จะมาให้เสียงให้ชีวิตตัวละครสำคัญตัวนี้จะเป็นใครไปไม่ได้ถ้าไม่ใช้ เดี่ยวไมโครโฟนมือ 1 โน้ส อุดม แต้พานิช

          “มีตัวละครตัวหนึ่งมันคือหุ่นยนต์นักไต่เขาเป็นตัวสำคัญมาก แล้วผมอยากให้เป็นโน้สมาสวมบท ตั้งแต่คิดตัวละครตัวนี้ขึ้นมา เพราะต้องการความหมายอะไรบางอย่างโน้สตอบยินดีทันทีเพราะโน้สเขาก็คิดคล้ายๆ กับตัวนี้เหมือนกัน ตัวการ์ตูนหน้าเราก็เอามาจากโน้สแต่เดิมมีจมูกอยู่ แต่จมูกมันไม่เหมาะกับหุ่น เพราะมีแล้วมันดูเป็นคนมากเกินไป แล้วการออกแบบให้ไม่มีจมูกแต่ยังดูออกว่าคล้ายมันเป็นความสนุกและท้าทายอย่างหนึ่งนะพูดได้ว่าตัวนี้สร้างขึ้นมาสำหรับโน้สโดยเฉพาะเป็นคนเดียวเลย ตอนที่บอกอุดมให้มารับบทนี้ผมบอกว่าบทไม่เยอะเลยแต่บทสำคัญมาก เขาตั้งคำถามที่ทำให้ตัวละครเอกต้องทบทวน ที่เลือกอุดมมาพากย์ตัวนี้ก็เพราะตัวละครตัวนี้เหมือนคนพูดจาไร้สาระ แต่ตรงที่ไร้สาระนั้นเป็นสาระที่สุด เอ็กซ์ ชัยพรออกแบบหุ่นตัวนี้ให้มีอุปกรณ์ปีนเขาเต็มไปหมด รวมไปถึงขาที่เป็นจุกแบบติดผนัง และเสาอากาศที่เป็นล้อบนหัวเพื่อให้กลิ้งตัวไปมาแบบกลับหัวได้ อุดมพากย์อย่างสนุกสนานให้ผมเลือกสามสี่แบบ แบบนักเลงปากซอย แบบลุงขี้บ่น แบบคนใต้ อีกเหตุผลหนึ่งที่เลือกอุดมมารับบทนี้ก็เพราะตัวละครตัวนี้มีความคิดอยากทำสิ่งที่คนอื่นคิดว่าเป็นไปไม่ได้นั่นคือการปีนไปหาดวงอาทิตย์ ซึ่งผมคิดว่าอุดมเองก็เป็นศิลปินที่มุ่งมั่นคนหนึ่ง ผมว่าเขาทำสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ให้เราเห็นหลายครั้งแล้วนะ”

          ในขณะที่ตัวโน้สอุดมเองที่ครั้งนี้ถือได้ว่าเป็นเป็นครั้งแรกกับประสบการณ์การให้ชีวิตตัวการ์ตูน แถมเป็นตัวการ์ตูนที่เขียนขึ้นตามบุคคลิกลักษณะคาแรคเตอร์ของตัวเองที่โดยส่วนตัวแล้วชื่นชอบการดูแอนิเมชั่นโดยมี Spirited Away ผลงานคลาสสิคของสตูดิโอจิบลิเป็นเรื่องโปรดได้พูดถึงตัวละครที่เขาได้รับและการทำงานในแอนิเมชั่นยักษ์ให้ฟังว่า

