กรมประมง น้อมรับพระราชดำรัสในหลวง แก้ปัญหาน้ำยั่งยืน จัดโครงการรณรงค์ “สร้างความตระหนัก รักษ์ รู้ สู้ภัยธรรมชาติด้านการประมง”
วันที่ 11 มิถุนายน 2555 กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ : กรมประมง น้อมรับกระแสพระราชดำรัส เร่งฟื้นฟูระบบนิเวศและทรัพยากรสัตว์น้ำบริเวณต้นน้ำ มุ่งสร้างวิถีเศรษฐกิจประชาชนให้แข็งแกร่ง จัดโครงการรณรงค์ “สร้างความตระหนัก รักษ์ รู้ สู้ภัยธรรมชาติด้านการประมง” เชิญชวนประชาชนร่วมงาน “ประมงรวมใจ รักษ์ รู้ สู้ภัยธรรมชาติ” ด้วยการสร้างความตระหนัก อนุรักษ์ และให้องค์ความรู้แบบครบวงจร พร้อมจัดมหกรรมปล่อยพันธุ์ปลาน้ำจืดกว่า 7 ล้านตัว คืนสู่แหล่งต้นน้ำครั้งยิ่งใหญ่ เชื่อมั่นพลิกฟื้นเศรษฐกิจช่วยเกษตรกรได้ในระยะยาว พร้อมชมนิทรรศการพระราชกรณียกิจ “พระอัจฉริยะกว้างไกล น้ำพระราชหฤทัยสู่ปวงประชา”, นิทรรศการด้านประมงน้ำจืดเชิงอนุรักษ์ และยุทธวิธีในการรับมืออุทกภัย จัดแสดงพันธุ์ปลานานาชนิดที่อาศัยอยู่ตามลุ่มน้ำยมและน่าน รวมทั้งพันธุ์สัตว์น้ำที่หาชมได้ยาก เต็มอิ่มกับการช้อปปิ้งผลิตภัณฑ์แปรรูปจากปลาน้ำจืด และลิ้มลองสุดยอดอาหารอร่อยปรุงจากปลานานาชนิด ตื่นตาตื่นใจกับความบันเทิงมากมาย ณ จังหวัดพิษณุโลก 23-24 มิถุนายนนี้
นายยุคล ลิ้มแหลมทอง ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กล่าวว่า เมื่อปลายปีที่ผ่านมาประเทศไทยประสบกับมหาอุทกภัยครั้งใหญ่ และสร้างความเสียหายทั้งด้านอุตสาหกรรมและการเกษตร โดยส่งผลต่อเศรษฐกิจของประเทศโดยรวม ซึ่งธนาคารโลกได้ประเมินมูลค่าความเสียหายเอาไว้สูงถึง 1.44 ล้านล้านบาท มีประชากรได้รับความเดือดร้อน มากกว่า 13 ล้านคน สิ่งที่น่าเป็นห่วงอย่างมาก นั่นก็คือ ความเสียหายในส่วนของพื้นที่การเกษตรได้รับความเสียหายถึงกว่า 11.60 ล้านไร่ โดยในด้านการประมง มีเกษตรกรได้รับความเสียหาย สูงถึง 130,731 ราย มีพื้นที่เพาะเลี้ยงสัตว์น้ำที่ได้รับความเสียหาย แบ่งเป็น บ่อปลา 215,531 ไร่ , บ่อกุ้ง/-ปู-หอย 53,557 ไร่ และกระชัง/บ่อซีเมนต์ 288,387 ตรม. ส่งผลให้สินค้าประมงน้ำจืด มีปริมาณลดน้อยลง และทำให้มีราคาในท้องตลาดสูงมากขึ้น
