fh400 on June 18, 2012, 04:55:41 PM
แกะรอย กลยุทธ์ตลาดคลาสสิค 50 ปี ของ“นมวัวแดง” “เพราะเราคือครอบครัว”




ตลอดระยะเวลา 50 ปี ที่องค์การส่งเสริมกิจการโคนมแห่งประเทศไทยหรือ อ.ส.ค. ได้ลงหลักปักเสาเข็มต้นแรก โดยมีธงของความมั่นคงทางด้านอาหารของชาติเป็นเดิมพัน นอกเหนือจากการส่งต่อองค์ความรู้ความเข้าใจในการบริโภคนมโคให้เกิดขึ้น และกระบวนการเลี้ยงโคนมจากยุโรปให้กระจายสู่เครือข่ายเกษตรกร ในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ที่ อ.ส.ค.ต้องเร่งสร้างให้เกิดกระบวนการเรียนรู้สู่การผลิตน้ำนมดิบเพื่อสร้างห่วงโซ่การบริโภคแล้ว ยังต้อง “ปั้น”ให้ “นมวัวแดง” ปรากฏขึ้นในใจผู้บริโภคให้ได้
ทว่านักการตลาดยุคบุกเบิกจะกางตำราเล่มใดของสำนักไหนดี เพราะเมื่อ 50 ปีที่แล้ว ยังไม่มีตำรา MBA เล่มไหนเป็นพิมพ์เขียวให้นักขายยุคแรก หากแต่การตลาดนอกกรอบก็ส่งให้ “นมวัวแดง” ครองมาร์เก็ตแชร์อันดับ สอง จากมูลค่าตลาด 40,000 ล้านบาท ในปัจจุบัน
อะไรคือความคลาสสิคสำคัญของการตลาดในยุคที่ยังไม่มีใครบัญญัติคำว่า “Positioning”ของสินค้า รู้แต่ว่าต้องทำให้กลุ่มเป้าหมายคือคนไทยทุกคนหันมาดื่มนมให้เป็นชีวิต และอะไรคือจุดแข็งของการตลาดในยุคบุกเบิกที่ทำให้คู่แข่งในยุค 20-30 ปีให้หลังยังไม่สามารถตีกินฐานที่มั่นของ “นมวัวแดง” ได้สำเร็จ ช่างน่าติดตามอย่างยิ่ง



สมหวัง  เดชศิริอุดม เจนเนอเรชั่นที่ 3 ของ ห้างหุ้นส่วนจำกัด เล้งเส็ง ที่เพิ่งเปลี่ยนมาเป็นบริษัท ในห้วงที่เขาเข้ารับช่วงต่อบิดา ตัวแทนจำหน่ายในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือดูแลจังหวัด สกลนคร ,มุกดาหาร และนครพนม
ถ่ายทอดความผูกพันเหนียวแน่นนี้อย่างน่าสนใจ “ผมเห็นตัวแทนการตลาดที่เข้ามาดูแลร้านเราตั้งแต่ผมยังเด็ก เห็นคุณลุงคุณป้าเข้ามาดูแลคุณพ่อ ใกล้ชิด รู้จักกับผมเหมือนเป็นครอบครัวเดียวกัน เพราะร้านเราเป็นตัวแทนจำหน่ายให้กับนมวัวแดงยี่ห้อเดียวมาตลอดระยะเวลา 50 ปีเลยทีเดียว” สมหวัง ฉายภาพความผูกพันของการตลาดยุคบุกเบิกได้ชัด
กระทั่งวันนี้วัวแดงผ่านร้อนผ่านหนาวมาได้ 50 ปี แต่พื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ในจ.สกลนคร,นครพนม และมุกดาหาร ที่เล้งเส็ง รับผิดชอบยังคงเป็นพื้นที่ที่นมวัวแดงยังยึดหัวหาดได้ทั้งหมด ที่ยากหากคู่แข่งจะเบียดตัวเข้ามาได้