          “ตัวบรู๊คส์นักไต่ฝันเป็นตัวละครเล็กๆ ตัวหนึ่งนะครับ แต่ว่าเขาจะมาบอกสารอะไรบางอย่างในเรื่อง เป็นจุดเล็กๆ จุดหนึ่งที่ทำให้ตัวละครหลักทั้งสองน้าเขียวกับเผือกได้เรียนรู้อะไรบางอย่างนะครับ เป็นคำพูดเล็กๆ สั้นๆ แต่ค่อนข้างทรงพลังและมีผลต่อเรื่องทำให้ตัวละครฉุกคิดอะไรบางอย่างได้ ทางทีมงานบอกผมว่าตัวบรู๊คส์สร้างมาจากผม ก็ดูแล้วหน้าคล้ายๆ เหมือนกันนะ (หัวเราะ) ดีใจมากที่พี่จิกแกนึกถึงเรา รู้สึกเป็นเกียรติก็เลยลองพากย์ให้พี่จิกดูหลายแบบให้แกเลือกดูว่าชอบแบบไหน ทั้งแบบคนแก่มีอายุ แบบคนใต้ แบบนักเลงปากซอย (หัวเราะ)” งานพากย์ของผมครั้งนี้มันทำงานยากนิดหนึ่งนะครับ อย่างคนอื่นในการทำงานทีมงานเขาจะให้มีการโต้ตอบเหมือนละครเวทีแล้วค่อยให้วาดการ์ตูนเป็นแอนิเมชั่นตามบท แล้วทำการขยับปากตามการเคลื่อนไหวของนักแสดงออกเป็นภาพมาตามเสียง แต่ตัวละครของผมภาพมาก่อนแล้วผมก็มาพากย์จะยากในการไล่งับจับจังหวะและแสดงอารมณ์ มันก็เหมือนการพากย์หนังในสมัยโบราณน่ะครับ แต่มันเกิดขึ้นเฉพาะตัวละครของผมนะ (หัวเราะ) งานจะยากเพราะผมต้องมาลงเสียงให้ตรงปากแล้วทีนี้มันเป็นตัวการ์ตูนด้วยการ์ตูนปากมันจะไม่เหมือนคนเราพูดมันจะอ้าปากกว้างๆ สำหรับการ์ตูนเรื่องยักษ์นี้โดยส่วนตัวผมอยากดูมากครับ รอเรื่องนี้มาหลายปี เห็นว่าทำมา 6 ปีแล้ว แล้วก็ดีใจที่ได้เป็นส่วนหนึ่งในเรื่องนะครับถึงแม้มันจะเป็นส่วนเล็กๆนะครับ ผมว่าบ้านเราน่าจะมีหนังแอนิเมชั่นอย่างนี้เยอะๆ นะครับ จุดเด่นของเรื่องนี้ ผมชอบตรงที่เอาตัวละครจากรามเกียรติ์มาประยุกต์อันนี้ผมว่าน่าสนใจมากๆ ครับ และในเรื่องก็จะมีแง่มุมดีๆ เกี่ยวกับ “มิตรภาพ” แล้วก็ “หน้าที่” ของเราไว้ให้คิด อันนี้น่าสนใจมากอยากให้ลองมาดูกันนะครับ”

          ก็สำหรับแฟนๆ ของโน้ส อุดมและคอหนังอย่าลืมมาร่วมเป็นส่วนหนึ่งกับประสบการณ์ “ยักษ์” แอนิเมชั่นเรื่องยิ่งใหญ่จากฝีมือคนไทยพร้อมกันทุกโรงภาพยนตร์

FB on October 15, 2012, 05:11:23 PM
แอนิเมชั่นไทยกำลังใจล้นหลาม “ยักษ์” ครองแชมป์เปิดตัว หน้าโรงคึกคักแฟนๆ แห่ดู “น้าเขียวและพี่เผือก” แอ็คท่าถ่ายรูป



          เรียกรอยยิ้มและเสียงหัวเราะให้กับบรรดาน้องๆ หนูๆ พี่ป้าน้าอาและเหล่าสมาชิกในครอบครัวตลอดช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์ที่ผ่านมาได้อย่างชื่นมื่นเลยทีเดียว ชนิดที่ว่าทำเอาบรรยากาศความคึกคักของหน้าโรงภาพยนตร์ซึ่งห่างหายไปนานกลับมามีสีสันอีกครั้งสำหรับ “ยักษ์” ภาพยนตร์แอนิเมชั่นที่เป็นอีกหนึ่งความภาคภูมิใจของคนไทยโดยกลั่นจากไอเดียมันสมองและสองมือกำกับของ “จิก ประภาส ชลศรานนท์” ซึ่งเปิดตัวเข้าฉายเป็นที่เรียบร้อย