ความเสียหายที่เกิดขึ้น ไม่เพียงส่งผลกระทบต่อสภาวะเศรษฐกิจเท่านั้น แต่ยังส่งผลกระทบต่อระบบนิเวศวิทยาของแหล่งต้นน้ำ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ จึงน้อมรับกระแสพระราชดำรัสเหนือเกล้าเหนือกระหม่อม โดยกำหนดนโยบายสำคัญเร่งด่วนที่จะฟื้นฟูระบบนิเวศและทรัพยากรสัตว์น้ำจืด เพื่อลดผลกระทบต่อการดำรงชีพของเกษตรกรประมงน้ำจืดและประชาชน อันเนื่องจากผลกระทบจากมหาอุทกภัยที่เกิดขึ้นเมื่อปลายปีที่ผ่านมา อีกทั้ง ต้องการสร้างความตระหนักให้กับผู้เกี่ยวข้องกับการประมงทั่วประเทศ เห็นความสำคัญต่อการร่วมกันอนุรักษ์ระบบนิเวศและทรัพยากรสัตว์น้ำจืดอย่างจริงจัง อันจะนำมาซึ่งการฟื้นฟูระบบนิเวศ เพิ่มผลผลิตในแหล่งน้ำ และสร้างแหล่งอาหารทางธรรมชาติให้กลับคืนสู่ภาวะปกติโดยเร็ว
กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โดยกรมประมง จึงได้จัด โครงการรณรงค์สร้างความตระหนัก รักษ์ รู้ สู้ภัยธรรมชาติด้านการประมง โดยมีวัตถุประสงค์ที่จะรณรงค์สร้างความตระหนักให้กับประชาชน ได้มีความรู้และแนวทางที่จะอนุรักษ์ระบบนิเวศและทรัพยากรสัตว์น้ำจืดให้คงอยู่อย่างยั่งยืน พร้อมทั้งพัฒนาเกษตรกรเลี้ยงปลาน้ำจืดให้มีผลผลิตที่ดีและสมบูรณ์มากยิ่งขึ้น ยิ่งไปกว่านั้น เพื่อช่วยสร้างความมั่นใจให้ประชาชน สามารถรับมือภัยธรรมชาติที่อาจเกิดขึ้นอีกในอนาคต โดยจะจัดงาน รณรงค์และประชาสัมพันธ์เชิญชวนให้ประชาชน ได้มีส่วนร่วมในการฟื้นฟูระบบนิเวศต้นน้ำและสร้างแหล่งอาหารอย่างยั่งยืน ภายใต้ชื่องาน “กรมประมงรวมใจ รักษ์ รู้ สู้ภัยธรรมชาติ” ณ สวนชนน่าน จังหวัดพิษณุโลก ระหว่างวันที่ 23 -24 มิถุยายน 2555 นี้
สำหรับการจัดงาน “กรมประมงรวมใจ รักษ์ รู้ สู้ภัยธรรมชาติ” จะมีกิจกรรมต่าง ๆ มากมาย ที่น่าสนใจ อาทิ
• จัดแสดงนิทรรศการพระราชกรณียกิจ“พระอัจฉริยะกว้างไกล น้ำพระราชหฤทัยสู่ปวงประชา” ด้วยสายพระเนตรที่ยาวไกลและน้ำพระราชหฤทัยที่ใส่ใจในพสกนิกรของพระองค์ และพระอัจฉริยภาพด้านการประมง
• จัดแสดงนิทรรศการการให้องค์ความรู้ด้านประมงแบบครบวงจร และประมงเชิงอนุรักษ์
• จัดแสดงนิทรรศการการให้องค์ความรู้และเตรียมความพร้อมรับมือภัยพิบัติหากเกิดขึ้นอีก
• จัดแสดงปลาน้ำจืดหลากหลายสายพันธุ์ที่อยู่คู่ลุ่มน้ำยมและลุ่มน้ำน่าน และการเผยแพร่ความรู้และเคล็ดลับการเลี้ยงประมงน้ำจืดเพื่อให้ขายได้ราคาดี ด้วยต้นทุนต่ำ
• การประกวดความคิดสร้างสรรค์ด้านการอนุรักษ์ระบบนิเวศต้นน้ำ และทรัพยากรสัตว์น้ำในระดับชุมชน นักศึกษา และเยาวชน