“ด้วยขนาดพื้นที่ที่ใหญ่มาก จำนวนประชากรมาก และคนอีสานก็ผูกพันกับการดื่มนมวัวแดง ตั้งแต่เริ่มเข้ามาเลี้ยงในเมืองไทยก็ว่าได้ และจุดแข็งสำคัญของเล้งเส็ง คือ เราทำธุรกิจค้าส่งมานานก่อนอ.ส.ค.จะมีด้วยซ้ำ จึงเป็นความไว้วางใจระหว่างกัน เช่นเดียวกับอ.ส.ค.ครับ คือเห็นกันตลอดทุกเทศกาล เราไปหาเขา สินค้ามีปัญหาเราพร้อมดูแลรับผิดชอบ เครดิตเรามีให้ เขาเชื่อมั่นเรา เราเชื่อมั่นเขา มันคือความสัมพันธ์ที่กลยุทธ์ตลาดสมัยใหม่แทรกเข้ามาได้ยากครับ เพราะเราคือครอบครัวเดียวกัน ที่สามารถคุยกันได้ทุกเรื่อง”สมหวังสะท้อนวิธีคิดผ่านการตลาดไร้กรอบของอ.ส.ค.
หลังคว้าปริญญาบัตรจากคณะบริหารธุรกิจ ภาควิชาบัญชี มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ สมหวังทำหน้าที่ผู้ตรวจบัญชีอยู่ 3 ปี จนกลับเข้ารับช่วงกิจการค้าส่งต่อจากบิดา โดยสมหวังพูดได้คำเดียวว่า การตลาดที่นำมาบริหารจัดการกับธุรกิจค้าส่งของครอบครัวนั้นไม่ได้มีตำราเล่มไหนระบุชัดเจน นอกจากประสบการณ์ที่ตกผลึกของครอบครัวที่ให้ดูแลคู่ค้าเหมือนคนในครอบครัว ความซื่อสัตย์คือความเชื่อมั่น คือเครดิตที่แน่นอนมีน้ำหนักซื้อใจได้กว่าเอกสารสัญญา
เพราะดูแลคู่ค้ามานาน ประกอบกับการแข่งขันที่ค่อนข้างดุเดือดขึ้นทำให้สมหวังปรับตัวครั้งสำคัญด้วยการใช้กลยุทธ์ที่ถอดรหัสออกจากประสบการณ์ที่สั่งสมมา ด้วย 3 ไม้เด็ดการตลาด คือ มีหน่วยรถเร่ “Cash Van” ที่จัดสายวิ่งให้ครอบคลุมพื้นที่ดูแลทั้ง 3 จังหวัด ในรถดังกล่าวจะบรรทุกสินค้าปะดามีทั้งหมดของ เล้งเส็ง ปุเรงๆเข้าออกหมู่บ้าน ย่านชุมชนห่างไกล ที่มีคู่ค้าร้านชำที่ดูแลทำการค้ามาตั้งแต่รุ่นพ่อ แน่นอนว่าหนึ่งในสินค้าที่ Cash Van ไม่เคยขาดคือ นมวัวแดง
รูปแบบต่อมาคือหน่วย Pre Order ซึ่งเป็นหน่วยขายล่วงหน้าจะดูสินค้าตัวหลักๆของบริษัท ขายเครดิตให้กับลูกค้าที่สั่งในปริมาณเยอะ ประจำอยู่ตามอำเภอ หรือชุมชนสำคัญๆ  และสุดท้ายคือการเปิดซุปเปอร์มาร์เก็ต เล้งเส็ง ที่สามารถโชว์สินค้าทุกชิ้นที่เล้งเส็งเป็นตัวแทนจำหน่ายแบบจัดเต็ม ในราคาที่ถูกกว่าร้านสะดวกซื้อให้ลูกค้าได้เลือกช็อปจุใจ



“เราไม่สามารถนำแต่นมวัวแดงเข้าไปอย่างเดียวได้ หน่วยรถเร่ต้องมีสินค้าทั้งหมด ครบ เขาขาดเหลืออะไรจะได้เสริมให้เลย เมื่อน้ำมันแพงขึ้น เราก็ต้องคุ้มค่ามากขึ้นทุกครั้งที่ออกรถเร่ไป แต่เมื่อเทียบสัดส่วนแล้ว Cash Van จะทำรายได้น้อยมากหากเทียบกับPre Order เพราะขายเป็นเงินสด เหมือนขายปลีก ในขณะที่Pre Order ขายในปริมาณมากกำไรเยอะ  แต่เราก็ยังต้องจัดหน่วยนี้ออกไป  เพราะทุกครั้งที่รถกลับมา จะมีข้อมูลจากคู่ค้า ลูกค้า และสร้างความเชื่อมั่นว่าเรายังอยู่ไม่ได้หายไปไหน ยังดูแลเขาเหมือนเดิม ได้ข้อมูลกลับมาว่ามีคู่แข่งเกิดขึ้นอย่างไร เขาใช้กลยุทธ์ใดทำตลาด และความคิดเห็นของคู่ค้าเราเป็นอย่างไร ตรงนี้เป็นข้อมูลการตลาดที่ผมสามารถนำมาปรับใช้ในการรับมือกับการแข่งขันที่รุนแรงได้”
ข้อมูลที่จากหน่วยขายเงินสด ถูกส่งต่อมาเพื่อปรับกลยุทธ์ในการทำตลาดของสินค้าของเล้งเส็งทั้งหมด การเข้าถึงลูกค้าคู่ค้ากลายเป็นความเหนียวแน่นในการดำเนินธุรกิจร่วมกัน ที่น่ากลัวสำหรับคู่แข่งที่คิดเข้ามาเจาะตลาด
   “ความไว้วางใจที่เกิดขึ้น ทำให้ผู้เล่นหน้าใหม่ที่เข้ามาในพื้นที่ไม่สามารถเจาะตลาดของเราได้ แม้มีผลประโยชน์ดีกว่าเราให้กับตัวแทนจำหน่ายแต่เพราะผมอยู่ตรงนี้มานาน มองออกว่าใครคือตัวจริง ตัวปลอม เช่นเดียวกับคู่ค้าของเรา วันนี้อาจมีคนยื่นข้อเสนอที่ดีให้ แต่ถ้าของเขาไม่ดีจริงตลาดก็จะค่อยแบนเขาออกไปเอง”