          งานนี้เรียกได้ว่าเป็นที่ถูกอกถูกใจทั้ง น้องๆ ยักษ์จิ๋ว พี่ๆ ยักษ์วัยทีน ไปจนถึงคุณน้าคุณอาคุณพี่ยักษ์ใหญ่ก็คือการได้สัมผัสกับ น้าเขียวและพี่เผือกตัวเป็นๆ กันแบบประชิดตัว ได้ถ่ายรูปแอ็คท่ากันอย่างสนุกสนาน แถมแต่ละคนล้วนต่างหยิบมือถือขึ้นมาโพสต์ท่าแอ็คแชะกันทุกคนชนิดที่ว่าไม่เกี่ยงเพศและวัยเลยทีเดียว แม้แต่คุณพ่อคุณแม่ก็ต่างมาร่วมแอ็คท่าแยกเขี้ยวโชว์ยิ้มกันอย่างสนุกสนาน โดยเฉพาะอย่างยิ่งท่าชูนิ้ว ตัว วาย (Y) แสดงสัญลักษณ์ยักษ์กันเป็นแถว เราเลยได้เห็นบรรยากาศของเหล่าสมาชิกในครอบครัวที่นอกจากจะสนุกสนานไปกับภาพยนตร์แล้ว “น้าเขียวยักษ์ใหญ่ใจดี, พี่เผือกก๊วนกวน, พี่กุมหุ่นยักษ์สีแดงบ้าพลังสุดสุด, และป้าสดายุนกเหล็กสีดำขี้บ่น โดยเฉพาะอย่างยิ่งน้องสนิมซึ่งเป็นที่ชื่นชอบของเด็กๆ อย่างเป็นเอกฉันท์ ก็ยังนำเอาแฮนด์บิลแผ่นพับใบใหญ่ยักษ์และสติกเกอร์สีสันสดใสที่รวมตัวการ์ตูนยักษ์เด่นๆ ทั้ง 5 ตัวมาแจกแฟนๆ กันทุกคนด้วย รวมทั้งมีบริการพริ้นท์รูปถ่ายคู่ยักษ์เผือกให้ฟรีกับผู้ชมอีกต่างหาก

          ขณะเดียวกันน้องๆ หนูๆ บางคนที่ออกมาจากโรงภาพยนตร์ก็ยังเห็นคราบน้ำตาเพราะสงสารน้าเขียวก็มี ส่วนบรรดาเหล่าผู้ชมที่ได้สัมผัสกับการ์ตูนยักษ์แล้วต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าต่างชื่นชอบ อึ่งทึ่งและไม่คิดว่าฝีมือคนไทยจะทำแอนิเมชั่นพัฒนาไปไกลขนาดนี้ ภาพที่สวยและละเอียดมากๆ เทียบเท่ากับฮอลลีวู้ดเลยทีเดียว งานนี้ทำเอาบรรดาทีมงานที่อยู่เบื้องหลังภาพยนตร์ล้วนต่างหัวใจพองโตเมื่อทราบข่าวว่าภาพยนตร์เรื่องยักษ์ไม่เพียงทำรายได้เปิดตัวครองแชมป์ภาพยนตร์ทำเงินสูงสุดในสัปดาห์ที่เข้าฉายแถมได้รับเสียงตอบรับที่ดีจากผู้ชมหลากหลายกลุ่มที่ให้โอกาสคนทำแอนิเมชั่นไทยไม่ว่าจะเป็นเด็ก วัยรุ่น คนทำงานหรือแม้แต่ผู้ชมที่เป็นผู้ใหญ่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเป็นเสียงตอบรับที่ดีมากๆ จากผู้ชมคนดูหนังจริงๆ ก็รู้สึกดีใจและฝากขอบคุณมายังคนดูหนังทุกคนที่ต่างให้โอกาสคนทำหนังไทย

FB on October 19, 2012, 02:49:58 PM
สมความตั้งใจกองทุน “ยักษ์ใหญ่ช่วยยักษ์เล็ก” ชวนน้องๆ จากบ้านราชวิถีดูหนัง “ยักษ์” หัวเราะเอิ๊กอ๊ากกันลั่นโรงภาพยนตร์
 