“นอกจากนี้ ยังได้เปิดพื้นที่โดยไม่คิดค่าใช้จ่ายใดๆ เพื่อให้กลุ่มเกษตรกรชาวประมง ได้ออกร้านจำหน่ายผลิตภัณฑ์แปรรูปปลาน้ำจืดจากภูมิปัญญาไทย ลิ้มรสหลากหลายเมนูเด็ดปลาน้ำจืดรสเลิศ ที่ขึ้นชื่อเรื่องความอร่อย และสินค้าเพื่อลดค่าครองชีพมาจัดจำหน่ายให้ประชาชนที่เข้าร่วมชมงานได้จับจ่ายอย่างเต็มอิ่ม อีกทั้ง ยังมีกิจกรรมที่จะสร้างความสนุกสนาน ผสานความคิดสร้างสรรค์ให้กับผู้เข้าร่วมชมงาน อาทิ การแข่งขันจับปลามือเปล่า ใครจับปลาได้ก็นำกลับบ้านไปได้ การสาธิตการแปรรูปปลาน้ำจืดเพื่อเพิ่มมูลค่า สร้างรายได้เสริม และการแข่งขันกินปลาน้ำจืด เป็นต้น” นายยุคล กล่าวและเพิ่มเติมว่า
กิจกรรมหลักที่สำคัญของงาน “กรมประมงรวมใจ รักษ์ รู้ สู้ภัยธรรมชาติ” ก็คือ ผู้นำชุมชน ตัวแทนจากสถาบันการศึกษา ตัวแทนจากองค์กรบริหารส่วนท้องถิ่น และประชาชน จะร่วมกันปล่อยพันธุ์ปลานานาชนิดกลับสู่แม่น้ำน่าน เพื่อเพิ่มผลผลิตแหล่งอาหารและฟื้นฟูระบบนิเวศต้นน้ำ จำนวน 3 ล้านตัว หลังจากนั้น จะไปปล่อยพันธุ์ปลาที่จังหวัดสุโขทัย อีกจำนวน 2 ล้านตัว และจังหวัดพิจิตร อีกจำนวน 2 ล้านตัว รวมแล้วกว่า 7 ล้านตัว โดยพันธุ์สัตว์น้ำที่ปล่อย ประกอบด้วย ปลาตะเพียน, ปลาบู่, ปลากระโห้ปลายี่สกไทย, ปลาดุกด้าน, ปลากาดำ, ปลากดเหลือง, ปลาหมอไทย, ปลาเทโพ และกุ้งก้ามกราม เป็นต้น ซึ่งล้วนเป็นพันธุ์สัตว์น้ำที่มีความสำคัญต่อระบบนิเวศวิทยาและเศรษฐกิจในวิถีชุมชน ทั้งนี้ คาดว่าอนาคตข้างหน้า พันธุ์สัตว์น้ำเหล่านี้ จะเพิ่มปริมาณและผลผลิตคืนสู่แหล่งน้ำธรรมชาติในระยะยาว ได้อย่างน้อย 1,000-1,300 ตัน ต่อปี
ยิ่งไปกว่านั้น การจัดโครงการรณรงค์สร้างความตระหนัก รักษ์ รู้ สู้ภัยธรรมชาติด้านการประมง ยังถือเป็นศูนย์รวมใจของประชาชนในอีกภาคส่วนหนึ่ง ที่จะได้มีโอกาสแสดงความจงรักภักดีและน้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณ โดยถวายเป็นราชสักการะแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 84 พรรษา และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ 80 พรรษา ในคราวเดียวกัน ทั้งนี้ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โดยกรมประมง มีความมั่นใจว่า โครงการรณรงค์สร้างความตระหนัก รักษ์ รู้ สู้ภัยธรรมชาติด้านการประมง จะได้รับความสนใจจากประชาชนเป็นอย่างดี ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความจริงจังในการร่วมมือกันระหว่างภาครัฐกับประชาชน ตลอดจนเกษตรกรต่างๆ ในการอนุรักษ์ทรัพยากรสัตว์น้ำให้มีใช้อย่างยั่งยืน เพื่อคืนสภาพคล่องด้านเศรษฐกิจที่ดียิ่งขึ้นทั้งระบบต่อไป นายยุคล กล่าวสรุปในที่สุด