   สมหวังยังได้สะท้อนถึงคุณภาพของ “นมวัวแดง”  นมคุณภาพกล่องแรกของคนไทย ที่ผลิตจากนมโคแท้ 100% ว่าเพราะคุณภาพที่มั่นคงเสมอต้นเสมอปลายมาตลอดเวลา 50 ปีนี่เอง ทำให้คนอีสานคุ้นเคยและคุ้นลิ้นกับรสชาติของนมโคสดแท้มาตลอดอายุของพ่อแม่ จนถึงวันที่ต้องส่งต่อนมกล่องคุณภาพ “นมวัวแดง”ก็ยังคงเป็นนมโคกล่องแรกที่พ่อแม่อยากให้ลูกได้คุ้นเคย
   “โดยเฉพาะอย่างยิ่งผมยังได้มารู้อีกว่า นมอ.ส.ค. เป็นโครงการที่ในหลวงท่านต้องการให้คนไทยได้มีนมคุณภาพดื่ม เพื่อสุขภาพที่ดี เป็นของดีที่ในหลวงอยากให้เราได้มีดื่มกันชั่วลูกชั่วหลาน ยิ่งทำให้เล้งเส็งของเราภาคภูมิใจยิ่งขึ้นที่จะนำของดี มีคุณภาพส่งต่อให้กับคู่ค้าจนถึงมือผู้บริโภคได้ดื่ม มันจึงทำให้พื้นที่ 3 จังหวัดที่ เล้งเส็งดูแลจึงไม่มีแบรนด์ไหนเข้ามาทำตลาดได้” สมหวังกล่าวด้วยความภูมิใจ
   วันนี้ห้างหุ้นส่วนเล้งเส็ง เติบใหญ่กลายเป็นบริษัท เล้งเส็งจำกัด ภายใต้การบริหารของสมหวัง ทายาทรุ่นที่ 3 ตัวแทนจำหน่ายที่อ.ส.ค.ภาคภูมิใจด้วยเช่นกันเพราะประหนึ่งน้ำมิตร ญาติสนิทที่ดูแลกันมาตั้งแต่ “นมวัวแดง” ตัดสายสะดือด้วยยอดขายสูงสุดตลอดกาลที่เล้งเส็งทำได้ในฐานะตัวแทนจำหน่ายเบอร์หนึ่งของ อ.ส.ค. ดูจะการันตี ความมุ่งมั่นภาคภูมิใจของสมหวังที่มีต่อ แบรนด์อ.ส.ค.ได้เป็นอย่างดี