          วันจันทร์ที่ 15 ต.ค.นี้ ณ โรงภาพยนตร์เอสพลานาด ซีนีเพล็กซ์ รัชดา “กองทุนยักษ์ใหญ่ช่วยยักษ์เล็ก” ในนามของ พี่จิก ประภาส ชลศรานนท์ คนเลี้ยงยักษ์ ได้พาน้องๆ ผู้ด้อยโอกาสจากสถานสงเคราะห์เด็กหญิงบ้านราชวิถีจำนวนกว่า 200 คน ที่มีอายุตั้งแต่ 5-18 ปีมานั่งกินป็อบคอร์นเครื่องดื่มกันอย่างสนุกสนานพร้อมร่วมผจญภัยไปกับ น้าเขียว หุ่นยักษ์ทศกัณฐ์ และ พี่เผือกหุ่นกระป๋องหนุมาน ในภาพยนตร์แอนิเมชั่น “ยักษ์” เต็มรูปแบบในโรงภาพยนตร์สมความตั้งใจของพี่จิกประภาส ชลศรานนท์ผู้กำกับภาพยนตร์และเป็นผู้ก่อตั้ง กองทุนยักษ์ใหญ่ช่วยยักษ์เล็ก โดยมีจุดประสงค์หลักคือเพื่อช่วยเหลือเด็กด้อยโอกาสให้ได้รับความสุข ความรู้ตามวาระต่างๆ โดยประเดิมเริ่มต้นจากการพาน้องๆ ด้อยโอกาสเข้าโรงหนังมานั่งดู “ยักษ์” เป็นกิจกรรมแรก งานนี้ตัวพี่จิกเองไม่เพียงควักทุนส่วนตัว 1 แสนบาท แต่ยังนำของพรีเมี่ยม และหนังสือภาพจากภาพยนตร์เรื่องยักษ์ออกจำหน่ายเพื่อรวบรวมรายได้มาเป็นทุนรอน และค่าใช้จ่ายในการประเดิมเปิดโครงการแรก จัดกิจกรรมดีๆ แบบนี้ให้กับน้องๆ ตั้งแต่จัดหารถบัสไปรับน้องๆ ถึงบ้าน และทันทีที่เราได้เห็นสีหน้าแววตาอันมีความสุขของน้องๆ ในระหว่างที่นั่งชมภาพยนตร์ตั้งแต่ต้นจนจบเรื่อง พูดได้ว่าความสุขดังกล่าวได้ส่งผลไปยังทีมงานภาพยนตร์เรื่องยักษ์ทุกคนได้มีความสุขร่วมด้วย โดยเฉพาะอย่างยิ่งเสียงหัวเราะสนุกสนานที่เกิดขึ้นระลอกแล้วระลอกเล่าในระหว่างที่ภาพยนตร์ฉายมันคือกำลังใจที่ดีที่ส่งต่อให้ทุกคนที่อยู่เบื้องหลังภาพยนตร์แอนิเมชั่นที่ใช้เวลานานถึง 6 ปีเต็มเกิดอาการหัวใจพองโตเลยทีเดียว

          หลังจากภาพยนตร์จบลงก็ก็ถึงเวลาที่พี่ๆ ยักษ์ใหญ่ต้องส่งน้องๆ ยักษ์เล็กจากบ้านราชวิถีเดินทางกลับบ้านกัน แถมท้ายด้วยขนมเป็นของฝากในระหว่างทางอีกด้วย เรียกได้ว่างานนี้ทั้งยักษ์ใหญ่ยักษ์เล็กต่างอิ่มบุญ และดื่มด่ำกับความสนุกสนานไปพร้อมกันกับการ์ตูนเรื่องยักษ์เลยทีเดียว
« Last Edit: October 19, 2012, 03:00:24 PM by FB »

FB on October 26, 2012, 04:51:52 PM
ดร.สุเมธ เชิญชวนคนไทยดูหนัง “ยักษ์” มั่นใจข้อคิดที่ได้จะเตือนสติคนไทยให้รู้รักและสามัคคี



          กำลังกระแสแรงสุดๆอยู่ในขณะนี้ สำหรับ “ยักษ์” ภาพยนตร์แอนิเมชั่นฟอร์มยักษ์ ที่ทุ่มทุนสร้างกว่า 100 ล้านบาท และเป็นภาพยตร์ที่มีคอลัมน์นิสจำนวนมากเขียนชื่นชมด้วยความภาคภูมิใจ และยกย่องให้เป็นผลงานชิ้นโบว์แดงของแอนิเมชั่นฝีมือคนไทยระดับ World Class ซึ่งเรื่องราวให้ข้อคิดเกี่ยวกับความรักและมิตรภาพไว้อย่างยิ่งใหญ่ ล่าสุด ดร. สุเมธ ตันติเวชกุล เลขาธิการมูลนิธิชัยพัฒนา พร้อมด้วยภริยา และคณะทำงานได้ร่วมเข้าชมหนังยักษ์ ที่พารากอน ซินิเพล็กซ์ เมื่ออังคารที่ผ่านมา โดยมี คุณปัญญา นิรันดร์กุล และทีมผู้บริหารเวิร์คพอยท์ฯ ให้การต้อนรับเป็นอย่างดี ซึ่งภายหลังจากที่ชมภาพยนตร์จบ ดร.สุเมธ ท่านได้แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับหนังยักษ์ซึ่งเชื่อมโยงไปถึงเรื่องราวความ สามัคคีของคนไทยทั้งประเทศไว้ได้ดีมาก โดยท่านกล่าวว่า

          “ ตอนแรกที่รับเชิญมาดูหนังการ์ตูน จิตสำนึกผมนึกถึงเวลาดูหนังการ์ตูน ปรากฏว่าดูจบแล้วมันไม่ใช่หนังการ์ตูนซะแล้ว เพียงแค่ในฉาก มันเป็นเหมือนเรื่องการ์ตูนเท่านั้นเอง ทุกสิ่งทุกอย่างที่แฝงไว้สามารถทำให้ก่อจินตนาการออกไปได้อีกหลายเรื่อง มันสะท้อนสภาวะสังคม สภาวะของโลก และแท้จริงมันสะท้อนสภาวะมนุษย์ ตัวการ์ตูน ตัวแสดงต่างๆ ดูผิวเผินแล้วไม่ซีเรียส ตอนนั่งดูได้ยินเสียงเด็กหัวเราะ แต่สมองเด็กคงแปลอะไรไม่รู้ แต่ผมคิดว่าพวกเราผู้ใหญ่นั้นภาพที่ต้องแปลคงคิดต่างไปจากเด็ก สิ่งที่เหมือนกัน คือได้เรียนรู้ ได้สติ ได้ปัญญากลับมา เพราะในเรื่องได้สมมุติฐานทศกัณฐ์ เป็นสัญลักษณ์ของอธรรม กิเลศ ตัณหา ที่ต้องถูกทำลาย หนุมานอาจจะเป็นสัญญาณของฝ่ายธรรมะที่ต้องเอาชนะกัน แต่สุดท้ายแล้วสติคือสิ่งที่เตือนให้ทุกคนรู้ว่ามีทศกัณฐ์ ทุกคนมีหนุมานอยู่ในตัว เพียงแต่ทุกจังหวะของตัวเรานั้นเราจะควบคุมทศกัณฐ์ให้อยู่นิ่งไมใช่ตัวทำลาย และดำรงความเป็นหนุมานให้รักษาธรรมะได้มากแค่ไหน หนังเรื่องนี้ทั้งเรื่องสอนอะไรมากมาย อยากจะชักชวนให้พวกเรามาดูกันนะครับ คิดว่าจะช่วยให้เรียนรู้อะไรหลายอย่าง และเหนือสิ่งอื่นใดคือได้รู้จักตัวของตัวเอง ว่าเราจะสร้างหรือไม่สร้างปัญหาให้กับสังคม ปัญหามีอยู่ในมนุษย์ทั่วทุกมุมโลก เพราะมนุษย์ทุกคนมีทั้งทศกัณฐ์ และหนุมาน เพียงแต่อยู่ฟากนึงของโลกหรืออยู่ใกล้เคียงเรา และอีกอย่างที่น่าทึ่งมากคือ เทคนิคการถ่ายทำผมว่า World Standard ผมคิดว่าเราไปได้สบายๆ ทั้งดนตรี แสง เสียง ผมขอแสดงความชื่นชมผู้ที่ดำเนินการทั้งหมด ผมคิดว่าหนังดีดีแบบนี้หายากในยุคแบบนี้ครับ ถ้ามีลูกพามาดู เพราะดูแล้วเราจะนึกถึงตัวเราเอง เราอาจจะได้บทเรียนมากกว่าลูกเราด้วยซ้ำไป