   เช่นเดียวกับ ห้างหุ้นส่วนจำกัด พิษณุโลก  พีเอส เทรดดิ้ง ของ คุณภาณุพันธ์  บุนนาค ตัวแทนจำหน่ายที่เหนียวแน่นกับนมอ.ส.ค.มากว่า 10 ปี หลังเป็นทำธุรกิจค้าส่งให้กับ คอลเกตปาล์มโอลีฟ ยึดพื้นที่ภาคเหนือตอนล่าง มาตลอดระยะเวลา 30 ปี “ผมมาเป็นตัวแทนจำหน่ายให้กับนมวัวแดง เพราะเชื่อมั่นในคุณภาพนม 100% ของอ.ส.ค. ที่ไม่ผสมนมผง และยิ่งได้รับรู้ด้วยว่าเป็นโครงการที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ทรงพระราชทานให้กับคนไทย ผมยิ่งมีความภาคภูมิใจที่ได้เป็นตัวแทนจำหน่ายสินค้าดีให้กับผู้บริโภค แม้กำไรจะไม่มากแต่ผมก็ยินดีทำนะ เพราะนี่คือที่สุดของคนไทยแล้ว”
   คำยืนยันของภาณุพันธ์ คงการันตีด้วยจำนวนร้านค้าชุมชนกว่า 1,000 ร้านค้าในพื้นที่ภาคเหนือ  7 จังหวัด ประกอบด้วย พิษณุโลก สุโขทัย พิจิตร อุตรดิตถ์ เพชรบูรณ์ แพร่ และน่าน ที่เขาย้ำว่า การตลาดของนมยุคหลังที่มีแบรนด์นมพร้อมดื่มเกิดขึ้นมากมาย ยังไม่สามารถเจาะตลาดของเขาได้เลยสักที่เดียว เพราะร้านค้าชุมชนทุกที่ต่างตระหนักดีว่า นมวัวแดงของอ.ส.ค.คือนมคุณภาพจากนมโค 100% ไม่ผสมนมผงที่เขาสามารถวางใจให้ลูกหลานเขาดื่มได้อย่างสนิทใจ



   ในขณะที่คุณขจรศักดิ์   ชาวโพนทอง จากบริษัท ปโยสินพันธมิตรร่วมค้า จำกัด ตัวแทนจำหน่าย นมอ.ส.ค. เพียงอย่างเดียว ที่ดูแลพื้นที่ภาคกลาง ครอบคลุม สุพรรณบุรี อ่างทอง ชัยนาท และสิงห์บุรี มาร่วม 10 ปี พร้อมๆกับโครงการนมโรงเรียน ที่ตัดสินใจเข้าร่วมเป็นครอบครัวนมอ.ส.ค. เพราะมั่นใจในคุณภาพของนมกล่องแรกของคนไทย  “ผมดื่มนมวัวแดงมาตั้งแต่เด็ก ยิ่งได้ทราบว่าเป็นอาชีพที่ในหลวงทรงพระราชทานให้กับเกษตรกร ยิ่งเป็นความภาคภูมิใจ ถ้าผมขายได้มากเท่าไหร่ ผมก็ยิ่งช่วยเกษตรกรไทยได้มากเท่านั้นและเป็นนมที่ไม่ได้ผสมนมผง คนไทยจะได้ดื่มนมคุณภาพ ผมเชื่อว่าถ้าใครก็ตามได้มีโอกาสดื่มนมรสจืดดั้งเดิมกล่องสีน้ำเงินของอ.ส.ค.แล้วรับรองเขาต้องสัมผัสได้ว่ามันแตกต่างจากนมยี่ห้ออื่นๆในท้องตลาด”
    วันนี้ยอดขายของ ขจรศักดิ์ ปิดอยู่ที่ตัวเลข 8 หลัก นั่นยิ่งการันตีได้เป็นอย่างดีว่าผู้บริโภคส่วนใหญ่รับรู้ได้ถึงความแตกต่างระหว่าง นมแท้กับนมผสม และความภาคภูมิใจก็ต่างกันเมื่อได้ดื่มนมที่ได้รับการดูแลอย่างประคบประหงมของครอบครัว อ.ส.ค.ที่มุ่งมั่นจะส่งนมกล่องนี้ถึงมือผู้ดื่มด้วยหัวใจ
   และนี่คือกลยุทธ์ทำตลาดคลาสสิคที่แบรนด์นมพร้อมดื่มน้องใหม่ไม่สามารถตีตลาดของนมวัวแดงในแต่ละภูมิภาคแตกได้ เพราะนมกล่องนี้คือนมโคคุณภาพ 100% ของคนไทย ที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ทรงพระราชทานเพื่อคนไทยจะได้มีสุขภาพดีทัดเทียมกับนานาอารยประเทศ และทั้งหมดคือเหตุผลว่าทำไม “นมวัวแดง” จึงยังเป็นนมเบอร์ 1 ในหัวใจของคนไทยทุกคนนั่นเอง



+++++++++++++++++++++++++++++++++++++

นำเสนอข่าวโดยแผนกสื่อสารการตลาด ฝ่ายการตลาด
องค์การส่งเสริมกิจการโคนมแห่งประเทศไทย (อ.ส.ค.)
รายละเอียดสอบถามเพิ่มเติมได้ที่ คุณสาริณี แสงสุวรรณ
โทร 083-036-1848