          ใคร ที่กำลังทะเลาะเบาะแว้งกันอยู่หลายกลุ่ม หลายเหล่าในสังคมนี้ ใครกำลังพะวงเรื่องจะสร้างความปรองดอง มาดูเรื่องยักษ์สิครับ อาจจะเห็นทางออก อาจจะรู้ถึงต้นเหตุ สาเหตุต่างๆ จนกระทั่งสามารถแก้ไขไปได้ ผมว่าเรื่องนี้ให้บทเรียนที่สร้างสรรค์และทำให้การทะเลาะเบาะแว้งอาจจะทุเลา เบาบางไปจนกระทั่งหยุดก็ได้นะครับ อย่าพลาดนะครับ ผมคิดว่าใครที่ไม่ได้ดูเสียดายอย่างมากเลยแน่นอนครับ”

          หนังดีๆที่ให้ข้อคิดดีๆมากมายขนาดนี้ เชื่อหรือยัง ว่าคนไทยไม่ควรพลาดชม!!!!
« Last Edit: October 28, 2012, 07:53:06 AM by FB »

FB on February 28, 2013, 05:31:21 PM
“ยักษ์” ขายดี หลายประเทศทั่วโลกรุมซื้อ เกาหลี ฮือฮา เตรียมฉาย 21 ก.พ.นี้!!!



          “ ยักษ์” เคยสร้างปรากฏการณ์จนกล่าวขานกันทั้งประเทศ ว่าเป็นสุดยอดหนังแอนิเมชั่นฝีมือคนไทย ที่ทำรายได้อันดับต้นๆของหนังไทยทั้งหมดมาแล้ว ผลิตโดย เวิร์คพอยท์ พิคเจอร์ส ซึ่งหลังจากสร้างรายได้ภายในประเทศแล้ว ล่าสุดหนังยักษ์โกอินเตอร์สู่ตลาดหนังโลกแล้ว โดยมีบริษัทจากต่างประเทศมารุมติดต่อขอซื้อลิขสิทธิ์ไปฉายทั่วโลกมากมาย เริ่มจาก ประเทศเกาหลี, อเมริกา, รัสเซีย, ตุรกี, ไต้หวัน และ มาเลเซีย ซึ่งนับเป็นประเทศยักษ์ใหญ่ทั้งสิ้น เรียกว่ามิตรภาพของ “น้าเขียว” และ “เผือก” ตัวเอกของเรื่องกำลังเดินทางไปทั่วโลกอย่างแท้จริง

          และ ที่สร้างความฮือฮาสุดๆ เมื่อบริษัทภาพยนตร์จากประเทศเกาหลีซื้อแอนิเมชั่นยักษ์ไปฉาย ทั้งที่ผ่านมาประเทศไทยจะเป็นฝ่ายซื้อหนังเกาหลีเข้ามาฉายในเมืองไทยเสีย มากกว่า งานนี้เลยทำเอาเวิร์คพอยท์ฯ พิคเจอร์ ถึงกับยิ้มร่า เพราะทันทีที่ “ยักษ์” ออกอาละวาดสู่สายตาชาวเกาหลี ก็ได้รับการกล่าวขานถึง ต่างก็ตั้งหน้าตั้งตารอชมแอนิเมชั่นไทยกันอย่างใจจดใจจ่อ และมีสื่อมวลชนแดนโสมให้ความสนใจทำข่าวกันมากมาย โดยยักษ์เวอร์ชั่นเกาหลีนี้ได้ดารานักแสดงตลกชื่อดังของเกาหลีให้เสียงพากษ์ ซึ่งยักษ์กำลังจะเข้าโรงฉาย 21 ก.พ.นี้ ส่วนในประเทศยักษ์ใหญ่ไม่ว่าจะเป็น อเมริกา,รัสเซีย,ตุรกี,ไต้หวัน ฯลฯ ต่างก็เตรียมจ่อคิวฉายเร็วๆนี้เช่นกัน เพราะฉะนั้นคนไทยทั้งประเทศอย่าลืมส่งกำลังใจแรงเชียร์หนังแอนิเมชั่นไทยที่ กำลังจะอาละวาดอวดสายตาชาวต่างชาติ ว่าฝีมือคนไทยในการทำหนังแอนิเมชั่นนั้นสุดยอดไม่แพ้ชาติใด โดยสามารถชมตัวอย่างน่ารักๆของแอนิเมชั่น “ยักษ์” ในเวอร์ชั่นเกาหลีนี้ได้ในยูทูป ค้นหาคำว่า YAK The Giant King trailer 2012 แล้วคุณจะได้ยิ้มไปกับมิตรภาพอันยิ่งใหญ่ของน้าเขียวกับเผือกแน่นอน!!!